23 มกราคม 2553

การบินไทยสายการบินแห่งชาติที่บรรพบุรุษไทยสร้างไว้ให้


การบินไทยสายการบินแห่งชาติที่บรรพบุรุษไทยสร้างไว้ให้กับแผ่นดินและคนไทยจะสามารถดำรงคงอยู่ต่อไปได้หรือไม่   สายการบินแห่งชาติสายนี้เคยเป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศและคนไทยมาช้านาน เคยเป็นรัฐวิสาหกิจที่สร้างรายได้ให้กับแผ่นดินจำนวนมากในแต่ละปี เป็นหน้าเป็นตาและเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติมาเป็นเวลาช้านานแต่สิ่งเหล่านี้มันได้สิ้นสลายไปแล้ว ที่เด่นชัดก็คือหมดสิ้นไปตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา    นักการเมืองโคตรโกงได้ถือเอาสายการบินแห่งชาติสายนี้เป็นแหล่งทำมาหากินในการปล้นสะดมชาติและประชาชนยกวงศาคณาญาติและพวกพ้องเข้ามายึดครองครอบงำและปล้นสะดมสายการบินแห่งชาตินี้อย่างครึกโครมและอำมหิตที่สุดทั้งปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ไปพร้อมกัน
      
ไอ้โจรชุดนั้นตั้งสายการบินแห่งชาติเพิ่มขึ้นมาอีกสายหนึ่งเป็นสายการบินประเภทต้นทุนต่ำแล้วให้อภิสิทธิ์มากหลาย อิงแอบเกาะกินเอาเลือดเนื้อของสายการบินแห่งชาติเดิมไปเป็นของสายการบินแห่งใหม่   ใช้ทรัพยากรอันมีค่าของสายการบินเดิมรวมถึงเส้นทางบินที่มีรายได้ดีถูกผ่องถ่ายไปให้สายการบินใหม่ โอนย้ายทรัพยากรบุคคลที่มีฝีมือไปสายการบินใหม่และเบียดบังเบียดเบียนเพื่อสนับสนุนสายการบินใหม่โดยใช้รายจ่ายของสายการบินเก่าส่งเสริมให้สายการบินใหม่เติบโตมีกำไรอย่างเป็นล่ำเป็นสันและบอนไซสายการบินเก่าให้ผอมโซแห้งเหี่ยวเพื่อให้ล้มละลายตายไปในที่สุดแล้วจากนั้นก้ทำการจนสายการบินใหม่เข้มแข็งเกรียงไกรแล้วก็ผ่องถ่ายขายให้กับต่างชาติเพื่อฆ่าเจ้าทรัพย์   ส่วนทรัพย์ที่ถูกปล้นไปก็คือสายการบินแห่งชาติก็มีการทุจริตฉ้อฉลปล้นสะดมอย่างครึกโครมยิ่งกว่ายุคไอ้เสือนั่น    ตั้งแผนการซื้อเครื่องบินทั้งที่รู้ว่าขาดทุน แต่สร้างตัวเลขเป็นกำไรเพื่ออ้างเป็นเหตุผลในการซื้อเครื่องบินราคาแพงโดยมีเงินใต้โต๊ะตกหล่นแก่นักการเมือง  มีเครื่องบินร้อยพ่อพันแม่ สารพัดยี่ห้อ สารพัดแบบ สารพัดรุ่น การดำรงสต็อกอุปกรณ์อะไหล่จึงมากมายมหาศาลยิ่งกว่าสายการบินใดในโลก เจ๊งนับหมื่นล้านในเวลาแค่ปีเดียวและเกิดผลเสียหายต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้  ก็ในเมื่อกระบวนการจัดซื้อทุกเรื่องทุกระบบทุกรายการแพงลิบลิ่วจากการเรียกเงินใต้โต๊ะเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองในอัตราสูงลิ่วถึง 35-40% การจัดหาทั้งปวงจึงได้ของเลวราคาแพงจนเป็นที่เสื่อมเสียและเป็นที่ครหานินทา  ทุจริตในการเก็งราคาน้ำมันและในการฉ้อฉลจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินจากการจำหน่ายตั๋วในต่างประเทศจนเกิดผลขาดทุนปีละนับหมื่นล้านบาท     นักการเมืองโกงได้ ผู้บริหารก็โกงได้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็โกงได้เกิดลัทธิเอาอย่างในการโกงและปล้นสะดมสายการบินแห่งชาตินี้อย่างคึกคักครึกโครม  มีการเล่นพรรคเล่นพวก สับเปลี่ยนโยกย้ายพนักงานโดยไม่เป็นธรรมอย่างทั่วด้านเพื่อปกปิดข้อมูลและปิดหูปิดตาประชาชนและส่งเสริมสนับสนุนให้พวกพ้องของผู้มีอำนาจเข้าเสวยสุขและครองตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างทั่วด้าน

สุดท้ายบิ๊กบินไทยต้องยอมไขก๊อกเพราะถูกกระเป๋าทับ วัลลภ พุกกะณะสุตประธานกรรมการบริหารบริษัทการบินไทยได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากทุกตำแหน่งที่เกี่ยวกับการบินไทยทั้งในตำแหน่งกรรมการ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการสายการบินนกแอร์เหตุเพราะแสดงความกร่างขนกระเป๋าสัมภาระขัดระเบียบการบินไทยจากญี่ปุ่น ไม่เสียภาษีศุลกากร ใส่ตัวเลขน้ำหนักปลอม ถูกร้องเรียนว่ากระทำมาหลายครั้งมาตั้งสองสามปีแล้วจึงได้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนกรณีขนสัมภาระน้ำหนักถึง 398 กิโลกรัมเกินพิกัดน้ำหนักตามสิทธิของผู้โดยสารในเที่ยวบินทีจี 677 ญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ  การลาออกของนายวัลลภครั้งนี้เพื่อแสดงสปิริต ความรับผิดชอบ   กระนั้นคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจะทำงานต่อไปโดยจะสรุปผลการสอบสวนเสนอต่อบอร์ดเพื่อหาตัวผู้ทำผิด และหาผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น  อย่าให้เป็นเพียงแค่ตัดตอนความรับผิดชอบเลย

ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าวัลลภ พุกกะณะสุต จารุวรรณ พุกกะณะสุต และพิมใจ มัตสุโมโตได้นำสัมภาระมาเช็คอินรวม ( Pool Check-in) ภายใต้รหัส PL 0125 โดยมีสัมภาระ 30 ชิ้น น้ำหนัก 398 กิโลกรัม ขณะที่ได้รับสิทธิ์รวมกันที่ 170 กิโลกรัม จึงมีการขนสัมภาระเกินสิทธิ 228 กิโลกรัม ส่วนพฤทธิ์ บุปผาคำรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์แยกเช็คอินสัมภาระ 10 ชิ้น น้ำหนัก 113 กิโลกรัมจากสิทธิขนสัมภาระ 40 กิโลกรัม เกินสิทธิ์ 73 กิโลกรัมโดยไม่ปรากฏหลักฐานการอนุมัติน้ำหนักสัมภาระตามระเบียบบริษัทฯ   นอกจากนี้ยังพบมีการแก้ไขน้ำหนักสัมภาระภายหลังที่เครื่องบินออกไปแล้วของกลุ่มวัลลภจาก 398 กิโลกรัม เหลือ 198 กิโลกรัม และ 172 กิโลกรัม ส่วนของพฤทธิ์แก้ไขจาก 113 กิโลกรัม เหลือ 63 กิโลกรัม และ 51 กิโลกรัม แต่ยืนยันว่าการขนสัมภาระเกินไม่กระทบต่อความปลอดภัยทางการบินในเที่ยวบินดังกล่าวเนื่องจากยังมีความสามารถรับน้ำหนักเหลืออีกถึง 10,479 กิโลกรัม  บินฟรี ขนฟรี กินฟรี แถมห่อหลับบ้านได้อีกเยอะ ยังสามารถโกงและขนให้ฟรีได้อีก ยังไม่มีใครตาย ยังไม่ได้มีใครเสียหายสักหน่อยนี่นา

คนการบินไทยระดับล่างๆไม่ใช่เป็นคนที่ทำให้การบินไทยเจ๊ง การบินไทยเป็นแหล่งหากินของนักการเมืองจริงๆ  นักการเมืองที่ผลัดกันเข้ามาหาผลประโยชน์ของการบินไทยต่างหากที่ทำให้การบินไทยเสียหาย  รายได้ควรจะได้มากกว่านี้หากไม่โกงกินกัน ซื้อเครื่องบินที่ไม่เคยเหมาะกับเส้นทางการบินของตัว ขอให้ได้เงินใต้โต๊ะ คอมมิชชั่นเป็นพอ  แถมยังส่งพวกผุ้บริหารโง่ๆที่ไม่มีความรู้เรื่องการบินเข้ามาคุมการบินไทยอีก เช่นเนวิน ชิดชอบซากเน่าบ้านเลขที่ 111 แกนนำพรรคภูมิใจไทยซึ่งส่งให้วัลลภเข้าไปเป็นบอร์ดการบินไทย ส่งเข้ามาได้ก็สั่งให้ออกได้  กบ สภาพัฒน์เองก็เถิดข้ามห้วยจากกระทรวงเกษตรมาสภาพัฒน์ได้อย่างไร

แม้ว่าการแสดงความรับผิดชอบและการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ต้องรับผิดชอบในแวดวงการเมืองและการบริหารรัฐกิจไทยในช่วงปีที่ผ่านมานั้นมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  แต่ยังไม่ดีพอ  เลขาฯสภาพัฒน์อำพน กิตติอำพนในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทการบินไทยแค่คิดเป็นค่าปรับ 20 เหรียญต่อกิโลกรัม วัลลภได้ลาออกไปแล้วก็เลยยกเลิกการพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรม เอ้า แล้วไอ้สองปีกว่านั่นมันไม่ต้องรับผิดชอยเหรอ กรณีลักลอบขนสินค้าหนีภาษีศุลกากรเข้าในราชอาณาจักรไทยอีกเล่า    ถ้าจะปรับหรือเรียกค่าเสียหายก็ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน  ไม่ต้องหาผู้รับผิดชอบต่อการกระทำความผิดในการแก้ตัวเลขน้ำหนักสัมภาระนี้ด้วยหรือ หากเป็นการสั่งการ จ้างวาน หรือบงการของวัลลภ วัลลภก็ก็ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไร   การบินไทยควรจะเปิดเผยข้อมูลและข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบกรณีเหล่านี้สู่สาธารณะอย่างครบถ้วนเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้และมั่นใจในการบริหารที่มีธรรมาภิบาลของการบินไทยที่อาศัยสิทธิการบินของประเทศไทย  นอกจากการที่การบินไทยต้องเสียผลประโยชน์แล้วยังอาจกระทบต่อความปลอดภัยการบินของประชาชนในฐานะผู้บริโภค

