14 มกราคม 2552

การเมืองใหม่

หลังจากที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้รับโอกาสให้บริหารประเทศครั้งนี้อยู่ภายใต้แรงกดดันจากกลุ่มต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพลิกขั้วจนจัดตั้งรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้ ถึงแม้ว่าเราประชาชนจะผิดหวังกับการสลับขั้วทางการเมืองแต่เราก็จะยังให้โอกาสรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ทำงาน ถึงแม้ว่าเราจะไม่ชอบใจนักที่แค่เปลี่ยนขั้วเพราะเราอยากให้เปลี่ยน เปลี่ยวจนกระทั่งได้เป็นการเมืองใหม่จริงๆ คุณอภิสิทธิ์ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องที่ผ่านๆมาในปีที่แล้วนี้คือการต่อสู้ของประชาชนซึ่งเขาจะต้องสืบทอดเจตนารมณ์นั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าองค์ประกอบที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้จำต้องมีตำแหน่งและผลประโยชน์ต่างตอบแทนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เพื่อทำให้ความเป็นรัฐบาลสามารถดำรงอยู่ได้ เรามั่นใจว่านายอภิสิทธิ์จะต้องดูแลนักการเมืองเก่าและดูแลนักการเมืองในพรรคของเขาได้เพียงใด หากพรรคประชาธิปัตย์ก็จะไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อีกประชาชนก็ต้องแสวงหาทางเลือกอื่นที่ย่อมไม่ใช่พรรคการเมืองที่มีอยู่ในปัจจุบันและเราต้องพร้อมที่จะตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกลายเป็นพรรคการเมืองเพื่อการเมืองใหม่ด้วยการตอบสนองความต้องการของประชาชนในเรื่องต่อไปนี้ได้กล่าวคือต้องสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในการเร่งรัดดำเนินคดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพศ. 2550 หรือกฎหมายอื่นใดที่จะเพื่อลดพระราชอำนาจหรือโครงสร้างของสถาบันพระมหากษัตริย์และฟอกความผิดให้กับนักการเมือง ให้คนดีมีความสามารถมาปกครองบ้านเมือง เร่งรัดคดีทุจริตคอร์รัปชันและยึดทรัพย์สินที่โกงชาติไปกลับมาเป็นของรัฐ ให้ประกาศยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกัมพูชา สลายรัฐตำรวจ ดำเนินคดีความและลงโทษผู้ที่ถูกชี้มูลโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเข่นฆ่าประชาชน ยุติการใช้สื่อของรัฐโฆษณาชวนเชื่อและโกหกหลอกลวง ยกเลิกโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและไม่โปร่งใส ปฏิรูปและพัฒนารัฐวิสาหกิจแทนเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติ และนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิม สร้างการเมืองใหม่ทั้งในระดับประเทศกับในระดับท้องถิ่นที่จะต้องสัมพันธ์กัน อย่าทำเฉพาะการเมืองใหม่ในระดับประเทศ ในกรุงเทพฯ-ในระดับจังหวัดก็ต้องทำ

สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาเคยเวทีพันธมิตรฯแต่ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรฯผูกพันกับประชาธิปัตย์ พันธมิตรฯจะไปปกป้องประชาธิปัตย์ แล้วที่คนขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ตอนนี้ถูกตั้งเป็นรัฐมนตรีก็ไม่ได้หมายความว่ามีสัญญาอะไรกับพันธมิตรฯ พันธมิตรฯไม่ใช่ชุมนุมเพื่อสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพันธมิตรฯไม่เคยเดินสายไปหาเสียงเลือกตั้งซ่อมให้กับพรรคประชาธิปัตย์ หรือไปขัดขวางการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยไม่เคยปาไข่ทำร้ายนักการเมือง หรือขว้างอิฐตัวหนอนใส่ ส.ส.แบบมีเจตนาทำร้ายร่างกาย อย่างมากก็แค่ส่งเสียงโห่หรือใช้มือตบขับไล่นายกฯหรือรัฐมนตรีที่เห็นว่าทำผิดกฎหมาย ไร้จริยธรรม เท่านั้น ด้านกลุ่มคนเสื้อแดงมีเป้าหมายชุมนุมเพื่อคนเพียงคนเดียวยิ่งเมื่อหันมาพิจารณาในมาตรฐานในการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มเสื้อแดง ถามว่ามีกี่คดีที่มีการสั่งฟ้องไปแล้วบ้าง ยกตัวอย่างคดีบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผ่านมา 2 ปีกว่าจนบัดนี้ยังไม่ส่งฟ้อง หรือคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงก็ดำเนินไปอย่างยืดยาด ถ้าพิจารณาเปรียบเทียบมันมีความแตกต่างกันหรือไม่ ผิดถูกอย่างไรก็ต้องยอมรับเราไม่ร้อง เราไม่ดิสเครดิตศาล เราไม่หลบหนีในต่างแดนเช่นทุกวันนี้ เราเอาเรื่องชาติ เรื่องสารบัญพระมหากษัตริย์ เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลชุดไทยรักไทยเป็นหลัก เราไม่ควรยึดติดกับนายกรัฐมนตรีคนไหนหรือรัฐบาลพรรคไหน เราเอาเรื่องหลักๆจะต้องเอานักการเมืองเก่าที่โกงกิน-ทุจริตคอรัปชั่นเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้ เชื่อว่าประชาชนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นประเทศไทยเจริญเท่าเทียมอารยประเทศ ประชาชนอยู่ดีกินดี แก้ไขปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจภายใน แก้ปัญหาเรื่องการปฏิรูปการศึกษาซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยมานาน คนชั่วกลัวกฎหมายไม่กล้าทำชั่วอีกต่อไป แม้ว่าเราจะสามารถมั่นใจได้ว่ามาร์คสามารถบริหารประเทศโดยไม่มีนอกมีในแต่ยังเป็นที่สงสัยว่าเขาจะคุมคนในรัฐบาลและพรรคร่วมไม่ให้ทุจริตได้หรือไม่ อีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าพรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะนำพาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใหม่มาด้วยหรือไม่ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์จะต้องให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชั่นก็ในเมื่อในบ้านในเมืองเรา เราสามารถที่จะสร้างถนนไปถึงไหนก็ได้ ไปได้หมด บางท่านถึงเปรียบเทียบว่าปูด้วยทองคำยังได้เลยถ้าไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ทำไมเราประชาชนซึ่งเป็นผู้เสียภาษี ทำไมไม่มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย หรือเป็นโจทย์ที่จะไปฟ้องได้ เวลานี้นายกรัฐมนตรีก็สามารถทำการเมืองใหม่ได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องมีพิธีรีรองอะไรมากเพราะเป็นแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้วางไว้นานแล้ว ทั้งท่านพลเอกเปรมฯ ก็นำมากล่าวย้ำถึงพระราชดำรินี้อยู่ตลอดมาจนทุกคนจำได้นั่นคือ "กำจัดคนไม่ดี อย่าให้คนไม่ดีขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน และส่งเสริมคนดีให้เข้ามาบริหารประเทศ" ถ้าทำได้เช่นนี้ การเมืองใหม่ก็จะเกิดขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขกฎหมายฉบับใด ๆ ถามว่านักการเมืองเลวกับข้าราชการชั่วพวกนี้เขาชอบอะไรมากที่สุด เขาชอบน้ำท่วม ฝนแล้ง และหนาวด้วย ถามว่าทำไมชอบ ถ้าหนาวก็จะได้กินผ้าห่ม ถ้าน้ำท่วมก็จะได้กินปลากระป๋องและกินน้ำปลา จะทำอะไรก็นึกถึงหัวอกเจ้าของภาษีบ้าง เวทีเลือกตั้งต่างจังหวัดและกทม.ครั้งนี้ สื่อมวลชนต่างพาดหัวข่าวว่า..ฝ่ายค้านพลพรรคทักษิณพ่ายแพ้รัฐบาลอย่างหมดรูป นับเป็นการส่งสัญญาณจากประชาชนคนไทย ให้ทักษิณและบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเดิม รวมทั้งพรรคเพื่อไทยและบรรดาพลพรรคเสื้อแดง อันเป็นกองกำลังอันธพาลของทักษิณได้รู้ว่าประชาชนคนไทยต้องการให้โอกาสรัฐบาลบริหารชาติบ้านเมืองฝ่าวิกฤตทุกด้านในห้วงเวลานี้

การครอบงำสื่อโดยทางตรงและทางอ้อมของ “ระบอบทักษิณ” ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโดยรวมของประเทศชาติ สังคมไทย สถาบันกษัตริย์ เมื่อได้รับความนิยมสูงสุดรัฐบาลทักษิณก็ไปเชื่อสิ่งที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า believe in his own propaganda หรือ สิ่งที่เขาสร้างขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริง เขาเลยมองข้ามสถาบันอื่นๆ ที่เป็นที่นิยม เคารพ ศรัทธาของประชาชนไปแล้วทำให้ระบอบนี้ผุดความคิดที่บอกว่าเขาจะทำให้สถาบันเป็นเพียงสัญลักษณ์ก็เริ่มออกมา สื่อไทยเป็นสื่อเสรีจริงๆ ไทยเราได้ให้เสรีภาพกับสื่อทั้งนอกและในปล่อยให้เสรีจริงๆ ถือได้ว่าไทยเรานั้นเป็นประเทศที่มีอยู่ในเรตอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยซ้ำไป สมัยก่อนสำนักข่าวต่างประเทศได้ข้อมูลเชิงลบของประเทศไทยมาจากกลุ่มเอ็นจีโอ และ กลุ่มเจ้าหน้าที่ยูเอ็น สื่อต่างประเทศมักจะทำข่าวในภาพกว้าง ภาพรวมเท่านั้น แต่ไม่ทำเรื่องลึก แต่ในช่วง 7-8 ปีหลัง ข้อมูลเชิงลบของประเทศไทยมันมาจาก บริษัทล็อบบี้ยิสต์และบริษัทประชาสัมพันธ์ สำนักข่าวต่างประเทศมีหลักๆ อยู่ 3 แห่งคือ เอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์ โดยสื่อหลักทั้ง 3 แห่งนี้เขาไม่ได้มีหน้าหนังสือพิมพ์ มีโทรทัศน์ มีวิทยุของตัวเองผลิตข่าวสารขึ้นมาขายให้กับสื่อทั่วโลก อิทธิพลของบริษัทประชาสัมพันธ์ต่อสื่อหลักเหล่านี้มีอยู่บ้างแต่น้อยมาก นอกจากสื่อหลักเหล่านี้แล้วก็ยังมีพวกหนังสือพิมพ์ พวกแมกกาซีน เช่นดิ อีโคโนมิสต์ ไทม์ วอชิงตันโพสต์ ออบเซิร์ฟเวอร์ เดลีเทเลกราฟ เป็นต้น ในช่วงต้นๆ รัฐบาลทักษิณนายพอล แฮนด์ลีย์ (Paul Handley) ได้เขียนหนังสือ The King Never Smile โดยที่เรารู้ว่าอะไรคือของจริง อะไรคือไม่จริงและเราก็ไม่เอะใจ จากนั้นก็เริ่มมีไฮไลต์ของหนังสือส่งเข้ามายังนักข่าวต่างประเทศ แฮนด์ลีย์ตกเป็นเครื่องมือของคนของระบอบทักษิณโดยผ่านบริษัทพีอาร์ของเขาในรูปแบบของเอ็นจีโอ นักสิทธิมนุษยชน นักวิเคราะห์ นักวิชาการของเยล ของเคมบริดจ์ ของฮาร์วาร์ด ต่อมาเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศเขียนถึงพระราชกรณียกิจอันงดงามของในหลวง ก็จะมีบางส่วนที่ใส่เข้าไปว่า หนังสือ The King Never Smile เคยเขียนบางส่วนเอาไว้ว่าอย่างนี้ เขียนเป็นส่วนเสริมข่าวเข้าไปในแทบจะทุกๆครั้งที่มีการตั้งรัฐบาลหรือมีงานเฉลิมพระชนมพรรษา ในหนังสือที่มีบทบรรณาธิการ อย่างนิตยสารดิ อีโคโนมิสต์ แทบจะยกออกมาทั้งหมดเลย (ในดิ อีโคโนมิสต์ฉบับ วันที่ 6-12 ธ.ค. 2551 มีการเผยแพร่บทความเรื่อง “The king and them” และ “A right royal mess”) คนที่เขียนข่าวพวกนี้รับงานมา ส่งมาข้อมูลให้สื่อนั้นจะตัดตอนข้อมูลโดยไม่เขียนว่าทักษิณถูกข้อหาคอร์รัปชันอย่างไร ถูกข้อหาโกงยังไง ถูกข้อหาล่วงละเมิดสถาบันอะไรยังไงเมื่อนานเข้าๆ สื่อนอกเขียนถึงข่าวการปฏิวัติรัฐประหารในแง่ลบของสถาบันเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้มันไม่มีอิทธิพลกับสำนักข่าวหลักๆทั้ง 3 สำนักข่าว แต่มันมีอิทธิพลในเมืองไทยเท่านั้น ถ้าไปดูชื่อผู้เขียนบางคอลัมน์ นักข่าวต่างประเทศคนนั้นๆ ก็รู้ได้เลยว่ารับงานมา อาจจะมีพื้นที่ของตัวเองในสื่อต่างประเทศโดยส่วนใหญ่จะเป็นคอลัมนิสต์ เพราะฉะนั้นในบรรดาผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่มักจะไม่ศรัทธาในเรื่องสถาบันอยู่แล้ว เขาจะเห็นแต่ข่าวลบของพันธมิตรฯ เท่านั้นแสดงว่าพวกประชาสัมพันธ์-ล็อบบี้ยิสต์ทำงานได้ผล บริษัทประชาสัมพันธ์พวกนี้จะเอาข้อมูลของระบอบทักษิณที่เป็นเชิงบวกทั้งหมดป้อนเข้าไป คนของบริษัทล็อบบี้พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทยบ้างก็มีคนต่างประเทศทำกันเป็นแถวเป็นแนว เป็นกระบวนการ สื่อไทยหลายสื่อที่ไม่ชอบขี้หน้าพันธมิตรฯเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากถูกเปิดโปงว่ารับใช้ระบอบทักษิณอย่างหมดเปลือก ก็ยิ่งประโคมข่าว จงใจบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิดอย่างคุณชวน หลีกภัยที่โดนปาไข่ถามว่าเจ้าหน้าที่ไปอยู่ไหนหมด สื่อไทยวันรุ่งขึ้นกลับออกข่าวมาว่า "เสื้อแดงถล่มชวน" แทนที่จะพาดหัวว่า "ม็อบกักขฬะ" สื่อทำให้พฤติกรรมอย่างนั้นเป็นชัยชนะของเสื้อแดงที่เลียนแบบเสื้อเหลือง

--/ (บน) ภาพที่มติชนลงผิดหลังพันธมิตรถูกระเบิด M79 ถล่มในทำเนียบ (เป็นภาพจากหนังสือพิมพ์ มิใช่เว็บไซต์) (ล่าง) เปรียบเทียบกับภาพล่างที่เป็นภาพที่เกิดเหตุจริงซึ่งเป็นหลังคาเต็นท์สูง



--/ นิตยสารดิ อีโคโนมิสต์ ฉบับต้นเดือนธันวาคม 2551 ที่ลงข้อความเท็จและบิดเบือนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของไทย จนทำให้ถูกแบนในเมืองไทย และกระทรวงต่างประเทศไทยต้องประท้วง



ดังนั้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์เพียงแค่กวาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนโดยไม่ต้องไปแก้ไขในต่างประเทศ เพียงแค่แก้ไขหน่วยงานของรัฐ ให้เป็นหน่วยงานของรัฐอย่างแท้จริง ทำกรมประชาสัมพันธ์ให้เป็นกรมประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่กรมประชาสัมพันธ์เป็นเครื่องมือของทุนสามานย์ คุณทำกระทรวงต่างประเทศที่มีกรมสารนิเทศให้เป็นกรมสารนิเทศ ไม่ใช่กรมสารนิเทศของกระทรวงต่างประเทศเป็นหน่วยงานที่อยู่ในอาณัติของระบอบทักษิณ กระทรวงต่างประเทศต้องเปลี่ยน กรมประชาสัมพันธ์ต้องปรับปรุงระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องปรับปรุงระบบ 3 หน่วยงานนี้พอแล้ว ไทยก็น่าจะสามารถเปลี่ยนสื่อไทยได้ การที่ทูตสหรัฐฯ ทูตอังกฤษมาหาคุณอภิสิทธิ์มันบอกชัดเจนแล้วว่าคุณไม่ต้องไปล็อบบี้กับคนอื่นหรอกทูตพวกนี้เขารู้ไส้รู้สันดานของทักษิณหมดแล้ว ถ้าคุณใช้ไปสักพักหนึ่งสื่อนั้นอันตรายที่สุดจะลอบกัดคุณเองให้เสียหายเพราะสื่อ คนที่เล่นกับสื่อตายเพราะสื่อมาเยอะแล้ว

1) จะมีคนใต้ไม่กี่คนที่มีปัญหาในบ้านนี้เมืองนี้ตุ๊ดตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ออกมาพูดบอกว่าตอนนี้ นปช. มีมติออกมาแล้วว่าจะเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ภายในเดือนนี้ โดยจะมีสถานที่ดังต่อไปนี้ 1.ทำเนียบรัฐบาล 2.กระทรวงการต่างประเทศเป็นจุดสำคัญคะ ตุ๊ดตู่บอกว่าเนื่องจากรับไม่ได้ กับการกระทำหลายอย่างของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะการแต่งตั้งแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายคนเข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐบาล (รัฐบาลเจอดีกันแน่ ที่ไปบังอาจตั้งใครนะ สำราญ รอดเพชร ประพันธ์ คูณมี พิเชฐ พัฒนโชติ เป็นที่ปรึกษา) จะไหวหรือก็ที่ผ่านมามันพยายามอยู่หน้าสภาได้วันครึ่งห้องน้ำก็ไม่มีเข้า ข้าวก็ไม่มีกิน น้ำก็ไม่มีกิน เรื่องอะไรมาลำบากรับมา 200 กลับบ้านดีกว่า ตุ๊ดตู่ทำไม่ได้เหมือนพันธมิตรฯ หรอกอย่าพยายามทำอะไรเหมือนพันธมิตรฯ เลย พื้นฐานของการเรียกร้องก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เปลืองสตางค์ของนทช.เปล่าๆ ดูเอาเถอะว่าตุ๊ดตู่ปล่อยไก่หมดเล้าเสียแล้วเมื่อมันกำลังแถลงข่าวถึงภาพการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของนายอภิสิทธิ์โดยขณะเข้าเฝ้าฯ นั่งเก้าอี้ทัดเทียมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บอกตีตนเสมอเจ้า-อ้างสมัยสมักเข่าไม่ดียังไม่กล้า สื่อมวลชนอื่นๆก็ได้ตรวจสอบภาพในอดีตจับโกหกไอ้หัวขวดถึงหน้าหงายภาพ“หมัก”ฟ้อง นี่ขนาดแกนนำเสื้อแดงที่เป็นถึง สส.ผู้ทรงเกือกถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ว่าไปอย่าง จ้าดง่าวขนาด นี่เมื่อวานก็ไปเป็นเพื่อนอีเพ็ญที่ศาล ดีๆนานมากแล้วกว่าพนักงานสอบสวนกองปราบปรามจะได้ฤกษ์นำสำนวนคดีอีเพ็ญ-จักรภพส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ก็เข้าใจหากตุ๊ดตู่หยุดกล่าวหาหรือโจมตีนายกรัฐมนตรีอย่างไม่มีเหตุผลเสียทีนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะหากตุ๊ดตู่หยุดเงินที่จะส่งมาจากท่อน้ำเลี้ยงก็คงหยุดไปด้วย ตัวเองก็ไม่ใช่แค่หนีทหารแต่ตุ๊ดตู่ยังหนีภรรยาคนที่ 1, 2 และ 3 มาแล้วและก็ไม่ใช่แค่นั้นยังมีลูกสาวที่อายุ 8 ขวบอีกคน

2) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.หรือฉายาเขาว่า.นวยทนได้.ไม่ใช่คนที่ไหน คนปักษ์ใต้บ้านเรานี่เอง มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ป.ป.ช.ทั้งคณะเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ปรากฏว่าศาลท่านนำคำฟ้องมาพิจารณาดูแล้วเห็นว่าคดีไม่ครบองค์ประกอบความผิดจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้องและงดการไต่สวนมูลฟ้องดังกล่าวที่ว่านายอำนวยอ้างว่าเขาถูกฟ้องต่อศาลแล้ว เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาสอบเขาอีก นายอำนวยคือ 1 ในฆาตกรให้พรรคพวกตัวเองที่เป็นทนายความ ไปฟ้องต่อศาลต่อว่าป.ป.ช. มันเรื่องอะไรของทนายคนนั้นร้อยวันพันปีไม่เคยเห็น ดาวอยู่บนบ่านายอำนวยไม่ได้ลอยมาจากฟากฟ้าสุราลัยถ้าทำผิดก็ให้กล้ารับผิด

3) ทักษิณทำประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศไว้มากแต่ภาพของทักษิณในต่างประเทศเกิดขึ้นในแง่ลบทั้งนั้นเรียกว่าแบ็คไฟร์ ถ้าการประชาสัมพันธ์ของทักษิณได้ผล อังกฤษจะไม่ถอนวีซ่าและไม่ไม่อายัดเงินของทักษิณ ล็อบบี้ยิสต์นั่นเองทำให้เกิดผลเชิงลบกับทักษิณเป็นบูมเมอแรงที่ย้อนกลับมาเล่นงานตัวเอง