16 กรกฎาคม 2552

อย่าให้รัฐบาลกลายเป็นวิกฤติของประเทศชาติ


ขนาดตายยังไม่กลัว บาดเจ็บพิการยังไม่หวั่นแล้วไอ้แค่การยัดข้อหาอันไม่เป็นธรรมของตำรวจจึงไม่ได้สร้างความประหวั่นพรั่งพรึงใดๆให้กับผู้ถูกกล่าวหาในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่วันนี้กำลังถูกอำนาจอธรรมยัดเยียดความผิดให้กลายเป็นผู้ก่อการร้าย ผู้ถูกยัดข้อหาก่อการร้ายทั้งหมดต่างยืนยันพร้อมจะไปรับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวนโดยพร้อมเพรียงกันเพราะบุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงเป็นขบวนการก่อการรัก(ชาติ) ซึ่งอาจจะกระทำขัดใจคนโกงชาติ อาจไม่ถูกจริตคนทั่วไปในบางเรื่องหรืออาจจะผิดกฎจราจรบ้างแต่ไม่ใช่ขบวนการก่อการร้ายต่อชาติบ้านเมืองอย่างแน่นอน ที่สำคัญคดีนี้ก็มีความเป็นไปที่น่าสงสัยว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดกั้นการเติบโตของเมล็ดพันธุ์การต่อสู้ของการเมืองภาคประชาชนและพรรคการเมืองใหม่ที่จะกลายเป็นพรรคการเมืองคู่แข่งของพรรคแกนนำรัฐบาลเวลานี้นั่นก็คือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะกว่าคดีทั้งหลายจะชัดเจนนั่นหมายถึงการเลือกตั้งคงจะมาเยือนไปแล้ว

ถ้าพันธมิตรซึ่งไปนั่งชุมนุมกันอย่างสงบที่สนามบินสุวรรณภูมิถ่ายรูปคู่กับตำรวจไว้เป็นที่ระลึกบ้าง ปูเสื่อนั่งทานหมูสะเต๊ะกับขนมปังบ้าง แล้วถูกดำเนินคดีฐานก่อการร้ายมันก็น่าคิดว่าขบวนการเสื้อแดงที่ปฏิบัติการอย่างเป็นขบวนการโดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์ มีการสั่งการจากเวทีและนายใหญ่ที่อยู่ต่างประเทศ ทั้งไล่ล่าตัวนายกฯ บุกยึดโรงแรมที่ประชุมอาเซียน ล้มการประชุมผู้นำนานาชาติที่พัทยา ปิดถนนอนุสาวรีย์ชัยและอีกหลายจุด ไล่ทุบรถและพยายามฆ่านายกฯ เลขาธิการนายกฯ (นิพนธ์ พร้อมพันธุ์) ที่กระทรวงมหาดไทย ยึดรถแก๊สออกมาข่มขู่ว่าจะระเบิดในที่ชุมชนแฟลตดินแดงยึดรถเมล์มาเผาทำลาย ขับพุ่งชนเจ้าหน้าที่รัฐ บุกทุบและเผาธนาคาร ฆ่าชาวบ้านนางเลิ้ง ยิงมัสยิด ฯลฯ มันน่าคิดว่าขบวนการเสื้อแดงของทักษิณจะต้องข้อหาอะไร?

เมื่อนักการเมืองไม่คิดจะสร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่ก็อย่าไปฝันว่าตำรวจซึ่งเป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมจะมีมาตฐานในการทำคดี เมื่อหัวยังส่ายอยู่จะห้ามไม่ให้หางกระดิกได้อย่างไร

แต่ก็ใช่ว่าจะละลายลบเลือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่าถ้าไม่มีการต่อสู้ของพันธมิตรฯ 193 วันก็ไม่มีรัฐบาลอภิสิทธิ์ แม้จะมีการประดิษฐ์วาทกรรม “ไม่มีเขา (เนวิน) ก็ไม่มีเรา” ขึ้นมากลบเกลื่อนก็ตาม -- เซ็งไปบ่นไป..โดย สำราญ รอดเพชร 14 กรกฎาคม 2552

ความมั่นคงนั้นมันเป็นเรื่องของแนวคิดทางยุทธศาสตร์ที่จะต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในระดับรู้ลึกรู้แจ้งด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกล นายกรัฐมนตรีกลับตัดสินใจโยนภาระไปให้อดีตกำนันดูแลรับผิดชอบแบบเบ็ดเสร็จ เมื่อวันจันทร์ 13/7 คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการชุมนุมทางการเมืองที่มีนายสมศักดิ์ บุญทองอดีตรองอัยการสูงสุดเป็นประธานได้ประชุมที่รัฐสภาเพื่อรับฟังผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการฯทั้ง 7 คณะ โดยเบื้องต้นมี 3 คณะที่สรุปข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นคือเหตุการณ์ที่เมืองพัทยา บริเวณมหาดไทยและศาลรัฐธรรมนูญ ศึกษาข้อกฎหมายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องส่วนอีก 4 คณะที่ยังไม่เสนอรายงานนั้นนายสมศักดิ์ได้เน้นย้ำให้ทุกคณะอนุฯ ไม่เกินวันที่ 30 กรกฎาคม

เหตุที่เกิดความผิดพลาดที่เมืองพัทยาขึ้นนั้นเกิดจากตำรวจที่ยังคงรักแม้วไม่รับคำสั่งใดๆใส่เกียร์ว่างทำให้งานด้านการข่าวของรัฐบาลอาทิสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) และครม.มีความบกพร่องอย่างมาก การเตรียมการไม่ครบถ้วนและไม่วางแผนการปฏิบัติอย่างจริงจัง ขาดประสิทธิภาพและขาดการสื่อสารกับผู้ปฏิบัติทุกระดับโดยเฉพาะตำรวจ การปะทะระหว่างคนเสื้อแดงกับเสื้อน้ำเงินไม่ใช่สาเหตุของการล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน ส่วนเหตุการณ์ทุบรถนายกฯก่อนหน้านั้นมีคนโยงใยและตั้งใจให้เกิดขึ้น รัฐบาลควรทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยกับผู้ที่กระทำความผิดอย่างเร่งด่วน การบุกรุกเข้าไปโรงแรมมีเป้าประสงค์จับกุมนายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศต่างๆ ซึ่งเข้าข่ายการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของประชุมแห่งรัฐต่างประเทศมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีและถ้าเกิดเหตุร้ายผู้กระทำมีโทษถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ถ้าทำเช่นนั้นอีกอาจถึงประหารชีวิต ส่วนการที่มีข้อสังเกตในบริเวณมหาดไทยเกี่ยวกับประเด็นที่ว่านายกฯอยู่ในรถหรือไม่ คนตั้งประเด็นคงหลงผิดอย่างร้ายแรงเพราะไม่ใช่ว่าการไม่คิดว่ามีผู้ที่ตนต้องการไล่ล่าอยู่ในรถในบริเวณมหาดไทยแล้วไม่เป็นการพยายามฆ่า ดูจากการไล่ทุบรถและพยายามฆ่าคุณนิพนธ์ พร้อมพันธุ์เลขาธิการนายกฯก็คงได้ภาพฉายชัด

แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงมีความต้องการตั้งแต่ต้นที่จะอาศัยจังหวะการประชุมสำคัญเช่นนี้เพื่อก่อให้เกิดการจลาจลจนนำไปสู่การลาออกของนายกฯ การประกาศยุบสภาหรือนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารเพียงแต่ไม่มีอะไรที่เดินไปอย่างที่ทั้งวรนุชตัวพ่อและตัวลูกต้องการเอาสักนิด พอผลการศึกษาปรากฏขึ้นโหวงเหวง โตจิราการรักตัวกลัวตายร้องเลยทันทีว่าใช้แต่ข้อมูลจากสื่อมวลชนในประเทศและจากข้าราชการที่ไม่เป็นกลาง แกนนำม็อบเสื้อแดงที่ใส่แดงทั้งชุดทำตาถลนแบบคางคกโดนรถเหยียบตาปลิ้นพูดดังฟังชัดมีแต่อนุกรรมการหน้าโง่ชุดนี้เท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องว่าพวกมันหลอกลวงชาวบ้านเสื้อแดงไปเท่าไรต่อเท่าไรแล้วดังนั้นหากสรุปเรื่องพวกนี้ให้สาธารณชนรับรู้เป็นมีเรื่อง

คดีทนายสมชาย นีละไพจิตรอันถือเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญในการสร้างเงื่อนไขจุดประกายไฟใต้ คดีบุกสังหารหมู่ชาวไทยมุสลิมในมัศยิดเจาะไอร้อง คดีลอบสังหารบุคคลระดับที่ปรึกษาองค์พระมหากษัตริย์ คดียิงที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญ คดีลอบวางระเบิดซุ้มงานพระราชพิธี คดีการสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 คดียิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ฝูงชนในทำเนียบรัฐบาลและท่าอากาศยานดอนเมือง... เกมยื้อซื้อเวลาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯขึ้นมาเบรกเกม รวมทั้งความพยายามลอบสังหารสนธิ ลิ้มทองกุลเมื่อเช้าตรู่วันที่ 17 เมษายนที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช ใกล้แยกบางขุนพรหมด้วยอาวุธสงครามนานาชนิดแต่เป้าหมายกลับรอดตายในช่วงเวลาที่กำลังมีการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินมีทหารตำรวจเต็มเมืองและจุดเกิดเหตุก็อยู่กลางกรุงคนลงมือย่อมไม่ธรรมดาแน่ ไม่ว่าสนธิ ลิ้มจะน่ารัก น่าหมั่นใส้ในสายตาใครต่อใครก็ตามแต่มันไม่ใช่คดีอาชญากรรมธรรมดาๆต้องถือเป็นคดีความมั่นคงด้วย ฯลฯ

นอกจากกรณีดังกล่าว การสวนหมัดต่างกรรมต่างวาระกันของประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยการยื้อการอนุมัติโครงการรถเมล์อเวจีวี 4 พันคันที่ครม.ดึงเกมไว้ก่อนที่ผลักไปให้บอร์ดสภาพัฒน์ฯ ช่วยดูต่อลดแรงปะทะจากพรรคร่วมรัฐบาลอย่างภูมิใจไทย ในขณะที่พรรคร่วมอื่นที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงจากพรรคแกนนำรัฐบาล การขายข้าว ขายข้าวโพดฯลฯก็กลายเป็นภาพปัญหาความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นปัญหาความมั่นคงที่เกิดขึ้นในรัฐบาล เมื่อรวมกับปัญหาที่ดำรงอยู่และยังคุกรุ่นในไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ชายแดนไทย-พม่า ชายแดนไทย-มาเลเซีย ทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันมีงานหนักกว่ารัฐบาลในภาวะปกติบนความคาดหวังที่สูงกว่ารัฐบาลในภาวะปกติ

อันที่จริงแค่กรณีความล้มเหลวในการจัดประชุมอาเซียนที่พัทยาเพียงเรื่องเดียวก็น่าจะพอแล้วที่จะต้องตัดสินใจยกเครื่องระบบความมั่นคงใหม่หมด อย่างไรก็ตามระหว่างที่พลตำรวจเอกธานีต้องรับผิดชอบดูแลคดีเด็ดบ่นว่าเจอตอ เจอหนอนบ่อนไส้ไปจนกระทั่งเจอกับตำรวจที่ไม่มีวิญญาณความเป็นตำรวจ ฯลฯ สะท้อนได้ดีว่ากระบวนการยุติธรรมขั้นต้นนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค ปัญหามากมาย ปล่อยเลยตามเลยไม่ได้โดยเด็ดขาด การโยนภาระมอบหมายไปให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติเป็นผู้ดูแลแล้วไม่ต้องทำอะไรต่อไปอีกเลยเพียงเพื่อไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ความยุติธรรมปรากฏขึ้นจริง รัฐบาลน่าจะต้องทำอะไรกับกระบวนการยุติธรรมขั้นต้นนี้อย่างไรและจะจัดการกับยาสามัญประจำบ้านที่เคยเป็นกำนันเก่าอย่างไร ไม่ให้การงานต่างๆเป็นคอขวดกระจุกที่กำนัน ประชาธิปัตย์เหมือนลิงแก้แหอยู่ในภาวะยักตื้นติดงึกยักลึกติดกักกับการสร้างความกระจ่างของปมปัญหาในสังคม อย่าให้รัฐบาลกลายเป็นวิกฤติของประเทศชาติไปด้วย

13 กรกฎาคม 2552

มาตรฐานนักเลงแท้

นาทีนี้ไม่ต้องมาถามแล้วว่า การตั้งข้อหาผู้ก่อการร้ายกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโดยการออกเป็นหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ชอบมาพากลอย่างไร ยิ่งโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตก็ไม่น่าออกเป็นหมายเรียกต้องออกเป็นหมายจับสถานเดียว ปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายตั้งมากมายเพ่นพ่านอยู่ในใจกลางเมืองหลวง สื่อมวลชนอาวุโส อดีตนายทหารผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพลเอกระดับอดีตประธานที่ปรึกษากลาโหม ผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจ พิธีกรรายการโทรทัศน์ นักข่าวและแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นผู้ก่อการร้ายอยู่เป็นกิจวัตรแต่ก็มิได้จับกุมตัว บางคนก็ได้รับตำรวจทหารไปอารักขา พวกเขาแค่การก่อการร้ายโดยใช้ ท่อนไม้ ท่อนเหล็ก ไม้เบสบอล ไม้ตีกอล์ฟ เป็นอาวุธ เข้ายึดระบบขนส่งสาธารณะ คุกคามรัฐบาล

แม้ว่าท่านนายกฯเชื่อว่าในที่สุดแล้วพันธมิตรฯและท่านกษิตจะได้รับความเป็นธรรมในชั้นศาลหรือถ้าโชคดีบางส่วนอาจจะได้ตั้งแต่ชั้นอัยการไม่รู้ว่าท่านคาดหวังไว้สูงเกินไปหรือไม่ เครื่องมือสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของระบอบทักษิณคืออะไร ไม่ว่านักการเมืองคนใดมาเป็นรัฐบาลมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องพยายามหาทางคุมตำรวจให้อยู่ในมือทั้งสิ้นเพราะนี่คืออำนาจรัฐที่จับต้องได้และเห็นผลทันตาที่สุด รัฐบาลไหนคุมตำรวจไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับคุมอำนาจรัฐไม่ได้ เพื่อผลประโยชน์ของใครขึ้นอยู่กับนักการเมืองแต่ละคนแต่ละพรรคที่ขึ้นมาบริหารประเทศ เนื่องจากตำรวจอยู่ในช่วงต้นของกระบวนการยุติธรรมที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด แถมระบบกล่าวหาในสำนวนของตำรวจบ้านเราไม่เปิดโอกาสให้อัยการลงมาร่วมสอบสวนสืบสวนแต่เป็นไม้สองและมีศาลยุติธรรมที่ต้องทำงานต่อจากชั้นตำรวจและอัยการ แม้ว่าท่านนายกฯมักจะอ้างว่าไม่ต้องการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ความที่ท่านเป็นนายกฯ ที่จะต้องมีหน้าที่กำกับ ดูแล ควบคุมระบบแต่ละระบบ ให้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุดนั้นไอ้ที่จะต้องนั่งนิ่งๆ เฉยๆ อมเชาวรินต่อไปเรื่อยๆไม่ได้ก็จะต้องกำกับดูแลตร.ให้ทำตามกฎหมายไม่ให้มีโอกาสให้ใช้อำนาจเหยียบย่ำประชาชนซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการแทรกแซงตำรวจโดยนักการเมืองที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบเช่นช่วยเหลือคนผิดให้เป็นถูกหรือไปก้าวก่ายงานที่ตำรวจเขาทำถูกทำดีอยู่แล้วให้ผิดเพี้ยนไปจากหลักนิติธรรมและกระบวนการด้านกฎหมายและการยุติธรรม ในประเทศไทยในเมื่อทั้งระบบ-โครงสร้าง-และการทำงานของตำรวจยังคงมีปัญหาอยู่เพราะฉะนั้นโปรดอย่ามองว่าการตั้งข้อหาเท็จของพนักงานสอบสวนเป็นเรื่องเล็ก ถ้าไม่ผิดจริงก็เข้าไปสู้คดีพิสูจน์ตัวเองเดี๋ยวก็หลุด จริงๆแล้วกระบวนการยุติธรรมที่เริ่มตั้งแต่ตรงนี้เพราะกว่าจะไปพิสูจน์ความผิด ต้องขึ้นศาล สู้คดีเป็นแรมปี หากพนักงานชั้นต้นทำตามอำเภอใจ บ้านเมืองก็จะไม่มีขื่อมีแป

193 วันของอภิสิทธิ์ต้องผจญกับวิกฤติต่างๆในไทย การก่อการร้าย เศรษฐกิจโลก การเมืองในประเทศ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ รัฐสภาไทย เสถียรภาพและความมั่นคง 6 เดือนผ่านไปคุณทำอะไรอยู่ การที่ท่านนายกฯ หรือรองนายกฯผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูๆจะไม่ได้แสดงกิริยาอาการใดๆ เอาเลยอันพอจะสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะทำให้ระบบดังกล่าวดำเนินไปอย่างถูกต้องยุติธรรม หรืออย่างมีประสิทธิภาพกันจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดความไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรม ไม่มีประสิทธิภาพปรากฏให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า มีเพียงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สนธิ ลิ้มทองกุล, กษิต ภิรมย์แค่นั้นหรือที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ใครวางยาใคร เพื่อใคร ใคร และใคร หลังการตั้งกษิตท่ามกลางเสียงคัดค้านและสงสัยว่าจะเป็นการปูนบำเหน็จให้พันธมิตรฯหลังรบชนะ ครั้งสงกรานต์เลือดใครล่อนายกฯให้มาติดกับดักให้กลุ่มเสื้อแดงทำร้ายที่มหาดไทย งานนั้นประวิตร วงษ์สุวรรณในลักษณะสติแตกหมดสภาพของนายทหารใหญ่อย่างสิ้นเชิง ไม่กี่วันต่อมาสนธิก็ถูกลอบสังหาร พอมาฟังถ้อยคำการให้สัมภาษณ์แบบเหลืออดของผู้ก่อการร้ายระดับรมว.คนนี้กลุ่มที่โยงใยมีเป้ากดดันให้พ้นไปจากรัฐบาลและยังมีบางคนจับได้ว่าในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมานี้นายกษิตได้ถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ สรุปรายการนี้มีการวางยาเพื่อหวังผลทางการเมืองทางใดทางหนึ่งแน่นอนส่วนฝ่ายที่วางยาก็น่าจะเป็นกลุ่มอำนาจที่แฝงตัวตัวอยู่ในรัฐบาลนั่นเองและหลังจากนี้สังคมได้เห็นมากขึ้นๆ การวางยาหลายๆกรณีที่เกิดขึ้นย่อมทำให้ความเชื่อมั่นต่อนายกฯลดลงไปเรื่อยๆ ถึงจะกำหลักการเอาไว้แน่นแค่ไหนก็ตาม ยิ่งไปบวกกับผลงานโดยรวมความนิยมเสื่อมลงทุกวันเข้าทางพวกเสื้อแดง เมื่อมิตรถอยห่างแต่ศัตรูยังหนาแน่นทั่วเมืองก็ลองคิดดูแล้วกันว่ารัฐบาลจะไปไปต่ออย่างไร

ภาพลวงตาจากการเดินทางไปยังยี้ห้อยบุรีรัมย์อาจจะทำให้ประชาธิปัตย์หัวใจพองโตได้บ้าง แต่ทุกวันนี้ประชาชนต่างมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลเพราะได้รับดอกผลที่เกิดจากการต่อสู้ของประชาชนเช่น หลัง 14 ต.ค. , พ.ค.35, และไล่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อ พ.ศ. 2540 แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายพันธมิตรฯ ไล่ทักษิณไปแล้วถึงได้เป็นรัฐบาล ก็ในเมื่อมันไม่มีพรรคไหนที่ดีไปกว่านี้แล้วก็ต้องกัดฟันรับ อาการของพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานี้กำลังผลักมิตรไปเป็นศัตรู สายใต้ที่เคยคัดค้านคอเป็นเอ็นในการตั้งพรรคการเมืองใหม่เริ่มเสียงอ่อนลงๆ พรรคเพื่อทุยที่จะยื่นคลิปวิดีโอที่นายกษิต ภิรมย์ยืนยันจะลาออกจากตำแหน่งหากถูกออกหมายเรียกให้แก่ปธ.สภาที่ปรึกษาปชป.และกลุ่มคนเสื้อแดงตอกย้ำเรื่องมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองแต่ไม่เคยย้อนดูตัวเช่นกรณีทั้งพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัยที่ไม่น่าเชื่อว่าจบด๊อกเตอร์แล้วยังเป็นถึงพันเอก รอง ปธ.สภาและจตุพร พรหมพันธุ์ส.ส.สัตว์ส่วนก่อการร้ายตัวจริงเสียงจริงแห่งพรรคเพื่อทุยแต่เคยสร้างวีรกรรมนำม็อบแดงถ่อยบุกบ้านป๋าเปรมหรือแม้แต่ท่านประธานรัฐสภาชัย ชิดชอบที่ยังมีคดีความค้างคาอยู่หลายคดีก็ยังไม่มีความผิดเสนอหน้าอยู่ในตำแหน่งได้

ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาที่รีสอร์ตหรูบนเกาะสมุยสุเทพ เทือกต้อนรับ-รับรองแม่ทัพนายกองเสีย 3 วัน 2 คืนไม่'เกะก็กอล์ฟ คนวงในเชื่อกันว่าทั้ง 3 เสือเห็นว่านายกษิตเป็นชนวนเหตุความตรึงเครียดบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชาจึงต้องการเขี่ยกษิตให้พ้นทางส่งสัญญาณแรงในการบีบอัดกษิตออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาลในภาพรวมต่อไป ทั้งแก้งค์คงส่งไฟเขียวหลับตาข้างหนึ่งให้ตำรวจกับนายทหารใหญ่แทงข้างหลังนายกษิต การกระทำและคำพูดของสุเทพ เทือกมันสวนทางกันแล้ว เรื่องอะไรของสุเทพ เทือกที่ต้องไปเขมรไปสุ่มหัวกับฮุนเซนตกลงอะไรกันคนไทยก็ไม่รู้โดยที่กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ได่รับการประสานงานแต่นายกษิตก็ยังให้เกียรตินายเทือกโดยอธิบายว่าสุเทพ เทือกคงไปเจรจาเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งบางเรื่อ'ก็ไม่ต้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศแค่นี้หัวจิตหัวใจก็ต่างกันแล้ว บัญชีดำของนายใหญ่ผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตยและรังเกียจคมช.ไทยแต่ไปเลือกคบคมช.ทั้งจากกลางทะเล, จากอเมริกาใต้และจากแอฟริกาก็ได้จัดชื่อกษิตอยู่ในศัตรูลำดับต้นๆ

วันนี้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มอบอำนาจให้นายณัฐพร โตประยูรทนายความเดินทางยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมจากกรณีที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงมีหน้าที่กำกับดูแลข้าราชการตำรวจปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำการแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกินจริง

.ใครด่าคุณกษิตยังไง ส่วนตัวผมต้องขอชม "มาตรฐานนักเลงแท้" เจอแต่นักการเมืองพูดจาดีแต่ ลีลา-เจ้าล่ห์ เอาตัวรอด แต่บ้านเมืองไม่รอด ฉะนั้น นานที-ปีหน เจอนักการเมืองระดับขุนน้ำ-ขุนนาง "โผงผาง-ได้เสีย" ไม่ต้องอ้อมค้อมตีความในยามสังคมนิยมนุ่งซิ่น มันก็ได้รสชาติไปอีกแบบ มัวปากอย่าง-ใจอย่าง ก็จะไม่รู้ว่าพวกขุนศึก-ขุนพล-ขุนนาง-บ่าวไพร่ คนไหน รบไป..เปิดประตูเมืองไป แล้วจะช้ำใจกันไปทั้งชาติ. เปลว สีเงิน 13 กรกฎาคม 2552