13 กรกฎาคม 2552

มาตรฐานนักเลงแท้

นาทีนี้ไม่ต้องมาถามแล้วว่า การตั้งข้อหาผู้ก่อการร้ายกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโดยการออกเป็นหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ชอบมาพากลอย่างไร ยิ่งโทษสูงสุดถึงประหารชีวิตก็ไม่น่าออกเป็นหมายเรียกต้องออกเป็นหมายจับสถานเดียว ปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายตั้งมากมายเพ่นพ่านอยู่ในใจกลางเมืองหลวง สื่อมวลชนอาวุโส อดีตนายทหารผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพลเอกระดับอดีตประธานที่ปรึกษากลาโหม ผู้นำแรงงานรัฐวิสาหกิจ พิธีกรรายการโทรทัศน์ นักข่าวและแม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบเห็นผู้ก่อการร้ายอยู่เป็นกิจวัตรแต่ก็มิได้จับกุมตัว บางคนก็ได้รับตำรวจทหารไปอารักขา พวกเขาแค่การก่อการร้ายโดยใช้ ท่อนไม้ ท่อนเหล็ก ไม้เบสบอล ไม้ตีกอล์ฟ เป็นอาวุธ เข้ายึดระบบขนส่งสาธารณะ คุกคามรัฐบาล

แม้ว่าท่านนายกฯเชื่อว่าในที่สุดแล้วพันธมิตรฯและท่านกษิตจะได้รับความเป็นธรรมในชั้นศาลหรือถ้าโชคดีบางส่วนอาจจะได้ตั้งแต่ชั้นอัยการไม่รู้ว่าท่านคาดหวังไว้สูงเกินไปหรือไม่ เครื่องมือสำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของระบอบทักษิณคืออะไร ไม่ว่านักการเมืองคนใดมาเป็นรัฐบาลมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องพยายามหาทางคุมตำรวจให้อยู่ในมือทั้งสิ้นเพราะนี่คืออำนาจรัฐที่จับต้องได้และเห็นผลทันตาที่สุด รัฐบาลไหนคุมตำรวจไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับคุมอำนาจรัฐไม่ได้ เพื่อผลประโยชน์ของใครขึ้นอยู่กับนักการเมืองแต่ละคนแต่ละพรรคที่ขึ้นมาบริหารประเทศ เนื่องจากตำรวจอยู่ในช่วงต้นของกระบวนการยุติธรรมที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด แถมระบบกล่าวหาในสำนวนของตำรวจบ้านเราไม่เปิดโอกาสให้อัยการลงมาร่วมสอบสวนสืบสวนแต่เป็นไม้สองและมีศาลยุติธรรมที่ต้องทำงานต่อจากชั้นตำรวจและอัยการ แม้ว่าท่านนายกฯมักจะอ้างว่าไม่ต้องการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่แต่ความที่ท่านเป็นนายกฯ ที่จะต้องมีหน้าที่กำกับ ดูแล ควบคุมระบบแต่ละระบบ ให้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง ยุติธรรมและมีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุดนั้นไอ้ที่จะต้องนั่งนิ่งๆ เฉยๆ อมเชาวรินต่อไปเรื่อยๆไม่ได้ก็จะต้องกำกับดูแลตร.ให้ทำตามกฎหมายไม่ให้มีโอกาสให้ใช้อำนาจเหยียบย่ำประชาชนซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการแทรกแซงตำรวจโดยนักการเมืองที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบเช่นช่วยเหลือคนผิดให้เป็นถูกหรือไปก้าวก่ายงานที่ตำรวจเขาทำถูกทำดีอยู่แล้วให้ผิดเพี้ยนไปจากหลักนิติธรรมและกระบวนการด้านกฎหมายและการยุติธรรม ในประเทศไทยในเมื่อทั้งระบบ-โครงสร้าง-และการทำงานของตำรวจยังคงมีปัญหาอยู่เพราะฉะนั้นโปรดอย่ามองว่าการตั้งข้อหาเท็จของพนักงานสอบสวนเป็นเรื่องเล็ก ถ้าไม่ผิดจริงก็เข้าไปสู้คดีพิสูจน์ตัวเองเดี๋ยวก็หลุด จริงๆแล้วกระบวนการยุติธรรมที่เริ่มตั้งแต่ตรงนี้เพราะกว่าจะไปพิสูจน์ความผิด ต้องขึ้นศาล สู้คดีเป็นแรมปี หากพนักงานชั้นต้นทำตามอำเภอใจ บ้านเมืองก็จะไม่มีขื่อมีแป

