22 มกราคม 2552

องค์กร ป.ป.ช.คือองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญ

องค์กร ป.ป.ช.คือองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญเพื่อที่จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หรือตรวจสอบปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นซึ่งเป็นปัญหาของประเทศที่เราจะหวังเพียงแค่ ส.ส.อภิปรายในสภาไม่ไว้วางใจคงไม่เพียงพอ หรือปัญหาทุจริตคอรัปชั่นมีจำนวนในทุกระดับ จำนวนมากนับหมื่นราย แต่ขณะนี้ตำรวจ กำลังล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช. เพียงตำรวจกำลังเห็นว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น กำลังเดินเรื่องของการที่จะดำเนินความผิดต่อการใช้กำลังสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ผลงาน ป.ป.ช.วันนี้ได้ชี้มูลความผิดข้าราชการชั้นสูงในหลายกระทรวงที่จะต้องหลุดจากตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้น ป.ป.ช.เขากำลังเดินเรื่องวันที่ 7 ตุลา ป.ป.ช.เขารับเรื่องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งคณะกรรมการสิทธิฯ นั้นได้มีการรวบรวมสำนวน และตรวจสอบในเรื่องของข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการส่งสำนวนไปให้กับ ป.ป.ช.เป็นจำนวน 117 หน้า และมีการสอบสวนกลุ่มบุคคลต่างๆ จำนวนทั้งหมด 91 คน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มแรกไม่ใช่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเองยกเมฆเอา เขามีการได้ตรวจสอบ สอบสวน 1.คือฝ่ายการเมือง 2.คือฝ่ายสื่อมวลชนที่เห็นเหตุการณ์ 3.คือพี่น้องประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุม และบาดเจ็บ 4.ก็คือ แกนนำ หรือการ์ด ที่อยู่ในเหตุการณ์ 5.คือกลุ่มเจ้าหน้าที่แพทย์ ที่เข้าไปช่วยเหลือ 6.คือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช และนิติวิทยาศาสตร์ และก็กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนนั้นพยายามหาข้อมูลให้ครบทุกด้าน และมีการได้สรุปสำนวนนั้นเพื่อส่งให้กับคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการดำเนินการ ป.ป.ช.เองไม่ใช่รับสำนวนจากแค่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนมีการเรียกไปสอบที่ ป.ป.ช. เพิ่มเติมหลายท่านเช่นแกนนำพันธมิตรฯ 3 ท่าน คุณวีระ สมความคิด คุณสำราญ และอีกหลายท่านที่ ป.ป.ช.พยายามให้ความเป็นธรรมและเกิดการรัดกุม ผู้ต้องหาวันนี้มีทั้งข้าราชการ ตำรวจ ไม่ต่ำกว่าเกือบ 15 คน และนักการเมืองระบุชัดนี่คือที่มาของทำไมตำรวจถึงไปล่ารายชื่อเพื่อที่จะถอดถอน ป.ป.ช. ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในหลายพื้นที่ได้รับคำสั่งมาจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพร้อมลูกเมียล่ารายชื่อเพื่อทำลายกระบวนการยุติธรรมทางระบบการตรวจสอบของป.ป.ช. เป็นถึงองค์กรผู้รักษากฎหมายเอง แล้วเข้าชื่อจะขอถอดถอน ป.ป.ช.อันเป็นองค์กรกฎหมายด้วยกันเอง ด้วยเรื่องอันเป็นประโยชน์เฉพาะพวกหมู่ของตนเองอย่างนี้ แล้วจะให้สังคมทั่วไปเขาเข้าใจว่าอย่างไร? กองทัพก็มี "ทหารหญิง" ยอมพลีเพื่อทักษิณ ตำรวจก็มี "นายพลแก่" ยักแย่ยักยันเพื่อทักษิณ พวกคุณไม่คิดเอาชาติ เอาระบบบ้านเมืองเก็บรักษาไว้บ้างเลยหรือ

หากถ้า ป.ป.ช.ไม่มีผลงานไม่ทำเราก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ว่า ป.ป.ช.ไม่ทำอะไรเลยทิ้งปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น ที่พวกชั่วเขาโกงกันจนหมดคดีความ ยังไม่ดำเนินการอะไรเลย หรือหากป.ป.ช. กระทำผิดเสียเองก็สามารถยื่นถอดถอนป.ป.ช. ออกได้ทั้งหมดทุกคนทั้งคณะ

21 มกราคม 2552

การเมืองใหม่ ปชป. พธม. และ โอกาส

การต่อสู้ของพันธมิตรฯ 193 วัน และก่อนหน้านั้นเป็นปีๆ เพื่อต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยการขจัดทักษิณออกไป เพราะทักษิณเป็นอุปสรรคต่อการปกครองในระบอบทักษิณที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การต่อสู้ของเราได้ผลหลายต่อหลายอย่างเช่น รัฐบาลทักษิณไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ทำให้ระบอบทักษิณ อ่อนอำนาจลง ปกป้องชาติ เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถดำเนินคดีได้หลายคดี สามารถทำให้รัฐมนตรีที่ไม่ดีออกจากตำแหน่ง ก่อกระแสการเมืองใหม่ที่ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และสุดท้าย สามารถรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศไทยจนรัฐบาลอังกฤษถอนวีซ่า ทำให้ทักษิณถูกตัดสินจำคุก ไม่มีครั้งใดในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ประชาชนตื่นตัวและเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากที่สุดเท่าครั้งนี้ ประชาชนได้ความกล้าหาญมีความแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามการต่อสู้ของเรา คนมากมายก็ยังไม่เข้าใจและเราจะไม่เหลือแผ่นดินให้ลูกหลานเลยถ้าเราไม่ออกมาต่อสู้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเป็นเหตุเป็นผลตามสมควรไม่ใช่สักแต่ว่าเอามันส์

