หากยังจำกันได้ภายหลังจากการยิงเอ็ม 79 เข้าใส่จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากในช่วงการชุมนุม 193 วันของพันธมิตรฯ กับในการยิงถล่มใส่สนธิ ลิ้มทองกุลจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นับเป็นปีๆแล้วตำรวจก็ไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีแม้แต่รายเดียว กลุ่มคนที่กระทำการน่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันและสามารถทำเรื่องสกปรกทำนองนี้มาอย่างต่อเนื่อง โชกโชน ชั่วช้า ไอ้เดนคนที่น่าสงสัยที่สุดเศษ.แดง การที่เศษ.แดงกล้าออกมาพูดเช่นนั้น ให้สัมภาษณ์แบบนั้นแสดงว่าจะต้องมีผู้หนุนหลังที่ไม่ธรรมดาไม่เหี้ย....มมมมมก็เลวชาติ +เคทอง หมวกขาว+ยิง +พล.อ.พ.+ที่ปัจจุบันไปรับใช้นักโทษชายหนีคดีอย่างเต็มตัวหลังจากได้รับรองเท้าไว้ใส่ตีกอล์ฟใช้แล้วเพียงคู่เดียว กับ+พล.อ.ช.+อดีตนายกฯหน้าปลาตีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ร่วมกับตำรวจเสื้อแดงใส่เกียร์ว่างหนีไปอาบอบนวดกันอยู่ที่ไหน งานนี้ต้องล้างบางสตช.กับกลาโหมครั้งใหญ่สักครั้ง พร้อมกับทำ ISO9600 เศษเหล็กบางชิ้นที่มีมันเกินความจำเป็น เศษคนบางตัวก็หนักแผ่นดิน ควรเอาออกไปได้แล้ว ภาพเศษ.แดงขณะเดินทางไปพบทักษิณและฮุนเซนที่เมืองเสียมราฐเมื่อวันที่ 13 พ.ย.หรามีหลักฐานเป็นรูปถ่ายนับสิบ พล.ต.ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ศึกษา เล่าเรียนและทำงานมาจนอายุปูนนี้แล้วชอบอ้างว่าบอกว่าเป็นชายชาติทหาร เศษ.แดงยังกล้านาธาน ปฏิเสธหน้าตาเฉย “ไม่ใช่ตนอย่างแน่นอน หากตนเองข้ามแดนไปที่เขมร ทำไมหน่วยงานด้านความมั่นคงหรือสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่รู้ คนในภาพคงเป็น เศษ.แดง 2 ที่หน้าเหมือนตนเท่านั้น” จริงๆแล้วเป็นชายขายชาติในคราบทาสทหาร ไม่เข้าใจว่ากองทัพปล่อยให้นายทหารยศนายพลออกไปกอดกับศํตรูของชาติ
นายแก้วสรร อติโพธิตัวแทนคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) ขึ้นเบิกความพยานโจทก์ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องให้ทรัพย์สินจำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทพร้อมดอกผลของทักษิณ พจมารและครอบครัวรวมทั้งผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินรวม 22 รายการให้ตกเป็นของแผ่นดินเนื่องจากทักษิณมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ และได้ทรัพย์สินมาเนื่องจากการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวมขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายสุพจน์ ธีรเกาศัลย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่าและนางเนติมา เอื้อธรรมาภิมุข อดีตผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือแทคเปิดข้อมูลมัด "วินมาร์คฯ" ของทักษิณ
ร่องรอยหนึ่งที่ถูกนายแก้วสรรตามแกะจนนำไปสู่ข้อสันนิษฐานว่าที่ทักษิณและพจมารอ้างว่าได้ขายหุ้นชินคอร์ปให้กับพานทองแท้ไปแล้วนั้น แท้จริงแล้วเป็นการขายหลอกๆ ตั๋วสัญญาใช้เงินมูลค่า 5,000 กว่าล้านบาทที่ลูกออกให้พจมารโดยอ้างว่าเป็นค่าหุ้นธนาคารทหารไทย 150 ล้านหุ้น ๆละ 10 บาทและใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ 300 ล้านหน่วย ๆละ 10 บาทรวมเป็นเงิน 4,500 ล้านบาท ในตลาดมีราคาเพียงหุ้นละ 5.70 บาทและใบสำคัญแสดงสิทธิมีราคาหน่วยละ 1.30 บาทหนำซ้ำใบสำคัญแสดงสิทธิที่พจมารได้มานั้นไม่มีต้นทุนเพราะเป็นของฟรีแถมพ่วงมาตอนซื้อหุ้น ถ้าไม่ใช่แม่โกงลูกก็เป็นเพราะลูกไม่รู้เรื่องการโอนขายหุ้น จ่ายเงินค่าหุ้นหรืออะไรทั้งสิ้น ตอนให้การลูกจึงทำไปโดยซื่อตามบทที่มีผู้เขียนไว้ให้ท่องจำและยังมีหลักฐานว่าเงินที่นำมาซื้อหุ้นนั้นมาจากบัญชีของพจมารเอง ตั๋วสัญญาใช้เงินของลูกที่อ้างว่าจ่ายเป็นค่าหุ้นธนาคารทหารไทยให้แม่นั้นแท้จริงแล้วน่าจะเป็นการโอนเงินปันผลของชินจ่ายเข้าบัญชีชื่อลูกกลับไปให้พจมารซึ่งแสดงว่าลูกเป็นเพียงผู้ถือหุ้นแทนเท่านั้น
เอสซี แอสเสทฯปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่แท้จริง วินมาร์คฯ ให้ทรัสต์ในเกาะฮ่องกงซื้อหุ้นชินคอร์ปจากทักษิณจำนวน 1,500 ล้านบาท ทรัสต์แห่งนี้ได้รับมอบหมายจากกองทุนบลูไดมอนของทักษิณและพจมารให้ซื้อหุ้นชิน เงินค่าซื้อหุ้น 300 ล้านบาทโอนมาจากบัญชีธนาคารในสิงคโปร์ 3 แห่งที่มีชื่อทักษิณและพจมารเป็นเจ้าของ ส่วนอีก 1,200 ล้านบาททรัสต์บนเกาะฮ่องกง แมธีสัน ทรัสต์โอนเงินซื้อหุ้นชิน จากนั้นวินมาร์คฯ มอบให้ธนาคารยูบีเอสสิงคโปร์เป็นผู้จัดการหุ้นชินในตลาดหุ้นไทย ในการจัดการหุ้นให้บริษัทวินมาร์คฯของยูบีเอสสิงคโปร์ปรากฏว่ามีการถือครองหุ้นเกิน 5% ก.ล.ต.จึงสงสัยและตรวจพบว่าหุ้นที่ถือเกิน 5% นั้นเป็นหุ้นชินคอร์ปฯ ที่ถือในนามบริษัทแอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัดที่ทักษิณยอมรับว่าเป็นของตนเองและขายให้พานทองแท้กับพินทองทา ดังนั้นก.ล.ต.จึงสงสัยไว้ก่อนว่าหุ้นชินในวินมาร์คฯ และแอมเพิลริชฯ เป็นของคนคนเดียวกันคือทักษิณ เอสซี แอสเสทฯ ภายใต้การบริหารของวินมาร์คฯได้ตั้งกองทุน 3 กองทุนคือกองทุนแวลู แอสเสท ฟันด์ (VAF) กองทุนโอเวอร์ซี โกรวธ์ ฟันด์ (OGF) และกองทุนออฟชอว์ ไดนามิค ฟันด์ (ODF) ประเทศมาเลเซียเข้ามาถือครองหุ้นแทน นับตั้งแต่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพัน์ 2544 จนถึงวันที่มีการลงนามซื้อขายหุ้นชินให้เทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 ทักษิณยังคงความเป็นเจ้าของชินคอร์ปโดยสมบูรณ์ บริหารกิจการส่วนตัวไปพร้อมๆกับการว่าราชการแผ่นดินไปด้วย ต่อมาเอสซี แอสเสทฯจึงถูกดำเนินคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น การจัดตั้งกองทุนลับซิเนตรา ทรัสต์ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดว่าถือหุ้นบลูไดมอนด์และบลูไดมอนด์ถือหุ้นอยู่ในวินมาร์คบนเกาะบริติช เวอร์จิ้น 100% ผู้รับประโยชน์จากทรัสต์ดังกล่าวคือทักษิณ พจมารและลูกๆ
นโยบายของรัฐบาลทักษิณที่ให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยแก่รัฐบาลพม่าจำนวน 4,000 ล้านบาทเกิดขึ้นจากยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) อดีตคนร่วมรัฐบาลเดียวกันอย่างสุรเกียรติ์ เสถียรไทยก็ยังเห็นว่าการปล่อยกู้ดังกล่าวเป็นประโยชน์กับพม่าและบริษัทเอกชนแต่รัฐไม่ได้ประโยชน์ แม้ได้มีการคัดค้านในที่ประชุม ครม.แต่ไม่สำเร็จทำให้สุรเกียรตื์ งัดเอกสาร ที่เคยทำถึงสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตอนเป็นรมว.ต่างประเทศเพื่อแจ้งความเห็นประกอบการพิจารณาในที่ประชุมครม.เรื่องการปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า 4,000 ล้านบาทเมื่อ 17 พฤษภาคม 2547 ซึ่งสาระสำคัญของเอกสารคือการชี้ให้เห็นว่าทักษิณสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์เพิ่มวงเงินกู้ให้พม่าอีก 1,000 ล้านบาทผ่านมติ ครม.จากเดิมที่มีการเจรจาไว้ 3,000 ล้านบาทแล้วชินแซทฯ ได้รับประโยชน์จากเงินกู้ก้อนนี้ไปเต็มๆ การที่เอ็กซิมแบงก์ให้รัฐบาลพม่ากู้ยืมเงินจำนวน 4,000 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 3% ซึ่งต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กู้ยืมมาเป็นผลให้กระทรวงการคลังต้องจ่ายเงินส่วนต่างคืนเอ็กซิมแบงก์รวมจำนวนประมาณ 670 ล้านบาท นั้นเนื่องจากต้องทำตามนโยบายของรัฐบาล ที่มีมติ ครม.ออกมาในขณะนั้น โดยเอ็กซิมแบงก์ทำสัญญาโอนเงินให้กับธนาคารการค้าต่างประเทศของประเทศพม่า ซึ่งได้ทำสัญญาให้จ่ายเงินจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาให้กับบริษัทชินแซทเทิลไลท์ต่อมาบริษัทชินแซทฯ ถึงโอนเงินจำนวน 5.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับ บ.ฮาตาริ ประเทศพม่า จากนโยบายดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ยังแบกรับดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินมาให้ประเทศพม่ากู้ดอกเบี้ยต่ำ แม้กระทรวงการคลังจะจ่ายเงินชดเชยให้กับธนาคารเอ็กซิมแบงก์ก็ตาม
ความสามารถในการแข่งขันระหว่างกับเอไอเอส แทคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากภาครัฐเนื่องจากเอไอเอส ไม่ต้องเสียค่าเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ หรือ เอ็กซ์เซป ชาร์จ ให้กับ กสท ส่วนแทคจะต้องเสียค่าเอ็กซ์เซปชาร์จ ในอัตรา 200 บาท ในการให้บริการแบบโพสต์ เพด POST PAID ส่วนการให้บริการแบบพรีเพด PRE PAID จะเสียในอัตรา 18% ซึ่งเป็นความเลื่อมล้ำของการทำสัญญาทำให้แทคไม่สามารถแข่งขันกับเอไอเอส ได้อย่างเป็นธรรม
ทักษิณและครอบครัวมีเงินซุกซ่อนอยู่ต่างประเทศที่เป็นจำนวนมหาศาลตั้งแต่ก่อนและระหว่างดำรงตำแหน่งโดยมิได้ยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สิน เงินส่วนใหญ่ที่ยังซุกซ่อนอยู่และได้จากธุรกรรมใดยังคงเป็นปริศนาอยู่ มีการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของชินฯ อย่างมโหฬาร นี่คือยอดของภูเขาน้ำแข็งของระบอบทักษิณซึ่งโผล่พ้นน้ำเพียง 1 ใน 3 ยังมีเรื่องราวพิสดารมากมายถึงเพียงนี้แล้วใต้ผิวน้ำลงไปจะมิยิ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งกว่านี้อีกหลายเท่าหรือ ยังมิได้พูดถึงบริษัทกำมะลออีกมากมายที่มีข้อมูลเชื่อมโยงให้เห็นว่าทักษิณบงการและเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังอาทิ ซิเนตร้าทรัสต์, ไอเอไอ พร็อพเพอร์ตี้, เอสซี ออฟฟิซ ปาร์ค, เวิร์ธ ซัพพลายส์, พีที คอร์ปอเรชั่น, เอสซีเค เอสเตท, บี.พี. พร็อพเพอร์ตี้ และแวลู แอสเซทส์ ฟันด์, กองทุนโอเวอร์ซี โกรว์ธ ฟันด์ อินซ์และกองทุนออฟชอร์ ไดนามิค ฟันด์ อินซ์
อัยการโจทก์ได้เตรียมนำนายสุนัย มโนมัยอุดมอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขึ้นเบิกความเกี่ยวกับคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทเอสซี แอสเสทฯและนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่า 26 พ.ย., 1 ธ.ค.,3 ธ.ค.หรืออาจจะมีวันที่ 8 ธ.ค.อีกวันหนึ่ง จากนั้นหลายฝ่ายคาดกันว่าองค์คณะตุลาการผู้พิจารณาสำนวนคดีนี้น่าจะนัดหมายให้ทั้งสองฝ่ายแถลงปิดคดีและตามด้วยกระบวนการนัดอ่านคำตัดสินภายใน 30 วัน
คุณสุนัยในฐานะอดีตตุลาการที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยและทำงานตรงไปตรงมา ไม่กลัวอิทธิพลการเมืองของระบอบทักษิณ การเข้าทำคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทเอสซีเอสแซทฯ ของคุณสุนัย ตอนเป็นอธิบดีดีเอสไอก็สามารถไขปริศนาเงื่อนงำการทำธุรกรรมอำพรางของบริษัทแห่งนี้ด้วยการตกแต่งและปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นของเอสซีฯ ผ่านกองทุนลับ และบริษัทกระดาษที่จดทะเบียน ณ บริติชเวอร์จิ้นมาหลายปี แบบที่สามารถทำให้คนในครอบครัวชินวัตร-ดามาพงศ์ผู้ถือหุ้นใหญ่เอสซีฯได้อับอายกันทั้งแผ่นดิน ก่อนหน้านี้คุณสุนัยเคยถูกรัฐบาลพังประชาชนสั่งย้ายจากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอไปเป็นเลขาธิการป.ป.ท. ก่อนที่คุณสุนัยจะขอทำเรื่องโอนกลับไปเป็นตุลาการหลังโดนคำสั่งย้ายดังกล่าว และยังเคยถูกทีมทนายความของทักษิณแจ้งกองปราบปรามดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทที่สภ.อ.วังน้อยจนมีการออกหมายจับและนำกำลังไปรอจับกุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่คุณสุนัยกลับจากต่างประเทศแต่ทำไม่สำเร็จเพราะได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายทหารเสียก่อน ฝ่ายทักษิณจึงจะพยายามทำลายน้ำหนักของคุณสุนัย มโนมัยอุดมผู้ที่สังคมส่วนใหญ่เชื่อมั่นในตัวคุณสุนัยสูงยิ่งในการเบิกความด้วยการอ้างว่าเป็นฝายตรงข้าม อดีต อธ.ดีเอสไอ “สุนัย มโนมัยอุดม” เบิกความคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ยัน แม้ว-อ้อ เป็นเจ้าของ บ.วินมาร์ค เป็นนอมินีถือหุ้นเอสซี แอสเซท แถมปกปิดสาระสำคัญการถือหุ้นก่อนนำเข้าตลาดหลักทรัพย์
สุรเกียรติ์ เสถียรไทยอดีต รมว.ต่างประเทศในยุคระบอบทักษิณมาเบิกความเพื่อแสดงให้เห็นว่าการปล่อยกู้ของเอ็กซิมแบงก์ ให้กับรัฐบาลทหารพม่า 4 พันล้านบาทเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทักษิณร่ำรวยผิดปกติ ใช้อำนาจหน้าที่การเมืองแสวงหาผลประโยชน์กับฝ่ายตัวเอง สุรเกียรติ์ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเอ็กซิมแบงก์ อัยการก็เลยจะนำสุรเกียรติ์ขึ้นเบิกความคดียึดทรัพย์แทน แต่เพราะทักษิณหนีคดีศาลจึงต้องจำหน่ายคดีเอ็กซิมแบงก์ออกจากสารบบชั่วคราว ทักษิณไม่มีทางเลือก ไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้แล้วจึงต้องดิ้นรนอย่างสุดขีด ทำทุกอย่าง ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้ได้ สมคบกับอดีตนายกฯหน้าปลาตีนและฮุนเซนชักศึกเข้าบ้าน ทั้งกระทบ กระแทก จาบจ้วงสถาบัน โดยไม่ปิดบังอำพรางอีกต่อไป ทั้งแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด ปลุกระดมให้กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมป่วนเมืองในช่วงวันมหามงคลของคนไทยทั้งประเทศ ภรรยาฑูตอเมริกาอย่างโซเฟียไปทานข้าวกับคนบ้านจันทร์ส่องหมาถึงสามครั้ง แดงสยามพยายามลงสื่อประโคมข่าวพร้อมเสื้อแดง ปล่อยข่าวเปรียบเทียบยกตัวอย่างความล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย พูดถึงการทลายคุกบาสติลเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ปี ค.ศ.1789 ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันคล้ายวันก่อตั้งพรรคไทยลักไทย เขมรกดดันหนักขึ้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยสมคบกับแกนนำคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทยที่ไม่เคยรับผิดชอบต่อการเมืองคอยบงการอยู่เบื้องหลังคนเสื้อแดงบอกให้นายกรัฐมนตรียุบสภา อ้างว่าเพราะไม่สามารถบริหารประเทศได้แล้ว
เมื่อทุกอย่างไม่อำนวย คดีความก็งวดลงทุกทีๆ หลังจากไปรับใช้เขมรและในจังหวะที่หนักหนาสาหัสประจวบกับการพูดจาจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง ทำให้ถูกกระชากหน้ากาก ได้ภาพคนขายชาติ-หมิ่นในหลวงติดตัวจนแกะไม่ออก ยอมเสียสละส่วนรวมเพื่อส่วนตัว ชาวบ้านเขาเห็นธาตุแท้มากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนเมื่อรู้ความจริงที่ถูกปิดบังมานานมวลชนเริ่มชิ่งหนี การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงของทักษิณที่กำหนดดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ถึงวันที่ 3 ธ.ค. อาจเรียกได้ว่าเป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก็ว่าได้ ความไม่บังควรไม่ต้องไปพูดถึงกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนคนมากมาย แบ่งแยกระดมกันเป็นสายๆ ทั้งเหนืออีสานและภาคกลางที่แม้จะมีการอมค่าหัวคิวกันบ้างก็ยังรับได้ สำคัญตรงที่ต้องแรงและป่วนเข้าไว้ แกนนำคนเสื้อแดงประกาศว่าสู้ม้วนเดียวจบโค่นรัฐบาลโค่นอำมาตย์ลงให้ได้ มีการปูแนวความคิดว่าจะเหมือนการล้มลงของราชวงศ์โรมานอฟ ล้วนเป็นการใส่ความคิดนิยมความรุนแรงให้คนเสื้อแดง เป็นการปลุกเร้าให้เห็นผลสำเร็จของการชุมนุม แดงทักษิณ - เจ๊งทั้งแผ่นดิน คนเสื้อแดงจะเข้ามาปิดล้อมถนนสายสำคัญๆ ทั่วกรุงเทพฯ แล้วจะไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเหมือนช่วงเมษาฯเลือด คนเสื้อแดงคงเตรียมจะไปหาเรื่องผู้คนในย่านที่คนเสื้อแดงจัดชุมนุมเหมือนเคยเรื่องที่เกิดขึ้นกับชุมนุมนางเลิ้ง รวมถึงเพชรบุรีซอย 7 แล้วโยนให้เป็นความผิดของแดงเทียม ไม่เคยรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น หากยังไม่สำเร็จ หลัง 13 ธันวาคมจะกลับมาอีกรอบใหม่และมีแนวโน้มว่าจะแรงกว่าเดิม ต้องปิดเกมก่อนผลการตัดสินจะออกมา หากศาลยึดทรัพย์เกมป่วนเมืองจะยุติลง เพราะคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยไม่มีเงินมาเคลื่อนไหวทำกิจกรรมการเมืองทั้งในสภาและนอกสภา ศาลตัดสินยึดทรัพย์แน่นอน
ทักษิณตั้งใจที่จะใช้ผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาเป็นเครื่องมือในการพยายามที่จะล้มระบอบประชาธิปไตยแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขให้ได้ ไม่ก็จะมีคอมมิวนิสต์แท้คิดจะใช้ทักษิณกับพวกล้มรัฐบาลและล้มระบอบประชาธิปไตยแบบมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้วฉวยโอกาส ปฏิวัติซ้อน หลังจากที่รับไม่ได้ที่ทักษิณได้แต่อ้างอย่างคลุมเครืออยู่แต่เรื่องความสามารถของตนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจแต่หมกมุ่นอย่างเปิดเผยในการกลบเกลื่อนคดีความผิดของตนแล้วกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างก็หวังว่าจะได้ประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น
ทักษิณที่อยากกลับไทยอย่างผู้ชนะและยิ่งใหญ่ จึงต้องสู้-สู้-สู้และสู้ให้ทุกอย่างจบลงในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2552 หรือจบช้าที่สุดก็ราวต้นปี 2553 นี้เพื่อล้มรัฐบาลและยึดอำนาจรัฐไทยจากอภิสิทธิ์ที่สามารถกอบกู้สถาบันหลักของชาติทั้งสามสถาบันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในสภาในครม.ด้วยความช่วยเหลือของอำนาจของชาติในศาล ใครจะเป็นฝ่ายแพ้-ชนะ อย่ากะพริบตาสถานการณ์แบบนี้มีกลุ่มสีเขียวและสีน้ำเงินของเสือห้อยแอบซุ่มรอโอกาสทองในการขย้ำเหยื่อ เพื่อก้าวขึ้นเถลิงอำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จแทน ทักษิณมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่เพื่อให้ตัวเองได้ทรัพย์สินที่ถูกอายัดจากความร่ำรวยผิดปกติและกลับมาผูกขาดอำนาจได้อีกครั้งเท่านั้น ถึงแม้จะไม่ชนะแต่ก็ขอลากคนอื่นให้ฉิบหายด้วยก็แล้วกัน โหร สว.ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์กล่าวไว้ว่า “พอถึง 30 ก.ย. 52 ดาวเสาร์ ดาวบาปเคราะห์จะย้ายมาทับลัคนาในราศีกันย์และเล็งมฤตยูในราศีมีนและราหูเดิมเพราะฉะนั้นทักษิณจะยิ่งลำบากลำบนสาหัสกว่าเดิมเยอะแยะเลยและอยู่ตรงนี้อีก 2ปีครึ่ง และมฤตยูเล็งลัคให้โทษถึง 7 ปีเต็มเพราะฉะนั้นทักษิณจะลำบากลำบนมากกว่าเดิมอีกมากเหลือเกินซึ่งผมเคยทำนายไว้ตั้งแต่ปี 51 เป็นช่วงวิกฤติทักษิณจะลำบากลำบนมากกว่านี้ ผมเคยเตือนทักษิณให้หยุดจะได้ใช้เงินที่มีอยู่เป็นประโยชน์แก่ชีวิต อย่าทำอะไรมากกว่านี้แต่แกไม่เชื่อผม ตอนนี้เป็นอย่างผมพูด ก็ไม่ใช่ผมเก่ง แต่ผมมีจรรยาบรรณผมทำนายตามกระแสดวงดาวไม่ใช่กระแสเงิน”
หลายคนอาจคิดว่าชีวิตความเป็นอยู่มหาเศรษฐีที่ถูกอายัดเงินกว่า 8.6 หมื่นล้านบาททั้งในไทยและในยุโรป พร้อมกับมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปีจากคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ ในดูไบคงเป็นไปอย่างลำบากเพราะต้องพลัดที่นาคาที่อยู่อาหารการกินก็คงไม่ถูกปาก เขายังคงมีชีวิตไม่ต่างอะไรกับที่อยู่ในเมืองไทยไม่ต่างอะไรกับมหาราชา ฟู่ฟ่าและเปิดเผย ทุ่มซื้อคฤหาสน์หรูเพียบ ซื้ออสังหาริมทรัพย์และบ้านเอาไว้หลายต่อหลายแห่ง คฤหาสน์หมายเลข E46 ซอยแยกที่ 10 จากถนนเมนคือเลขที่คฤหาสน์ของทักษิณ อีกโครงการหนึ่งอยู่ที่ Dubai Creekไม่ต่ำกว่าหลักสิบล้านหรืออาจจะถึงร้อยล้านบาท ที่ดินถมทะเลราคา 800 ล้านอย่าง The Palm Jumeira คนท้องถิ่นยังไม่ซื้อกันเลยแต่สามารถขายได้สำหรับมหาเศรษฐีที่มีเงินเหลือกินอย่างทักษิณที่ซื้อเบิร์จดูไบ - Burj Dubai ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกเอาไว้อีก 1 ชั้นอีกต่างหาก ส่วนรถยนต์ที่ทักษิณใช้ก็ Bentley ทะเบียน F54155 มีคนของกระทรวงการต่างประเทศคอยดูแลและเทกแคร์อย่างเอาใจใส่ราวกับว่า คนผู้นี้ยังเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยไม่ใช่นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน
ชีวิตประจำวันของทักษิณนั้นนอกจากทวิตเตอร์หรือโฟนอิน เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้หมดไปกับการชอปปิง เข้าคาราโอเกะ ดื่มไวน์ ตีกอล์ฟ และออกกำลังกายบนลู่วิ่งที่บ้าน เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีคนเป็นฝูงเดินตาม มีสาวๆ แวดล้อมเป็นจำนวนมาก อาหารการกินก็สมบูรณ์พูนสุขเพราะสารพัดเมนูที่คิดถึงจะถูกส่งตรงมาจากประเทศไทย มีพนักงานรับใช้เป็นคนไทยไม่น้อยกว่า 7 คนที่ทั้งคอยดูแลชีวิตความเป็นอยู่และทำอาหารไทยที่ถูกปากได้ทุกชนิดซึ่งจะเห็นได้ว่าเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย เสพได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ร้านอาหารร้านหนึ่งที่นักโทษชายหนีคดีแวะมากินแทบทุกอาทิตย์ก็คือร้านเสต็กชื่อดังอย่างบุชเลอร์ ปกตินอกจากเงินแล้วทักษิณมักจะมอบกรอบรูปหรือนาฬิกาที่มีรูปของตัวเองให้นักการเมืองที่เดินทางไปพบเป็นที่ระลึก พอได้สตางค์ก็ทิ้งของขวัญเอาไว้ในห้องเกลื่อนไปหมด พนักงานโรงแรมถามก็บอกว่าไม่ได้ลืมแต่ไม่อยากหิ้วกลับ
ในส่วนความเชื่อของทักษิณที่ได้รับการดูดวงจากหมอดูอีที ว่า ถ้าหากอยากชนะทุกศึกให้ยึดเลข 10 เป็นหลัก ไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้มีเลข 10 แล้วจะประสบความสำเร็จ ซึ่งตัวทักษิณยึดถือเรื่องนี้มาตลอด แต่สำหรับตนแล้ว อยากจะบอกว่า เลข 10 ของทักษิณถือว่าไม่เป็นผลดีกับตัวเอง เพราะเมื่อตกเลขศูนยที่ตัวหลัง ถือว่าไม่ว่าจะทำการใด ก็ไม่มีทางสำเร็จ และที่สำคัญ จะไม่มีวันได้กลับประเทศไทยด้วย โดยสุดท้าย จะไม่เหลือแม้แต่ซาก รวมทั้งความเชื่อตามหลักโหราศาสตร์ ได้ระบุดวงทักษิณไว้ว่า จะกระจุยกระจายกลางอากาศ แต่วันนี้ทักษิณชอบหมายเลข 10 มากหวังว่าจะเป็นเลข 10 ในประเทศไทย ดังนั้นในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศจะต้องเดินชนและฝันฝ่ากับกำแพงเหล็กอย่างทหารกับประชาชนที่ยังคงจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และการทูตระหว่างประเทศที่จะให้การยอมรับและให้การรับรองรัฐบาลที่ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย แต่เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้าหมายเลข 10 หมายถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ชีวิตมักระทมขมขื่น ทุกทรมาน เพราะโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนหรือปัญหายุ่งยากภายในครอบครัวหรือปัญหาการงาน จมอยู่ในห้วงทุกข์อย่างหนักก็ได้ มักมีอุปสรรค บริวารมักให้โทษ อาภัพ เป็นเลขที่ให้คุณและโทษ โรคภัยไข้เจ็บของหมายเลข 10 คือโรคหัวใจทุกรูปแบบ เช่น กร้ามเนื้อหัวใจ ความดันโลหิต การหมุนเวียนเลือด มะเร็ง
คำนิยมที่พบจากแหล่งข่าว - Goodness's Taksin A-Z
A = avaricious (ละโมบ โลภมาก)
B = brazen-faced (หน้าหนา ห้าห่วง)
C = corruption (ทุจริตเป็นนิสัย)
D = disgusting (น่าขยะแขยง)
E = egocentric (เอาประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่)
F = forget oneself (หลงตัวเอง)
G = greedy (หน้าเลือด)
H = homeless (มีตังค์ แต่จรจัด)
I = immoral (ไร้ศีลธรรม)
J = jailbird (น.ช. นักโทษชาย)
K = killer (ฆาตกรเลือดเย็น)
L = lecherous (บ้ากาม)
M = mean person (คนเห็นแก่ตัว)
N = never enough (ไม่รู้จักพอ)
O = obsessed with power (บ้าอำนาจ)
P = purely bad (เลวพันธุ์แท้)
Q = quibbling (ชอบเล่นลิ้น ตลบตะแลง)
R = refuse to admit wrong (ไม่ยอมรับผิด)
S = show off (อวดรวย), square face (หน้าเหลี่ยมจ้า)
T = trespass the royal (จาบจ้วงเบื้องสูง)
U = unusual richness (รวยผิดปกติ), useless (ไร้ค่า)
V = varanus (ตะกวด)
W = wicked (ชั่วร้าย)
X = xxx (ชอบอย่างว่า...)
Y = yellow streak (ขี้ขลาดตาขาว)
Z = zig-zag (ตรงไปตรงมารวยช้า ซิกซิกไปมารวยเร็วดี)
ชั่ชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ความดีของทักษิณ ตั้งแต่ ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูกดีเหลือเกิน ไม่รู้จริงหรือเปล่า
ก – โกงกิน
ข – ขายชาติ
ค – คบคนพาล
ฆ – ฆ่าตัดตอน ยาเสพติด
ง – งก ไม่จ่ายภาษี
จ – จาบจ้วงเบื้องสูง
ฉ – ฉ้อฉล แปลงกฏหมายเพื่อประโยชน์ตน
ช – ชั่วหาที่เปรียบมิได้
ซ – ซับซ้อน ซ่อนกลเพียงเพื่อผลประโยชน์
ญ – ญาติตูต้องมาก่อน
ฐ – ฐานะดี แค่ไหน ก็โกงได้ไม่อายฟ้าดิน
ฒ – เฒ่าหัวงู มักมากในกาม
ด – แด๊ก ไม่รู้อิ่ม
ต – ตบตาคนจน
ถ – ถร่อย เถื่อนทางจริยธรรม
ท – ทำลายเศรษฐกิจชาติ
ธ – ธรรมชาติลงโทษ
น – นำหางแดงเผาบ้าน เผาเมือง
บ – บ้าอำนาจ หลงตัวเอง
ป – ประจาน ประนามประเทศตัวเองออกสื่อนอก
ผ – ผูกขาดตัตอน ยอกย้อนผลประโยชน์ชาติเข้าตน
ฝ – ฝากความเลวร้ายไว้บนแผ่นดิน
พ – พูดปด มดเท็จ
ฟ – ฟันข้าราชการดี ๆ ออกนอกเส้นทางโกง
ภ – ภูมิใจในความเลวของตัว
ม – ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
ย – ยักยอกทรัพย์สมบัติชาติ
ร – รกโลก จนต้องร่อนเร่
ล – ลักลอบขนเงินออกนอก
ว – วิดีโอลิ้งค์ ปลุกระดมให้เผาบ้าน เผาเมือง
ศ – เศษคน กากเดนมนษย์
ส – สนับสนุน คอร์รัปชั่น
ห – หน้า (หมา) ตัวเมีย
อ – อธรรม ตัวหัวหน้า
ฮ – เฮี่ย … ไม่มีที่สิ้นสุด