193 วันของอภิสิทธิ์ต้องผจญกับวิกฤติต่างๆในไทย การก่อการร้าย เศรษฐกิจโลก การเมืองในประเทศ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ รัฐสภาไทย เสถียรภาพและความมั่นคง 6 เดือนผ่านไปคุณทำอะไรอยู่ การที่ท่านนายกฯ หรือรองนายกฯผู้ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจดูๆจะไม่ได้แสดงกิริยาอาการใดๆ เอาเลยอันพอจะสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะทำให้ระบบดังกล่าวดำเนินไปอย่างถูกต้องยุติธรรม หรืออย่างมีประสิทธิภาพกันจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดความไม่ถูกต้องไม่ยุติธรรม ไม่มีประสิทธิภาพปรากฏให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่า มีเพียงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, สนธิ ลิ้มทองกุล, กษิต ภิรมย์แค่นั้นหรือที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ใครวางยาใคร เพื่อใคร ใคร และใคร หลังการตั้งกษิตท่ามกลางเสียงคัดค้านและสงสัยว่าจะเป็นการปูนบำเหน็จให้พันธมิตรฯหลังรบชนะ ครั้งสงกรานต์เลือดใครล่อนายกฯให้มาติดกับดักให้กลุ่มเสื้อแดงทำร้ายที่มหาดไทย งานนั้นประวิตร วงษ์สุวรรณในลักษณะสติแตกหมดสภาพของนายทหารใหญ่อย่างสิ้นเชิง ไม่กี่วันต่อมาสนธิก็ถูกลอบสังหาร พอมาฟังถ้อยคำการให้สัมภาษณ์แบบเหลืออดของผู้ก่อการร้ายระดับรมว.คนนี้กลุ่มที่โยงใยมีเป้ากดดันให้พ้นไปจากรัฐบาลและยังมีบางคนจับได้ว่าในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมานี้นายกษิตได้ถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ สรุปรายการนี้มีการวางยาเพื่อหวังผลทางการเมืองทางใดทางหนึ่งแน่นอนส่วนฝ่ายที่วางยาก็น่าจะเป็นกลุ่มอำนาจที่แฝงตัวตัวอยู่ในรัฐบาลนั่นเองและหลังจากนี้สังคมได้เห็นมากขึ้นๆ การวางยาหลายๆกรณีที่เกิดขึ้นย่อมทำให้ความเชื่อมั่นต่อนายกฯลดลงไปเรื่อยๆ ถึงจะกำหลักการเอาไว้แน่นแค่ไหนก็ตาม ยิ่งไปบวกกับผลงานโดยรวมความนิยมเสื่อมลงทุกวันเข้าทางพวกเสื้อแดง เมื่อมิตรถอยห่างแต่ศัตรูยังหนาแน่นทั่วเมืองก็ลองคิดดูแล้วกันว่ารัฐบาลจะไปไปต่ออย่างไร