การประมวลจริยธรรมที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งจะมีผลต่อความผิดด้านจริยธรรม กรณีพนักงานหรือกรรมการการบินไทยกระทำผิดจริยธรรมจะหมายถึงกระทำผิดทางวินัยด้วย การประมวลจริยธรรมใหม่จะกำหนดระเบียบการร้องเรียน ขั้นตอนตรวจสอบและบทลงโทษ ตั้งแต่หักเงินเดือนถึงไล่ออก ซึ่งจะบังคับใช้กับพนักงานทุกระดับ

โค้กญี่ปุ่นสี่ห้าลัง เนื้อโกเบ น้ำแร่ฝรั่งเศสจากผู้รับสัมปทานด้านอาหารการบินไทยอาจจะมอบให้ด้วยเสน่หา หรืออาจจะมีผลประโยชน์แอบแฝง  ผลไม้ที่เอามาถวายวัดจากแดนไกลก็ไปหลอกพระเอาใบอนุโมทนาบัตรมาแสดง   ความหรูหรา อู้ฟู่ และตัณหาของวัลลภและหรือผู้บริหารระดับรองผู้อำนวยการอาจจะส่งผลให้คนเหล่านั้นได้เกาะกินผลประโยชน์จากการบินไทยไปอีกนาน แต่ถึงแม้วัลลภจะตัดตอนความรับผิดชอบไปแล้ว ก็สมควรที่จะยังต้องรับกรรมที่ตนเองก่อด้วย

การบินไทยจะขอกระทรวงการคลังให้กู้เงินวงเงิน 7.3 พันล้านบาทนำมาปล่อยกู้ต่อให้กับบริษัทเพื่อนำมาจ่ายค่าเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ที่จะสั่งซื้อใหม่เพื่อทดแทนเครื่องบินที่กำลังจะปลดระวางในปี 53   แว่วมาว่าเครื่องเก่าพวกนี้เกิดจากการลองของส่งไปซ่อมที่อื่นแล้วไม่สามารถ จึงจำเป็นต้องซื้อมาประจำการใหม่เพื่อเอายอดคอมมิสชันมาชดเชยเงินที่หายไปจากการซ่อมครั้งนี้ด้วย  กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่กลับตีแผนการที่จะให้กระทรวงการคลังกู้เงินจำนวน 7.3 พันล้านบาทให้นั้นกลับมาทำให้แผนล่าช้าออกไปประมาณ 2 เดือน แต่การบินไทยบอกไม่ใช่นัยสำคัญต่อแผนการโดยรวม  แค่แผนสำรอง หากแผนหลักไม่ทันเวลา แผนหลักที่ได้ดำเนินการจัดเตรียมการขอกู้เงินระยะยาวไว้กับสถาบันการเงินและได้รับการยืนยันการให้กู้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอ ECA อนุมัติค้ำประกันการกู้เงินจึงคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดและไม่มีปัญหาแต่อย่างใด    การบินไทยคาดว่าในปี 2553 จะมีกำไรก่อนหักภาษีและอัตราแลกเปลี่ยนที่ 4.3 พันล้านบาทในปี 53 นี้และจะต้องดำเนินการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมอีก

การบินไทยที่สร้างมาจากภาษีคนไทยแต่คนไทยถ้าไม่รวย นั่งไม่ได้หรอกแพงชิบ  เชื่อว่ากระทรวงการคลังทำถูกต้องแล้ว อย่าได้ยืนมือเข้าไปช่วยเลย  ปล่อยให้บริหารกันเอง การบินไทยก็บอกว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ต้องทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นแต่เวลากู้มาขอเงินภาษีของคนไทยทุกคน ทุกวันนี้ผู้ถือหุ้น 50% นั่งรอรับแต่ผลประโยชน์  รัฐน่าจะได้เอากลับมาเป็นของรัฐอย่างเดิม เป็นสายการบินแห่งชาติ เป็นสายการบินของคนไทยทุกคน เอาคำว่าบริษัทมหาชนออกไป

โสภณ ซาเล้งยังเสนอหน้าโวแก้ปัญหาการบินไทยพ้นขาดทุนจากการไล่จี้ เข้มงวดและมีการตรวจสอบทุกเรื่องรวมถึงนโยบายการย้ายเที่ยวบินของการบินไทยจากสนามบินดอนเมืองไปที่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่ายแต่ไม่บอกว่าขอให้ผู้ใช้บริการการท่ฯและสายการบินต่างๆใช้บริการของคิงส์พาวเวอร์ให้มาก จะได้มีเรื่องอ้างเพื่อขออนุมัติขยายสนามบินมากินต่ออีกรอบ

ด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย การระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมถึงราคาน้ำมันที่ผันผวนและปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินทั่วโลก อยู่ในภาวะที่ผกผัน ทั่วโลกมีหลายสายการบินที่จะต้องปิดตัวเองลงหรือไม่ก็ต้องรวมกิจการกับสายการบินอื่น  ล่าสุดเป็นข่าวสะเทือนขวัญสะท้านโลกเจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป (JAL) สายการบินรายใหญ่สุดของญี่ปุ่นก็ได้ประสบชะตากรรมประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักและได้ยื่นล้มละลายต่อศาลแล้ว  สำหรับธุรกิจการบินของไทยที่นอกจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวกล่าวแล้วยังมีปัจจัยภายในส่งผลกระทบให้กับสายการบินในประเทศอย่างมาก ปลายปี 52 ที่ผ่านมาสายการบินพีบีแอร์ ได้ขอหยุดการบินเป็นการชั่วคราว ส่วนกลุ่มโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ ทั้งแอร์เอเชียวันทูโก หรือแม้กระทั่งนกแอร์ที่มีบริษัทแม่อย่างการบินไทยคอยอุ้มชูดูแลยังแทบกระอัก   เจแปนแอร์ไลน์เป็นสายการบินแห่งชาติของญี่ปุ่นเป็นเกียรติศักดิ์ศรีของญี่ปุ่นมาเป็นเวลาช้านาน เป็นสายการบินขนาดใหญ่ที่สุดสายหนึ่งของโลก     เป็นสายการบินที่มีเครื่องบินทันสมัยเป็นจำนวนมาก มีการบริหารจัดการที่ทันสมัยและกว้างไกลที่สุดสายการบินหนึ่งของโลก   เป็นสายการบินที่มีสินทรัพย์และมีรายได้แต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาลไม่ห่างกันเท่าใดกับงบประมาณรายได้รายจ่ายประจำปีของประเทศไทยแต่สายการบินยักษ์ใหญ่ระดับนี้ก็ได้ขอล้มละลายไปเรียบร้อยแล้ว

"ฐานะทางการเงินของบริษัทขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ดี เพราะได้ผ่านจุดวิกฤติที่สุดไปแล้วเมื่อกลางปี 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่เดือนก.ย.2552 สถานการณ์เริ่มดีขึ้น และเดือนพ.ย.-ธ.ค.2552 อัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 75% ประกอบกับการลดสัดส่วนการขายตั๋วโดยสารในกลุ่มราคาถูกลง ส่งผลทำให้ผลประกอบการในปี 2552 มีกำไรแน่นอนจากช่วง 9 เดือนแรกที่ยังขาดทุน" ดีดีใหม่ไฟแรงอย่างปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ระบุ



20 มกราคม 2553

ไปสร้างพิพิทธภัณฑ์คอร์รัปชันกันดีไหม



ให้เข้าใจตรงกันเสียก่อนว่าตักขี้ กินชะมัดเสื่อมลงๆ  คนทั่วๆไปรู้เช่นเห็นหาง รู้จักธาตุแท้มากขึ้นเรื่อยๆ คนที่อยู่รอบๆข้างก็นะ สังคมชิงชังเอือมระอาในความเคลื่อนไหวมาตั้งนานแล้ว อย่าง 3 เกลอหัวครก ขบวนการแดงป่วนเมือง  ทหารแก่ขายชาติ ทหารแก่ขายตัว ทหารกุ๊ยอันธพาล อัลไซเมอร์จิ๋ว หน้าปลาตีน, เฉ ลิม อยู่ทำไม, พัลลภที่ใช้รองเท้ากอล์ฟเก่าๆมาจ้างไปทำงานให้ได้, เศษ.แดงนายพลกุ๊ยข้างถนน  ไม่แต่ทหารบางคนเท่านั้น ตำรวจ ข้าราชการพลเรือนแม้แต่อดีตผู้พิพากษา    แทนที่คนพวกนี้จะใช้ชีวิตอยู่เงียบๆในบั้นปลายกลับยังหลงตัวเอง สำคัญตัวเองผิด  ยอมไปรับใช้คนเช่นนั้นได้

ในปี 43 ตลาดหุ้นสหรัฐพังทลายรุนแรง ไทยเองก็ย่ำแย่ต้องลอยค่าเงินและเข้าโครงการไอเอ็มเอฟ ผู้คนคาดหวังมากกกกกกกกกกับการมาของรัฐบาลตักขี้  คนเหล่านี้พาซื่อต่างก็ล่ารายชื่อมาสนับสนุนให้ตักขี้ได้หลุดพ้นคดีซุกหุ้น ตักขี้ได้รับชัยชนะในคดีซุกหุ้นแต่คงไม่ได้เป็นเพราะรายชื่อพวกนี้แต่คงเป็นความสามารถเฉพาะตัวของตักขี้เสียมากกว่า  ภายหลังคนซื่อกลุ่มนี้ต่างๆก็ผิดหวังในการบริหารประเทศที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อชาติ ตักขี้ได้ใช้อำนาจหน้าที่หาแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง   หลังจากนั้นไม่เท่าไรเศรษฐกิจไทยดีขึ้นแต่ไม่ได้เกิดจากฝีมือตักขี้ เพียงแต่ตักขี้เพียงสวมรอยแอบอ้างว่าว่าเป็นฝีมือตน  คดีซุกหุ้นภาค 1 คนไทยจำนวนมากยังเชื่อว่า คนรวยขนาดนี้ ไม่โกง เสียงข้างมาก 8 ต่อ 7 ว่าตักขี้ไม่ได้ซุกหุ้น   4 ปีต่อมานายแก้วสรร อติโพธิ ส.ว.กรุงเทพฯ ในขณะนั้นยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของตักขี้สิ้นสุดลงมติด้วยคะแนน 8 ต่อ 6 ไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย

ตักขี้สวมรอยบอกว่าเพราะความเชื่อมั่นในรัฐบาลค่าเงินบาทจึงแข็งขึ้น ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศก็สูงขึ้น ตลาดหุ้นก็สูงขึ้น      จากประโยชน์ที่เงินทุนไหลเข้าประเทศ ตักขี้เลือกที่จะใช้หนี้ไอเอ็มเอฟให้หมดก่อนกำหนดเป็นเวลา 2 ปีเพื่อนำมาเป็นข่าวดีประกอบการหาประโยชน์ส่วนตน  ตลาดหุ้นถูกลากขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ตักขี้และพวกพ้องได้ประโยชน์จากตลาดหุ้นมากมาย       เพราะราคายางพาราทั่วโลกสูงขึ้นเป็นไปตามกลไกตลาด   ราคาสินค้าเกษตรต่างๆจึงสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน   ในตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกมีจุดสูงสุดใหม่ตลอดเวลาซึ่งต่างไปจากในช่วงปลายสมัยอำนาจร้ายของตักขี้  พนักงานรัฐวิสาหกิจต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจตักขี้ขึ้นเงินเดือนให้ 50 เปอร์เซ็นต์และให้พนักงานกู้เงินมาจองซื้อหุ้นได้อีก ผลร้ายของการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็เช่น ปตท.ที่มีธุรกิจด้านพลังงานเข้าตลาดหุ้นแล้วกลับมาขูดรีดประชาชนทั่วประเทศผ่านค่าการกลั่นและราคาขายหน้าปั๊มส่งผลให้ค่าขนส่ง ค่าเดินทาง ค่าไฟฟ้า ค่าความเป็นอยู่สูงขึ้น  เมื่อมันสูงขึ้นแล้ว ยากที่จะทำให้มันลดลงได้ยกตัวอย่างเช่น ค่ารถเมล์เพิ่มขึ้นจาก 3.50 มาเป็น 7-8 บาท เป็นต้น เรื่องที่ต้องระวังก็เงินเฟ้อ   อสมท เข้าตลาดหุ้น อสมทขึ้นราคาค่าโฆษณา ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นไปอีก

ในยุคที่ตักขี้เรืองอำนาจ สื่อถูกแทรกแซงหลายต่อหลายครั้ง   นักการเมืองมาแล้วก็ไป  ส่วนสื่อจะต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อไปและต้องอยู่อย่างเสือ  คนใกล้ชิดของตักขี้บอกใครๆหลังไมค์ว่าตักขี้จะใช้เงินแค่ 5 พันล้านบาทก็สามารถซื้อเสียงได้ส.ส.เป็นกอบเป็นกำและเป็นนายกรัฐมนตรีได้ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นๆจริงๆ     ในสมัยนั้นพรรคการเมืองที่มีอยู่ยังใช้ไม่ถึงพันล้านเลย  หลังจากที่ตักขี้ได้เป็นนายกฯไม่นาน ตักขี้ก็รวยเอ้ารวยเอา จากเงินพันล้านเพิ่มเป็นหมื่นล้านและขึ้นถึงแสนล้านเก็บซ่อนกระจายอยู่มากมายในหลายต่อหลายที่  เวลานี้บ้านเมืองของเรากำลังมีนักธุรกิจและนักการเมืองอีกหลายคนเอาการทำเงินของตักขี้เป็นเยี่ยงอย่าง    แค่คนใจรันพวกนี้ใช้เงินไปกวาดซื้อส.ส.ซื้อพรรคการเมืองมารวมเป็นพรรคเดียวแล้วส่งลงสมัครรับเลือกตั้งพร้อมกับใช้เงินซื้อเสียงเพียงเท่านี้ก็ได้ส.ส.ตามที่ต้องการและยังสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ เมื่อพวกมันมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารจัดการประเทศได้โดยไม่มีองค์กรอิสระใดๆมาเป็นมารคอหอย    

การเมืองแบบนี้เป็นการเมืองเบ็ดเสร็จ ทำลายโครงสร้างประชาธิปไตยเสมือนเป็นรูปแบบการเมืองแบบใหม่ที่เรียกได้ว่าเผด็จการทุนนิยมในเสื้อคลุมประชาธิปไตย    ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตักขี้ได้ใช้อำนาจบริหารเข้าไปเอื้อผลประโยชน์ให้กับตัวเองและครอบครัวจนร่ำรวยมหาศาล มีอิทธิพลอำนาจสามารถคอรัปชั่นเชิงนโยบายได้ วางแผนซุกหุ้นหลีกเลี่ยงกฎหมาย ซ่อนไว้คอยรับผลประโยชน์ที่จะแปลงอำนาจในตำแหน่งทางการเมืองมาเพิ่มให้ เช่น ลดค่าสัมปทาน, แก้กฎหมาย ฯลฯ พอทำเช่นนั้น ราคาหุ้นก็เพิ่มขึ้น มูลค่าทรัพย์สินก็มากขึ้น  หน้าด้านมากหน่อย ก็ถึงกับใช้อำนาจรัฐ แก้กฎหมาย เพื่อให้ตัวเองสามารถขายหุ้นได้ทั้งหมดด้วย      รากหญ้าแท้ รากหญ้าเทียม รากหญ้าสู้แล้วรวย ชาวบ้านร้านช่องได้แต่นั่งมองตาปริบๆ  แค่นั่งขายข้าวมันไก่อยู่หน้าบ้านยังมีคนมานั่งชวนคุย ช่วยนับจานให้ เปล่า คนที่มานั่งคุยด้วยไม่ได้ใจดี มีน้ำใจหรืออะไร มันมานับจานเพื่อเอาไปคิดภาษีมารีดเลือดปูนั่นเป็นไร   ชาวบ้านในยุคตักขี้นั้นไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด ต่างก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า เดือดร้อนด้วยค่าปัจจัยสี่ที่สูงขึ้น ค่าความครองชีพที่สูงขึ้น ความสุขของชาวบ้านที่เกิดขึ้นเป็นเพียงวาจาโฆษณาชวนเชื่อลมๆแล้งๆเท่านั้น

บัดนี้กรณีซุกหุ้นภาค 3 ศาลมีคำพิพากษาออกมาแตกต่างจากเมื่อครั้งที่ตักขี้ยังครองอำนาจอยู่  ประเด็นรอบนี้มีอยู่ว่าตักขี้ซุกหุ้นหรือไม่ ในเวลาเป็นนายกรัฐมนตรีควบคู่กับเป็นเจ้าของชินคอร์ป เอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ปส่งผลให้รัฐเสียหายด้วยการแปลงสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นภาษีสรรพสามิตเป็นการกีดกันระบบโทรคมนาคมเสรีอย่างแท้จริงอย่างแยบยล    ตักขี้และวงศ์วานว่านเครือพวกมันคิดเข้าข้างตัวเองเต็มๆ   คนพวกนี้ล้วนเป็นหนี้เป็นสิน ทำอะไรก็เจ๊ง แลกเช็คก็เด้ง พี่-น้อง...กันเอง ก็ยังทะเลาะกัน  แต่พอกราบคลานเข้าหาบุรุษเสื้อคับ   ก็ทำให้ชีวิตพลิกผัน  อะไรต่ออะไรก็ดีขึ้น...เรื่อยๆ     มีเงิน ก็มีอยาก   มีอยากก็อยากมีอำนาจ   มีอำนาจก็ปกป้องธุรกิจในเครือ  เมื่อตัวเองมีอำนาจก็ให้คนอื่นกราบคลานเข้ามาหาตัวเองเหมือนกัน  ตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาสังคมได้ให้โอกาสคนพวกนี้มานานมากกกกกกกกกกแล้ว   ครอบครัวนี้เคยคืนโอกาสที่ดีให้กับสังคมไทยบ้างหรือไม่

อดีตนายกฯ คนหนึ่งถึงกับเคยประกาศในช่วงสงครามยาเสพติดว่าพวกผู้ค้ายา เมื่อมันตายแล้วก็ต้องยึดทรัพย์มันด้วย ผู้เกี่ยวข้องมีโอกาสต่อสู้คดีแต่เพียงช่องทางเดียวคือพิสูจน์ให้ศาลเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเท่านั้น แต่แน่นอนย่อมไม่มีช่องทางที่จะขอแบ่งเงินบางส่วนคืน  หะแรกยังมีความเชื่อว่าอาจมีการตัดสินยึดทรัพย์ของตักขี้เพียงแค่บางส่วนนอกเหนือจากที่ได้เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินเอาไว้กับป.ป.ช. ส่วนที่งอกออกมาภายหลังน่าจะริบคืนแต่นับวันความคิดดังกล่าวเริ่มหายไป การไม่ยึดทรัพย์ตักขี้ไว้ก็ย่อมจะเกิดความเสียหายต่อชาติอย่างใหญ่หลวงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและความชอบธรรมขององค์กรต่างๆที่ตั้งขึ้นมาหลังการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549 องค์กรเหล่านี้จะถูกปรามาสว่าเป็นองค์กรที่ไม่เอาไหน ยึดอำนาจตักขี้เพียงเพราะอิจฉาริษยาไม่ต้องการเห็นตักขี้ดีกว่า รวยกว่า บริหารประเทศประสบความสำเร็จกว่า ยิ่งซุกซ่อนทรัพย์สินไว้เพื่อประกอบการกระทำความผิดมากเท่าไรก็ยิ่งต้องถูกยึดเป็นของแผ่นดินมากเท่านั้น

ถ้าจะยึดเอาแต่เฉพาะทรัพย์สินส่วนที่เพิ่มขึ้นหลังเข้ามามีอำนาจเป็นนักการเมืองก็อาจจะถูกมองว่าเป็นการขอแบ่งประโยชน์คืนให้รัฐและก็เหมือนผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษเลย   ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอาจจะหมายรวมถึงทรัพย์สินทั้งหมดที่ตักขี้พยายามปกปิด ซ่อนเร้น และอาศัยทรัพย์นั้นในการกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวหรือทรัพย์สินและหุ้นที่ซุกซ่อนหรือแอบไว้ในชื่อผู้อื่น เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดเพราะถ้าไม่มีหุ้นหรือทรัพย์สินที่ซุกไว้นั้นตักขี้ก็ไม่สามารถจะไปเอื้อประโยชน์แก่ตัวเองได้   ที่สำคัญคือจะมีนักการเมืองที่กำลังจะคิดโกงบ้านโกงเมืองอยู่ในเวลานี้เอาอย่างตักขี้พวกเขาจะคิดว่าขนาดตักขี้มีหลักฐานชัดเจนและเชื่อมโยงกันขนาดนั้นยังไม่ถูกยึดทรัพย์เลย  ลำพังแค่ถนนราดยางมะตอยเห็นหน้าอ้ายพวกนี้ก็ร้องเรียกพี่แล้ว  นักการเมืองเหล่านี้ก็จะเอาเยี่ยงอย่างโดยไม่กลัวกฎหมายบ้านเมือง    ก่อนหน้านี้เคยมีคดีที่แม่ค้าขายลอตเตอรี่เกินราคา จาก 10 บาทเป็น 12 บาทแล้วศาลชั้นต้นตัดสินให้ริบทรัพย์คืนแค่ 2 บาทคือริบเฉพาะกำไรส่วนเกิน แต่พอไปถึงศาลฎีกาท่านว่าก็ตัดสินให้ริบทรัพย์คืนทั้ง 12 บาท

การตัดสินยึดทรัพย์นักโทษหนีคุกและติดตามจับตัวนักโทษหนีคุกเข้าคุกตามที่ศาลตัดสินจึงเป็นโมเดลการปฏิรูปการเมืองใหม่ของประเทศไทยเพราะคนชั่วคนโกงจะต้องอยู่ภายใต้กฏหมายอย่างเคร่งครัดจึงจะทำให้คนชั่วคนโกงไม่กล้าที่จะกระทำความผิดเช่นเดียวกับนักโทษหนีคุกอีกต่อไปด้วยวิธีการนี้เท่านั้นจึงจะกำจัดนักการเมืองชั่วนักการเมืองเลวให้สิ้นไปจากแผ่นดินไทยซึ่งเป็นการปลดปล่อยให้ประะเทศไทยพ้นบ่วงวงจรอุบาทว์และนำพาประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า ตลอดจนมีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

"วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม 2553 นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นมาได้ตัดสินใจยุติหนีการทวิตเตอร์ในนาม @thaksinlive เพื่อชิงพื้นที่ข่าวและสื่อสารกับคนเสื้อแดงเป็นการชั่วคราว ภายหลังจากที่มี “นักรบทวิตเตอร์ผู้รักชาติ” จำนวนมากพร้อมใจกันเข้าไปทวิตเตอร์ตั้งคำถามนำความจริงไปเตือนสติให้นักโทษชายทักษิณได้รับว่ายังมีคนรู้ทันทักษิณอีกเป็นจำนวนมาก ... ทำให้นักโทษชายทักษิณกลับสู่โลกความเป็นจริงไม่หลงไปกับคำยกยอปอปั้นของฝ่ายเชียร์แต่เพียงอย่างเดียว และยังมีประโยชน์อีกประการหนึ่งคือการทำให้ฝ่ายสนับสนุนนักโทษชายทักษิณที่เข้ามาอ่านได้ทราบความจริงไปด้วย ... หลังปีใหม่เป็นต้นมา “นักรบทวิตเตอร์ผู้รักชาติ” ที่เข้าไปหานักโทษชายทักษิณนั้นได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้ @thaksinlive กลายเป็นที่อยู่ใน ทวิตเตอร์ของนักโทษชายทักษิณซึ่งเต็มไปด้วยข้อความส่วนใหญ่ของคนต่อต้านทักษิณอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ... เสมือนเห็นทวิตเตอร์ของนักโทษชายทักษิณเป็นที่ระบายทุกข์ ประเภท ถังขยะ หรือโถส้วมอะไรประมาณนั้น!      ปกติแล้ว นักโทษชายทักษิณเมื่อมีคนเข้ามาส่งข้อความที่แทงใจดำ ก็มักจะใช้วิธีบล็อกคนคนนั้นให้ออกไปจากพื้นที่ตัวเอง เพราะเป็นคนที่ทนไม่ได้กับคำถามและความคิดเห็นที่แตกต่างกับตัวเอง และอาจจะอับอายที่ใครมาเห็นข้อความเหล่านั้น   แต่เมื่อมีข้อความประเภทแทงใจดำเยอะมากเกินไป! ... เมื่อนักโทษชายทักษิณไม่สามารถจะบล็อกความเห็นเหล่านั้นต่อไปไหว จึงได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านตัวเอง หายไปจากโลกทวิตเตอร์ในนาม @thaksinlive อย่างเงียบๆ ... 11 มกราคม 2553 นักโทษชายทักษิณ ได้ปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์มาที่เขายายเที่ยงยอมรับว่า “ไอ้พวกเสื้อเหลืองมันปั่นป่วน ปั่นบอกว่าให้เอาทวิตเตอร์ส่งทวิตเตอร์มาปั่นป่วนผม” แล้วยังกล่าวตำหนิว่าคนที่เข้ามานั้น เป็นทวิตเตอร์โง่ๆ บ้าง ถูกชักจูงมาบ้าง  ทำเก่งอยู่ได้แค่ 3 วัน ในช่วงบ่าย 14 มกราคม 2553 นักโทษชายทักษิณต้องหนีออกจากทวิตเตอร์ของตัวเอง ผลสำเร็จในการปฏิบัติการ “ฝูงมดกัดช้าง” ครั้งนี้จึงถือเป็นผลงานของ “นักรบทวิตเตอร์ผู้รักชาติ” อย่างแท้จริง! ... หนีบ้านหลังแรกที่ชื่อ @thaksinlive มาอยู่บ้านหลังใหม่ชื่อ @thaksinvoice เป็นการหนีทวิตเตอร์เหมือนที่นักโทษชายทักษิณเคยหนีมาตลอดชีวิต หนีสภา หนีฝ่ายค้าน หนีสื่อมวลชน หนีคนเสื้อเหลือง หนีคนเสื้อแดงในยามวิกฤต หนีศาล หนีเมีย และหนีความจริง" ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์เขียนไว้ในบทความของเขาชื่อ ... เรื่องขำๆ กับการตามล่าทักษิณหนีทวิตเตอร์! ... กดที่นี่เพื่ออ่านต่อ

เมื่อนับถอยหลังสำหรับคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านของเศรษฐีขี้งกอย่างนักโทษหนีคดีตักขี้ กินชะมัด ก่อนถึงวันพิพากษาตักขี้คงจะกระวนกระวายแทบบ้า นั่งสมาธิวันละร้อยหนไม่รู้เอาอยู่หรือไม่  สับสน ว้าเหว่ และคลุ้มคลั่ง เตรียมปลุกม็อบป่วนเมือง ตัวปลุกระดมอยู่ข้างนอก  เห็นแก่ตัว  พาคนไปตาย แต่ตัวเองไม่กล้าเข้ามาสู้กันซึ่งหน้า พยายามล็อบบี้ฝ่ายต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้คดี โจมตีระบบศาลยุติธรรมไทย  ครวญถูกปล้นกลางแดด  โดนแค่นี้ ตาม กระบวนการทำเป็นร้อง  ไอ้ที่สั่งให้ลูกน้องไปกระทำคนอื่นเค้าไม่ยักร้องนะ  26 กุมภาพันธ์ก็อีกแค่ไม่กี่วัน ไอ้ที่ดิ้นรนบินไปนั่นไปนี่ ทวิตเตอร์ปลุกคนชุมนุมเรียกร้องอะไรกันนั่น ก็เพื่อเงินก้อนนี้แหละ  ล่าสุดก็จวก คตส.กระหายส่วนแบ่งยึดทรัพย์ 25%ไร้มารยาทสิ้นดีตักขี้เอ๋ย  ญาติพี่น้องก็กำลังพล่าน สมุนเปิดเกมรุกตลอด  ยิ่งไอ้พวกแดงนรกเดือดดิ้นพล่านเท่าไหร่ก็ให้ยิ่งสะท้อนใจว่าการเจรจาไม่เกิดขึ้นแน่   น้องหน้ายับยังออกมาขู่ชาติและประชาชนว่าถ้ามายึดทรัพย์ทั้งหมดบ้านเมืองจะกลียุคแน่หากมีการยึดทรัพย์จะไม่ใช่ทางออกที่ดีของชาติ    ไอ้คนที่ทำไม่เข้าใจหรือไม่ก็ชอบทำตัวเป็นคนที่กระบือเรียกพ่อ ล่อเรียกคุณอาก็ออกมาอ้างอย่างนั้น  จะเกิดเรื่องอย่างนี้    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินมาแล้วไม่กี่วันก็จบ  

หลายคนพูดแบบปรามาสทันทีว่า“จบแล้วตักขี้”รอรับชะตากรรมเถิด คิดแบบตักขี้ที่จะต้องตายอย่างไร้คุณค่า ไม่คู่ควรแก่การจดจำ รวยเงินทองล้นฟ้า แต่ยากจนน้ำใจ  ไร้คนดีรักและยกย่อง มีแต่ผู้คนก่นประณามหยามเหยียด   ตักขี้เคยอยากจะทำสังคมแห่งการเรียนรู้อยู่แล้วถ้าหากจะเจียดเงิน 76,000 ล้านบาทของเขาไปสร้างพิพิทธภัณฑ์คอร์รัปชันแบบที่สิงคโปร์ทำเอาไว้โดยนำเรื่องของเขาเป็นกรณีศึกษาหลักก็คงดี

มึงเป็นใครมาจากไหนไอ้ทักษิณ
ใยถึงเอาแผ่นดินกูไปขาย
มึงย่ำยีบ้านเมืองกูวอดวาย
ไอ้ชิบหายต้องตายภายใต้ฝ่าตีนกู

ชื่อทักษิณแปลว่าถิ่นคนใต้
แต่จัญไรดันไปอยู่ทางเหนือ
ทำจัญไรทำคนใต้ตายเป็นเบือ
ไอ้ขี้เกลือต้องตายภายใต้ฝ่าตีนกู

มึงร่ำรวยมาจากไหนกูไม่สน
สัปดนด่าคนว่าอิจฉา
ถ้าดีจริงไม่มีใครนินทา
ไอ้ชาติหมาต้องตายภายใต้ฝ่าตีนกู

นโยบายที่ดีมีบ้างไหม
ยกตัวอย่างมากให้ซักข้อซิ
ที่แล้วมามีแต่ที่ไม่ดี
ไอ้อัปปรีย์ต้องตายภายใต้ฝ่าตีนกู

ทักษิณทำดีมีเงินกู้
ประชาชนไม่รู้ไปกู้หนี้
ทักษิณสุขเกษมและเปรมปรีดิ์
ประชาชนเป็นหนี้ท่านดีใจ

ทั้งเงินกู้หมู่บ้านและออมสิน
อีกทั้งหวยบนดินคนเลื่อมใส
รีบเดินหน้าเรียงรายกันเข้าไป
เพื่อเป็นทาสรับใช้หนี้สินเอย

โดยสมาน เกราะเหล็ก