เพื่อบรรลุถึงการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยการเผยแพร่ให้ความรู้ที่แท้จริงแก่ส่วนรวม
18 ธันวาคม 2552
การบินไทย ถูกลักจนหมดฟ้า : พุกกะณะสุต
วัลลภ พุกกะณะสุตผู้บริหารระดับสูงของบมจ.การบินไทยแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยการใช้อภิสิทธิ์ในการบินในชั้นเฟิร์สคลาสสำหรับตัวเองและภรรยาขนกระเป๋าส่วนตัวกว่า 40 ใบ น้ำหนักกว่า 600 กิโลกรัมขึ้นเครื่องโดยไม่เสียภาษีนำเข้า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเคยได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวทั้งจากพนักงานและบัตรสนเท่ห์ คณะทำงานสอบสวนกรณีข่าวอื้อฉาวดังกล่าวจึงได้ทำการตรวจสอบและพบความจริง คนภายในการบินไทยช่วยปกปิดความดีของทั้งวัลลภและจารุวรรณ พุกกะณะสุต พนักงานทุกคนก็รู้สึก และ ต้องออกมาส่งข้อมูลมาให้ว่าน้ำหนักกระเป๋าของคนดีทั้งคู่ที่ชั่งจริง 520 กิโลกรัมแต่มีการรายงานเพียงแค่ 170 กิโลกรัม ส่วนกระเป๋าอีกประมาณ 10 ใบไปฝากให้กับพฤทธิ์ บุปผาคำรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ให้ช่วยถือกลับมาให้โดยน้ำหนักชั่งจริงสูงถึง 113 กิโลกรัม แต่บันทึกไว้เพียง 51 กิโลกรัมเท่านั้น เจ้าหน้าที่บริษัทการบินไทยที่ญี่ปุ่นต่อหน้าผู้บริหารก็มีการเกรงใจจึงลงน้ำหนักไว้น้อยกว่าที่เป็นจริงแต่เมื่อเครื่องใกล้ออกเดินทางจึงมีการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเนื่องจากถ้าไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเครื่องบินก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ผู้โดยสารทั่วไปสามารถขนส่งกระเป๋าได้ไม่เกิน 40 กิโลกรัม หรือเต็มที่ไม่เกิน 45 กิโลกรัมเท่านั้นในชั้นเฟิร์สคลาส ในชั้นประหยัดขนส่งได้ไม่เกินคนละ 20 กิโลกรัม และในชั้นธุรกิจประมาณ 25-35 กิโลกรัม กระเป๋าดังกล่าวถูกลำเลียงไปไว้ในส่วนกระเป๋าหาย (Lost and Found) และถูกขนออกนอกสนามบินโดยไม่ผ่านการเสียภาษี พฤทธิ์ บุปผาคำรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ที่ช่วยวัลลภและภรรยาขนสัมภาระนั้นเดิมทีมีกำหนดการต้องเดินทางไปประชุมที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษแต่กลับเดินทางมาช่วยขนกระเป๋าดังกล่าวแทน แถมตั๋วดังกล่าวที่พฤทธิ์ใช้เป็นประเภทตั๋วสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งบริษัทการบินไทยต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้หมดไม่ว่าจะเป็น ค่าตั๋ว ค่าเบี้ยเลี้ยง รวมถึงค่าโรงแรมด้วย วัลลภออกมาอ้างและออกมาต่อสู้ข้อกล่าวหาด้วยการห่มจีวรออกมาสู้ว่า "ผู้ใหญ่ฝากสัมภาระมาถวายพระวัดปากน้ำภาษีเจริญ" ประธานบอร์ดที่ชื่ออำพน กิตติอำพนสามารถออกมาป้องวัลลภ พุกกะณะสุตได้อย่างไม่ต้องคิด "...เท่าที่ทราบมานั้นไม่ใช่ของหนีภาษี แต่เป็นของฝากกันเข้ามา..."
อำพน กิตติอำพนเป็นถึงเลขาธิการ สภาพัฒน์และประธานบอร์ดการบินไทย พูดอย่างนี้ได้อย่างไรหรือเป็นเพราะพูดเช่นนี้จึงได้เป็นเลขาสภาพัฒน์และประธานบอร์ดการบินไทย และเป็นเพราะการบินไทยได้มีประธานบอร์ดแบบนี้ ถึงได้พินาศแบบนี้ มีการศึกษาระดับสูงขนาดนี้ มีหน้าที่สำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ผู้บริหารควรจะมี ไม่มีความสำนึกเรื่องความถูกต้อง หน้าที่ คุณธรรม จริยธรรม คนแบบนี้ขี้ขลาดไม่กล้าหาญ ไม่รับผิดชอบ ปกปิดความจริง ส่งเสริมความไม่ถูกต้อง ไม่คิดถึงสังคมรวม ชาติต้องการความสามารของคนที่มีความสามารถแต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นคุณธรรมความดีและจริยธรรมต้องมีติดตัวเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ขาดไม่ได้ การออกมาพูดแบบนี้ของกบถ้าไม่คิดมากก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าคิดก็เหมือนกับจะออกตัวว่าเป็นเรื่องที่นายปิยะสวัสด์ ชงขึ้นมา ไม่รู้ว่าต้องเกรงอกเกรงใจอะไรกันนักหนากับวัลลภ หรือว่าไก่เห็นตีงู งูเห็นนมกบ
การที่ผู้บริหารระดับสูงคนนี้ของการบินไทยขนของยังไม่จ่ายค่าขนส่งแถมยังหนีภาษีเพื่อเอามาขายในร้านของภรรยาที่อยู่แถวซอยละลายทรัพย์มาซูเมะร้านเลขที่ 117 ทั้งๆที่การบินไทยมีผลการดำเนินการขาดทุนอีกทั้งพนักงานก็ไม่ได้โบนัสและไม่ได้ขึ้นเงินเดือนและคนทั่วไปซื้อตั๋วแสนแพงน้ำหนักกระเป๋าเกินนิดหน่อยก็ต้องถูกปรับไม่ค่อยอะลุ้มอะล่วย ผู้บริหารกลับมีพฤติกรรมสวนทางปืนที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ได้ประกาศไว้ตอนเข้ารับตำแหน่ง เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดครั้งแรก วัลลภคนนี้ได้ใช้อำนาจการเป็นบอร์ดบริษัทขนสัมภาระน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดสร้างความวุ่นวายให้กับพนักงานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนายสถานีนาริตะ พนักงานระดับล่างและตม.บางคนอย่างเช่นหวานที่เพิ่งจะมีภรรยาเป็นพนง.การบินไทยหมาดๆ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ต้องมาให้ความร่วมมือในการรับผิดชอบกระเป๋าที่ไม่ต้องผ่านไปยังสายพานลำเลียงกระเป๋าแต่มีการจัดการให้ไปเข้าระบบ Lost and Found (LL) หรือแผนกกระเป๋าหาย ซึ่งเลี่ยงภาษีได้ทั้งหมด หากไม่ร่วมในขบวนการก็จะถูกสั่งย้าย
พฤติกรรมดังกล่าวของผู้บริหารคนนี้และคนใกล้ชิดมีมานานแล้วจนกระทั่งพนักงานของบริษัทที่โตเกียวอดรนทนไม่ไหวอีกแล้วจึงต้องแจ้งเรื่องมายังกรรมการผู้จัดการใหญ่ พนักงานของการบินไทยที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นรำคาญและพยายามรายงานมายังบริษัทแม่มา 2 ปีแล้วว่าผู้บริหารคนดังกล่าวพร้อมภรรยามีพฤติกรรมแบบนี้ผลาญงบประมาณของบริษัทไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว จากเดิมที่การบินไทยขายตั๋วโดยสารในประเทศผ่านระบบ Royal แต่มีการปรับแก้สัญญาให้ต้องสั่งซื้อผ่านอามาดิอุสแบบผูกขาด ระบบการจองตั๋ว E-Ticket ผ่านระบบอามาดิอุสทำให้มีเม็ดเงินตกหล่นถึง 2,000 ล้านบาทก็มีผู้บริหารคนนี้เกี่ยวข้องอยู่ด้วย สุดท้ายก็มีพนักงานผู้กล้าหาญไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อนไม่สามารถทนนิ่งให้เหลือบและเห็บตัวใหญ่กัดกินและดูดเลือดบริษัทได้ต่อไปจึงนำข้อมูลลับเปิดเผยต่อสาธารณะจนกลายเป็นเรื่องลือลั่น .บุคคลพวกนี้ได้ใช้เงินของการบินไทยในการไปรับรองหรือเอาไปใช้จ่ายเพื่อตัวเองและมาอยู่ที่โตเกียวบ่อยๆ ร่วมกับภรรยาของเขา ภรรยาได้ทำธุรกิจร่วมกับนางพิมพ์ใจ มัตสุโมโตเป็นบุคคลที่มีร้านอาหารไทยและมีซูเปอร์มาเก็ตและขายตั๋วที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยเมียของเขาพร้อมกับพิมพ์ใจสามารถขนกระเป๋าน้ำหนักเกินเท่าไหร่ก็ได้ในทุกครั้งที่มีการเดินทาง แล้วพิมพ์ใจสามารถซื้อตั๋วที่ถูกที่สุดในชั้นอีโคโนมีแต่แล้วก็สามารถอัพไปนั่งชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นธุรกิจได้แล้วสามารถขนสัมภาระน้ำหนักเกินได้ เอาเงินเอาทองไปใช้อย่างไรทำให้ทางสตาฟท้องถิ่นขาดเงินที่จะเอาไปใช้เลี้ยงรับรองดูแล ทั้งๆ ที่สาขาโตเกียวเคยทำรายได้สูงที่สุดให้กับการบินไทยมาแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ตกพินาศเลย. “การที่บุคคลที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้กลับเข้ามามีอำนาจเป็นบอร์ดบริษัทและยังเป็นถึงประธานบอร์ดบริหารที่มีอำนาจมาก เป็นคนที่บริหารงานในช่วงที่การบินไทยยังไม่มี ดีดี.ตัวจริง ผลประกอบไตรมาส 3 จึงออกมาขาดทุนถึง 5,200 ล้านบาทและยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่เปิดบินเส้นทาง โจฮันเนสเบอร์ก และนิวยอร์ก แบบขาดทุนย่อยยับทั้งยังร่วมกันกระบวนการจัดซื้อแอร์บัส A340ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
ตั้งแต่เปิดให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพฯ-นิวยอร์กเป็นระยะเวลา 3 ปี ผลการดำเนินงานการบินไทย "ขาดทุน" ถึงปีละ 1,000-3,000 ล้านรวมระยะเวลา 3 ปีมีการขาดทุนสะสมจากเส้นทางนี้เกือบ 7,000 ล้านผู้บริหารคนนี้คิดได้อย่างไร โอแม่เจ้า การบินไทยเตรียมจะเปิดให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพฯ-นิวยอร์กอีกครั้งหลังจากได้ทำการยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.51 เหตุผลเพราะการบินไทยไม่สามารถขายเครื่องบินแอร์บัส A340-500 กับ A340-600 ที่ใช้บริการในเส้นทางดังกล่าวได้เป็นไอเดียวัลลภ พุกกะณะสุต น่าสงสัยว่าที่ผ่านมายังประสบปัญหาต้นทุนการดำเนินงานเสียหายไม่หนักพอโดยเฉพาะต้นทุนรายจ่ายน้ำมัน
หลังเกิดเรื่องดังกล่าว สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ยื่นหนังสือต่อนายกฯอภิสิทธิ์ นายกรณ์ จาติกวณิชรมต.คลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่การบินไทย โสภณ ซาเล้งร.ม.ต.คมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแลและอำพน กิตติอำพนประธานคณะกรรมการการบินไทยเพื่อให้จัดการเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะบอร์ดคนดังกล่าวขาดจริยธรรมมีการใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวใช้อำนาจหน้าที่ประพฤติมิชอบและยังมีพฤติกรรมส่อไปในทางกระทำผิดกฎหมาย วัลลภในฐานะประธานกรรมการบริหารควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงานและฝ่ายบริหารในการทำตามกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องโปร่งใสและรักษาประโยชน์ของบริษัท สิ้นหิริโอตตัปปะสิ้นเชิง จงใจ ทั้งๆที่รู้ว่าผิดก็ยังทำ
การบินไทยเป็นของคนไทย การบินไทยมิใช่บริษัทส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นทรัพย์สินของประเทศของคนไทยทั้งหมดเนื่องจากเวลาไปเจรจาสิทธิทางการบินนั้นบริษัทการบินไทยก็ต้องอาศัยชื่อของประเทศไทย สิทธิของคนไทยทั้งประเทศไปเจรจา แต่ไหนแต่ไรการบินไทยไม่เคยใด้ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ หรือ ผู้ที่มีความสามารถที่จะทำงานได้เข้ามาทำงานให้องค์กรเลย นักการเมืองและนักธุรกิจใจสกปรกรวมถึงทหารบางกลุ่มเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบมาโดยตลอด ชอบเอาพวกคนขายพริกไทย อัยการสูงสุดที่มาตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัยมาใช้งานแล้วกรรมการของการบินไทยโยนเศษเนื้อให้เยอะๆพวกมันจะได้ซื่อสัตว์ จงรักภักดี คนพวกนี้จึงมุ่งมั่นที่จะกัดกิน ทำลายล้างการบินไทย ต้องถูกกัดถูกแทะจนถึงแกนใน การบินไทยได้ถูกคนกลุ่มหนึ่งตั้งแต่บอร์ด ฝ่ายบริหารและพนักงาน(ยังไม่รวมนักการเมือง)รุมทึ้งกันมานานราวกับเป็นสมบัติส่วนตัว ใครจะทำอะไรกันตามใจชอบ ไม่ว่าขนของน้ำหนักเกินเกินสิทธิเศษที่ได้รับในฐานะพนักงาน/ฝ่ายบริหารหรือบอร์ด อัพเกรดที่นั่งให้แก่พรรคพวกของตนเองฯลฯการกระทำเช่นนี้ทำให้การบินไทยเสียหายอย่างมาก อย่าชะล่าใจแม้จะว่าสอบผ่านเน(วิน)แล้วจะอยู่ยงคงกระพัน ทำไมผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยรวมถึงกระทรวงการคลังและผู้ถือหุ้นใหญ่การบินไทยจึงปล่อยให้ฝูงผีปีศาจและฝูงเหลือบฝูงเห็บรุมดูดเลือด รุมโกงกินและรุมประทุษร้ายการบินไทยได้ถึงเพียงนี้หรือคิดแค่เพียงว่าการได้โอกาสเข้ามาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรเป็นการได้โอกาสเข้ามากอบโกยและโกงกิน ทั้งๆที่ผู้โดยสารทั้งไทยและเทศต่างรับรู้ตรงกันว่าราคาตั๋วของการบินไทยนั้นแพงแสนแพง แพงกว่าสายการบินอื่นจนน่าตกใจ
การตัดสินของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบินไทยสรุปออกมาว่า ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) การบินไทยและภรรยา ใช้สิทธิตั๋วพิเศษ ขนกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินกว่ากำหนด ไม่มีการแจ้งขอตามขั้นตอนและไม่มีหลักฐานในการได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจ ในขั้นตอนการโหลดสัมภาระและการนำสัมภาระออกจากสนามบินแสดงให้เห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การที่วัลลภให้สัมภาษณ์ว่าการขนกระเป๋าน้ำหนักเกิน คนการบินไทยถือเป็นเรื่องปกติ ทำให้สหภาพฯและพนักงานการบินไทยทุกคนมองว่าวัลลภไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดต่อไปเพราะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย นายกรณ์ จาติกวณิชรมต.คลังรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและอยากให้บอร์ดดำเนินการทางใดทางหนึ่งต่อไป ที่ผ่านมาการบินไทยกำหนดให้พนักงานทำอะไร ไม่ทำอะไร ในยามที่บริษัทมีวิกฤตเมื่อพบพฤติกรรมของกรรมการที่กระทำไม่ชอบเองแล้วฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจว่าควรจะดำเนินการอย่างไร
เพียงวัลลภออกมาจ่ายค่าขนสัมภาระเกินก็จบนับเป็นการตัดสินที่ขัดใจเจ้าของภาษีที่การบินไทยจับจ่ายไปในการทุจริตเชิงนโยบายเป็นอย่างยิ่ง คณะกรรมการที่ลูบหน้าไปก็ปะจมูกน่าจะย้อนกลับไปดูถึงพฤติกรรมของวัลลภและผู้ที่เกี่ยวข้องตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมารวมทั้งการนำงบจากตรงโน้นตรงนี้ที่การบินไทยในโตเกียวต้องถูกนำไปใช้ไปจ่ายโดยมิชอบเพราะผู้บริหารคนนี้อีกทั้งยังมีการอัพเกรดตั๋วของนางพิมพ์ใจที่แทบทุกครั้งพนักงานการบินไทยในท้องถิ่นต้องถูกวัลลภตำหนิหรือบีบเค้นให้คนๆนี้ได้สำเร็จความใคร่ในการอัพเกรดตั๋วเพื่อความสะดวกสบายของตัวเองถ่ายเดียวโดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบใดๆต่อผู้อื่นหรือการบินไทย
ตั๊น ภิรมย์ภักดีที่ได้นำปฏิทินวาบหวิวของเบียร์ลีโอไปแจกในทำเนียบ ฮือฮาไปทั้งบ้านทั้งเมือง จะโดยมารยาหญิง จะโดยการโฆษณาแฝง ขึ้นหน้า 1 โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาสักบาทหรือจะอะไรก็ตาม แม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้งเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็จะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวด้วยการลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมือง หญิงสาว อายุ 24 การศึกษาดีแต่ไม่เพียงเท่านั้น เธอมีดี ดีกว่า หน้าหนาไม่เท่า ชายอกสามศอกสูงวัยใจปลาสร้อยรุ่นปู่ของน้องตั๊นอย่างวัลลภ ยิ่งวัลลภออกมาบอกว่านี่เป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหาจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆรวมทั้งการลาออกเพราะที่ผ่านมาสส. สว.หลายคนก็ไม่เป็นต้องลาออก ทุกวันนี้บางคนยังนั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆเสียอีก ก็ยิ่งสะท้อนจิตสำนึกของทั้งวัลลภและตระกูลของเขาที่เลี้ยงลูกๆของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่วัลลภตนเดียวเท่านั้นที่เปิดเผยตัวตนให้สังคมเป็นอย่างชัดเจน นิพัทธ์อดีตปลัดคลังบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เพิ่งจะโดนศาลตัดสินคดีทุจริตรับเงินสินบนที่ดินรถไฟฟ้าบีทีเอสและยังถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ชดใช้เงินให้กับธนาคารออมสินจำนวน 500 ล้านบาทสมัยเป็นประธานธนาคารออมสินแล้วนำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพพาณิชยการจนเกิดความเสียหาย คนในตระกูลนี้รับราชการจนมีตำแหน่งสูงๆหลายคน ดังนั้นกรณีวัลลภนั้นคงจะยากที่จะเรียกร้องให้เขาสำนึกได้แล้วลาออกไปเอง
ไม่ใช่แค่ให้ออกจากบอร์ดการบินไทยเท่านั้นรัฐบาลต้องดำเนินคดีตามกฏหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี ต้องดำเนินคดีตามกฏหมายสรรพากรข้อหาหลบเลี่ยงภาษีรายได้ทั้งผังทั้งเมีย ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ปปช และปปท ข้อหาคอรัปชั่น หากไม่ดำเนินการทางกฏหมาย นายกรณ์จะต้องมีความผิดในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียนประธานคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยและผู้ถือหุ้นบมจ.การบินไทยได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯอภิสิทธิ์ให้ดำเนินการตรวจสอบวัลลภ พุกกะณะสุตที่มีผิด มาตรา 6 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดชอบพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปีหรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 40,000บาท หรือประหารชีวิต
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบมจ.การบินไทยในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระบุสหภาพฯ เตรียมทำหนังสือถึงบอร์ดเพื่อขอให้สอบสวนนายวัลลภด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่มีบอร์ดรายใดกล้าขนสัมภาระจำนวนมากเกินกว่าที่ระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้
"ยืนยันว่าคนการบินไทยไม่เคยมีใครมีอำนาจขนสัมภาระได้ถึง 520 กิโลกรัม การที่นายวัลลภให้สัมภาษณ์ว่าการขนกระเป๋าน้ำหนักเกินของคนการบินไทยถือเป็นเรื่องปกติทำให้สหภาพฯ และพนักงานการบินไทยทุกคนมองว่า นายวัลลภไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดต่อไปเพราะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย" นางแจ่มศรีกล่าว สหภาพฯได้เรียกร้องให้พนักงานการบินไทยแต่งชุดดำส่วนพนักงานที่แต่งเครื่องแบบก็ใช้วิธีการนำผ้าดำมาผูกที่แขนแทนเพื่อแสดงออกและเรียกร้องให้บอร์ดและฝ่ายบริหารบริษัทการบินไทยกล้าตัดสินใจในการดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องในการรักษาผลประโยชน์และชื่อเสียงของบริษัทในวันนี้ 18 ธ.ค. 52 ก่อนการประชุมบอร์ด
โสภณ ซาเล้งได้ออกมาจี้ต่อมสำนึกวัลลภต้องเคลียร์ตัวเองโดยยอมรับการตรวจสอบในกรณีอื้อฉาวนี้ ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพิสูจน์ตัวเอง เราเรียกร้องให้ใครต่อใครปฏิบัติตามกฎและรัดเข็มขัด ผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างและต้องมีความเท่าเทียมกันไม่มีการเลือกปฏิบัติ
บอร์ดการบินไทยมีมติตั้งกรรมการสอบวัลลภโดยให้เวลาตรวจสอบ 3 สัปดาห์ใน 2 ประเด็นว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ทำให้การบินไทยต้องสูญเสียรายได้จากการเสียโอกาสจากการขนส่งสินค้าทางคาร์โก้ประมาณ 200,000 บาทหรือไม่ ซื้อเวลาไปได้อีก 3 สัปดาห์หรือที่ไม่กล้าไล่ออกวัลลภเพราะทำกันทั้งบอร์ดเหมือนกัน สหภาพแรงงานรัฐวิสากิจจึงได้เรียกร้องให้วัลลภ พุกกะณะสุตลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคณะกรรมการแต่หากว่าหากตั้งผลที่คณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพฤติกรรมมีผลสรุปออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจสหภาพฯ จะมีมาตรการบางออกมาอย่างแน่นอน ขออนุโมทนาบุญอย่างแรงที่นำผลไม้ 40 กระเป๋าไปถวายพระที่ท่านบอกว่าไม่ได้รับก็ตาม
“การบินไทย ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล หรือหลักการกำกับดูแลที่ดีอันประกอบด้วย การยึดมั่นในความถูกต้อง ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ จริยธรรม ฯลฯ โดยมุ่งปลูกฝังหลักดังกล่าวในสำนึกและพฤติกรรมของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน
การยึดมั่นในความถูกต้อง หมายความรวมถึง ความซื่อสัตย์ของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ และการไม่ยอมให้เกิดความไม่สุจริตหรือความไม่ถูกต้องชอบธรรมเกิดขึ้นในส่วนที่ตนรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ หมายความรวมถึงคณะกรรมการบริษัทฯ ผู้บริหาร และพนักงานต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ของตนและชี้แจงอธิบายการตัดสินใจและการกระทำของตนต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเฉพาะต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน
จริยธรรม หมายความรวมถึงการมีจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีตามกรอบจริยธรรมธุรกิจและจรรยาบรรณที่ดีในการประกอบธุรกิจโดยมีความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร”
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น