09 กันยายน 2554

ผีโม่แป้งแข่งปั้นผลงาน...

โสภณ องค์การณ์
     
       คำพูดเปรียบเปรยที่ว่า “ผู้ดีเดินตรอก ขี้ครอกเดินถนน” ไม่เพียงพอสำหรับการบรรยายสภาพบ้านเมืองยุคปัจจุบัน! น่าจะเป็นยุค “คนดีต้องหงอ คางคกขึ้นวอ ขี้ครอกครองเมือง” ตามด้วย “กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยถอยจม” ฮ่า!
      
        หรือแค่นี้ยังน้อยไป เมื่อเห็นพฤติกรรมกร่าง ซ่าคับเมือง? ไม่ต่างจากพวกนักเที่ยวผับ บาร์ อาศัยตำแหน่ง บารมี ความเป็นกุ๊ย เบ่งคุกคามชาวบ้าน
      
        โดยธรรมชาติของคนทั่วไป ย่อมดิ้นรนพยายามยกระดับ ฐานันดรภาพของตัวเองให้ดีขึ้น เป็นการพัฒนา มีแต่ยุคนี้คนธรรมดากระสันเรียกร้องอ้างตัวเป็นไพร่ ต่ำชั้นหาเหตุเพื่อช่วงชิงอำนาจจากกลุ่มชนระดับอำมาตย์ เสนาบดี
      
        หรือจะมองอีกมิติหนึ่งคือสภาพเดิมเป็นเพียง “ขี้ครอก” อยากยกระดับตัวเองให้เทียบชั้นเสมอไพร่! เพราะขี้ครอกนั้นคือ “ลูกไพร่” ต่ำชั้นกว่า
      
        ยุคนี้เราจึงเห็นไพร่ หรือลูกขี้ครอกยกระดับเป็นอำมาตย์ แต่งเครื่องแบบ ใส่สูท วางก้าม ยกระดับชีวิตให้สุขสบายร่ำรวย หลังจากเสี่ยงภัยรับบทผีโม่แป้งให้เหลี่ยมร้าย นายทาสยุคทุนนิยมจ้างคนปลุกระดมมวลชนทำลายแผ่นดินเกิด
      
        ขี้ครอกหรือไพร่ได้รับการแต่งตั้งจากผีโม่แป้งระดับนายงานให้เข้ายึดครองตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวง หน่วยงานของรัฐ! แกนนำไพร่แดงได้แปรสภาพเป็นผู้ทรงเกียรติในสภาฯ 500 กลายเป็นแหล่งชุมนุมคนถ่อยเถื่อนสถุล
      
        เป็นสภาพ “คางคกขึ้นวอ” “หมาคอตั้งนั่งเกวียนให้วัวลาก” ฮ่า!
      
        เมื่อได้อำนาจ จึงเร่งใช้ ไม่คำนึงถึงกฎระเบียบ ธรรมเนียม จารีตประเพณีแนวทางปฏิบัติ เหมือนยุค “คนเถื่อนบุกกรุงโรม” หรือ “Barbarians at the gates” 
      
        เมื่อใช้อำนาจปราศจากคุณธรรม ศีลธรรม หลักการ ไม่เห็นประชาชนอยู่ในสายตา ย่อมเกิดความเสื่อม แต่ความผยอง ลำพอง ทำให้สายตามืดมัวเมา นึกว่าอำนาจวาสนาจะจีรังยั่งยืน พยายามอุดช่องโหว่ ไม่ให้พลาด จนถูกไล่ตกเก้าอี้
      
        เหมารวมว่ามวลชนแดงคือพลังประชาชนแท้จริง! หารู้ไม่ว่าของจริง ของแท้คือเสียงส่วนใหญ่ของคนในประเทศ ไม่ใช่คนเสื้อแดงไม่กี่แสนคน แล้วทึกทักว่าพวกอยากได้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เงินเดือน 15,000 บาท คือพลังแดง!
      
        ป่านนี้น่าจะรู้แล้วว่า “สัญญาไม่เป็นสัญญา วิธีเล่นลิ้น ใช้เทคนิคการหาเสียงแบบกะล่อนทอง 18 มงกุฎนั้น ทำให้ชาวบ้าน เหยื่อนักต้มตุ๋นตาหูสว่าง
      
        ความคั่งแค้น เจ็บใจ ของคนเสียรู้ โดนหลอก รุนแรงเสมอ! ความกร่าง ผยองอำนาจ แสดงออกโดยนักการเมือง เหมือนดุ้นฟืนเติมเชื้อไฟทุกวัน!
      
        การย่ำยี โยกย้ายข้าราชการปราศจากระบบคุณธรรม ใช้ข้ออ้างตอแหลสารพัด อ้างว่า “ไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่นโยบาย” เป็นตัวเร่ง! โห! ไม่ใช่นโยบาย ยังเหิมเกริม เย้ยฟ้าท้าดินถึงเพียงนี้ ถ้าประกาศเป็นนโยบาย จะไม่หนักข้อกว่านี้เรอะ!
      
        การใช้กฎหมายผสมวิชาศรีธนญชัยศาสตร์เร่งช่วยเหลือเหลี่ยมร้ายให้พ้นจากโทษจำคุก อยู่เหนือกฎหมาย ทำให้ประชาชนเห็นแววระบบทรราช! ถ้ากระชับฐานอำนาจ ยึดกุมกำลังทุกระดับ บ้านเมืองคงอยู่ไต้ตีนคนไม่กี่ตระกูล
      
        ขุนคลังผีโม่แป้งมาจากไหน! จู่ๆ จะเอาเงินกองทุนสำรองระหว่างประเทศ เงินคลังหลวงไปตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง! เริ่มแรกคณะรัฐมนตรีต้องขายทรัพย์สินส่วนตัว ครอบครัว ชักชวนให้ ส.ส. พรรคเพื่อเหลี่ยมร้ายลงทุนด้วย
      
        จะยอมมั้ย! ถ้าได้กำไรแล้ว ก็เจียดเงินกองทุนสำรองไปลงทุนได้!
      
        ยุคขี้ครอก ผีโม่แป้งทาสน้ำเงินเหลี่ยมร้ายครองเมืองแสดงให้เห็นเจตนาร้ายชัดเจน ไม่กี่วันหลังจากกุมอำนาจรัฐ ก็เร่งทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว พวกพ้อง!
      
        ผู้นำกลวงส่งเสียงเจื้อยแจ้วขอโอกาสได้ทำงาน อ้างความไร้เดียงสา ละอ่อนการเมือง แต่ปล่อยอำนาจให้บรรดาผีโม่แป้งเดินหน้าเต็มสูบ! ฮ่า! โชว์ฟอร์มอหังการได้ไม่กี่ก้าว หัวหน้าทีมเริ่มไปไม่เป็น ชาวบ้านนับวันถอยหลังให้ซะแล้ว
      
        แม้แต่แกนนำแดงกะโหลกใสใบหน้าหนายังรู้ชะตากรรมดีว่าหลังจาก 5 ธันวาคมจะมีเครือข่ายกลุ่มผู้มีบารมีอำนาจแฝงเร้นจ้องเล่นงานให้พ้นอำนาจ! จะโทษใครได้เล่า ก็เข้ามาด้วยอัตราเร่งทุกรายการต้องจ่าย 40 เปอร์เซ็นต์นี่ !
      
        แกนนำไพร่แดงกำลังลิ้มรสชาติชีวิตอำมาตย์ สนุกสนานกับสิทธิพิเศษเหนือประชาชน กินเงินเดือนภาษี แต่รับใช้เพียงเจ้าของคอกผีโม่แป้งเท่านั้น
      
        คำถามที่ยังหาคำตอบรวบยอดไม่ได้คือ “เป็นเพราะการขาดจิตสำนึกด้านผิดชอบชั่วดี มีความโลภใช่หรือไม่ ทำให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ กินเงินเดือนหลวงจนเกษียณเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เนรคุณชาติบ้านเมือง ยอมเป็นผีโม่แป้ง” 
      
        การดันทุรังหาช่องทาง รูหมาลอด ด้านกฎหมายช่วยเหลือเหลี่ยมร้ายให้ได้รับอภัยโทษเป็นความทุเรศของขบวนการผีโม่แป้งจอมตะแบงแหลเข้าไขกระดูก
      
        ท่าที คำพูดมุ่งกดดันสถาบันหลัก แต่ปากอ้างว่าเป็นพระราชอำนาจ!
      
        ยุทธศาสตร์แยกกันหากิน ผลสุดท้ายส่งรายได้เข้าศูนย์รวม ยังเป็นวิธีการเดิมๆ! ผีโม่แป้งทำหน้าที่ได้รับมอบหมาย จะเม้ม ซุกไว้ส่วนตัวไม่ได้! โดนจับได้ไล่ทันมีหวังหลุดจากเก้าอี้ กลายเป็นหมาหัวเน่า ข้อหาบังอาจอมของโจร
      
        อีกคำถามคือ “จะไปแบบไหน เมื่อไหร่ ศพสวยหรือไม่” ให้บ้านเมืองพ้นจากบ่วงเวร สิ้นกรรม! รู้เพียงแต่ว่า “ไม่ช้าก็เร็ว” เท่านั้นนิ! อิอิอิ!!!