ภาพลวงตาจากการเดินทางไปยังยี้ห้อยบุรีรัมย์อาจจะทำให้ประชาธิปัตย์หัวใจพองโตได้บ้าง แต่ทุกวันนี้ประชาชนต่างมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลเพราะได้รับดอกผลที่เกิดจากการต่อสู้ของประชาชนเช่น หลัง 14 ต.ค. , พ.ค.35, และไล่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อ พ.ศ. 2540 แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายพันธมิตรฯ ไล่ทักษิณไปแล้วถึงได้เป็นรัฐบาล ก็ในเมื่อมันไม่มีพรรคไหนที่ดีไปกว่านี้แล้วก็ต้องกัดฟันรับ อาการของพรรคประชาธิปัตย์ในเวลานี้กำลังผลักมิตรไปเป็นศัตรู สายใต้ที่เคยคัดค้านคอเป็นเอ็นในการตั้งพรรคการเมืองใหม่เริ่มเสียงอ่อนลงๆ พรรคเพื่อทุยที่จะยื่นคลิปวิดีโอที่นายกษิต ภิรมย์ยืนยันจะลาออกจากตำแหน่งหากถูกออกหมายเรียกให้แก่ปธ.สภาที่ปรึกษาปชป.และกลุ่มคนเสื้อแดงตอกย้ำเรื่องมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองแต่ไม่เคยย้อนดูตัวเช่นกรณีทั้งพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัยที่ไม่น่าเชื่อว่าจบด๊อกเตอร์แล้วยังเป็นถึงพันเอก รอง ปธ.สภาและจตุพร พรหมพันธุ์ส.ส.สัตว์ส่วนก่อการร้ายตัวจริงเสียงจริงแห่งพรรคเพื่อทุยแต่เคยสร้างวีรกรรมนำม็อบแดงถ่อยบุกบ้านป๋าเปรมหรือแม้แต่ท่านประธานรัฐสภาชัย ชิดชอบที่ยังมีคดีความค้างคาอยู่หลายคดีก็ยังไม่มีความผิดเสนอหน้าอยู่ในตำแหน่งได้

ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาที่รีสอร์ตหรูบนเกาะสมุยสุเทพ เทือกต้อนรับ-รับรองแม่ทัพนายกองเสีย 3 วัน 2 คืนไม่'เกะก็กอล์ฟ คนวงในเชื่อกันว่าทั้ง 3 เสือเห็นว่านายกษิตเป็นชนวนเหตุความตรึงเครียดบริเวณพรมแดนไทย-กัมพูชาจึงต้องการเขี่ยกษิตให้พ้นทางส่งสัญญาณแรงในการบีบอัดกษิตออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้กระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาลในภาพรวมต่อไป ทั้งแก้งค์คงส่งไฟเขียวหลับตาข้างหนึ่งให้ตำรวจกับนายทหารใหญ่แทงข้างหลังนายกษิต การกระทำและคำพูดของสุเทพ เทือกมันสวนทางกันแล้ว เรื่องอะไรของสุเทพ เทือกที่ต้องไปเขมรไปสุ่มหัวกับฮุนเซนตกลงอะไรกันคนไทยก็ไม่รู้โดยที่กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ได่รับการประสานงานแต่นายกษิตก็ยังให้เกียรตินายเทือกโดยอธิบายว่าสุเทพ เทือกคงไปเจรจาเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งบางเรื่อ'ก็ไม่ต้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศแค่นี้หัวจิตหัวใจก็ต่างกันแล้ว บัญชีดำของนายใหญ่ผู้มีหัวใจรักประชาธิปไตยและรังเกียจคมช.ไทยแต่ไปเลือกคบคมช.ทั้งจากกลางทะเล, จากอเมริกาใต้และจากแอฟริกาก็ได้จัดชื่อกษิตอยู่ในศัตรูลำดับต้นๆ

วันนี้นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มอบอำนาจให้นายณัฐพร โตประยูรทนายความเดินทางยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรมจากกรณีที่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงมีหน้าที่กำกับดูแลข้าราชการตำรวจปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำการแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเกินจริง

.ใครด่าคุณกษิตยังไง ส่วนตัวผมต้องขอชม "มาตรฐานนักเลงแท้" เจอแต่นักการเมืองพูดจาดีแต่ ลีลา-เจ้าล่ห์ เอาตัวรอด แต่บ้านเมืองไม่รอด ฉะนั้น นานที-ปีหน เจอนักการเมืองระดับขุนน้ำ-ขุนนาง "โผงผาง-ได้เสีย" ไม่ต้องอ้อมค้อมตีความในยามสังคมนิยมนุ่งซิ่น มันก็ได้รสชาติไปอีกแบบ มัวปากอย่าง-ใจอย่าง ก็จะไม่รู้ว่าพวกขุนศึก-ขุนพล-ขุนนาง-บ่าวไพร่ คนไหน รบไป..เปิดประตูเมืองไป แล้วจะช้ำใจกันไปทั้งชาติ. เปลว สีเงิน 13 กรกฎาคม 2552

ไม่มีความคิดเห็น: