23 ตุลาคม 2552

เรียกร้องให้รัฐบาล ยกเลิกเพิกถอนการทำลายอธิปไตยของไทย

12 ต.ค. 52  ภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหารเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาล ยกเลิกเพิกถอนมติรัฐสภาเมื่อวันที่ 28 ต.ค.51 เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก เพิกถอน การพิจารณาบันทึกการประชุม JBC 3 ฉบับที่บรรจุร่างข้อตกลงชั่วคราวไทย-เขมร ฉบับ 6 เม.ย. 52 ที่กรุงพนมเปญซึ่งมีเจตนารมณ์ยืนยันการใช้แผนแม่บท พ.ศ. 2546 พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลให้ข้อมูลกับยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก เรื่องการชี้มูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)และขอให้รัฐบาล รัฐสภาหน่วยงานทีเกี่ยวข้อง ไม่ว่าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-เขมร(ฝ่ายไทย) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม เลิกกีดกันประชาชนและให้ข้อมูลกับประชาชนที่ทันต่อเหตุการณ์  มติที่ประชุมสภาเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 นั้นถือเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมติดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 เนื่องจากมีผลต่อการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยอย่างชัดเจนนอกจากนี้มติดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยจำนวนมากแต่ประชาชนไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลเลย  ตัวแทนภาคีเครือข่ายยังประณามรัฐบาลที่ปล่อยให้สมชายกระโปรงอดีตนายกฯ และนพดล ปัสสาวะอดีตรมว.ต่างประเทศไปให้ข้อมูลผิดๆ ต่อชาวบ้านภูมิซรอลอ.กันทราลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แทนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีหรือนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศจะเดินทางไปให้ข้อมูลที่ถูกต้อง   นายคำนูณ สิทธิสมานระบุว่าไทยควรจะมีการตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาโดยนำทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาหารือกันเพื่อแก้ปัญหารวมถึงยกระดับคณะกรรมการชายแดนขึ้นมาเป็นปัญหาระดับชาติให้พ้นมือกระทรวงการต่างประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพกรมสนธิสัญญา ยกระดับงานพระวิหารเป็นโต๊ะเจรจาขึ้นมาเพราะเรื่องนี้ตนเชื่อว่าจะเป็นปัญหาใหญ่มากในอนาคตซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็เชื่อว่าเขมรจะต้องนำประเด็นเขตแดนพระวิหารเข้าสู่การเจรจาระดับพหุพาคีของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติซึ่งอาจจนำกลับขึ้นไปสู่ศาลโลกอีกครั้งจึงเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไข    ด้านนายปราโมทย์ นาครทรรพนักวิชาการกล่าวว่าตนคิดว่ายังมีทางแก้ไข โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งเรื่องนี้รัฐสภาจะทำตามลำพังไม่ได้ต้องให้ภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ขณะเดียวกันตนก็มีความเป็นห่วงข้อเสนอของ ส.ว.คำนูณโดยเกรงว่ากว่าถั่วจะสุกงาก็จะไหม้เพราะไม่ทราบว่ารัฐบาลจะทำตามที่เสนอหรือไม่เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความเขลาของผู้นำและกลไกรัฐรวมถึงผู้นำทางทหาร ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนนักธุรกิจการค้าที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนซึ่งเป็นการทำลายอธิปไตยของไทย

13 ต.ค. 52  เขมรรีบร่อนบันทึกทางการทูตถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทยรุกให้ไทยนำกรณีพิพาทพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหารเข้าเจรจาในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานในเดือน ต.ค. นี้หลังจากที่นายกษิต ภิรมย์รมว.ต่างประเทศของไทยให้สัมภาษณ์ว่าจะเสนอที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในครั้งนี้จัดตั้งกลไกแก้ไขปัญหาพิพาทระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน, กองทัพเขมรได้เผยเขี้ยวเล็บสำคัญรวมทั้งขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานกับจรวดหมู่ GRAD ที่ผลิตในอดีตสหภาพโซเวียตกับรถถังที่ยังมีสภาพดีจากจีนเป็นการสำทับคำขู่ของผู้นำเขมรที่เคยเตือนจะยิงใช้เครื่องบินไทยที่บินล้ำน่านฟ้าพิธีในสวนสนามของกองพลน้อยที่ 70

16 ต.ค. 52  เขมรจะยุติการผลักดันปัญหาพิพาทายแดนด้านเขาพระวิหารเข้าเป็นวาระในการประชุมสุดยอดกลุ่มอาเซียนกับหุ้นส่วน 6 ประเทศซึ่งจะจัดขึ้นที่หัวหินสัปดาห์หน้านี้ โฆษกของเขมรกล่าวว่าการตัดสินใจนี้มีขึ้นหลังจากนายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้ส่งหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศเขมรอธิบายถึงความเข้าใจผิดของบรรดาสื่อ เขมรจะถอนข้อเสนอดังกล่าวออกไป และ ไทยได้ยืนยันมาตลอดที่จะไม่นำปัญหาชายแดน
ที่ถือเป็นปัญหาทวิภาคีให้ขยายออกไปเป็นปัญหาของหลายฝ่าย   ในอดีตเขมรได้พยายามแม้กระทั่งนำเอากรณีขัดแย้งระหว่างสองประเทศเข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) ปีที่แล้วระหว่างที่เวียดนามทำหน้าที่ประธาน UNSC แต่ไม่สำเร็จท่ามกลางการคัดค้านของไทยและในที่สุดได้ยอมถอนวาระออก

20 ต.ค. 52   คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนวุฒิสภาร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินการของรัฐและภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทพระวิหารจัดเสวนาเรื่อง "คณะกรรมการมรดกโลก : ชนวนความขัดแย้งระหว่างไทย-เขมร"  อยากให้เข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียประโยชน์คือแผนที่ในภาคผนวก 1 ( เอเนกซ์ 1 ) ที่ต่อท้ายคำฟ้องของเขมรต่อศาลโลกซึ่งเป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยฝรั่งเศสฝ่ายเดียวและมีนายทหารเขมรเข้าร่วมด้วยโดยไม่มีคนไทยร่วมเดินสำรวจ      ซึ่งรัฐบาลตั้งแต่ปี 2505 ก็ยายามรักษาดินแดนไว้โดยไม่ยอมรับแผนที่ดังกล่าว   แต่ทั้งนี้เกิดจุดเปลี่ยนในปี พ.ศ. 2543 ในยุครัฐบาลนายชวน หลีกภัย ที่ได้ปลุกผีไปลงนามเอ็มโอยู
และไปเขียนยอมรับแผนที่ดังกล่าวอีกครั้งจนทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะต้องตอบคำถามเรื่องนี้ต่อสังคมด้วย     นอกจากนี้ยังมีการปลุกผีไม่คัดค้านแผนที่ภาคผนวกของเขมรจนส่งผลให้คณะกรรมการมรดกโลกมีมติอัปยศให้เขมรมีสิทธิ์ในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอีกครั้งในสมัยนพดล ปัสสาวะเป็นรมว.ต่างประเทศ   อย่างไรก็ตามปนะชาชนก็ได้เห็นแนวโน้มในอนาคตที่ดีขึ้นเพราะขณะนี้มีหลายฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว
จึงส่งผลให้รัฐบาลไทยเริ่มตระหนักซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลคงจะซื้อเวลาต่อไปและยื้อไม่ให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน  นายเทพมนตรี ลิมปพยอมนักวิชาการประวัติศาสตร์กล่าวตอบโต้ฮุนเซนนายกรัฐมนตรีเขมรที่ประกาศจะไม่ยอมรับและจะฉีกแผนที่การปักปันเขตแดนบริเวณปราสาทพระวิหารที่ประเทศไทยเตรียมจะเสนอต่อเขมรซึ่งตนเห็นว่าฮุนเซนจะทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะแผนที่ของไทยผ่านการลงพระปรมาภิธัย แต่ฮุนเซนเป็นเพียงแค่ไพร่ที่โชคดีได้ขึ้นมาเป็นเจ้าเท่านั้นซึ่งเมื่อกล่าวจบนายเทพมนตรีได้ฉีกแผนที่แสดงอัตราส่วน 1:200,000
บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร พร้อมประกาศว่าถ้าคนไทยคนไหนนำแผนที่นี้มาใช้ถือเป็นคนที่ทรยศต่อชาติ    ในระหว่างการเสวนาได้มีการล่ารายชื่อประชาชน โดยการนำของ ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิจัย 9 สถาบันไทยคดีศึกษา ม.ธรรมศาสตร์เพื่อทำหนังสือร้องเรียนไปยังเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ  ผู้อำนวยการใหญ่ องค์การยูเนสโก  ประธานคณะกรรมการมรดกโลก และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบองค์กร
และบุคคลโดยในหนังสือดังกล่าวระบุว่าการขึ้นทะเบียนที่ผ่านมาได้สร้างปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างประเทศไทยและเขมรทำให้ประชาชนทั้งสองประเทศทุกข์ทรมานจากข้อขัดแย้ง  มีทหารเสียชีวิตถึง 6 นาย   คณะกรรมการมรดกโลก ฉ้อฉลและไม่ยึดหลักธรรมาภิบาลอาจกล่าวได้ว่าไม่มีประโยชน์ต่อวิถีของประชาชน    ฟรังซัวส์ ริวิเยร์ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโกกระทำการแทรกแซกกระบวนการความตกลงระหว่าไทยกับเขมรโดยจัดทำแถลงการณ์ร่วมฉบับวันที่ 22 พ.ย. 51 และฉบับลงนามโดยคณะรัฐมนตรี 18 มิ.ย. 51 รวมทั้งกระทำการเร่งรัดให้ไทยและเขมรเร่งทำตามมติคณะกรรมการมรดกโลกซึ่งอยู่นอกเหนือระเบียบขององค์การยูเนสโกจงใจกระทำการอันเป็นอธรรม เบียดเบียนอธิปไตยของไทย

20 ต.ค. 52  ชวลิต ยงใจยุทธอดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคเพื่อไทยตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการเดินทางไปพบฮุน เซนนายกรัฐมนตรีเขมรในวันที่ 21 ตุลาคมว่าเป็นการเจอกันในฐานะเพื่อนแล้วสมเด็จฯฮุน เซน ก็เป็นเพื่อน(ชั่ว ...นิรันดร)ที่ดีของทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี

22 ต.ค. 52  ฮุนเซนอหังการเขย่าความสัมพันธ์ไทยประกาศสร้างบ้านหรูให้นักโทษหนีคดีที่ชื่อทักษิณซุกหัว  ลั่นเขมรมีอธิปไตยเป็นเอกราชอย่ามายุ่ง  อ้างเมียถึงกับร้องไห้เพราะสงสารเพื่อนถูกกลั่นแกล้ง  พรรคเพื่อไทยปัดทักษิณตั้งฐานทัพป่วนชาติที่เขมร  ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยทันทีว่าทางไทยและเขมรได้มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันอยู่  หากฮุนเซนจะให้ทักษิณอาศัยอยู่ด้วยอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้และตนเชื่อว่าฮุนเซนคงมีความอาวุโสทางการเมืองพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น,  ตัวแทนกลุ่ม 40 ส.ว.ร่วมกับภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหารเดินเทางเข้ายื่นหนังสือร้องสหประชาชาติเรียกร้องให้ตั้งกรรมการสอบสวนองค์กรและบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการผลักดันการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของเขมรโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟรองซัวส์ ริวิเยร์, นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงหลังประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ย้ำความร่วมมือระหว่างกันในภูมิภาค พร้อมระบุว่าการที่ฮุนเซนประกาศให้ความช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีถือเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ,  กลุ่ม40 ส.ว.เรียกร้องคนไทยรุมประณามฮุนเซนแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยกล่าวหาว่าทักษิณ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากประเทศไทยจนไม่มีแผ่นดินอยู่และประกาศสร้างบ้านพักพร้อมให้ทักษิณเข้ามาพำนักในประเทศ  นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่สมเด็จฮุนเซนมีท่าทีไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำประเทศเพื่อนบ้านที่มีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ประกาศยิงคนไทยที่ล้ำเขตแดนและจะฉีกแผนที่ที่แสดงว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ในอาณาเขตประเทศไทย ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนของคนไทยให้ตอบโต้คำกล่าวเท็จของสมเด็จฮุนเซ็นอย่างเป็นทางการเพื่อแสดงถึงศักดิ์ศรีของประเทศเอกราชที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมมายาวนานไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของใครและไม่เคยยอมสงบต่อการกระทำอันมีลักษณะลบหลู่และตระบัดสัตย์ของประเทศเพื่อนบ้านและในฐานะที่ในปีนี้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนด้วย  หากไม่ดำเนินการก็ไม่ควรที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไปและไม่ควรนิ่งเฉยหรือไปแก้ต่างให้    การกระทำของชวลิต ยงใจยุทธที่เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ไปพูดคุยและนำคำพูดบิดเบือนของฮุนเซ็นมาเผยแพร่เหมือนเป็นการโหมฟืนเข้ากองไฟ
และอาจพิจารณาได้ว่าเสมือนเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านทั้งๆที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดีชั้นมหาโยธิน  เพียงเพื่อปูทางขึ้นสู่บัลลังก์นายกอีกครั้ง  ในเฮือกสุดท้ายของทักษิณใกล้เข้ามารอมร่อด้วยกรณีคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านใกล้จะตัดสินไม่ค่อยประหลาดใจที่ทักษิณและ ฮุนเซนจะเลือกจังหวะนี้ประกาศคำรักกันดูดดื่ม

ในการต่อสู้ช่วงชิงดินแดนรอบๆ เขาพระวิหารระหว่างสองชาติเป็นประวัติศาสตร์ที่เจ็บปวดของคนไทยมาในอดีตตั้งแต่ศาลโลกยกพื้นที่ให้เขมร    รัฐบาลแต่ละยุค ฝ่ายทหารและความมั่นคงก็เพิกเฉยมาโดยตลอด จนกระทั่งคุณสนธิ ลิ้มทองกุลในครั้งที่จัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรยุคแรกๆ ที่สวนลุมพินีปี 48 มองเห็นวาระซ่อนเร้นของรัฐบาลทักษิณที่คิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตนแอบเจรจาลับๆ กับเขมรที่จะนำไปสู่การเสียอธิปไตยให้เขมรรอบใหม่อีกจึงเปิดประเด็นให้สังคมทราบ   ครั้นพอคุณสนธิเปิดประเด็นหลายฝ่ายก็หันมาสนใจในเรื่องนี้ยกเว้นฝ่ายที่คุมอำนาจรัฐ ฝ่ายความมั่นคงที่มีท่าทีเฉยเมยเหมือนไม่รับรู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านของเมือง  คนในรัฐบาลทักษิณ นักการเมือง ฝ่ายความมั่นคง นักวิชาการบางคนขณะนั้นถึงกับหัวเราะเยาะท้องคัดท้องแข็งและพูดจาเหน็บแหนมและบิดเบือนกล่าวหาว่าคุณสนธิและมวลชนผู้รับฟังรายการ บ้า และคลั่งชาติ    ถึงนาทีนี้ นักการเมือง เศษๆและเหล่ากเฬวรากทางการเมืองจะฉลาดขึ้นบ้างมหรือไม่เพราะพวกนี้หิวเงินมากกว่าหิวอาหาร     แต่จะมีคนไทยบางกลุ่มบางจำพวกสงสัยบ้างหรือไม่ว่าตลอดเวลากว่า 5 ปีทำไมพี่น้องร่วมชาติส่วนหนึ่งถึงยอมเจ็บปวดถูกตราหน้าว่าเป็นพวกคลั่งชาติ

23 ต.ค. 52  เจ้าหน้าที่ในพระวิหารได้จ้างคนงานสร้างบันไดสูง 300 เมตรเพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทพระวิหารได้ง่ายยิ่งขึ้นจากฝั่งเขมรหลังจากไม่สามารถจะขึ้นจากฝั่งไทยได้ในขณะนี้โดยเชื่อว่าสะพานดังกล่าวจะสร้างความพึงพอในให้แก่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่ชอบการผจญภัย, รัฐมนตรีข่าวสารเขมรเมื่อวันพฤหัสบดีปฏิเสธรายงานข่าวนายกรัฐมนตรีฮุนเซน เสนอสร้างบ้านให้ทักษิณที่พนมเปญชี้เป็นการกล่าวอ้างที่ผิดพลาดของสื่อมวลชน ยันส่งกลับประเทศทันทีตามข้อผูกพันส่งผู้ร้ายข้ามแดน,  รัฐบาลเขมรได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งในวันศุกร์นี้ระบุว่าจะไม่ส่งตัวนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรให้แก่รัฐบาลไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน โดยอ้างว่าสัญญากับไทยมีข้อยกเว้นกรณีที่ ผู้ร้ายดังกล่าวตกเป็น เหยื่อทางการเมือง หรือ ผู้ร้องขอมีจุดประสงค์จะนำไปลงโทษทางการเมือง

สมเด็จพระนโรดมสีหนุเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา ได้เสด็จฯ ไปตามทางลาดชันของหน้าผ้า ก่อนจะทรงปีนบันไดลิงขึ้นไปยังปราสาท



นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีคำแถลงที่ออกในนามโฆษกรัฐบาลเขมรปฏิเสธให้ความเห็นในขณะนี้ โดยขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน, สุเทพ เทือกว่าเรื่องนี้ฮุนเซนได้บอกกับตนแล้ว เพียงแต่ว่าตนไม่ได้นำมาขยายความให้เป็นประเด็นทางการเมือง, ฮุนเซนและคณะได้เดินทางถึงไทยตอบคำถามสื่อฯว่าตอบได้หลายอย่างแต่เห็นว่าเป็นเหตุผลทางด้านมนุษยชน คนไทยเป็นล้านๆ เสื้อแดงก็เป็นผู้ที่สนับสนุนทักษิณ แล้วทำไมข้าพเจ้าซึ่งเป็นเพียงเพื่อนซึ่งอยู่ห่างไกลจะไม่สามารถสนับสนุนทักษิณได้ , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ได้แถลงผลการประชุมสุดยอดอาเซียนนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนกังวลว่านายกฯฮุนเซนอาจได้รับข้อมูลไม่ถูกต้อง...และคิดว่า นายกฯฮุนเซน จะต้องคิดให้ดีว่าจะยืนยันการตัดสินใจที่จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์และผลประโยชน์ร่วมกันของคนทั้ง 2 ชาติ เพื่ออะไร คือ ผมก็เห็นว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความอาวุโสอย่าไปเป็นเหยื่อและเป็นเบี้ยให้ใครเลย

22 ตุลาคม 2552

เชียงใหม่หนาวมาก ประทศไทยหนาวกว่ามากมาย



"จะทำอะไรก็ขอให้คิดให้รอบคอบ  ไตร่ตรองให้รอบคอบ ซึ่งผมใช้คำว่าไตร่ตรองให้รอบคอบ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นการกระทำที่เป็นการทรยศต่อชาติ" วรรคทองเขย่ามโนธรรมสำนึกของใครต่อใครทั่วประเทศเป็นที่โจษจันท์ไปทั่วบ้านทั่วเมืองของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

คิดต่อไปได้ทันทีว่าเพื่อไทย ทำกิจกรรมอะไร   มีเป้าปมายอะไรซ่อนเร้น   โดยทั่วไปพล.อ.เปรมจะไม่ค่อยให้สัมภาษณ์มากนัก   พล.อ.เปรมท่านใช้วิธีนิ่งมาตลอด   ต่างจากครั้งนี้ที่ตั้งใจพูด  ถือว่าไม่ธรรมดา  ไม่ยอมตกเป็นเป้านิ่งให้ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว  โดยเฉพาะการให้ร้ายหาว่าพล.อ.เปรมไม่ยอมประนีประนอมไกล่เกลี่ยกับทักษิณอันเป็นเรื่องเป็นเรื่องของความถูกและผิด ดีกับชั่ว ขาวกับดำ ที่ใครทำผิดก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ   ขณะนี้พล.อ.จิ๋วนำขบวนอดีตนายทหาร อดีตข้าราชการระดับสูง ทหารแก่บางรุ่น อดีตทหารรับจ้าง  อดีตกบฎหลายสมัย อดีตดาราไปเข้าคอก กล้าทรยศพระเจ้าอยู่หัว  กล้าทรยศประชาชน กล้าทรยศภาษีของปวงชน แห่พากันไปเป็นขี้ข้ารับใช้ทรราช อะไรจะโง่งมงายถึงขั้นแยกไม่ออกว่าตัวเองกำลังรับใช้ใครอยู่ เคยเป็นถึงผบทบ., ผบสส., นายกฯก็เคยเป็น  แก่จนปูนนี้  ไม่มีสำนึกสาธารณะ  ไม่รู้ว่าความรักชาติมีความหมายว่าอย่างไร จะบวชล้างกรรมสักกี่ครั้งก็ไม่หมด มีทั้งความโลภและความกลัว ยังจะมาเสียคนเอาตอนแก่ช่างน่าสมเพศ  แต่ก็ดี คนบางคนแสดงออกว่า เป็นคนดี มีคุณธรรมกว่าจะรู้เกือบจะตายแล้ว  แต่ถ้าแค่สู้เอาเงินสักก้อนก่อนตายไว้ให้คนหลังดีกว่าอยู่เปล่าก็พอทำเนา  ชาวบ้าน ตาสีตาสา จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ไอ้และอีแอบทั้งหลายก็จะได้ลดปริมาณลง  บรรดาอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่ระดับที่เคยได้รับเหรียญรามรามา เข็มกล้ากลางสมร  เคยดื่มน้ำพระพัฒน์สัตยา  เคยกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญญาน  ฯลฯ  ครั้งแล้วครั้งเล่า...จู่ๆ ก็สิ้นคิดเสียอย่างนั้น  อย่างตท.10 เลี้ยงหลานอยู่บ้านได้ไม่กี่วันเหงาสู้หอบสังขารมาหาเงินดีกว่า แต่เศษ.แดงปากเปราะบอกพวกโง่เซ่อพวกนี้เข้าไปก็จะทำให้พรรคของทักษิณเสียหมด ว้า งานเข้า งานคิดร้ายต่อชาติและราชบัลลังก์  ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้ง่ายๆ  แต่คนที่ทำผิดซ้ำซากต่อประเทศ  คิดร้ายต่อผุ้มีอุปการะคุณ แบบนี้ น่าจะดูสมัคร สุนทรราชไว้เป็นตัวอย่างบ้าง ช่วงท้ายของชีวิตมีแต่เสื่อม แทบจะไม่มีมีคนยกย่องนับถือ แม้ว่าเจ็บป่วยเจียนจะตาย แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่อยากอโหสิกรรมให้

ก็ในเมื่อคนทักเมื่อคนเตือนแล้วไม่ฟังความหมายก็ไม่ต่างจากคนทรยศชาติดีๆ นี่เอง  เมื่อย้อนดูพฤติกรรมของเจ้าของคอกและแก๊งค์ที่ได้กระทำย่ำยีต่อชาติบ้านเมืองอย่างไรบ้าง มีคดีทุจริตติดตัว หลบหนีคดี มีคำพูดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างตรงไปตรงมา นอกเหนือไปจากการโจมตีสถาบันองคมนตรีและตัวพล.อ.เปรมอย่างรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องพฤติกรรมดังกล่าวไม่ต่างอะไรกับการทรยศชาติ   ดังนั้นการไปเข้าร่วมที่เหมาะเจาะกับเวลาที่กลุ่มคนเสื้อแดงของทักษิณกำลังนัดชุมนุมก็ต้องหมายถึงเป็นคนในขบวนการทรยศชาติด้วย

ก็น่าแปลกตท. 1, 9, 10 และรุ่นอื่นๆบางคนจึงเห็นดีเห็นงามกับนโยบายพรรคเพื่อคนหนีคุก  สงสัยว่าหลักสูตรตท.คงล้มเหลว  แถมยังออกมาประกาศว่ายังประกาศว่ารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แต่กลับมีพฤติกรรมอยู่ตรงกันข้ามกับคำพูด ยุยงส่งเสริมให้มวลชนเสื้อแดงพูดจาจ้วงจาบหยาบช้าต่อตัวแทนในหลวง เห็นผู้ร้ายคนโกงบ้านกินเมืองเป็นคนดี

 “ผมแน่ใจว่า ทักษิณไม่เคารพพระมหากษัตริย์" คำพูดของพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร  หลังที่อ่านพบบทสัมภาษณ์ทักษิณในหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ฉบับวันที่ 20 เมษายน 2552 พล.ต.อ.วสิษฐประกาศแน่วแน่นับแต่นั้นมาว่าจะไม่ใช่ยศหน้าชื่อของทักษิณเพราะเหตุว่าเขาไม่สมควรที่จะใช้ยศนำหน้าชื่อต่อไปแล้ว   เมื่อหมดอำนาจไปเรื่องการหมิ่นสถาบันก็เกิดขึ้นมาอย่างผิดสังเกต  การให้สัมภาษณ์คราวนั้นทำให้ผมแน่ใจว่าทักษิณไม่เคารพ ไม่สักการะพระมหากษัตริย์อย่างที่คนไทยควรจะเป็น   ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าประธานองคมนตรีและองคมนตรีอีกสองคนจะกำจัดทักษิณถวายก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน   การโจมตีองคมนตรีก็เท่ากับเป็นเชิงแนะว่าพระมหากษัตริย์ทรงตั้งองคมนตรีเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ตามพระราชอัธยาศัยอย่างผิดๆ  เจตนาของการให้สัมภาษณ์ตีความเป็นอื่นไม่ได้ว่าตัวเองนั่นแหละที่ตั้งใจที่จะทำให้สถาบันเสื่อม     พล.ต.อ.วสิษฐเชื่อว่าคนไทยส่วนมากยังตระหนักดีว่าการที่เมืองไทยอยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะพระมหากษัตริย์เมืองไทยเราปกครองด้วยระบอบนี้มานานเหลือเกินร่วมๆ 790 ปีตั้งแต่ก่อนสุโขทัยคนไทยยังไม่เคยขาดความรู้สึกที่ว่ามีประมุขเป็นพระมหากษัตริย์มาเรื่อยจนปัจจุบัน  เราอยู่กันด้วยความสุขความสงบ มีปัญหาบ้างเราก็แก้ได้  พระมหากษัตริย์ทรงมีส่วนอย่างยิ่งในการให้โอกาสการเมืองให้พัฒนาประชาธิปไตย  ถ้าประชาธิปไตยไม่พัฒนาอย่าไปโทษพระมหากษัตริย์  ให้โทษนักการเมือง โทษคนอื่นที่มีหน้าที่

ยังต้องรอดูกลุ่มมวลชนเสื้อเหลืองและเสื้อแดงในเชียงใหม่ที่เป็นบ้านเกิดของผู้ร้ายหนีโทษอาญาจำคุก, บางส่วนได้พบปะสงบศึก  ฟื้นฟูการท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมา ธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่หย่อนใจ ศูนย์การค้า รวมทั้งเกสต์เฮ้าส์ ต่างอยู่ในสภาพร่อแร่ ทนรับสภาพกับการขาดรายได้ต่อเนื่องไม่ไหวอีกแล้ว  สถานการณ์จากวิกฤติเศรษฐกิจก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้วอันธพาลเสื้อแดงทำตำบอนซ้ำเข้าให้อีก ยังโชคดีที่ได้หมีแพนด้ามาช่วยเอาไว้  พวกอันธพาลเสื้อแดงเที่ยวไปประท้วงขับไล่ฝ่ายที่ตัวเองไม่ถูกโฉลก ยกพวกเข้าราวี ทำร้ายร่างกาย รุมซ้อมเจ้าหน้าที่ศาล  ยกพวกใช้อาวุธฆ่าฟันคนกลางเมือง    ผลงานของอันธพาลเสื้อแดงทำให้เชียงใหม่เสียหายมหาศาล  รายได้ลดลงแต่ก็นั่นเล่าตราบใดที่แกนนำหัวโจกนักล่าเบี้ยเลี้ยงยังรับคำสั่งจากนายใหญ่ การเจรจากันระหว่างกันจะไม่สำเร็จสมบูรณ์แน่นอนแค่นี้ก็พิสูจน์แล้วว่า ใครทำร้ายและทำลายบ้านเกิด แผ่นดินเกิด  หากคนเชียงใหม่ไม่รีบตัดสินใจไม่ลงมือทำและไม่เริ่มแก้ไขตั้งแต่วันนี้ก็คงยากที่เชียงใหม่จะดึงคนให้กลับไปเที่ยวได้เหมือนเดิมอีก

นักวิชาการบางกลุ่มพยายามบิดเบือนคือเรื่องเดียวคือองคมนตรีว่าเป็นอุปสรรคให้ประชาธิปไตยไทยไม่พัฒนา ทักษิณต้องการกลับมาแบบไร้ราคีซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ คดีทุจริตติดตัวพวกนั้นมีทางเดียวเท่านั้นคือต้องพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์อย่างที่อ้างเสมอๆนั้นจริงๆ  ศาลก็ได้ให้โอกาสกลับหนีไปเสีย  หากถูกจำคุก 2 ปีโอกาสที่จะอุทธรณ์ก็มี คดีอื่นที่เหลือก็ยังรอการพิสูจน์อยู่  สมมุติว่าทักษิณลองหยุดโฟนอินและหยุดจ่ายเงิน  อีก 2-3 วันสถานการณ์เปลี่ยน ปัจจัยหนึ่งขึ้นอยู่กับทักษิณซึ่งถ้าไม่มีการจ่ายเงินก็คงไม่เกิดการชุมนุม   หากไม่เลิกจะทำอย่างนี้หรือยื่นเงื่อนไขทำนองนี้มันก็จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ    สิ่งที่เราเคยคิดว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ  คนไทยทั่วไปตื่นเต้นมากที่เกิดดาวเทียมไทยคมดวงแรกของประเทศ  สมเด็จพระสังฆราชทรงไปเจิมให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรแต่จู่ๆ ไปขายให้สิงคโปร์ เป็นการตบหน้าคนไทยทั้งประเทศเพราะเหตุว่าเอาสิ่งที่เราภูมิใจเอาสมบัติของชาติไปขายให้คนต่างชาติ

คำพูดที่กล่าวหาด่าทอเปิดศึกไปทั่วทิศของทักษิณนักโทษหนีคดีทุจริตหลายคดีในเวลานี้ มักอ้างว่ากำลังปลง  อ้างว่าให้อภัยกับทุกคน  มุ่งมั่นสนใจแต่เรื่องธรรมะ กำลังกล่าวพาดพิงด่ากราดไปหมด  โทษคนนั้นคนนี้ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น นอกจากไม่ยอมรับในกระบวนการยุติธรรมยังใช้คำพูดกล่าวหาศาลว่าเป็นการยุติความเป็นธรรมแล้วยังเที่ยวพูดจาให้ร้ายต่างๆ นานา   ยังหาว่ารัฐธรรมนูญเผด็จการ  สื่อไม่เป็นอิสระ หาว่ารัฐบาลยื้อฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ   ทุกคำพูดที่สะท้อนออกมาเต็มไปด้วยโมหะ โทสะ โลภะและมุสา  ดิ้นรนทุรนทุราย   มีเจตนาเหมือนสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมือง   กำลังสะท้อนให้เห็นว่า เขากำลังยืนอยู่ในมุมอับมีเวลาจำกัด  คดีความเริ่มงวดเข้า  7.6 หมื่นล้านที่ถูกอายัดกำลังจะสิ้น

พฤติกรรมทรยศชาติที่เราเห็นๆ ในวันนี้มีหลายรูปแบบในหลายวงการ ปล่อยข่าวลืออันไม่เป็นมงคลล้มเจ้าอาศัยพระอาการประชวรมาใช้เคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ  การสนับสนุนหรือแม้แต่วางเฉยกับพฤติกรรมการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูง  ใส่ร้ายป้ายสี แอบอ้าง ก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง เพียงเพื่อมุ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกด้านลบต่อสถาบัน หวังผลได้ทั้งเงินและอุดมการณ์แบบคอมมิวนิสต์  การทำลายผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ  เป็นการทำลายผลประโยชน์ส่วนรวมของแผ่นดิน  ขบวนการปล่อยข่าวทุบหุ้นเพื่อช้อนซื้อมีขบวนการปล่อยข่าวล้มเจ้าใช้ล๊อบบี้ยิสต์ป้อนข่าวให้กับสำนักข่าวอาศัยพระอาการประชวรปล่อยข่าวทั้งในและต่างประเทศสอดคล้องกับการเผยแพร่บทความของนายใจ(รัญ)แซ่อึ้งและพวก  ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ครั้งนี้เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับน้องชายของทรราชคนนี้  ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน

30 กย.- 1 ตค. ปล่อยข่าว  |  13และ14 ตค. แพร่กระจาย  |  14 ตค.โหมสะพัดอย่างแรง -- คิดในเชิงสัญลักษณ์พ้องกับ 14 ตุลาฯ ในอดีต  |   ปรากฎว่าหุ้นร่วงกราวรูดในวันที่ 15-16 ต.ค.ที่ผ่านมา   เรื่องใหญ่ขนาดนี้ลำพังนักลงทุนไม่กล้าแน่นอน     ใครเป็นคนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอดีตถึงปัจจุบัน และนักวิเคราะห์อาวุโสที่สิงคโปร์คือใคร สัมพันธ์กับใคร นักธุรกิจการเมืองคนใดเคยขายหุ้นและกิจการกับสิงค์โปร์ และกองทุนกิจการของประเทศไหนเข้ามาลงทุนมหาศาลในไทย พรรคการเมืองใดที่ถูกยุบไป   พรรคการเมืองเกี่ยวข้องกับบรรดาแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีต  ใครร่วมกันคิดปฏิญญาฟินแลนด์   ปฏิญญาฟินแลนด์คืออะไร    หุ้นราคาตก  หรือหากสถาบันของไทยสั่นคลอน  ใครจะได้ประโยชน์นั่นเอง

เมื่อราคาหุ้นในตลาดกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้งเพียง 2 วันอุบาทว์มูลค่าตลาดหุ้นไทยหายไปถึงกว่า 4 แสนล้านบาทในอีกไม่กี่วันก็จะมีคนรวยขึ้นเท่ากับมูลค่าดังกล่าว    เคยมีคนบ่นหลังเหตุการณ์ต้มยำกุ้งเมื่อปี2540 ว่าหากรู้ก่อนแม้เพียงนาทีเดียวก่อนจะมีการลดค่าเงินก็จะทำให้รวยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว   นักธุรกิจการเมืองบางคนคาดเดาไว้ล่วงหน้าพอดี  ซื้อประกันความเสี่ยงทั้งหมด  เก็บเงินสกุลต่างประเทศไว้ที่หมู่เกาะแดนไกล  ใครกำลังทำอะไรไว้ให้ย้อนกลับมาเป็นเหมือนครั้งนั้น  แต่คราวนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว

ทักษิณที่กำลังจะเตรียมเปิดตัวหนังสือ"คนไทยหายจน (เสียดาย...ถูกปล้นเสียก่อน)"กินปูนร้อนท้องท้าทายให้ส.ว.ที่พาดพิงน้องชายออกมาปล่อยข่าวว่าจะไปสู้กันในศาล   คงจะกลัวว่าหนังสือ"คนไทยเกือบมรณา (สมน้ำหน้า...ถูกปฏิวัติเสียก่อน)"จะดังกว่าหรือ    ไอ้ที่เคยบอกว่าบอกว่าเชื่อมั่นในระบบศาลสถิตยุติธรรมของไทย ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายตอนอยู่ในอำนาจแล้วมาบอกว่าศาลไทยมี 2 มาตรฐานตอนหนีคดีอาญาไปเร่ร่อนนั่น  ตัวเองยังไม่เชื่อศาลเลย ท้าทำไม(วะ)

ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุลร้อนใจอักษรย่อ “ว.ช.” ระบุว่าไม่ใช่ตนแน่นอน  ตนเล่นหุ้นไม่เป็น แต่มีหุ้นอยู่หลายตัวเหมือนกัน  คนที่ออกมาปล่อยข่าวเป็นพวกประสงค์ร้ายต่อประเทศชาติ  คนที่รักสถาบันอย่างแท้จริงจะไม่นำสถาบันมาเกี่ยวข้องเช่นนี้  ตนเองต้องออกมาปกป้องทักษิณเพราะตนยืนอยู่บนความถูกต้องไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก (ขณะนี้ท่านผู้หญิงตนนี้กำลังทำลายในสถาบันท่านผู้หญิง ท่านที่ดีๆ ยังมีอยู่ถมเถไปแต่ท่านผู้หญิงตนนี้เห็นผู้ร้ายคนโกงบ้านกินเมืองเป็นคนดี)

คนดีของท่านผู้หญิงทำเรื่องดีๆไว้เยอะแยะไปหมด ฯลฯ ทักษิณ กับธงที่ให้ชาวบ้านไปรอต้อนรับ           ทักษิณ ที่วัดพระแก้ว         ทักษิณ บอกให้ในหลวงมากระซิบ                        วีระ มุสาไปวันๆแกนนำนปชเคยติดคุกเพราะต้องคดีอะไร            อีเพ็ญไม่ผิดแต่หนีทำไม                                สุชาติ นาคบางไทร อดีตแกนนำ                พิษณุ พรหมสร ไอ้นี่แกนนำรุ่นสองสีแดง                 อีลากไส้ดา ตอปิโด               เสื้อแดงเขียนข้างโลงที่เผาว่าอย่างไร    ฯลฯ  

รัฐบาลต้องทำอย่างเอาจริงเอาจังมากกว่านี้ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้วด้วยซ้ำว่าต้องพิจารณาปัญหาความมั่นคงทั้งระบบ ข่าวปล่อยอุบาทว์ครั้งนี้มาจากอดีตนายกฯคนหนึ่ง เชื่อมกับความเคลื่อนไหวต่างๆ เช่นการชุมนุมของคนเสื้อแดง   การไม่ยอมอยู่กับบ้านเลี้ยงหลานของจิ๋ว

ทักษิณต้องการเปิดเกมแรงในช่วงนี้เพราะไม่สามารถรอการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยที่ตั้งเป้าโค่นล้มรัฐบาลหรือต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 ได้อีกต่อไป เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าศาลฎีกาจะมีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทในราวเดือนธ.ค.นี้   ถึงแม้ว่าเม็ดเงินที่ยังมีอยู่ในกระเป๋าของอดีตทักษิณในเวลานี้มีแนวโน้มว่าจะติดลบด้วยซ้ำ เจ้าหนี้ที่ให้ทักษิณหยิบยืมยังมีอยู่และต้องการเอาคืน  ทักษิณจึงต้องการดึงเม็ดเงินที่ถูกอายัดในคดียึดทรัพย์ไปใช้คืนเจ้าหนี้   หลอกล่อให้คนใกล้ตัวยังทำงานให้ต่อ  ทุ่มสรรพกำลังทุกอย่างที่มีอยู่ในมือเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วนำสถาบันเบื้องสูงลงมาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางการเมืองในขณะที่ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยและการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงไม่สามารถจุดประเด็นใหม่ๆขึ้นมาได้ตามต้องการก็จำเป็นต้องหาทหารแก่มาร่วมกับพรรค  และจะทวีความรุนแรงมากขึ้นนับจากนี้ไป    ทักษิณต้องการกดดันให้ป๋าเปรมต้องยอมเปิดให้มีการเจรจาหรือยอมตามเงื่อนไขของเขา

นักโทษหนีคุกพยายามคิดมุกแปลก ๆ ใหม่ ๆ เพื่อปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงให้ออกมาสู้จำนวนมาก ๆ เช่นโฟนอินก็ทำแล้ว อย่ากลับบ้านมือเปล่าก็ทำแล้ว ปลุกกระแสแดงทั้งแผ่นดินก็ทำแล้ว เรียกร้องระบบประชาธิปไตยก็ทำแล้ว ถวายฏีกาขออภัยโทษก็ทำแล้ว ตลอดจนใช้บุคคลบางคนเป็นเครื่องมือสร้างภาพแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ประสบความสำเร็จ ที่ทำได้ก็คือแดงประจำเดือน แดงกระปริบกระปอย แดงมากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่ทุน    ทุกอย่างที่กล่าวมาสามารถเชื่อมโยงได้หมดว่าน่าจะมาจากกลุ่มเดียวกันที่ต้องการต้องเพิ่มแรงกดดันสูงสุด ให้ตัวเองหลุดพ้นจากความผิดทั้งปวง

หลังพิงฝา ขวาพิงไม้ ซ้ายพิงกระดาน  ยกขึ้นคาน สี่คนหาม สามคนแห่    หมื่นคนก่น แสนคนเกลียด ล้านแช่งแก    แดนสยามจัก สุขแท้ เมื่อแก ตาย

21 ตุลาคม 2552

หยุดจัดสรรคลื่น 3 จี เพื่อนักธุรกิจบางราย


นับจากวันเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะร่างสรุปข้อสนเทศการจัดสรรคลื่นความถี่ไอเอ็มที (IMT) หรือทรีจี แอนด์ บียอนด์ (3G and beyond) โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เมื่อปลายเดือนกันยายนทำให้ความชัดเจนเรื่องการออกใบอนุญาต (ไลเซนส์) 3 จีในประเทศไทยที่กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานธรรมดาไปแล้ว     ไทยเรามีบทเรียนในอดีตจากการวางกฎเกณฑ์ที่ทำให้เกิดการผูกขาดทั้งจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชนรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย เราน่าจะต้องเรียนรู้ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจนกระทั่งอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยต้องย่ำอยู่กับที่เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน    ปัญหาพวกนี้ก็เช่นข้อจำกัดและข้อเสียเปรียบของผู้ประกอบการในประเทศ การกำหนดวิธีการประมูลที่มุ่งเน้นค่าตอบแทนสูง   บทบาทของรัฐวิสาหกิจ   เอกชนผู้เคยรับสัมปทานเดิม    การแข่งขันของตลาด การพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติผู้เข้าร่วมประมูล   เมืองไทยมีโอเปอเรเตอร์สักกี่รายกันเชียว

ทั้งนี้บจก.กุหลาบแก้วมีผู้ถือหุ้นประกอบด้วย นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล 68% นายพงส์ สารสิน 1.27% นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ 0.82% และผู้ถือหุ้นรายย่อย 0.01% ทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) และบจก.ไซเพรส โฮลดิ้งส์ 29.9% ทำให้เข้าใจได้ว่า ทั้ง 2 บริษัททั้งซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และกุหลาบแก้ว ต่างเป็นนิติบุคคลไทย แต่การถือหุ้นของกุหลาบแก้วมีการแบ่งการถือหุ้นออกเป็นกลุ่ม คือ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก (หุ้นบุริมสิทธิ) และผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข (หุ้นสามัญ) ซึ่งข้อบังคับของบริษัทกำหนดผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก ไว้แตกต่างจากหุ้นกลุ่ม ข โดยเฉพาะการออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ ผู้ถือหุ้นกลุ่ม ก แต่ละรายมีสิทธิออกเสียง 1 เสียงสำหรับ 10 หุ้น ส่วนผู้ถือหุ้นกลุ่ม ข แต่ละรายมีสิทธิออกเสียง 1 เสียงสำหรับ 1 หุ้นกลุ่มผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิจึงมีอำนาจออกเสียงน้อยกว่าผู้ถือหุ้น ข (หุ้นสามัญ) ตามจำนวนหุ้น ไซเพรส ถือหุ้นโดยซิคดามอร์ อินเวสเม้นท์ โฮลดิ้งส์ พีทีดี แอลทีดี (สิงคโปร์) 99.99% จึงมีอำนาจอย่างเต็มที่จึงทำให้เข้าใจได้ว่าการถือหุ้นชินคอร์ปโดยนิติบุคคลไทยต่างเป็นการตั้งนอมินีของกลุ่มเทมาเส็ก

ศุภชัย เจียรวนนท์แห่งบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่นแสดงจุดยืนและเรียกร้องต่อกทช.ให้ตั้งราคาประมูลที่ไม่สูงเกินไปเพราะจะทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นแล้วภาระจะตกอยู่กับผู้ใช้บริการรวมทั้งตั้งคำถามว่าทำอย่างไรไม่ให้อุตสาหกรรมนี้ถูกควบคุมและครอบงำโดยต่างประเทศ  โดยเกรงว่าการประมูลไลเซนส์ 3 จีครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทต่างชาติและจะกระทบกับรัฐวิสาหกิจไทยที่ต้องสูญเสียรายได้ในอนาคต  

ด้านสภาทนายความก็ออกแถลงการณ์ถึงบทบาทอำนาจหน้าที่และความไม่ชอบธรรมของ กทช.ชุดปัจจุบันซึ่งกำลังพยายามทำตัวเป็นองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ทำหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว   ทั้งนี้เพราะกทช.มีหน้าที่ปฏิบัติตามบทเฉพาะกาลแต่ไม่มีอำนาจหน้าที่จัดทำและประกาศแผนแม่บทกิจการโทรคมนาคมและแผนความถี่วิทยุฉบับที่ 2 ซึ่งหมายถึงการเปิดประมูลใบอนุญาต 3 จีด้วย  

ผู้ยื่นคำขอเข้าให้บริการจะต้องเป็นบริษัทเอกชนที่ถือครองหุ้นซึ่งจะต้องเป็นไปตามกฎหมายไทยโดยพิจารณาจากความสัมพันธ์ในเชิงของการเป็นเจ้าของและอำนาจในการบริหารรวมถึงต้องเปิดเผยการถือครองหุ้น การมีอำนาจควบคุม  การเข้ามาซื้อหุ้นในกิจการสื่อสารโดยรัฐบาลของต่างประเทศ   ที่ผ่านมาจึงเป็นการถือหุ้นผ่านบริการถือหุ้นแทนหรือนอมินีที่ตั้งขึ้น   ทั้งกับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส เทมาเส็ก ผ่านชินคอร์ป ผ่านบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด (ต่างด้าว) ถือสัดส่วน 41.68% และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (นิติบุคคลไทย) ถือสัดส่วน 54.43%แต่การถือหุ้นในชินคอร์ปได้โยงใยกันหลายทอด บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด นิติบุคคลไทย ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย บริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด 49% (ต่างด้าว) ส่วนนิติบุคคลไทย 51% ประกอบด้วย บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด 45.22% และบริษัท ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 5.78%

และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่นหรือดีแทคมีเทเลนอร์โดยรัฐบาลนอร์เวย์ที่แม้จะถือหุ้นตรงผ่านดีแทคในสัดส่วน 34.98% เป็นบจก.ไทย เทสโค โฮลดิ้งส์ถือในสัดส่วน 29.89% ที่เหลือเป็นหน่วยงานอื่นๆแต่การถือหุ้นในดีแทคก็โยงใยกันอีกหลายทอด ในบจก.ไทย เทสโค โฮลดิ้งส์นั้นถือหุ้นโดยเทเลนอร์ 49% และอีก 51% ประกอบด้วยนิติบุคคลไทย ได้แก่บจก.โบเลโร 26.2% บจก.เพทรูส 1.5% บจก.อมาโรนี่ 1.5% บจก.แซนดาลวูด โฮลดิ้งส์ 2% บจก.ฟินันซ่า 9.9% และนายบุญชัย เบญจรงคกุล 9.9% ขณะที่บจก.โบเลโร นั้นการถือหุ้นประกอบด้วยกลุ่มเทเลนอร์ 49% อีก 51% ถือโดย 4 กลุ่ม ได้แก่บจก.อาลิบี้ เคาน์ตี้ บจก.กี เคาน์ตี้ บจก.ไกอา เคาน์ตี้ และบจก.เบย์วิว เคาน์ตี้ ในสัดส่วนเท่ากัน 12.75%  แต่พบว่านิติบุคคลไทยที่ถือหุ้นใหญ่ในบจก.โบเลโร รวมถึงอีก 3 รายคือบจก.เพทรูส บริษัท อมาโรนี่ และบจก.แซนดาลวูด โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นในไทย เทสโค โฮลดิ้งส์ นั้นถือหุ้นใหญ่โดยตั๊กวู โฮลดิ้งส์ ถึง 99% ในทุกบริษัท      ตั๊กวู โฮลดิ้งส์ นั้นมีผู้ถือครองหุ้นประกอบด้วยบจก.ตั๊กวู โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด  ต่างด้าว 49% และถือครองรวมกันในชื่อ น.ส.สุนิภา ธนาเตชะพัฒน์ และนางสุกัญญา รังสิคุต สัดส่วน 51% ตามข้อบังคับของบริษัทนั้นผู้ถือหุ้นไทยเป็นหุ้นกลุ่ม ข (บุริมสิทธิ) มีสิทธิออกเสียง 10 หุ้นต่อ 1 เสียงจากจำนวนหุ้น 5,095 หุ้น จำนวนเสียง 509.50 เสียง หรือ 9.42% และจำนวน 5 หุ้น จำนวนเสียง 0.05 หรือ 0.01% ตามลำดับ      ส่วนจำนวนหุ้นตั๊กวู โฮลดิ้งส์ ลิมิเต็ด 4,900 หุ้นออกเสียงได้ 4,900 เสียง คิดเป็น 90.57% จึงเข้าใจได้ว่านิติบุคคลไทยที่ถือหุ้นดีแทคก็น่าจะเป็นนอมินีที่ตั้งขึ้นโดยกลุ่มเทเลนอร์

ตอนนั้นกทช.ประมาณการว่าราวต้นเดือนพ.ย.นี้คงจะมีประเด็นการประมูลทั้งคุณสมบัติของผู้เข้าร่วม ทั้งราคาเริ่มต้นการประมูล ทั้งแผนรองรับกรณีผู้เข้าร่วมประมูลน้อยกว่าใบอนุญาต และโครงสร้างตลาด 3 จีให้ถกเถียงกันในการเปิดรับฟังเพิ่มจะทำให้ร่างฯ 3 จีสมบูรณ์ขึ้นแต่ในทางกลับกัน ถ้าการเปิดประมูล 3 จีในไทยไม่สามารถเกิดขึ้นได้หรือต้องล่าช้าออกไปอีกคงไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมากสทฯ ขู่ยกเลิกสัมปทานทรูมูฟเซ็งปัญหาเบี้ยวจ่ายส่วนแบ่งรายได้  ไม่โอนเสาสัญญาณ  สั่งทบทวนต่อสัญญา  5  ปี  เบรกแผนทดลอง  3จี <คลื่นความถี่  850  เมกะเฮิรตซ์จำนวน  5  เมกะเฮิรตซ์>  เชื่อมต่อเกตเวย์  กสทฯ ฟ้องร้องทรูมูฟไว้ถึง  6  คดี,เรื่องการโอนเสาสัญญาณ จ่ายเงินภาษีสรรพสามิตคืนหลังจากที่ครม.ยกเลิกเมื่อปี 50  ลดค่าเอซีเหลือ  178  บาทจาก  200  บาทโดยไม่ผ่านการเจรจากับทีโอที   และไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมเลขหมายอีกทั้งยังไม่จ่ายค่าเลขหมายพิเศษ  1331  ขณะเดียวกัน  ทรูมูฟฟ้องศาลแพ่งกรณีกสทฯไม่คืนหนังสือประกันรายได้ขั้นต่ำเพราะทรูมูฟไม่จ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญา

สหภาพแรงงานกสทฯและทีโอทีเข้ายื่นจดหมายให้ชะลอการเปิดประมูลคลื่นความถี่  3จีต่อนายกฯไว้ด้วยและกรณีกระทรวงการคลังเตรียมตั้งบริษัทลูกเพื่อรับส่วนแบ่งรายได้จากสัมปทานโดยตรงจะเป็นการทำร้ายทั้งทีโอทีและกสทที่โดนบอนไซมาก่อนหน้านี้จวบจนกระทั่งวันนี้

ไอ้ที่เรียกกันว่า 3 จีที่พูดๆ กันอยู่ในขณะนี้คือมาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 เป็นได้มากกว่าโทรศัพท์มือถือถัดจากแบบที่ไทยเราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน   คลื่นความถี่ระบบ 3 จีมีผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลเช่น ที่อังกฤษสามารถทำเงินได้เป็นจำนวนถึง 1.6 ล้านล้านบาทหรือที่เยอรมนีทำเงินได้ถึง 1.9 ล้านล้านบาทจากการเปิดประมูลให้ใบอนุญาต   บ้านเราในวันนี้กทช.กำลังเตรียมจะเปิดประมูลใบอนุญาตให้ใบอนุญาตได้ทั้งหมด 4 ใบ สำหรับผู้ประกอบการ 4 เจ้าเดิมๆแล้วเราจะทำอย่างไรให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด   แต่ถ้ามีเงื่อนไขค่าใบอนุญาตที่ต้องจ่ายให้รัฐในอัตราส่วนแบ่งรายได้ต่ำกว่าที่ผูกพันอยู่ในสัญญาเดิม เช่น สามารถจ่ายผลตอบแทนให้รัฐในอัตราเพียง 6.5% ของรายได้เท่านั้นย่อมจะเกิดแรงจูงใจให้เอกชนพวกนี้หาหนทางยักย้ายถ่ายเท หรือผ่องถ่ายลูกค้าของตนไปสู่ระบบ 3 จีอันใหม่ เพื่อหลบเลี่ยง หลีกหนี ลดรายจ่ายค่าส่วนแบ่งรายได้    จะดีมากๆถ้ารัฐเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับกิจการมือถือระบบ 3 จีในอัตราร้อยละ 20-30 ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับที่ผู้ประกอบการในระบบ 2 จี ต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ให้กับรัฐ ทั้งนี้เพื่อดึงรายได้กลับเข้ารัฐชดเชยส่วนที่หายไปจากค่าส่วนแบ่งรายได้เดิม

เอไอเอส มีอายุสัมปทานจนถึงปี 2558 จ่ายค่าสัมปทานปีละ 25% ของรายได้    ส่วนดีแทคและทรูมูฟจะต้องจ่ายให้รัฐเช่นกันในอัตรา 25-30% ของรายได้ไปจนสิ้นสุดสัญญาเช่นกัน    ในสัญญาพวกนี้บริษัทเหล่านี้เป็นผู้ลงทุนโครงข่ายแล้วพัฒนาระบบ สร้างฐานลูกค้า ฯลฯ แล้วโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้รัฐเป็นเจ้าของเมื่อจบสัญญา   ส่วนแบ่งรายได้ก็แบ่งกันกับรัฐปีแรกๆจ่ายให้รัฐน้อยๆ ก่อนแล้วจึงจะไปจ่ายให้รัฐในสัดส่วนสูงๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปในช่วงปีท้ายๆ ของสัญญา มูลค่ารวมๆกันไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทเข้ารัฐ  

ถ้าบริษัทพวกนี้ประมูลได้ใบอนุญาตระบบ 3จีก็เสมือนว่าได้สัมปทานต่อออกไปอีกยาวนานกว่าเดิม   เอกชนมีอยู่แค่ 3-4 รายจะเปิดประมูลใบอนุญาตตั้ง 4 ใบใครมันจะไปโง่แข่งกันเสนอราคา

ประธานกทช.วันนี้ดันออกมาประกาศไลเซ่นส์3 จีไม่น่าเกินใบละหมื่นล้านบาท ราคากลางอาจประมาณ 6-7 พันล้านบาทหรือไม่เกินหมื่นล้านบาท  หากราคาใบอนุญาตแพงระดับเป็นแสนล้านบาทก็คงไม่มีคนสนใจประมูล   การประมูล 3Gต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการ สังคมและอุตสาหกรรมในภาพรวม   แต่กทช.ก็ไม่ควรคิดเพียงในมิติของรายได้เข้ารัฐ   เอ้อ ท่านกำลังทำงานให้กับรัฐมิใช่หรือ

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 47 กำหนดให้มีองค์กรอิสระทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่องค์กรเดียวคือ กสทช. (แตกต่างจากเดิม ที่จะมี กทช. และ กสช.)   โดยแต่เดิมนั้น วางระบบให้ กทช. จัดสรรและดูแลคลื่นโทรคมนาคม ส่วน กสช.ก็จัดสรรและดูแลคลื่นโทรทัศน์และวิทยุ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว  โทรศัพท์ก็สามารถดำเนินการในลักษณะโทรทัศน์และวิทยุก็ได้ รัฐธรรมนูญนี้จึงกำหนดให้มีองค์กรเดียวดูแลทั้งคลื่นความถี่โทรทัศน์วิทยุและโทรคมนาคมทั้งหมดโดยตั้งขึ้นมาใหม่ คือ “กสทช.” เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดแก่ส่วนรวม องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดสรรคลื่นความถี่จึงเป็นกสทช.ไม่ใช่กทช.และปัจจุบัน กสทช.ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการสรรหา

คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนสิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภคของวุฒิสภาได้มีการหารือและมีมติรับเรื่องการคัดค้านการประมูลใบอนุญาต3 จีจากสหภาพแรงงานฯทีโอทีและกสท.แล้วจะทำการเชิญประธานและเลขาธิการกทช.เข้าชี้แจง เรื่องบทบาทหน้าที่ของกทช.ที่กำลังมีตัวจริงเพียง3 คนส่วนอีก 3คนจับฉลากออกไปแล้วตามกฎกทช.เองแต่ปัจจุบันยังทำหน้าที่รักษาการ   เรื่องความรัดกุมในการรับฟังคิดเห็น   และสุดท้ายประเด็นเรื่องการถือครองหุ้นของต่างชาติ   กทช.ควรจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างรอบคอบกรรมาธิการฯมีหน้าที่เป็นเพียงหน่วยงานตรวจสอบจึงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระอย่างกทช.ได้

ถ้าช่วยให้เอกชนประมูลคลื่นได้ถูกๆ จ่ายค่าสัมปทานต่ำๆ ประชาชนผู้บริโภคก็จะได้ใช้โทรศัพท์ราคาถูกด้วย    ไม่ว่าจะมาจากไหน จะเป็นใคร บรรดานักธุรกิจทั้งไทยและเทศต่างก็ฟันลูกค้าหัวแบะกันทั้งสิ้น   ไม่เห็นจะมีไอ้หน้าไหนบอกได้ทุนมาถูกๆแล้วมาคิดค่าบริการถูกๆกับลูกค้าสักที

ประธานบอร์ดทีโอทียันเสียหายหนักหากรีบประมูล3 จี และกสทชี้รัฐน่าส่งเสริม3 จี ในขณะที่ทั้ง 2 แห่งยังทำงานแบบกึ่งข้าราชการการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อแข่งขันกับเอกชนเป็นไปอย่างยากลำบาก      ผู้รับสัมปทานซึ่งประกาศตัวชัดเจนว่าจะทำการโอนย้ายลูกค้าจากสัมปทานเดิมไปบนโครงข่ายใหม่ทันที    รายได้ที่ทีโอทีได้รับจากสัมปทานจะหายไปทันที    ต่างชาติเหล่านั้นนำเงินที่ได้จากทรัพยากรประเทศไทยกลับไปพัฒนาประเทศตัวเองได้มากขึ้น    ผลกระทบที่กสทจะได้รับคือรายได้จากสัญญาสัมปทานที่จะหายไปทันทีที่กทช.ให้ใบอนุญาตแก่เอกชนเช่นเดียวกัน  หากรัฐหันมาส่งเสริมให้มีการลงทุน3 จีบนความถี่ 850 MHz ของกสทซึ่งปัจจุบันดีแทคและทรูมูฟทดสอบให้บริการโดยสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีก็จะทำให้รัฐยังมีเงินในการพัฒนาประเทศในปริมาณเท่าเดิม    ใครก็รับผิดชอบรายได้ที่ได้รับจากใบอนุญาต3 จีของกทช.ก็เพียงเล็กน้อย ส่วนต่างที่หายไป ความเสียหายที่เกิดกับรัฐ

ประธาน กทช.จะประชุมบอร์ดวันนี้เพื่อพิจารณาราคากลางรวมทั้งจะหารือทุกประเด็นที่เป็นคำถามจากทุกฝ่ายนำขึ้นเว็บในวันที่ 22และประชาพิจารณ์อีกรอบในวันที่ 5 พ.ย.แล้วค่อยมาเก็บตกรายละเอียดและทำความเข้าใจให้ตรงกันอีกครั้งหนึ่งทีหลัง

ประธานกทช.เห็นว่าผลกระทบกับรัฐวิสาหกิจไม่น่ารุนแรงถึงขนาดว่าจะเสียหายเป็นแสนล้านบาท  ดีไม่ดีสัมปทานอาจหมดอายุก่อนก็เป็นได้กว่าจะถ่ายโอนลูกค้าเสร็จ  กรอบเวลาการประมูลยังเป็นไปตามกำหนดเดิมภายในปลายปีนี้และเชื่อว่าในปี 2553 จะสามารถเริ่มให้บริการ3 จีได้

การประมูลครั้งนี้มีผลประโยชน์หลายล้านล้านบาทอาจมีกลุ่มธุรกิจการเมืองบางกลุ่มได้ประโยชน์ทั้งเม็ดเงินการประมูลและการเอื้อประโยชน์ให้กับนักธุรกิจมือถือปัจจุบันโดยเฉพาะบริษัทมือถือรายใหญ่ที่หากชนะการประมูลจะโอนย้ายลูกค้าไปใช้โครงข่ายใหม่ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ที่ต้องนำส่งรัฐ การประมูลจึงเป็นการดูดซับกำไรส่วนเกินกลับคืนมาให้แผ่นดิน   พรรคการเมืองใหม่ชี้ควรชะลอประมูล3 จีเพราะการประมูลครั้งนี้เป็นเพียงการจัดฉากเพื่อแบ่งผลประโยชน์เท่านั้น  การประมูลใบอนุญาตครั้งนี้มูลค่ากว่า 1.6 ล้านล้านบาท    แต่การประมูลที่เกิดขึ้นกลับมีรูปแบบลุกลี้ลุกลนเหมือนการพยายามอำนวยประโยชน์กันเนื่องจากมีการกีดกันกสทและทีโอทีประกอบกับมีการให้ใบอนุญาตเพียง 4 ใบ เมื่อหลับตาดูแล้วก็จะรู้ว่ามีผู้ให้บริการรายใดบ้างที่จะได้ใบอนุญาตไป   การประมูลจึงเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อแบ่งผลประโยชน์เท่านั้น

มูลค่าผลประโยชน์ของคลื่นความถี่3 จีย่านความถี่ 1920 -1980/210-2170 MHzมันหลายแสนล้านบาทหรือนับล้านล้านบาท ดังนั้นแม้ในที่สุดเราต้องก้าวสู่ระบบ3 จีแต่ก็ต้องก้าวสู่แบบโปร่งใส ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ได้รับความเป็นธรรม

สิ่งสำคัญที่ไม่ควรแกล้งลืมคือที่ผ่านมาในอดีตธุรกิจที่ได้สัมปทานมือถือรายใหญ่ของประเทศไทยก็คือนายทุนไทยอย่างทักษิณ (โกงจน)ชิน(กินเป็นกิจ)วัตรหรือเอไอเอสมิใช่หรือที่กอบโกยทำกำไรสูงสุดกับผู้บริโภคคนไทยอย่างยาวนานจนสามารถสั่งสมทุนจากสัมปทานผูกขาดเข้าไปสร้างระบบผูกขาดในการเมืองเอื้อประโยชน์แก่กิจการสัมปทานจนเกิดปัญหาตามมาให้กับประเทศถึงปัจจุบัน

20 ตุลาคม 2552

การเตะหมูเข้าปากหมาของสร.ร.ฟ.ท.


ในรัชสมัยพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่  5  เหตุการณ์ทางด้านการเมืองสืบเนื่องมาจากนโยบายขยายอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสมาครอบคลุมบริเวณเหลมอินโดจีน  พระองค์ท่านทรงตระหนักถึงความสำคัญของการคมนาคมโดยเส้นทางรถไฟเพราะลำพังแค่การใช้แต่ทางเกวียนและแม่น้ำลำคลองเป็นพื้นนั้นไม่เพียงพอแก่การบำรุงรักษาพระราชอาณาเขต  ราษฎรที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมีจิตใจโน้มเอียงไปทางประเทศใกล้เคียงจึงทรงเห็นควรที่จะสร้างทางรถไฟขึ้นในประเทศเพื่อติดต่อกับมณฑลชายแดนก่อนอื่นทั้งนี้เพื่อสะดวกแก่การปกครอง  ตรวจตราป้องกันการรุกราน ถือเป็นการเปิดภูมิประเทศให้ประชาชนพลเมืองเข้าบุกเบิกพื้นที่รกร้างว่างเปล่าให้เป็นประโยชน์ทางเศรษกิจของประเทศและจะเป็นเส้นทางขนส่งผู้โดยสารและสินค้าไปมาถึงกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

ดังนั้นในปี  พ.ศ.2430  จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการสำรวจเส้นทางเพื่อสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ  ไปเชียงใหม่โดยมีเส้นทางแยกสระบุรีไปนครราชสีมาและในวันที่  26  มีนาคม พ.ศ.2439  พระองค์ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพระราชพิธีเปิดการเดินรถไฟระหว่างสถานีกรุงเทพฯ  - อยุธยาระยะทาง  71  กิโลเมตรและเปิดให้ประชาชนเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ - อยุธยา  ได้ตั้งแต่วันที่  28 มีนาคม  พ.ศ.2439  เป็นต้นไป  ซึ่งการรถไฟก็ได้มีการนับให้  "วันที่  26  มีนาคม" เป็นวันสถาปนากิจการรถไฟสืบมาจนถึงปัจจุบัน

เมื่อการก่อสร้างทางรถไฟสายแรกสำเร็จลงตามพระราชประสงค์แล้วก็ทรงพิจารณาสร้างทางรถไฟสายอื่นๆ ต่อไป  จนกระทั่งสิ้นรัชสมัยของพระองค์พระผู้พระราชทานกำเนิดกิจการรถไฟในประเทศไทย  เมื่อวันที่  23  ตุลาคม  พ.ศ.2453  กรมรถไฟหลวงจึงเปลี่ยนฐานะมาเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสาธารณูปการภายใต้ชื่อว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่  1  กรกฎาคม  พ.ศ.2494  เป็นต้นมาโดยการดำเนินงานอยู่ภายใต้  พ.ร.บ.การรถไฟฯ  ฉบับ  พ.ศ.2494 นับเป็นหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยมาช้านานในประวัติศาสตร์อันยาวนานของรถไฟไทย

ร้อยกว่าปีมานี้องค์กรนี้เหมือนคนอ้วนพัฒนาไปอย่างคืบคลานและหยุดนิ่ง  หากพระพุทธเจ้าหลวงได้ทรงกลับมาประทับบนรถไฟไทยอีกครั้งท่านคงทรงคุ้นเคยกับรถไฟนั้นเป็นอย่างดีและพระองค์ท่านคงโทมนัสใจอย่างใหญ่หลวงต่อความก้าวหน้าของระบบการรถไฟที่พระองค์ท่านทรงส่งเสริม ริเริ่มก่อตั้งขึ้นมากับพระหัตถ์ของพระองค์    ปัญหาใหญ่คือการคอรัปชั่นภายในองค์กรรวมไปถึงแนวคิดการบริหารองค์กรที่ค่อนข้างไปทางอนุรักษนิยม  แม้ว่าสิ่งที่ส่งผลมาถึงปัจจุบันคือนอกจากปัญหาเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือแล้ว  เรื่องบุคลากรในการรถไฟฯ เองก็เป็นปัญหาใหญ่เพราะไม่มีการพัฒนาตัวเองหรือแทบจะไม่มี ห้ามรับอัตรากำลังพลภาครัฐเพิ่มได้ไม่เกินร้อยละ 5    ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือล้วนเป็นของเก่า คนใช้บริการรถไฟต่างรู้ดีและเบื่อหน่ายจนไม่อยากจะพูดถึง  เคยเกิดเรื่องถึงขนาดรถไฟออกจากหัวลำโพงเกือบถึงสถานีสามเสนแล้วต้องถอยหลังกลับไปเอาผ้าห่ม  ไม่นับรวมมารยาทที่ยอดแย่ของการให้บริการอีกนับไม่ถ้วน  กิจการจะประสบกับภาวะขาดทุนจำนวนมหาศาลแต่ก็มิได้มีเสียงตำหนิติเตียนจากประชาชนเจ้าของประเทศด้วยเข้าใจได้ว่ากิจการรถไฟเป็นสาธารณูปโภคที่รัฐพึงให้บริการเป็นสวัสดิการแก่สาธารณชน  กระนั้นกลับเป็นการสวนทางกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่วันนี้จะมีขบวนรถไฟที่เร็วที่สุดในย่านนี้แล้ว  ประเทศอื่นเค้าเน้นระบบรางหมดแล้ว  ส่วนเรายังคงสร้างถนนเพื่อกินหินกินทรายกินจุกกินจิกกันต่อไป

พนักงานขับรถและช่างเครื่องซึ่งเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟฯหรือสร.ร.ฟ.ท.พากันทยอยสไตรค์เงียบด้วยการพร้อมใจกันลากิจหลายคนทำให้การบริการรถไฟขบวนสายใต้ แทบจะกลายเป็นอัมพาตมาหลายวัน  ความรู้สึกของประชาชนในวันนี้คือพนักงานร.ฟ.ท.พากันผละงานโดยปราศจากเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ใช้ประชาชนเป็นตัวประกันต่อรองผลประโยชน์กับฝ่ายบริหารของตน ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเห็นความขัดแย้งภายในร.ฟ.ท.ในทันทีที่ขบวนรถไฟที่ 167 สายกรุงเทพฯ-กันตังจอดทิ้งผู้โดยสารจำนวนกว่า 2,000 คนให้ลงกลางทางที่สถานีรถไฟละแมที่ชุมพร  จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่มีผู้ออกมารับผิดชอบว่าเป็นผู้สั่งการให้รถไฟหยุดทั้งฝ่ายผู้บริหารและฝ่ายสร.ร.ฟ.ท.ต่างก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งการ  แว่วมาว่ามีการวางยาให้คนด่าสร.ร.ฟ.ท.ใครก็ไม่รู้ไปสั่งให้คนขับหยุด

ทางพนักงานขับรถไฟไม่ยอมขับรถไฟเนื่องจากการอ้างว่าอุปกรณ์ป้องกันการหลับในไม่อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมที่จะใช้งานได้   ทางร.ฟ.ท.ก็ควรจะซ่อมเสียให้เรียบร้อยอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสียก่อนเพื่อคำนึงในความปลอดภัยของผู้โดยสาร  เท่าที่ทราบอุปกรณ์ป้องกันการหลับในในทุกหัวรถจักรเสียทุกเครื่องแสดงว่าทางร.ฟ.ท.เองได้ละเลยและไม่ใสใจในความปลอดภัยของผู้โดยสารและไม่มีมาตรฐานในการดำเนินการ   จึงไม่ควรที่จะกล่าวโทษพนักงานขับรถไฟที่ทำการหยุดเดินรถเพื่อให้ซ่อมบำรุงเสียให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน ก่อนจะทำการเดินหัวรถจักร ไม่อยากไม่มีกรณีใดๆเกิดขึ้นอีก

ขณะนี้สังคมต้องรับรู้ว่าร.ฟ.ท.จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาภายในโดยด่วนเพราะหากไม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โอกาสในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะประสบปัญหาเพราะปัญหาดังกล่าวไม่ใช่แค่การเติบโตทางเศรษฐกิจหรือต้นทุนของผู้ประกอบการ แต่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนเสี่ยงต่อทรัพย์สินรวมถึงความสะดวกต่อการพึ่งพารถไฟด้วย  คงปฏิเสธใดๆ  ไม่ได้หากจะมีเสียงก่นด่าซ้ำเติมจากทุกฝ่ายว่าความเน่าเฟะทั้งหลายขององค์กรล้วนเกิดจากคนที่เรียกตัวเองว่าพนักงานร.ฟ.ท. ที่พนักงานร.ฟ.ท.ไม่เคยสนใจผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน  องค์กรจึงขาดทุนไม่สามารถพัฒนาสู่ความนิยมหรือเจริญก้าวหน้าเท่าที่ควรจะเป็น  ดังนั้นจะโทษใครได้อีกหากพรุ่งนี้หรืออนาคตข้างหน้าองค์กรนี้จะถูกแปรรูป  โละคนไร้ประสิทธิภาพออกไป

คนที่ชี้แจงได้ดี่ที่สุดคือสร.ร.ฟ.ท.โดยนายสาวิทย์  แก้วหวานประธานสร.ร.ฟ.ท.เพราะเป็นคนหนึ่งที่รู้ความเคลื่อนไหวในร.ฟ.ท.ดีที่สุด   จุดเริ่มต้นจากรถไฟขบวนที่  84  ตรัง-กทม.ตกรางที่อำเภอเขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์มีผู้เสียชีวิตเกือบ 10 รายและบาดเจ็บอีกเกือบ 100 ราย    ฝ่ายบริหารของร.ฟ.ท.ออกมาสรุปว่าเป็นความผิดของคนขับซึ่งได้หายตัวไปหลังเกิดเหตุ   นี่เองที่เป็นเชื้อปะทุสร้างความไม่พอใจต่อสร.ร.ฟ.ท.  ส่งผลให้ทำการหยุดเดินรถโดยให้เหตุผลว่าระบบรักษาความปลอดภัยของหัวลากเสียหายไม่พร้อมให้บริการจนลุกลามบานปลาย  พนักงานขับรถต้องรับผิดชอบในการทำหน้าที่ขับรถโดยความพร้อมที่จะสามารถควบคุมรถได้ตลอด  ก็ในเมื่อเครื่องมือไม่พร้อมพวกเขาก็ไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารได้ก็เป็นเรื่องความชอบธรรมที่พวกเขาจะสามารถบอกกับสังคมได้    แต่ประชาชนก็จะรู้สึกแค่ว่าคนร.ฟ.ท.เพิ่งมาบอกประชาชนว่าการโดยสารโดยรถไฟมีความเสี่ยงที่จะตายสูงและที่ทำให้เกิดความรู้สึกแย่ไปกว่านั้นคือสร.ร.ฟ.ท.บอกว่าระบบรักษาความปลอดภัยเสียหายมานานแล้ว   ย้อนกลับไปถามสร.ร.ฟ.ท.ว่า ทำไมไม่ขึงขังบอกประชาชนแล้วหยุดการเดินรถเพื่อความปลอดภัยประชาชนก่อนหน้านี้  รถจักรเก่าล้าสมัยใช่ว่าเกิดขึ้นหลังจากรถไฟตกรางที่เขาเต่ามันเกิดมานานแล้ว หากคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนจริงต้องบอกประชาชนก่อน

สร.รฟท.ถึงได้ประกาศหยุดเดินรถไฟสายใต้ รถไฟสายท้องถิ่นโดยอ้างว่าหัวรถจักรไม่อยู่ในสภาพร้อมใช้งานต้องนำไปตรวจซ่อมก่อนเพื่อความปลอดภัยส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีผู้โดยสารตกค้างตามสถานีต่างๆ จำนวนมาก ทำให้เกิดกระแสวิพากวิจารณ์ถึงวิธีการหยุดเดินรถไฟประท้วงโดยมุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งระหว่างพนักงงานรถไฟกับฝ่ายบริหารนั้น   ทางสร.ร.ฟ.ท.เรียกร้องว่า จะขอเจรจากับฝ่ายบริหารและกระทรวงคมนาคมเพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ   ก่อนหน้านี้สร.รฟท.ร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องโกงกินมาโดยตลอด แต่ประชาชนพึ่งมาได้ยินเรื่องคุณภาพของร.ฟ.ท.เอาก็ช่วงนี้นี่เอง

โสภณ ซารัมย์ระดมความคิดเห็นผู้บริหารส่วนต่างๆ  ประชุมคณะกรรมการร.ฟ.ท.เพื่อแก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ  ให้ฝ่ายบริหาร ร.ฟ.ท.ไปรวบรวมรายละเอียดโครงสร้างของร.ฟ.ท.ใหม่ทั้งหมดทั้งฐานะการเงิน หนี้สิน ทรัพย์สินที่ดินและระบบโครงสร้างพื้นฐาน จำนวนพนักงานองค์กรที่ปฏิบัติงานจริง ค่าล่วงเวลาทั้งหมดใหม่ แล้วให้เสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคมก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ  และระบุว่ากระทรวงคมนาคมและ ร.ฟ.ท.จะไม่เจรจากับสร.ร.ฟ.ท.จนกว่าพนักงานเหล่านี้จะกลับเข้าไปปฏิบัติหน้าที่และเปิดเดินรถได้ตามปกติ

นายกรณ์ จาติกวณิชรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าชี้แจงนายกรัฐมนตรีถึงปัญหาของร.ฟ.ท. ในส่วนที่เกี่ยวกับกระทรวงการคลังว่าการจัดสรรงบประมาณให้กับ ร.ฟ.ท.ไม่ได้เป็นปัญหาต่อการพัฒนาทั้งในส่วนของงบประมาณประจำปีรวมถึงงบประมาณจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง    แต่ปัญหาอยู่ที่การเบิกจ่ายงบประมาณโดยจะเห็นจากการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2552 ที่ร.ฟ.ท.เบิกจ่ายเงินต่ำมาก ดังนั้นการแก้ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงในส่วนของงบลงทุนแต่จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพของผู้เบิกจ่ายมากกว่า

การเดินทางมาเพื่อดูสภาพหัวรถจักรที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ของทั้งโสภณ ซารัมย์ ยุทธนา ทัพเจริญและคณะ  ในบรรดาหัวรถจักรที่สถานีชุมทางหาดใหญ่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 10-20 ปีหลายคัน   รถพวกนี้ได้ผ่านการตรวจสอบระบบพร้อมทั้งติดป้ายแจ้งว่ามีปัญหาอะไรบ้าง  จากนั้นได้ไปดูที่สุราษฎร์ธานี   เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ส่วนไหนที่สามารถซ่อมได้ก็จะรีบทำการซ่อมให้เร็วที่สุด ส่วนไหนที่เก่าและมีอายุการใช้งานนานเกินไปก็ปลดระวางซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการซื้อหัวรถจักรเพื่อมาใช้งานทดแทนอันเก่า  ในขณะที่สร.ร.ฟ.ท.ส่วนหนึ่งได้ออกมาเดินขบวนถือป้ายประท้วงพร้อมกับตะโกนไล่  โสภณได้ย้ำว่าจะไม่มีการเจรจากับทางสร.ร.ฟ.ท.แต่อย่างใดแต่จะคุยกับผู้บริหารรถไฟเท่านั้นจากนั้นคณะนั้นรีบขึ้นรถกลับกรุงเทพทันที  เป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมและผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยทำไมไม่โดยสารรถไฟไทย ไปไหนมาไหน  หรือต้องรีบกลับมาดูแลการเขมือบรถเมล์ NGV 4000 คันไว้เป็นหมื่นล้าน    โสภณกำลังเลือกปฏิบัติหรือไม่ซึ่งแตกต่างจากกรณีทั้งที่ขสมก.หรือกฟน.ที่มีการเจรจาหรือว่าจัดตั้งกันมาเอง

หากช่างบอกบินได้ แต่ถ้าำักัปตันเครื่องบินไม่มั่นใจเขาก็ไม่บินได้ เพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้โดยสารแล้วมันจะต่างอะไรกับคนขับรถไฟที่ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตผู้โดยสารเป็นพัน เวลาตกราง มีใครยืดอกรับผิดชอบไหม ลองให้พนักงานสร.ร.ฟ.ท.ออกขบวนรถไฟโดยให้บรรดารัฐมนตรีทุกคนขึ้นไปกับขบวนรถเป็นปฐมฤกษ์ให้มั่นใจว่าขบวนที่ซ่อมแล้วนั้นมันสามารถเดินได้อยู่และจะได้พิสูจน์ไปด้วยว่าความปลอดภัยของประชาชนมีค่าเท่ากับชีวิตของพวกนักการเมืองและนายทุนหรือไม่  ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าทั้ง 2 ฝ่ายควรส่งตัวแทนมาเจรจากัน   รัฐบาลควรเร่งดำเนินการหรือส่งตัวแทนเข้ามาไกล่เกลี่ยโดยเร็วที่สุด  แล้วเปิดให้บริการเดินรถไฟแก่ประชาชนทุกเส้นทางตามปกติ   ส่วนผู้ว่าฯ การรถไฟฯ ควรออกมาชี้แจงถึงประเด็นข้อสงสัยต่อสาธารณชน   ควรปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยครั้งใหม่อย่างจริงจัง   บ้างก็ว่าควรเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาดูแล

หัวหน้ากองสอบสวนร.ฟ.ท.ร้องกองปราบให้สอบสวนดำเนินคดีพนักงานร.ฟ.ท.ที่ประท้วงหยุดเดินรถโดยแนบซีดีเป็นหลักฐานมัดเอาผิด ขณะที่ตำรวจรับเรื่องไว้พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง  ขอให้เพื่อนๆ ที่ก่อเหตุหยุดเดินรถเข้ามาทำงานปกติเถิดเพราะขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนักและภาพลักษณ์ของรถไฟเสีย เราพลอยเสียหายไปด้วย  ที่ผ่านมาเราถูกตำหนิจากทั้งสื่อมวลชนและประชาชนว่านิ่งเฉยไม่ออกมาดำเนินการอะไรเลย

ทั้งสร.ร.ฟ.ท.และผู้บริหารต่างก็ใช้ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกันทั้งคู่และยิ่งผู้ที่เป็นรัฐมนตรี ผู้บริหารร.ฟ.ท.เอง แทนที่จะแก้ปัญหาแต่กลับเป็นตัวซ้ำเติมความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้หนักขึ้นไปอีก การไม่ยอมเจรจากับสร.ร.ฟ.ท.เพื่อที่จะแก้ปัญหาร่วมกันทั้งที่เป็นปัญหาภายในองค์กรเองแต่กลับใช้อำนาจยื้อเวลาทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น   การที่จะแก็ปัญหาถ้าไม่เจรจากันก็ไม่ทราบว่าคุณจะใช้วิธีใดเพราะในเมื่อเป็นมนุษย์ก็ต้องพูดจากันแต่คุณกลับจะใช้อำนาจเข้าจัดการกับพนักงานเหล่านั้น  พนักงานเขาก็เดือดร้อนกับการบริหารจัดการของผู้บริหารเหมือนกันไม่ใช่หรือ ในเมื่อจะแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่เดือดร้อน แล้วกับพนักงานรถไฟที่เดือดร้อนเพราะผู้บริหารพณฯท่านจะแก้ปัญหาให้เขาอย่างไรหรือว่าพณฯท่านจะทำเพื่ออวดอำนาจบารมีที่มีอยู่หรือจะทำเพื่อเป็นการหาเสียงกับประชาชนผู้เดือดร้อนจากการใช้บริการรถไฟ แต่พณฯท่านก็อย่าลืมว่าครอบครัวคนรถไฟที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศก็เป็นประชาชนเหมือนกัน

ผ่านมา 3 วันแล้ว นายกรัฐมนตรีเรียกโสภณ ซารัมย์มาสรุปปัญหาร.ฟ.ท.  ในระยะเฉพาะหน้าจะต้องเปิดให้บริการครบถ้วนโดยเร็วที่สุด ในระยะยาวต้องมีการปฏิรูป การเสนอแผนการปฏิรูปร.ฟ.ท.มีมาอยู่แล้วเพราะจะต้องมีการลงทุนระบบรางค่อนข้างมากที่จะต้องมาดูในเรื่องของการลงทุนในระยะยาวว่าจะมีวิธีการไม่ให้ในอนาคตบริการที่ต้องขยายไปเจอปัญหาอย่างนี้อีกได้อย่างไร   นายกฯ กล่าวว่า ถ้ารถมีปัญหาจริงๆ ก็ไม่เป็นปัญหาก็ไม่เป็นความผิดในแง่นั้น   จริงๆ แล้วระบบการบริการต้องมีการแจ้งล่วงหน้าและที่จะไปให้ผู้โดยสารลงกลางทางมันต้องมีเหตุผล ถ้ามีข้อเรียกร้องอะไร ก็ควรที่จะมาพูดคุยกัน ไม่ใช่มาทำให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนแบบนี้และคำอธิบายก็ไม่เคยตรงกันตกลงว่าเป็นปัญหาที่ตัวระบบ เป็นปัญหาที่ตัวรถจักรหรือว่าพนักงานลา หรืออะไรควรที่จะมาพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา เราพยายามดูว่าจะมีวิธีการระดมคนมาช่วยได้อย่างไร   อยากจะย้ำสร.ร.ฟ.ท.อีกครั้งถ้ามีประเด็นข้อเรียกร้องอะไรไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงไหนก็สามารถยืนมาถึงรัฐบาลได้

ที่ผ่านมาทางภาครัฐมีการศึกษาเรื่องการปรับปรุงร.ฟ.ท.มาระดับหนึ่งแล้วเพราะฉะนั้นขณะนี้ต้องมองลึกลงไปว่าในอนาคตจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไปซึ่งการศึกษาดังกล่าวจะแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1.จะต้องมีการปรับปรุงเรื่องกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการพัฒนา 2.เปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการ และ 3.ทำให้เกิดการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบ   อาจจะต้องมีการปรับรูปแบบการบริหารร.ฟ.ท.เป็นกรมรถไฟเพื่อจะสามารถใช้งบประมาณรัฐได้อย่างเต็มที่โดยนำงบประมาณนั้นมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบรางทั้งหมด   ส่วนในเรื่องของการเดินรถนั้นควรมีระบบการแข่งขันโดยอาจจะเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม

จู่ๆพนักงานร.ฟ.ท.กับสร.ร.ฟ.ท.กลายเป็นพนักงานสติไม่ดีแกล้งประชาชนไปเสีย   คนร.ฟ.ท.ทำงานดักดานกับสภาพแย่ๆ ของการบริหารร.ฟ.ท.มาไม่รู้กี่ชุดรัฐบาลจนมาถึงมือนายกฯ คนนี้กับรัฐมนตรีคนนี้   ใครต้องรับผิดชอบ  ในระดับบริหารอย่างโสภณ  ซารัมย์รัฐมนตรีคมนาคมหรือยุทธนา  ทัพเจริญผู้ว่าฯร.ฟ.ท.ที่ไร้สปิริตและไร้ประสิทธิภาพ พณฯท่านเล่นบริหารแบบลอยตัว นอกจากจะไม่แสดงความรับผิดชอบแล้วยังดื้อตาใสและที่น่าเกลียดก็คือมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุของโศกนาฏกรรมแล้วในที่สุดก็สรุปผลการสอบสวนให้ลงโทษไล่ออกพนักงานขับรถที่ถูกระบุว่าหลับในขณะเกิดเหตุเพียงคนเดียว รัฐมนตรีและผู้ว่าฯที่จะต้องต้องพิจารณาตัวเองเพราะมีอำนาจหน้าที่แล้วแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย  ปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยิ้อบานปลายและขาดวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  ถ้ายังด้านไม่ลาออกนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ต้องใช้อำนาจในฐานะผู้บริหารประเทศสูงสุดสะสางปัญหา-อุปสรรค-ความขัดแย้งแล้วจัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดทันที  ประกาศแล้วต้องทำจริงไม่ใช่พูดหาเสียงฉาบฉวยแล้วปล่อยให้กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่ง   ถ้านายกฯ แก้ไม่ได้ ปลดนายโสภณไม่ได้ ปลดยุทธนาไม่ได้ก็ต้องปลดตัวเองออกอย่ามัวแต่เกรงใจเนวินเจ้าของพรรคภูมิใจไทยแต่ไม่เกรงใจประชาชน-เจ้าของประเทศ      ผู้บริหารของชาวเมืองอื่นๆแค่รถตกรางคนก็ตกเก้าอี้แล้ว...แต่ที่นี่เมืองไทย  ทีกับพวกนายพล  นักการเมืองที่โกงชาติทำไมไม่ขึงขังบ้าง เรื่องย้ายสมานบิน เรื่องตั้งผบ.ตร. เรื่องรถเมล์ เรื่องเขาพระวิหาร เรื่องที่ดินรถไฟบุรีรัมย์ เรื่องข่าวลือ เรื่อง7ตุลา แค่ปลดออก ฯลฯ เรื่องพวกนี้กล้ารึเปล่า....วันนี้มอดกับปลวกกำลังจะขึ้นหนังสือร้อยฝัน (ร้าย) วันฟ้าใหม่ของนายกฯอภิสิทธิ์ที่เคยเขียนไว้เมื่อครั้งเป็นฝ่ายค้านแล้ว

อย่าไปตำหนิ ติติง ต่อว่าทั้งพนักงานร.ฟ.ท.และสร.ร.ฟ.ท.กันนักเลย  ขอประชาชนดูสภาพหัวรถจักรกันเสียก่อน มันย่ำแย่ขนาดไหน พวกเขาเป็นเพียงระดับล่างรับแต่นโยบาย ไม่ได้รับเงินเหมือนพวกระดับบนที่ไม่คิดหรือพัฒนาการรถไฟแบบจริงจัง ระบบการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทันสมัย ไม่มีความปลอดภัย พอมีอุบัติเหตุพนักงานระดับล่างได้แต่รับผิดชอบไป แล้วพนังานระดับบนๆกับผู้บริหารนั่นบริสุทธิ์ผุดผ่องกันเสียนี่ ชีวิตประชาชนทั่วไปและชีวิตพนักงานขึ้นอยู่กับหัวรถจักรเก่าๆ การสื่อสารที่ไม่ทันสมัย   อย่าเอาการหยุดงานประท้วงของสร.ร.ฟ.ท.และความเดือดร้อนของประชาชนมาบังน่าเพื่อการแก้ปัญหาการรถไฟไทยทั้งระบบและต้องช่วยกันสกัดกั้นนักการเมืองชั่วเข้ามาหากินและบอนไซร.ฟ.ท. การที่สร.ร.ฟ.ท.คิดจะพัฒนาองค์กรนับเป็นเรื่องดี ต้องกระทุ้งให้ฝ่ายบริหารการรถไฟฯ  หันมาให้ความสนใจอย่างจริงๆ  เพราะที่ผ่านมาผู้บริหารมักติดนิสัยมูมมามคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาก็ตั้งหน้าตั้งตาสูบจนร.ฟ.ท.เป็นง่อย  ผู้บริหารใช้กลไกสื่อบิดเบือน มติครม.ที่แล้วๆมาให้ลดจำนวนพนักงานจนทำให้ พขร. ต้องทำงานจนไม่มีวันหยุด   เพราะต้องการลดค่าใช้จ่าย  

เคยมีอยู่หลายๆกรณีที่ร.ฟ.ท.จะทำการพัฒนาการให้บริการแต่ตกลงผลประโยชน์กันไม่ได้โดยผู้บริหารระดับบนและพนักงานระดับล่างไม่รู้เรื่อง  สุดท้ายเรื่องก็เงียบ การคิดจะพัฒนาโดยที่ไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องจะไม่เกิดใช่หรือไม่   เรื่องนี้ถ้าหากมีความจริงใจไม่มีเจตนาแอบแฝงบริหารจัดการให้มันโปร่งใส สามารถหากำไรเอาเงินส่งรัฐไปใช้พัฒนาประเทศให้สบายโดยไม่จำเป็นต้องไปแยกจัดการหรือแปรรูปองค์กร   ความคิดการแปรรูปเป็นเพียงข้ออ้างในการที่จะฮุบที่ดินของร.ฟ.ท.เท่านั้นโดยไม่รู้ถึงสาเหตุหลักการและพระพุทธเจ้าหลวงท่านเตรียมที่ดินรถไฟไว้เพื่อขยายเป็นคลังขนถ่ายสินค้าและเพื่อการอื่นในการพัฒนากิจการ ไม่ใช่ให้ใครฮุบไปพัฒนาเป็นศูนย์การค้าและอาคารพาณิชย์   ถ้าให้ภูมิใจห้อยได้โอกาสแปรรูปรฟท.ก็คงเป็นการเตะหมูเข้าปากหมาของสร.ร.ฟ.ท.และเราคงจะได้เห็น 2 บริษัท    - บริษัท ร.ฟ.ท.เอื้ออาทร จำกัด เพื่อการหาเสียงกับรากหญ้า รากแก้ว รากฝอยและรากต่างๆหรืออาจจะประชาชนชาวรากเลือด(เพราะการโกงกิน)  กับ - บริษัท ร.ฟ.ท.แลนด์ จำกัดแบ่งเค้กให้พรรคพวกถือหุ้นแล้วขายที่ดินของพระพุทธเจ้าหลวงที่ได้พระราชทานให้ปวงชนชาวไทยทั้งปวง  ทางรถไฟผ่านทางไหนวัดไปซ้าย 40 เมตร ขวา 40 เมตร   ที่ผ่านมาภูมิใจห้อยได้เขมือบเขากระโดง บุรีรัมย์ไปต่อยหินขายกันทั้งลูกแล้ว ยังจะให้ภูมิใจห้อยเขมือบที่ดินของพระพุทธเจ้าหลวงแปลงแล้วแปลงเล่ากันอีกได้อย่างไร