แม้ว่าขณะนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาเป็น ปชป.ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนดี ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ปัญญา มีวิสัยทัศน์ สะอาดและความซื่อสัตย์ โปร่งใสแต่สงสัยว่ามีความกล้าหาญหรือไม่และอย่าลืมว่าในพรรค ปชป.ยังมีนักการเมืองเก่าป่นอยู่ด้วย เหตุที่รัฐบาลและพรรคร่วมทำไม่เนียน ลากตั้งรัฐมนตรีมีแต่พวกร่างทรง-นอมินี-มือใหม่หัดขับดังนั้นความไม่ไว้ใจในตัวรัฐบาล-พรรคร่วมรัฐบาลพุ่งพรวดทะลุเพดาน จนเกิดภาพหลอนกลับมาอีกครั้งว่าจะเป็นภาพนักการเมืองที่เตรียมประแป้งแต่งตัวเข้าสู่มหกรรมรุมทึ้งงบประมาณ-ตักตวงผลประโยชน์หรือไม่ หน้าที่ของนายอภิสิทธิ์จะต้องที่จะต้องทำนักการเมืองในพรรคของตนเองให้สะอาด มีนักการเมืองที่สะอาด เสียสละ แม้ว่าจะเจ็บปวดกับคำพูดของสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่พูดว่าไม่มีเนวินวันนี้ไม่มีพรรคประชาธิปัตย์ แต่เขาสู้กับพรรคพลังประชาชนไม่ได้ เนวินจึงได้เปลี่ยนขั้วเพราะรู้ว่าอยู่ไปก็ไปไม่รอด จึงได้มีการเปลี่ยนขั้ว ทั้งๆที่เราไปเหนื่อยเรียกร้องมาร้อยกว่าวันเพียงเพื่อให้พรรคๆ หนึ่งได้กลับมาเป็นรัฐบาลอย่างงั้นหรือ เราเองตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เราไม่เคยนึกว่าคนที่อัปลักษณ์ที่สุดกับคนที่ดีคนหนึ่งจะจับมือกันบริหารประเทศ เราเคยเห็นแต่คนอัปลักษณ์จับมือกันกับพวกแลนตะกวดโกงกินบ้านเมือง แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านคนที่อัปลักษณ์มาจับมือกับคนที่ดีได้จึงเป็นเรื่องน่าพิศวงมาก แต่เราก็ยังควรจะส่งเสริม ช่วยเหลือ ช่วยชี้แนะให้รัฐบาลทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและเราจะให้กำลังใจกับคนดีๆ ไม่อย่างนั้นจะมีคนดีที่ไหนที่จะกล้าออกมาทำงานเพื่อชาติได้อีก แน่นอนขณะนี้รัฐบาลต้องดำเนินการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศก่อน ประเทศมีงานและมีปัญหามากมายที่ท่านนายกฯต้องแก้ไข ต้องตัดสินใจ ต้องบริหารเพื่อนำปท.ให้พ้นวิกฤติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ความแตกแยก ความมั่นคงของชาติและสถาบันฯ เราต้องให้เวลารัฐบาลจัดการเรื่องเศรษฐกิจให้เสร็จก่อนระยะหนึ่ง เมื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจผ่านพ้นไปแล้ว ต้องจัดการความถูกต้องให้เกิดขึ้น

รัฐบาลอภิสิทธิ์ และพรรคร่วมรัฐบาล ที่ก็รู้ตัวดีว่าถูกจับจ้องทุกฝีก้าว ได้ลดกระแสความคลางแคลงใจและสร้างภาพลักษณ์ให้กับรัฐบาล ด้วยการ “เฉือน-หั่น-ทบทวน-เลื่อนพิจารณา” ในโครงการที่ถูกมองว่าไม่คุ้มค่าสมประโยชน์กับเม็ดเงิน รวมถึงอาจมีการแสวงหาผลประโยชน์แอบแฝง เช่น โครงการจัดเช่ารถเมล์เอ็นจีวีของขสมก.จำนวน 4 พันคัน โครงการจัดทำแหล่งน้ำสำหรับเกษตรกรทั่วประเทศมูลค่า 4 พันล้านบาท ที่มีการประมูลกันเสร็จไปแล้วเมื่อพ.ย.51 เล่นบทตรวจสอบกันเองของรัฐบาล ในการพิจารณาผ่านงบประมาณที่แต่ละพรรค แต่ละกระทรวงชงเข้าคณะรัฐมนตรี หรือโครงการถนนปลอดฝุ่น ของกรมทางหลวง มีหลายโครงการที่รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลเสนอเม็ดเงินไปมากกว่าที่ได้รับ แต่ได้ถูกหั่น-ซอย ออกมาจนได้ตามจำนวนเงินที่พอเหมาะพอควร ก็พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีเสียงตอบรับออกมาค่อนข้างดีกับประชานิยมของอภิสิทธิ์ ต่อลมหายใจให้กับมนุษย์เงินเดือน ยืดอายุวงจรธุรกิจของ เอสเอ็มอี และ โรงงานอุตสาหกรรม ทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัดก็ได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า ในขณะนี้มีนักการเมืองที่เคยร่วมกันการโกงชาติอยู่ถึงครึ่งค่อนคณะและยังมีฝ่ายค้านอีกเกือบร้อยเปอร์เซนต์ทีร่วมกันโกงชาติ รัฐบาลต้องตระหนักให้มากว่าคณะ รมต.เหล่านี้(ฝ่ายรัฐบาลเดิม)มีแต่จะหาทางโกงชาติเพื่อความรำร่วยของตนเอง แต่การที่เราจะบีบให้คุณอภิสิทธิเล่นงานกลุ่มเนวิน ถ้ามันโดนบีบจนไม่ถอยไม่ได้แล้วมันกลับไปร่วมกับพวกม็อบเสื้อแดงอีก ทำให้คุณอภิสิทธิอ่อนแอลง เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาครองอำนาจอีก พวกเลวๆมันมีอยู่มาก สุดท้ายบ้านเมืองก็คงพังย่อยยับ

แค่ 10 กว่าวันนายกฯอภิสิทธิเข็นผลงานออกมาโชว์มากมาย เน้นเป้าหมายไปที่นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ล้วนล่อใจสร้างความนิยมโกยคะแนนได้ทั้งสิ้น ทำงานกันแทบไม่ได้หายใจหายคอ จนเข็นผลงานออกมานับไม่ถ้วนเพื่อคนไทยทั้งชาติ เป้าหมาย เพื่อสร้าง "ศรัทธา" ให้กับประชาชน โดยเฉพาะรากหญ้าเสื้อแดง เพื่อให้เห็นความตั้งใจจริง ความมุ่งมั่น ความทุ่มเทเพื่อประชาชนทุกคน เพื่อผลประโยชน์ของชาติและผลงานของรัฐบาล ในเวลาแค่ไม่กี่วันแต่รัฐบาลก็ทำได้ดีมากพอสมควรสามารถดึงมวลชนกลับมาได้เป็นจำนวนมาก สามารถเอากลุ่มเนวินนั้นก็เปรียบเหมือนเอาดาบของศัตรูมาทำลายศัตรู เขามีวิธีสู้ในวิถีทางเพื่อแสดงความแตกต่างให้ประชาชนเสื้อแดงเห็นระหว่างคนดีกับมาร ซึ่งส่งผลให้พวกหัวโจกมันค่อยๆเสื่อมไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว กระแสเสื้อแดงที่ต่อต้านกำลังทำร้ายตัวเอง ทักษิณกำลังจะได้รับผลกรรม ทำให้ประชาชนพวกที่คลั่งทักษิณเห็นธรรมและกลับมาเป็นแนวร่วมกับรัฐบาลเพื่อร่วมพัฒนาชาติ ให้พวกเขาเห็นว่าถ้าไม่มีทักษิณประชาชนเหล่านี้ก็สามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ และถ้าทำสำเร็จพวกเขาก็จะลืมทักษิณไปเอง การที่บีบรัฐบาลอภิสิทธิโดยการตีกรอบจนไม่มีทางออกยืดหยุ่นหรือให้เวลา ยิ่งเหมือนเพิ่มจุดอ่อนและสร้างความอ่อนแอให้กับรัฐบาลที่จะทำให้พวกเสื้อแดงเข็มแข็งและมีความชอบธรรมมากขึ้น ไปเข้าทางตืนพวกเสื้อแดงก็จะเสียของ เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อจะให้มันนิ่งแล้วค่อยๆเชือดไปทีละอย่าง และก็เป็นการเชือดนิ่มๆแบบพรรคร่วมต้องยอมรับอย่างไม่มีปัญหาด้วย ถือว่าเขาเดินหมากอย่างรอบคอบที่สุดแล้ว ก็ในเมื่อระบบยังต้องใช้เสียงข้างมาก ก็ต้องให้เวลาเขาเดินไป อย่าไปบังคับกันมากนักเลย ทุกคนก็รู้ว่าเขาเองก็ถูกกระทำมาเยอะมีหรือเขาจะไม่เจ็บ แต่จะทำอะไรมันต้องมีแผน บางอย่างก็ต้องใช้เวลา แทบทุกหน่วยกรมกองมีแต่สมุนพวกมัน การจะทำอะไรต้องให้นิ่มที่สุด

เราจะปล่อยให้ ปชป.บริหาร กวาดบ้าน ซ่อมบ้านก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ไปสักระยะ รักษาเศรษฐกิจเสียก่อน และก็ค่อยๆไล่ค่อยๆถ่ายน้ำเสียออกไป เราพร้อมให้โอกาสรัฐบาลทำงานไปก่อนอย่างมีเงื่อนไข รัฐบาลต้องทำงานต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น เราเชื่อว่าประชาชนจะรักรัฐบาลอย่างไรเราก็ต้องต้องเปิดใจให้กว้างอยู่บนสภาวะของความเป็นจริงประเทศไทย แต่ไม่ใช่ยอมจำนนแต่ต้องเข้าใจปัญหาไปพร้อมๆกับการทำหน้าที่วิจารณ์ตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ ถ้าดีจริงรัฐบาลก็ต้องไม่กลัวการตรวจสอบ ถ้ากระทำผิดเล็กน้อยก็เตือนหรือติติง ถ้าผิดมากหน่อยก็ตำหนิกันตรงๆแต่ถ้าผิดพลาดร้ายแรงก็พร้อมจะไล่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นแกนนำหรือผุ้ปราศัยบางคนออกมากดดดันบางเรื่อง เรียกร้องบางอย่าง ตำหนิบางสิ่งที่รัฐบาลทำ เราก็ต้องเรียกร้องและกดดันให้รัฐบาลนี้บริหารงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และทำให้สงคมสะอาดขึ้น

เราไม่ไว้ใจนักการเมืองไม่ว่าพรรคไหน พันธุ์ไหน เพราะเราเชื่อว่าการเมืองก็คือการมาเจอกันของกลุ่มผลประโยชน์ร่วมกัน หาใช่มาเจอกันเพราะอุดมการณ์ตรงกันอย่างในทฤษฏีรัฐศาสตร์การเมือง รูปแบบการ “โกงกิน” ที่แนบเนียนขึ้น ทั้งทางด้านการโกง การเล่นพรรคเล่นพวก หลายโครงการที่เป็นทั้งเมกะโปรเจกต์ ที่กำลังรอการแบ่งเค้กอยู่เช่น โครงการ 3 จี และจัดหาจัดซื้อโครงการคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร งบการพัฒนาท้องถิ่นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น งบล่ำซำ” ที่มีการตัดออกมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้วหน่วยงานต่างๆ เสนอของบเพิ่มกลับไปที่กรรมาธิการงบประมาณ แล้วตั้งงบกลับเข้ามาใหม่ที่งบอุดหนุนในกรมส่งเสริมฯในรูปแบบโครงการต่างๆ การประมูลรถไฟฟ้าอีกหลายเส้นทางรวมมูลค่าเกือบแสนล้านบาท ซึ่งตั้งแต่เริ่มยกร่าง ทีโออาร์ ก็มีข่าวล็อกสเปกเอื้อประโยชน์บางบริษัทกันมาตลอด แถมบริษัทรับเหมาที่เข้าประมูลก็ล้วนมีเส้นสายและเป็นนายทุนให้กับพรรคการเมืองในขั้วรัฐบาลหลายพรรคและให้จับตามองความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงล้างบางรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง ที่มีผลประโยชน์จำนวนมาก โดยเฉพาะงบประมูลก่อสร้างและการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ การประปาส่วนภูมิภาค รถไฟฟ้ามหานคร การบินไทย เป็นต้น รวมถึงในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคม ที่มีผลประโยชน์จำนวนมาก ก็ต้องจับตาไม่กระพริบ หรืออย่างเรื่องการจัดการกับตำรวจที่กระทำผิดในเหตุการณ์ 7 ตุลาฯนั้นในเมื่อ อภิสิทธิ์ เป็นคนยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง (ตอนเป็นฝ่ายค้าน) และผลการสอบสวนก็ออกมาแล้วและชี้ชัดไปที่ตัวคนที่ต้องรับผิดชอบชัดเจน แต่ตอนนี้รับบาลโดยนายกฯกลับนิ่งเฉยต่อผลสอบนี้ (ที่ยื่นให้สอบเอง) โดยคุณอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า คงต้องรอผลสอบของ ปปช ก่อน (แล้วไปยื่นให้คณะกรรมการสิทธิฯสอบทำไม ถ้าคิดจะไม่สนใจ) เรื่องแบบนี้พันธมิตรมีสิทธิที่จะทวงถาม กดดัน หรือตำหนิ หรือประชาชนจะต้องติดตามว่าจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรจากเรื่องการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จำนวน 16 ล้านไร่ ให้กับประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินนี้บ้าง อย่างกรณีสปก-401 ที่รัฐกำลังออกมาผลักดันอีกครั้ง ทั้งๆที่คราวก่อนความผิดพลาดเรื่องนี้ก็เกิดมาจากรัฐบาล ปชป นี่เองเราออกมาติติง ตักเตือน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส นอกเหนือจากเรื่องเอา ปตท.กลับมาเป็นของรัฐ, ทวงคืนปราสาทพระวิหาร กับยึดพาสปอร์ตของทักษิณทุกเล่ม

เรายังไม่จบภารกิจเพียงแค่สิ้นสุดลงแล้วชั่วคราวเมื่อทักษิณต้องระเห็จไปอยู่ต่างประเทศและคดีต่างๆ ของเขาก็ได้ถึงขั้นศาลจนพวกเขาถูกตัดสินจำคุกทั้งตัวเองและภรรยาแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้กัน ตราบใดที่ระบอบทักษิณยังดำรงอยู่เราก็ยังต้องสู้ต่อไปเพื่อให้ได้การเมืองใหม่ที่สะอาดจริงๆ ตลอดเวลา 75 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเราอยู่กับการเมืองเก่าที่มีการทุจริต คอร์รัปชัน ใช้ทหาร ตำรวจ ปราบปรามประชาชนยังมีโอกาสที่ทักษิณและพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดยเนวิน ชิดชอบจะกลับมา สุดท้ายคาดว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะต้องมีการหักหลังจากกลุ่มเนวินเกิดขึ้น เพราะกลุ่มเนวินมีประวัติเคยหักหลังทั้งบรรหารและทักษิณมาแล้ว ต่อให้เลือกตั้งใหม่ก็จะมีน้ำเสียไหลกลับเข้ามาอยู่ดีเพราะไม่มีตัวเลือกใหม่ๆเข้ามาเสริมลำพังประชาธิปัตย์อย่างเดียวอยู่กลางอสรพิษทั้งนั้นจะให้สู้กับพรรคทั้งหมด มันไม่ไหวหรอก

การที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ ตั้งใจทำงาน ไม่มี คอรัปชั่น กำจัดพวกโกง และเมือมีการเลือกตั้งก็ค่อยๆทำให้โปร่งใส นั่นก็ เป็นการเริ่มนำไปสู่การเมืองใหม่แล้ว เราจะรับสภาพไปหานักการเมืองเก่า 480 คนในสภาในแบบที่ผ่านมาได้หรือไม่ ชายชราที่สระแก้ว ร้อยตำรวจเอกที่ฝั่งธน เราจะเอาไหม ประชาชนเราจะต้องพร้อมบินออกจากสุ่ม ไม่อยู่ในกรงครอบของ 480 คนอีกต่อไป เราอยู่กับการเมืองเก่ามานานอยู่กับนายกฯ ชั่วๆ 7-8 ปีทีผ่านมา เราจะไม่ยอมอีกต่อไป พอกันทีกับพวกมึงแล้ว ข้อเรียกร้องของประชาชน เราต้องการองค์กรสู้รบในรัฐสภา พรรคการเมืองของประชาชน แต่เรื่องนี้ละเอียดอ่อน เร็วเกินไปที่จะบอกว่าตั้งได้หรือไม่ได้ มวลชนพื้นฐานกำลังรอการเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนไหวของประชาชนที่ก้าวรุดหน้าต่อไปเพราะต้องการเดินไปหาดินแดนแห่งความดีงาม การเมืองใหม่ต้องเป็นการเมืองของพี่น้องประชาชนทั้งหมดเป็นเจ้าของมีส่วนร่วม การเมืองใหม่จะไม่ถูกกำหนดโดยคนๆ เดียว เพราะมันจะกลายมีสภาพไม่ต่างจากการเมืองของทักษิณ เราต้องการการเมืองใหม่ เราต้องเป็นเจ้าของร่วมกัน ทุกคนเท่าเทียมกัน เข้มแข็งพอที่จะฝ่าด่านการเมืองเก่า เพื่อเปิดประตูไปสู่ "การเมืองใหม่" อย่างที่พวกเราอยากเห็นได้แน่นอน การเมืองใหม่นั้นมิเพียงแต่เปลี่ยนสันดานนักการเมืองแต่ต้องเปลี่ยนแปลงไปทุกๆเรื่อง การเมืองใหม่ต้องเดินหน้าต่อไปต้องมีการต่อสู้ต่อไป เกาะกลุ่มกันไปให้แน่น รวมตัวจัดตั้งกลุ่ม จัดตั้งสหกรณ์ขึ้นมาเพื่อที่จะต่อสู้กันต่อไป การเมืองใหม่นั้นจะต้องไม่คดโกง การเลือกตั้งต้องบริสุทธิ์

การเมืองใหม่ที่ทุกคนอยากได้มันยังเป็นอุดมคติเกินไปอยู่ ต้องค่อยๆสร้างกันไปตอนนี้ก็มีแต่นามธรรม เราน่าจะทำให้มันมีน้ำหนัก มีตัวตนจับต้องได้จริงๆ เราจะต้องตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ให้ดี ความรับผิดชอบ พร้อมรับผิดและชอบต่อผลที่ตัวเองทำด้วย การเมืองใหม่จะต้องปรับกันทั้งระบบตั้งแต่ระบบราชการมาเลยเชียว ไม่ได้ใช้เวลาแป๊บเดียวหรือแค่แก้ไขรัฐธรรมนูญถึงจะทำได้ การเมืองจะดีได้ต้องเริ่มที่ประชาชนดีก่อน ถ้าจริยธรรมและความรู้ของคนในสังคมสูงขึ้นกว่านี้ นักการเมืองชั่วช้าก็ไม่มีทางได้เกิด ให้องค์กรอิสระเกิดและโตอย่างเข้มแข็งกว่านี้ ทำงานรวดเร็วกว่านี้ ระบบศาลก็ต้องรวดเร็วกว่านี้ กฎหมายเด็ดขาดกว่านี้

19 มกราคม 2552

พอกันทีกับนักการเมืองสารเลว

แม้ว่าประชาธิปัตย์นิยมลงเป็นห่าฝนอย่างไม่กลัวอดีตหลอนรัฐบาลทุ่ม 325 ล้านแก้ภาพลักษณ์ประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจชนิดเอาเงินไล่แจกชาวบ้าน หวังเอาการจับจ่ายใช้สอยเป็นตัวผลักดันภาคการผลิตตามกลยุทธ์ Dual Track หรือตะเกียบ ๒ ขาเพื่อกระตุ้นรากหญ้ากับกระตุ้นการส่งออกและท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในรูปแบบประชานิยมตามทฤษฎีเคนส์ที่ว่าที่ไหนๆเขาก็ทำกันทั้งโลก คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้งบกลางแจกจ่ายเงินให้พนักงาน ราชการ ลูกจ้างราชการ ข้าราชการที่มีรายได้ไม่เกิน 14,999 บาท จำนวน 1.3 ล้านคน และผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวน 8,138,815 คน คนเหล่านี้จะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินคนละ 2,000 คน แต่เกษตรกร ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย คนขับแท็กซี่ ขับวินมอเตอร์ไซค์ ช่างดัดผม ช่างตัดผม ฯลฯ 40-50 ล้านคน จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทำนองนี้จากรัฐบาลแต่อย่างใด ทั้ง "ลด-แลก-แจก-แถม" ที่ประชาธิปัตย์เคยค่อนแคะรัฐบาลทักษิณมาทั้งหมดว่าไม่ก่อประโยชน์ในระยะยาวกับประชาชน ทำให้ประชาชนอ่อนแอ วันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์เดินตาม-สานต่อทั้งหมดแถมล้ำหน้าโอ๋สังคมแบบ "เลี้ยงลูกให้เสียคน" ในสังคมทุนนิยมคือสังคมแห่งการบริโภคคือสังคมแห่งการจับจ่ายใช้สอย ลืมได้เลยจริยธรรมในการออม เท่าที่ออกอาวุธมาห่วงอยู่แต่ว่าชาวบ้านเขาจะนินทา "แนวทางบริหารรัฐบาลอภิสิทธิ์วันนี้ คือการรับรองผลงานรัฐบาลทักษิณเมื่อวานนี้" (คำป๋าเปลว)

ประชาธิปัตย์บอกว่าเมื่อคาดหวังตลาดต่างประเทศไม่ได้ ก็ต้องหันมาดูตลาดในประเทศ ทำอย่างไรให้เงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่ายพร้อมเสริมมาตรการช่วยเหลือเข้าไป สร้างงาน ทำโครงการ สนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ ท่องเที่ยวและจะต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่น ดูแลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ กำหนดมาตรการต่างๆที่ทำให้กับคนทั้งประเทศเพื่อให้ฟันฝ่าวิกฤติไปได้ การปรับลดค่าธรรมเนียมลงจอดเครื่องบินเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมาตรการหนึ่งของรัฐบาลประชาธิปัตย์โดยปรับลดค่าธรรมเนียมเที่ยวบินเช่าเหมาลำไป 50% แล้วส่วนเที่ยวบินปกติจะพิจารณาอีกครั้งประมาณ 15-20% รวมทั้งจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินด้วย กระทรวงการคลังใจป้ำเปิดทางนำเงินต้นค่าผ่อนบ้านหักลดหย่อนภาษีเงินได้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ทุ่มงบ 20 ล้านบาทจัด 3 โครงการเสริมทัพ ดึงนักท่องเที่ยวอาเซียนเข้าไทย ไทยเราต้องผ่านครึ่งปีแรกที่สถานการณ์หนักที่สุดไปให้ได้ ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้หลังจากนั้นพอเข้าสู่งบประมาณประจำปี ซึ่งเริ่มต้นเดือนตุลาคมที่จะใช้จ่ายประชาธิปัตย์ก็จะหันมาดูในส่วนอื่น ๆ ใช้ในลักษณะ "สารตั้งต้น" แล้วปรุงด้วยส่วนผสมตามสูตรของประชาธิปัตย์เองให้สอดคล้องกับสภาพสังคม สภาพปัญหาของประเทศขณะนั้นแล้วประชาธิปัตย์น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจได้

ประชาธิปัตย์ต้องอย่าลืมว่าอาร์เจนตินาชาวบ้านรวยแบบบานปุ๊บปั๊บแล้วก็หุบเฉาจนถาวรทั้งประเทศด้วยเหตุประชานิยมไม่ลืมหูลืมตามาแล้ว ดังนั้นประชาธิปัตย์ต้องแข่งขันกับตัวเองเพื่อพิสูจน์ไม่ใช่การตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพื่อผลทางการเมือง อย่าให้คนจนหมดไปจากประเทศไทยด้วยการอดตายเลย ที่สำคัญประชาธิปัตย์ต้องระวังพวกองค์กรช่วยเหลือในเครือข่ายสหรัฐที่ตั้งขึ้นมาหลอกประเทศด้อยพัฒนาให้ติดเบ็ดเศรษฐกิจทุนนิยมไว้ด้วย อย่าไปถูกหลอกให้ฮุบเบ็ดทุนเงินกู้ซ้ำอีก แรกๆ ก็แค่กำหนดเงื่อนไขวางกรอบธุรกิจให้ปฏิบัติเฉพาะธุรกิจ เมื่อถลำไปทั้งตัว มันจะออกกฎ-กติกาบังคับให้เป็นนโยบายขายประเทศอย่างเช่นกฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ ที่ไอเอ็มเอฟมันทำกะเรามาแล้วเมื่อปี ๒๕๔๐ สังคมเกษตรด้วยวิถีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานรากเท่านั้น จึงจะทำให้ไทยเป็นการลอกคราบสู่มิติใหม่ชนิดขุดรากถอนโคนสู่ความรุ่งเรืองที่เสถียรของไทย

นอกจากนี้ปัญหาปตทที่หมักหมมอยู่แล้วนั้น ตัวตนและความคิดของผู้บริหาร ปตท. คำก็ขาดทุน สองคำก็แบกรับภาระ ทำให้เราคิดได้ว่า ประชาชนประเทศนี้เป็นหนี้บุญคุณ ปตท.มากมายเหลือเกิน ปตท.ช่างเป็นองค์กรผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่พึ่งด้านพลังงานของคนทั้งชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่ตอบแทนผลประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นอย่างดียิ่ง หลายคนคงไม่ได้กลัวว่า ปตท.ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่จะล้มละลายไปต่อหน้าต่อตาหากแผนก๊าซสะดุด เป็นการแสดงให้เห็นว่าปตท.คำนึงแต่กำไร-ขาดทุนมากกว่าความมั่นคงทางพลังงานของรัฐและประชาชน น้ำมันและก๊าซหุงต้มส่วนใหญ่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ไม่ใช่ของรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรหนึ่งองค์กรใด ดังนั้นประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของสมบัติร่วมกันควรมีสิทธิที่จะได้ใช้ทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้มในราคาที่ถูกลงนอกจากนี้ประชาธิปัตย์จะต้องรีบเร่งนำกลับมาสู่รัฐอย่างเดิมให้ได้คาดว่ากำไรของปตท.โดยรวมจะลดลงต่ำกว่าแสนล้านไม่เท่าไรกระมัง

อีกทั้งกรณีการบินไทยซึ่งถ้าไม่ใช้รัฐเข้าไปอุ้มการบินไทยเจ๊งแน่ๆ หลังจากที่เหลือบที่รัฐบาลก่อนๆส่งคนไปรุมกินโต๊ะมานานแสนนาน สุดท้ายรัฐบาล "ของประชาชน" โดยประชานิยมเลอะเทอะนั่นแหละต้องรับผิดชอบ รัฐบาลจะต้องเร่งตรวจสอบค่าใช้จ่ายการบินไทย ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยฝ่าวิกฤติ สั่งตัดสิทธิ์ประโยชน์บอร์ด ผู้บริหาร พนักงาน ทั้งตั๋วฟรีทั้งครอบครัวไม่จำกัดเที่ยวบิน หรือ สิทธิประโยชน์ที่บอร์ดการบินไทยและครอบครัวรวมทั้งผู้ติดตามได้รับ เช่น บัตรโดยสารชั้นหนึ่ง ในเส้นทางบินต่างประเทศและในประเทศ สูงสุดเส้นทางบินละ 15 ใบต่อปี, อดีตกรรมการบอร์ดและบุคคลในครอบครัว รวมถึงผู้ติดตาม จ่ายค่าโดยสารเพียง 25% โดยเป็นเส้นทางบินต่างประเทศ 12 ใบต่อปี และเส้นทางในประเทศ 6 ใบต่อปี, ค่าตอบแทนคณะกรรมการสูงลิ่ว ส่วนค่าตอบแทนบอร์ด ได้รับคนละ 20,000 บาทต่อเดือน และเบี้ยประชุมคนละ 30,000 บาทต่อเดือน หากเป็นประธานจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก 25% รองประธานบอร์ดจะได้เพิ่มจากกรรมการอีก 12.5% อย่างไรก็ตาม สิทธิพิเศษของฝ่ายบริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไปจะได้รับค่าน้ำมันจำนวน 75,000 บาทต่อเดือนด้วย บุคคลภายนอกที่ได้รับเชิญมาเป็นอนุกรรมการหรือคณะทำงาน จะได้รับเบี้ยประชุมอีกครั้งละ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนเงินค่ารับรองของประธานบอร์ด จะมีเงินค่าใช้จ่ายได้ 50,000 บาทต่อเดือน หากเกินวงเงินที่กำหนดสามารถใช้งบกลางของบริษัทได้ ส่วนรองประธานจะได้รับเงินรับรอง 40,000 บาทต่อเดือน และกรรมการ 30,000 บาทต่อเดือน

วันนี้ส.ส.กลุ่ม 16 เป็นผู้สร้างตำนานเอากระจงขาหักไปปล่อยภูเก็ตในวันที่นักการเมืองเหล่านี้พาสื่อมวลชนไปตรวจพื้นที่ส.ป.ก.จัดฉากวิ่งไล่ถ่ายกระจงกันจนป่าราบ ก่อนจะตบท้ายอธิบายว่าพื้นที่ป่าสมบูรณ์มีแม้กระทั่งกระจง ยังเอามาตัดแจกให้เกษตรกร แถมเป็นเกษตรกรตัวปลอมอีกต่างหากยังคงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา บรรดาอดีตแกนนำ สส.กลุ่ม 16 ซึ่งมี นายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำเงาตัวจริงกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นแกนนำคนหนึ่ง มีแผนที่จะกลับมารวมตัวผนึกกำลังกันเพื่อสร้างพรรคการเมืองขนาดกลางที่มีอำนาจต่อรองสูง พรรคนี้จะเรียกว่าพรรคสาขาก็ว่าได้อาจจะมีเป้าหมายเพื่ออนาคตทักษิณหรืออาจจะเป็นพรรคสู่ฝันวันใหม่ของนายเนวิน สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่หมายมาดในอนาคตหรือจะเป็นพรรคชอร์ตเซลล์ทำกำไรระยะสั้น ระหว่างนี้มีสส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหลายสิบคนผละจากพรรค แหล่งทุนอันมั่งคั่งทั้งจากแหล่งซิโน-ไทย แหล่งทุนคิงเพาเวอร์และแหล่งm6oสุริยะ มุ่งสู่เป้าหมายก็คือพรรคภูมิใจไทยที่ได้วางแผนระยะยาวที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตัวเองด้วยการรวบรวมจำนวนสส.ให้เป็นพรรคขนาดกลางเพื่อเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต้องตกอยู่ในภาวะถูกกดดันและยอมตามข้อเรียกร้อง ถึงวันนี้ที่ดินส.ป.ก.ที่เหลืออยู่ 20 ล้านไร่ หากได้ส.ป.ก.มาช่วยประชาธิปัตย์ จับพลัดพับผลูเลือกตั้งใหม่ จะทำให้ได้ที่นั่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เพิ่มในภาคเหนือและอีสานบ้างกระมัง นักการเมือง ส.ส.กับที่ดินป่าสงวน ที่ดินต้นน้ำ ที่ดินสวยงาม ที่ดินภูเขา มักจะเป็นของคู่กันเสมอ มีเกษตรกรทั้งตัวจริงและตัวปลอมไปถือครองเต็มพื้นที่หมดแล้ว เป็นที่น่ากลัวว่ารัฐบาลจะเอาเงินงบประมาณไปซื้อที่ดินอีก 1 แสนไร่เพื่อนำมาตัดแจกส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่อยุ่ในภาคเหนือและภาคอีสานมันจะไหลเข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ประชาธิปัตย์ช่างกล้าแม้ว่าอดีตยังตามมาหลอกหลอน จน"เทพ(เทือก)ประทาน"ต้องร้องลั่นถูกสะกิดแผลเก่าส.ป.ก.ระบุไม่มีหน้าที่ดูแลอย่านำไปผูกโยง ปัดข่าว ส.ป.ก.แลกรถเมล์เช่าของกลุ่มเพื่อนเนวิน

ปัจจัยภายนอกจากการเคลื่อนไหวจ้องล้มรัฐบาลของฝ่ายค้านคือพรรคเพื่อไทยและม็อบเสื้อแดงแล้วถือว่าไม่ใช่ตัวแปรสั่นคลอนรัฐบาล แต่ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดชะตากรรมของรัฐบาลอย่างแท้จริงอยู่ที่ปัจจัยภายในรัฐบาลเอง โดยรัฐบาลต้องไม่สะดุดขาตัวเอง หรือปล่อยให้เกิดการทุจริตร้ายแรงขึ้นในรัฐบาล ถ้ารัฐบาลจะตาย จุดตายน่าจะอยู่ที่กระทรวงคมนาคมที่มีโสภณ ซารัมย์ตัวตายนายเนวิน ณ คิงเพาเวอร์นี่แหละและยิ่งตอนนี้นำเอาศรีสุข จันทรางศุมาเป็นขับเคลื่อนให้เลี้ยวซ้าย..เลี้ยวขวา แค่เรื่องเช่ารถเมล์ NGV ๔,๐๐๐ คัน ๑๐ ปีที่จะผลาญร่วมแสนล้าน เริงสำราญกันสี่พันล้านกว่านั้นก็นับว่าหนักหนา ยังจะส่งคนมาเก็บตก-ปกปิดทั้งเรื่องมิดชิดและไม่มิดชิดในสุวรรณภูมิชนิดซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ ในขณะนี้รัฐบาลก็จะต้องระมัดระวังตัวให้มากๆโดยเฉพาะเบรกข้อเสนอโครงการอื้อฉาวที่เสนอโดยกลุ่มเพื่อนเนวิน รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องใช้ความกล้าหาญมากโดยลดงบประมาณจากเมกะโปรเจ็คต์และการพัฒนาเฉพาะกรุงเทพฯ โดยทุ่มเทงบประมาณมาที่ชนบทและชุมชนเมืองอันเป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ที่ยากจนอาศัยอยู่และเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาทางการเมืองมากแล้วทุ่มเทให้เกิดนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง

การเมืองไม่ใช่ถั่วเขียวเพาะตอนเย็นแล้วตั้งเด่เป็นถั่วงอกตอนเช้า การเมืองภาคประชาชน คือการเมืองที่ประชาชนเป็นตัวแทนของตัวเอง ไม่มอบความเป็นตัวแทนให้กับใคร ประชาชนต้องปกป้องสิทธิ -ใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่และร่วมสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม พร้อมทั้งร่วมกันตรวจสอบลงโทษนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันโกงชาติกินเมือง ให้ประชาชนในทุกอำเภอได้ตื่นตัวสนใจสถานการณ์บ้านเมืองและร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ พอกันทีกับนักการเมืองสารเลว การเมืองภาคประชาชนที่แท้จริงต้องไม่อยู่ภายใต้การหลงเชื่อ แต่ต้องจัดตั้งองค์กรให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และรวมตัวกันเป็นเครือข่ายอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนทั้งในระดับชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัดและระดับชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดขึ้นของ พรรคการเมืองภาคประชาชน