29 เมษายน 2555

เมียซื้อที่ดิน แต่ผัวติดคุก


ทำไม..."เมียซื้อที่ดิน แต่ผัวติดคุก" !?!

คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจว่า “พฤติการณ์ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม” (Conflict of Interest) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” นั้นถือเป็นการคอร์รัปชัน จึงทำให้เกิดการวิพากษ์อย่างผิดๆ ว่าอดีตผู้นำผู้ล่วงลับ (สมัคร สุนทรเวช) ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพียงแค่ “รับจ็อบ” ทำกับข้าวออกทีวี โดยไม่เข้าใจว่าการรับผลประโยชน์จากเอกชนดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย

เช่นเดียวกับความไม่เข้าใจที่ว่า เหตุใด "คุณหญิงพจมาน ชินวัตร" (ณ ป้อมเพชร) ซื้อที่ดิน (รัชดา) จากกองทุนฟื้นฟูฯ แต่อดีตนายกฯ "ทักษิณ ชินวัตร" กลับมีความผิด จนกลายเป็นวาทกรรมว่า

"เมียซื้อที่ดิน แต่ผัวติดคุก" !?!

ความจริงก็คือ กฎหมาย ป.ป.ช.ได้บัญญัติในมาตรา ๑๐๐ โดยสรุปว่า...ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้เสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ที่ตนปฏิบัติหน้าที่ และมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบ หรือดำเนินคดี ตลอดจนห้ามมิให้รับสัมปทาน หรือคงไว้ซึ่งสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐทุกประเภท ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และห้ามมิให้เข้าไปมีส่วนได้เสียในกิจการต่างๆ ทั้งปวงดังกล่าว

นอกจากนี้วรรคท้ายของมาตรา ๑๐๐ ยังได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า "ให้นำบทบัญญัติในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับกับคู่สมรสของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคสอง โดยให้ถือว่าการดำเนินกิจการของคู่สมรสดังกล่าว เป็นการดำเนินกิจการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ"

ดังนั้น พฤติการณ์ที่ว่า "เมียซื้อ" จึงเท่ากับ "ผัวซื้อ" โดยปริยาย ในขณะที่กฎหมาย ป.ป.ช.ห้ามมิให้ "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" มีผลประโยชน์ทับซ้อน ด้วยเหตุนี้พฤติการณ์ดังกล่าวจึงถือเป็นความผิด !!!

ศูนย์ข่าว ป.ป.ช.ภาคประชาชน รายงาน