04 มกราคม 2553

พระราชดำรัสอวยพรปีใหม่ พ.ศ.2553

แม้ว่าพระบาทสมเด็จะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับที่โรงพยาบาลศิริราชกำลังพักฟื้นพระวรกายหลังจากทรงหายจากพระอาการประชวรที่เนิ่นนานมากแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2552 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัสอวยพรปีใหม่ พ.ศ.2553 แก่ปวงชนชาวไทย ดังนี้ “ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย วันนี้ขึ้นวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คนทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่วิตก ห่วงใยแก่การเจ็บป่วยของข้าพเจ้าและแสดงออกโดยประการต่างๆ จากใจจริงที่จะให้ข้าพเจ้าหายเจ็บป่วยและมีความสุขสวัสดี   


ความสุขสวัสดีนี้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งของคนเราแต่จะสำเร็จผลเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใดต้องขึ้นอยู่กับความสามารถและสติปัญญาและการประพฤติตัว ปฏิบัติงานของแต่ละบุคคล ในปีใหม่นี้จึงขอให้ชาวไทยทุกคนได้ตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรง แน่วแน่ ที่จะประพฤติตัวปฏิบัติงานให้เต็มกำลังความสามารถ โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิด กำกับอยู่ตลอดเวลากล่าวคือจะคิดจะทำสิ่งใดต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ให้รอบคอบ ทำให้ดีให้ถูกต้อง ข้อสำคัญจะต้องระลึกรู้โดยตระหนักว่าประโยชน์ส่วนรวมนั้นเป็นประโยชน์ที่แต่ละคนพึงยึดถือเป็นเป้าหมายหลักในการประพฤติตัวและปฏิบัติงานเพราะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนแท้จริงซึ่งทุกคนมีส่วนได้รับทั่วถึงกัน ความสุขความสวัสดีจักได้เกิดมีขึ้นทั้งแก่บุคคลทั้งแก่ชาติบ้านเมืองไทยดังที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนา


ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคนให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากโรคภัย ให้มีความสุขกาย สุขใจและความสำเร็จสมประสงค์ตลอดศกหน้านี้ โดยทั่วกัน”


รัฐบาลใครเข้มแข็ง? ของหล่อหลักลอยที่มีแม่-นม-อมทุกข์และช่างจัดฉากเป็นตัวตั้งตัวตี  มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำนั้นมีคำขวัญซึ่งฟังดูเก๋ว่า .ประชาชนต้องมาก่อน. นั้นนอกจากจะขออยู่เป็นรัฐบาลก่อน จะขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปก่อนแล้ว พรรคร่วมฯจะทำมาหากินกันอย่างไร ก็ปล่อยให้ทำกินกันไป นักการเมืองชั่วๆ นักเลือกตั้งเลวๆ ข้าราชการสามานย์ ทหารตำรวจไร้ยางอายไร้ศักดิ์ศรี พ่อค้านักธุรกิจขี้ฉ้อ นักข่าวไร้จรรยาบรรณที่ยอมขายวิญญาณสื่อเสรีเพื่อแลกกับเศษเงินและเศษผลประโยชน์จากผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ พระสงฆ์องคเจ้าที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ ก็อยากจะขอให้เลิกประพฤติผิดทั้งปวงซึ่งได้เคยกระทำมาแต่ก่อนเก่า คนไทยทุกคนโปรดพร้อมใจร่วมกันปรับและเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่น่ายกย่อง ไม่น่าสรรเสริญ อันได้แก่ ความเห็นแก่ตัว การเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น การประพฤติชั่วทั้งปวง การไม่รักชาติ การไม่มีจิตสาธารณะ การยอมตกเป็นเครื่องมือและเป็นสมุนของผู้คิดร้ายทำลายชาติ การยอมขายสิทธิ์ขายเสียงให้กับนักการเมืองสามานย์รวมถึงการสมยอมให้คนต่างชาติเข้ามารุกรานและทำลายชาติบ้านเมืองของเรา เพราะหากคนไทยทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีแล้วบ้านเมืองของเราจะเจริญรุ่งเรืองพัฒนาสถาพรตลอดไป เมื่อคนไทยจิตใจมีทุกข์แล้วรู้จักเข้าหาธรรมเพื่อปลดเปลื้องตัวเองออกจากทุกข์อย่างนี้ประเทศไทย-คนไทยจะวิบัติและตกต่ำได้อย่างไร
คนไทยบางกลุ่มชื่นชมความรวย โดยไม่เคยตั้งคำถามว่ารวยเพราะอะไรทำไมคนพรรค์อย่างนั้นจึงสามารถเป่าเสกให้ตนเองมีทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาลภายในระยะเวลาที่แสนสั้น มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่สะอาดโปร่งใสหรือโสโครก โปรดอย่าอ้างความจน ความขัดสน ความอัตคัดมาเป็นข้อแก้ตัวในการขายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากแผ่นดินของเราทุกคนถูกปล้น ถูกเผา ถูกผลาญโดยนักการเมืองไปจนหมดสิ้นแล้วท่านจะอยู่กันอย่างไร ลูกหลานของพวกท่านจะเอาแผ่นดินที่ไหนเป็นที่อยู่ คนไทยบางกลุ่มเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนยิ่งกว่าผลประโยชน์สาธารณะ บางคนไม่เคยคิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กับส่วนรวมแม้แต่น้อยแต่กลับกอบโกยและฉกฉวยผลประโยชน์ทุกอย่างของส่วนร่วมไปไว้ในครอบครองของตนเองอย่างไร้ความละอาย

รัฐบาลเองก็อย่าปล่อยให้.ประชาชนต้องตายก่อน. วันนี้คนไทยยังยอมรับว่านายกฯอภิสิทธิ์เป็นคนดี คนซื่อ และประวัติการทำงานในทางเสียหายก็ไม่มี แต่นายกฯอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ประกอบไปด้วยพรรคพวกหลายคนที่สังคมไม่ยอมรับและหลายคนไม่ทำงานตรงตามหน้าที่ของตัว หลายคนมีความรู้ความสามารถไม่ตรงกับงาน รัฐบาลเองก็ไม่มีเสถียรภาพและเอกภาพทั้งยังมีการหาผลประโยชน์ หาเงินหาทองจากโครงการเก่าและใหม่หรือแม้กระทั่งโครงการของรัฐบาลเองที่ควรจะต้องให้ปลอดจากการทุจริตก็ยังมีปัญหาอยู่ไม่ว่าจะเป็นชุมชนพอเพียงหรือไทยเข้มแข็ง กอรปกับมีคนๆ หนึ่งพยายามดำเนินการทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายหรือความถูกต้องชอบธรรมใดๆทั้งสิ้นในการกลับมาอีกครั้งหนึ่งซึ่งการกลับมาครั้งนี้ไม่ใช่มาติดคุก แต่จะกลับมาอย่างมีอำนาจและมีชัยชนะทุกอย่าง แม้กระทั่งทรัพย์สินหรือทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไปจะต้องกลับคืนมาหมด ดังนั้นข้าราชการส่วนใหญ่ของประเทศก็เลยไม่กล้าเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ทันโลก ไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกๆเรื่อง บรรดาทหาร ข้าราชการทั้งข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำควรทำตามหน้าที่ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงรับสั่งและแก้ไขปัญหาต่างๆทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นให้ได้

ยิ่งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะบริหารประเทศผ่านเลยระยะเวลา 1 ปีมาได้อย่างเหนือความคาดหมายและเริ่มทำท่าจะพอตั้งหลักได้บ้างมันก็ย่อมเป็นอันตรายกับฝ่ายตรงกันข้ามที่กำลังกดดันสถาบันหลักของไทยอย่างหนักมาตลอดทั้งปี ถึงตอนนี้ฝ่ายนั้นก็โหมปลุกระดมกันอย่างถี่ยิบ ส่งสัญญาณเพื่อโค่นล้มรัฐบาลอภิสิทธิ์ให้ได้หรือบั่นทอนทำลายความเชื่อมั่นในรัฐบาลให้มากที่สุด ถึงขั้นเทหน้าตักจนหมดตัวก็ยอม กระนั้นจริงๆ แล้วขณะนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้าย ให้คนไทยกินไม่ได้นอนไม่หลับกัน ถ้าจะว่ามีก็แสดงว่าท่านดูข่าวทีวี-อ่านหนังสือพิมพ์-ฟังหมอดูมากไป ประเทศไทยที่เป็นแบบนี้ในทุกวันนี้ส่วนหนึ่งเพราะสถาบัน-องค์กรสื่อเอาแต่คำว่าสิทธิเสรีภาพและคำว่าสื่อเสรีมาใช้ในการเสนอข่าวโดยไม่มีจิตสำนึกสื่อ มีเพียงแต่เพื่อธุรกิจ อ้างประจำว่าเสนอข่าวเป็นกลาง แต่เป็นกลางนั้นไม่ได้หมายถึงการไม่เข้าข้างใครแบบสากกะเบือ ไม่รู้ผิดรู้ชอบ เหมือนนักการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยที่ทำให้พวกกูได้อย่างใจหวังแต่ไม่มีคำว่ารับผิดชอบต่อสถานการณ์และสังคมรวม  อย่าง ในบทความที่ท่านจะกดเมาส์ตรงนี้ เป็นต้น


หากจะมีเหตุปฏิวัติรัฐประหารเกิดขึ้นก็คงเพราะแย่งอำนาจกันเองระหว่างผู้คุมกำลัง เกิดจากการยุยงส่งเสริมของฝ่ายการเมืองที่เอาทหารมาเป็นพวก หรือ เกิดจากการทุจริตคอรัปชั่นของฝ่ายบริหาร รัฐธรรมนูญปี 50 ที่ผ่านการลงประชามติของประชาชน 14 ล้านคนเศษเขียนไว้ชัดเจนเลยว่าแก้ไขได้แต่การแก้ไขนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนใดคนหนึ่งและเปิดโอกาสให้แก้ไขได้ทุกเวลา ดังนั้นหากการแก้ไขเพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะแล้วเป็นการขัดผลประโยชน์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ผู้ที่แก้ไขจึงมีความผิด ถ้าแก้ไขเรื่องใดอย่างน้อยต้องถามประชาชนก่อน เจตนารมณ์สำคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการร่อนกากเพื่อหาเนื้อต้องการกำจัดกากที่ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับชีวิตของบ้านเมืองให้หมดไป รัฐธรรมนูญไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุดของการปฏิรูปการเมืองเลยด้วยซ้ำ ในอดีตการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องที่ดำเนินการกันได้ง่ายๆ และมักจะมีวิกฤติก่อนหรือหลังการแก้ไขเสมอๆ

บุคคลที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญปี 50 ซึ่งได้แก้ไขจุดด้อยของรัฐธรรมนูญเก่าปี 40 จึงมีอยู่ไม่กี่กลุ่มประกอบด้วยนักการเมืองที่คตโกง นักการเมืองที่คอรัปชั่น นักการเมืองหวังฉกฉวยผลประโยชน์ของชาติเข้ากระเป๋าตัวเอง นักการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบ พวกสารพัดโกงก็เลยไม่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพราะเหมือนยันต์กันผีสะกัดผีไว้ตรงหน้าประตู ไม่ให้เข้าบ้าน ไม่อำนวยความสะดวกให้นักการเมืองเลวๆ บังคับใช้ไปอีก 20-30 ปีนักการเมืองสันดานเลวๆ จะถูกกำจัดออกไปเรื่อยๆ ไอ้พวกที่หลอกตัวเองที่ชอบอ้างนั่นเองที่ชอบอ้างพล่อยๆเป็นประจำ ว่ามีความแตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 40 เป็นมรดกเผด็จการ ก่อนหน้านี้คณะกรรมการสมานฉันท์ได้เสนอไว้ 6 ประเด็นตามข้อสรุป แม้จะฟังดูดีแต่เป็นการแก้ไขเพื่อให้นักการเมืองเข้าไปล้วงลูกงบประมาณแผ่นดินได้ง่ายขึ้น โกงกินได้ง่ายขึ้น แปดปีถึงสิบปีที่ผ่านมาย่อมทำให้เราได้เป็นชัดเจนว่าเป็นอย่างไร  แล้วเราจะยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดีเพื่อนักการเมืองที่เลวเช่นนั้นหรือ

ปัญหาของชาติที่รอการแก้ไขยังมีมากมายแต่นักการเมืองทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารหรือฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควรเพราะมัวแต่แก่งแย่งต่อสู้กันเองเพื่อแย่งอำนาจจากฝ่ายหนึ่งหรือเพื่อรักษาอำนาจของตนให้คงอยู่ต่อไปเท่านั้น ปฏิวัติรัฐประหารก็แล้ว เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ก็แล้วแต่การเมืองก็ยังไม่ปฏิรูปเสียที ส.ส.ก็หน้าเดิมๆ พฤติกรรมในสภาก็เหมือนเดิมหรือเลวร้ายกว่าเดิม เลือกตั้งทีไรก็มีการซื้อสิทธิขายเสียงโกงเลือกตั้งกันเหมือนเดิม ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจห้อยและพรรคบรรหารพัฒนากระทุ้งนายกฯอภิสิทธิ์ซ้ำอีกด้วยการออกมาทวงสัญญาจากพรรคประชาธิปัตย์ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็นคือ มาตรา 190 ว่าด้วยเรื่องการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาและมาตรา 93-98 เพื่อเปลี่ยนวิธีการเลือกตั้งส.ส.จากแบบแบ่งเขตๆละหลายคนมาเป็นแบบแบ่งเขตๆละหนึ่งคนหรือวันแมนวันโหวต เป้าหมายหลักอยู่ที่อย่างหลังโดยมีอย่างแรกเข้ามาให้ดูไม่น่าเกลียด ก็แค่นั้น     หอกข้างแคร่เตี้ยๆสั้นๆเล่มหนึ่งกับยาวๆห้อยๆอีกเล่มหนึ่งทั้งสองเล่มนี้ก็จะคอยทิ่มแทงประชาธิปัตย์ไปอีกนาน

พลันนายกรัฐมนตรีออกมาแนะพรรคร่วมฯจับมือเพื่อทุยแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่อย่ายุ่งเกี่ยวประเด็นนิรโทษกรรม “นักโทษหนีคดีอย่างนายตักขี้” เด็ดขาด  กดเมาส์ตรงนี้เลยเพื่ออ่านต่อ-หุหุ

ไม่มีความคิดเห็น: