ปลายปี 2545 นายชวน หลีกภัยประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้เตือนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าจะไม่มีแผ่นดินอยู่ หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณประกาศว่าจะเป็นนายกฯ ต่อเนื่องถึง 20 ปี ต่อมาไม่กี่วันหลวงตามหาบัวระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณคือลูกศิษย์เนรคุณ ก็ได้มีคนไปถามหลวงตามหาบัวท่านว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีแผ่นดินอยู่ อ้าวแล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหน หลวงตามหาบัวตอบกลับมาว่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณลงไปอยู่ในดินเหมือนกับเทวทัต อีกทั้งหลวงตามหาบัวท่านยังกรุณาเทศนาต่อเรื่องพระเทวทัตยังรู้โทษ ขณะนี้แม้ตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระบอบทักษิณจะล่มสลายตามไปด้วย เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันที่บริหารประเทศในนามพรรคพลังประชาชนอยู่ในขณะนี้หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ก็เป็นพรรคการเมืองที่ถือกำเนิดมาจากพรรคไทยรักไทยและถึงแม้พรรคพลังประชาชนอาจจะถูกยุบไปอีกครั้งโดยศาลรัฐธรรมนูญก็ตามแต่ระบอบทักษิณก็เตรียมพรรคเพื่อไทยไว้สานต่ออำนาจของพวกตนเองไว้แล้วระบอบทักษิณนั้นมีเครือข่ายของระบอบดังกล่าวที่มีคนร่วมอยู่เป็นจำนวนมากนับสิบล้านคน คนเหล่านี้ประกอบด้วยชาวชนบทในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือคนจนในเมืองใหญ่ นักการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่นที่สังกัดพรรคไทยรักไทยและพลังประชาชนข้าราชการทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือนทั้งในราชการและนอกราชการ นักวิชาการ สื่อสารมวลชน นักธุรกิจทุกระดับที่มีผลประโยชน์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ระบอบทักษิณได้ใช้เงินทุนซื้อเสียงทั้ง 2 สภาและรัฐบาลนั้นควบคุมองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเอาไว้หมด เอาเงินไปแจกประชาชนก็แล้วสร้างบุญคุณเอาเงินไปแจกให้ประชาชนผ่านโครงการต่างๆ นั้นล้วนทั้งที่เป็นเงินงบประมาณของรัฐทั้งสิ้น เมื่อสภาและองค์กรอิสระไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ และยังมีฝ่ายซ้ายที่เคยอยู่กับพรรคคอมมูนิสต์แห่งประเทศไทยหลังเหตุการณ์6 ตุลาคม 2519 รวมอยู่ด้วย ตามปรกตินักการเมืองที่บริหารงานผิดพลาดจนก่อให้เกิดความเสียหายทางการเมืองจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองจะต้องลาออกทันทีเป็นหลักปฏิบัติสากลใช้กันอยู่ทั่วโลก นักการเมืองบ้านเราต้องรอให้กฎหมายทำงานเสียก่อนเขาจึงจะแสดงความรับผิดชอบเพราะถูกบังคับโดยกฎหมาย แต่หาได้สำเหนียกและปฏิบัติตามไม่กับทั้งความรับผิดชอบทางการเมืองไม่เคยแสดงออกมาเลยและถ้านักการเมืองเหล่านั้นแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองก็จะทำให้กระบวนการยุติธรรมทำงานน้อยลงและจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดีขึ้นทันทีเหมือนอารยะประเทศ ระบอบการเมืองเก่านั้นไปด้วยนักธุรกิจการเมืองที่เข้ามากอบโกยแสวงหาผลประโยชน์จากเงินงบประมาณของแผ่นดินอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตเพราะนักการเมืองไทยทุกวันนี้มักขาดจริยธรรม
การเกิดการตรวจสอบนอกสภาของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เริ่มขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนไม่กี่ร้อยคนเมื่อเดือนกันยายน 2548 เพื่อต่อต้านระบอบทักษิณจนแพร่ขยายออกไปสู่ประชาชนทั่วประเทศนับสิบล้านคนซึ่งได้นำไปสู่ความล่มสลายของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยภายหลังการรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มาเพื่อหยุดระบอบทักษิณอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยต่อไป ไม่มีแผ่นดินไหนที่จะให้ความอบอุ่นเท่ากับแผ่นดินไทยและจะขอกลับมาตายในแผ่นดินนี้ทักษิณและภรรยาจึง"ตกที่นั่ง "เสือลำบาก" เล็งเลือกหนีคดีที่สหรัฐฯ หลังอังกฤษปิดประตูห้ามเข้าแต่ประเทศในกลุ่มอาเซี่ยนอย่างฟิลิปปินส์เองได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะไม่อนุญาตให้เข้าไปขอลี้ภัยอย่างแน่นอน ได้รับครั้งนี้ดูจะสาหัสสากรรจ์ จากความชัดเจนการเมืองระหว่างประเทศในคราวนี้ได้สร้างผลกระทบและก่อให้เกิดคำถามตามมาอย่างมากมายถึงชะตากรรมของทั้งคู่ แต่เป็นผลมาจากการกระทำของตัวเอง นอกเหนือจากคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณยังถูกฟ้องร้องคดีทุจริตอีกกว่า 10 คดี ซึ่งหลายคดีอยู่ระหว่างการรอคำพิพากษาชี้ขาดของศาลฎีกาโดยในจำนวนนี้รวมทั้งคดีที่ถูกฟ้องยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 76,000 ล้านบาท ฐานร่ำรวยผิดปกติจากการแสดงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในช่วงที่ครองอำนาจบริหารประเทศ ขณะที่อีกหลายคดีอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตราบใดยังปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ บงการเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกประเทศได้อย่างอิสระโดยไม่รีบนำตัวมารับโทษตามกฎหมาย ความตึงเครียดในชาติบ้านเมืองก็จะไม่มีวันคลี่คลาย อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณเองมักโจมตีชนชั้นสูงที่มีอภิสิทธิ์อยู่เสมอฉะนั้นตัวเองก็ไม่ควรได้รับอภิสิทธิ์ใดๆ เช่นกันเพราะถือว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน วิธีการหนึ่งซึ่งจะสามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมารับโทษก็คือ รัฐบาลหุ่นเชิดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องยกเลิกพาสปอร์ตทางการทูต หรือพาสปอร์ตแดง ตลอดจนพาสปอร์ตทุกเล่มของอดีตนายกรัฐมนตรีในทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนีไปยังประเทศอื่นๆ ได้อย่างสะดวก
ความเป็น "ทักษิณ" ที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อบวกกับอำนาจเงินที่เขามีอยู่ในมือจำนวนมหาศาลนั้นย่อมมีแนวโน้มที่จะทำให้เขาเลือกใช้วิธีการแบบกล้าได้กล้าเสียใช้เกมแตกหักกับทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสถาบันที่อาจได้รับผลกระทบคุณทักษิณเพราะเชื่อว่าวันหนึ่งเขาจะได้กลับมาเพียงแต่ยังไม่ใช่เวลานี้ เมื่อถูกกดดันมากๆก็พร้อมจะตอบโต้ และทำลายฝ่ายตรงข้าม"อาศัยกลไกทางการเมือง และบริษัทล็อบบี้ยิสต์ตลอดจนสื่อต่างๆในมือได้ทั้งในและต่างประเทศเหมือนกับที่เคยสร้างความเสียหายให้กับประเทศมาแล้ว ถ้าทักษิณสามารถหาทางไปอยู่ที่สหรัฐฯได้จะสร้างหน้าตาให้เขาได้มากกว่าและเขาไม่จำเป็นต้องง้อประเทศอังกฤษ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าระหว่างไทยกับสหรัฐฯเราเป็นประเทศทวิภาคีกันอยู่ นอกจากนี้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยนั้นค่อนข้างมีความเข้าใจถึงการเมืองภายในประเทศของไทยเป็นอย่างดี เช่นในช่วงที่มีรัฐบาลใหม่ของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ซึ่งมาจากการยึดอำนาจจากกองทัพ ก็ยังปรากฏว่าสหรัฐฯให้การยอมรับรัฐบาลด้วยดีแม้จะถูกพ.ต.ท.ทักษิณโจมตีผ่านสื่อต่างประเทศอย่างต่อเนื่องธรรมชาติ อย่างไรก็ตามเราต้องไม่ลืมว่ายังมีกัมพูชาที่อาจเปิดทางให้เนื่องจากเขาสายสัมพันธ์ที่เขามีต่อผู้นำรัฐบาลกัมพูชา "สมเด็จฮุน เซน" เราได้แต่หวังใจว่าผู้นำกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับความมั่นคงการเมืองระหว่างประเทศแน่นอน ขณะเดียวกันพปช.ชี้นายใหญ่-นายหญิงไม่ไร้ที่อยู่ บาฮามาสได้เคยแสดงท่าทีต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณและภริยาไปเป็น "พลเมืองกิตติมศักดิ์" หรือ Honourary citizenship มาก่อนหน้านี้กับเงื่อนไขที่เขาทั้งคู่จะต้องจ่ายเงินค่าเข้าประเทศเสียก่อนก้อนใหญ่ๆ ก้อนหนึ่งและลงทุนในธุณกิจที่ต้องการอีกประมาณหมื่นล้านเสียก่อน โอกาสที่บุคคลทั้งสองน่าจะมีช่องทางและเป็นไปได้มากที่สุดคือประเทศที่มีลักษณะเป็น Micro State มีรูปแบบเป็นรัฐเล็กๆ เช่นประเทศต่างๆในแถบคาริบเบี้ยนที่มักจะเปิดการเงินแบบเสรีให้กับบรรดาเศรษฐี-นักการเมืองที่หลบเลี่ยงภาษี อยากได้เงินของใครก็ได้ แต่เมื่อได้เงินไปแล้วให้เข้าไปอยู่แล้วก็ยังไม่มีใครบอกได้ว่า ประเทศเหล่านี้จะให้ใช้ประเทศเป็นฐานเคลื่อนไหวโจมตีทางการเมืองด้วยหรือไม่ ประเทศเหล่านี้จะมีประชากรมากที่สุดไม่เกิน 2 แสนคนไม่สนใจความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะอยู่ตามหมู่เกาะต่างๆอาทิ เกาะเคย์แมน เกาะบริติชเวอร์จิ้น, โมเล็กซ์ ,แฟรงค์ มาลีโน ,ลิกเก้นสไตน์ เป็นต้น ซึ่งเป็นสวรรค์ของนักฟอกเงินทั่วโลกแต่ข้อจำกัดของประเทศดังกล่าวที่อยู่ห่างไกลประเทศไทยอาจจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว ไม่มีประเทศไหนที่จะตอบรับอาชาญากรแผ่นดินคนนี้อย่างเป็นทางการเลยสักประเทศ ใครเป็นคนเต้าข่าวแต่งเรื่องขึ้นมาได้อย่างแสบสันต์ที่สุด ทั้งนี้มีการตั้งข้อสงสัยไปที่สำนักข่าวชั้นนำอย่าง INN ตอกย้ำให้เห็นว่า "เล่ห์เหลี่ยม"ของทักษิณนั้นมันไม่สิ้นจริงๆ
เพื่อบรรลุถึงการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยการเผยแพร่ให้ความรู้ที่แท้จริงแก่ส่วนรวม
21 พฤศจิกายน 2551
ทักษิณรวยมาได้อย่างไร
ย้อนดูประวัติครอบครัวแล้วคุณทักษิณ ก็ไม่แปลกที่คุณทักษิณจะรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ เพราะพื้นฐานทางบ้านทำธุรกิจมากมายหลายอย่างที่จังหวัดเชียงใหม่ และในความเป็นจริงแม้คุณทักษิณจะตัดสินใจรับราชการ แต่ก็คาดหวังอยากจะมีเงินเยอะๆเหมือนปุถุชนทั่วไป โดยอย่าได้คิดว่าจู่ๆคุณทักษิณก็เกิดอยากทำธุรกิจโทรคมนาคมด้วยเป็นสิ่งที่รักและถนัด หากแต่เขาเองก็ล้มเหลวจากการทำธุรกิจในวิถีแบบเอกชนปกติมานับไม่ถ้วนแล้ว ตั้งแต่การค้าขายผ้าไหม ซื้อภาพยนตร์ฉาย กิจการโรงภาพยนตร์ และธุรกิจอสังหาฯอย่างคอนโดมิเนียม ก็ล้วนแต่เจ๊งไม่เป็นท่าทั้งสิ้น
หากแต่วันหนึ่ง คุณทักษิณก็ค้นพบได้ว่า ไม่เกี่ยวกับการธุรกิจประเภทใด หรือ การแสวงหาตลาดแบบใด แต่จริงๆแล้วขึ้นกับยุทธวิธีพิเศษทางการค้าหรือที่เรียกว่าคอนเนคชั่น และตลาดที่สำคัญและง่ายที่สุดก็คือ ราชการนั่นเอง ตำแหน่งของคุณทักษิณที่ต้องประจำอยู่ศูนย์ประมวลข่าวสาร ของกรมตำรวจ ทำให้รู้ความต้องการและช่องทางของหน่วยงานที่ตนทำเป็นอย่างดี อีกประการคือ ด้วยความที่คุณทักษิณเป็นลูกนักการเมืองเก่าอย่างนายเลิศ ชินวัตรที่เป็นเพื่อนสนิทกับ นายปรีดา พัฒนถาบุตร จึงฝากฝังให้คุณทักษิณไปเป็นนายตำรวจติดตามนายปรีดา ทักษิณ จึงก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอซีเอสไอ (ICSI) ดำเนินธุรกิจ ให้เช่าคอมพิวเตอร์แก่สำนักงานต่างๆขึ้นในปี พ.ศ. 2526 อย่างพอดิบพอดี ICSI ไม่เคยมีประสบการณ์ให้เช่าคอมพิวเตอร์หรือวางระบบคอมฯในหน่วยงานราชการใหญ่ๆใดมาก่อน แต่กลับได้เค๊กก้อนโต จึงคิดขยายผลกิจการโทรคมนาคมของตนเองเข้าสู่การแข่งขันในตลาดสมบูรณ์ ทักษิณได้เรียนรู้ว่า ตนเองไม่ได้ถนัดกิจการโทรคมนาคม หากแต่ประเด็นคือ ไม่มีอะไรดีเท่ากิจการที่ทำกับรัฐ และการค้าที่ดีที่สุดคือการค้าที่ผูกขาดไร้คู่แข่ง
ธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก หรือ เคเบิลทีวี ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ การเข้าสู่การเมืองด้วยตนเองของคุณทักษิณ (แทนที่จะเป็นผู้สนับสนุนเหมือนเดิม) ทำให้กำไรจากกิจการมากขึ้นไปอีก แทบทั้งหมดล้วนเป็นกำไรจากการลดต้นทุนจากกิจการสัมปทาน นั่นคือ การแก้สัญญาสัมทานกับรัฐนั่นเอง เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โควต้าพรรคพลังธรรม ปีนั้นเองเอไอเอสขอแก้ไขสัญญาสัมปทานครั้งที่ 3 แต่ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐยอมแก้เพื่อผลประโยชน์เอกชนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2537 เป็นการแก้ไขการจัดเก็บและการแบ่งรายได้ของบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ การขยายอายุสัญญาจาก 20 ปี เป็น 25 ปี ขอปรับลดส่วนแบ่งรายได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) จากร้อยละ 25 เป็น 20 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลับมาเป็นนายวันมูหะมัดนอร์อีกครั้ง และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2545 เป็นการแก้ไขสัญญาเพื่อกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนจากค่าเครือข่ายร่วม ยังมีนายวันมูหะมัดนอร์เป็นรัฐมนตรี แม้จะไม่มีลูกค้ามากขึ้น แต่กลับมีรายได้มากขึ้น นันเพราะได้ลดต้นทุนในส่วนที่ต้องจ่ายให้แก่รัฐลดลงนั่นเอง แต่ส่วนแบ่งรายได้รัฐที่ลดลงก็เท่ากับการโกงประเทศนั่นเอง การผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มไปให้ประชาชน ในส่วนสาธารณูปโภค ซึ่งการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนั้น ได้รวมเอาโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือรวมอยู่ด้วย เป็นผลให้ภาษีดังกล่าวเปลี่ยนมาเก็บเพิ่มเติมจากผู้บริโภคแทน หากแต่ร่ำรวยได้เพราะการสัมปทานและรักษาการผูกขาดผ่านนักการเมือง ยิ่งมานั่งในตำแหน่งโดยตรง ธุรกิจที่มีกำไรเติบโตขึ้นก็ไม่ใช่เพราะกิจการเติบโตอีกเช่นกัน หากแต่เป็นเพราะได้ลดต้นทุนส่วนสำคัญไปต่างหาก ซึ่งกลวิธีการเข้าสู่เงื่อนไขดังกล่าว ก็คือลายเซ็นต์ในฐานะนักการเมือง
กิจการอีกอย่างของคุณทักษิณที่สร้างรายได้มหาศาล นั่นคือกิจการดาวเทียม รับสัมปทานธุรกิจดาวเทียม เป็นเวลาถึง 30 ปี อย่างไรก็ตามแม้ดาวเทียมไทยคม1 ก็ได้สร้างความภูมิใจให้คนไทยอย่างมาก หากแต่ในความเป็นจริงรายได้ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด หากเจ้าของบริษัทไม่ใช่ผู้มีอำนาจทางการเมืองย่อมได้รับสิทธิเหล่านั้นมาได้ยาก ไทยต้องไปลงนามเอฟทีเอกับจีน สูญเสียผลประโยชน์มากมาย แต่อย่างน้อยก็ได้สร้างรายได้มหาศาลให้กับไอพีสตาร์ตัวแทนรัฐบาลไทยที่ขอไปเจรจามีชื่อว่าทักษิณ ดาวเทียมไทยคม 3 และไทยคม4 ก็ได้สิทธิส่งเสิรมการลงทุน ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปีเฉพาะรายรับจากต่างประเทศ โครงการเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศพม่ารายได้ของธุรกิจดาวเทียมพุ้งทยานอีกครั้งเมื่อปี 2547 เมื่อ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือเอ็กซิมแบงก์ไทยได้ปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาท
ยังมีที่มาของรายได้ที่ทำให้คุณทักษิณ ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกมากมายที่คงไม่สามารถเล่าได้หมดในวันนี้ หากแต่จะขอชี้ให้ชัดถึงประเด็นของความร่ำรวยว่า ไม่ได้มาจากความฉลาดในการดำเนินธุรกิจหรือวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมแต่อย่างใด แท้ที่จริงล้วนมาจากเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่สามารถนำมาบริหารประเทศแล้วจะทำให้ประเทศหรือคนในประเทศร่ำรวยด้วยวิธีอย่างนี้พร้อมๆกันได้
ไม่เคยมีใครไปรังแกคุณทักษิณ หากคุณทักษิณดำเนินชีวิตแบบปกติมาตลอดชีวิตของท่าน และความรวยของคุณทักษิณก็ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาในไทยหรือแม้กระทั่งที่ทางการอังกฤษห้ามเข้าประเทศ ก็เพราะเรื่องทุจริตล้วนๆไม่เกียวข้องกับการเมือง ซึ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป ความรวยของคุณทักษิณก็เช่นกัน ย่อมมีที่มาที่ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา
หากแต่วันหนึ่ง คุณทักษิณก็ค้นพบได้ว่า ไม่เกี่ยวกับการธุรกิจประเภทใด หรือ การแสวงหาตลาดแบบใด แต่จริงๆแล้วขึ้นกับยุทธวิธีพิเศษทางการค้าหรือที่เรียกว่าคอนเนคชั่น และตลาดที่สำคัญและง่ายที่สุดก็คือ ราชการนั่นเอง ตำแหน่งของคุณทักษิณที่ต้องประจำอยู่ศูนย์ประมวลข่าวสาร ของกรมตำรวจ ทำให้รู้ความต้องการและช่องทางของหน่วยงานที่ตนทำเป็นอย่างดี อีกประการคือ ด้วยความที่คุณทักษิณเป็นลูกนักการเมืองเก่าอย่างนายเลิศ ชินวัตรที่เป็นเพื่อนสนิทกับ นายปรีดา พัฒนถาบุตร จึงฝากฝังให้คุณทักษิณไปเป็นนายตำรวจติดตามนายปรีดา ทักษิณ จึงก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอซีเอสไอ (ICSI) ดำเนินธุรกิจ ให้เช่าคอมพิวเตอร์แก่สำนักงานต่างๆขึ้นในปี พ.ศ. 2526 อย่างพอดิบพอดี ICSI ไม่เคยมีประสบการณ์ให้เช่าคอมพิวเตอร์หรือวางระบบคอมฯในหน่วยงานราชการใหญ่ๆใดมาก่อน แต่กลับได้เค๊กก้อนโต จึงคิดขยายผลกิจการโทรคมนาคมของตนเองเข้าสู่การแข่งขันในตลาดสมบูรณ์ ทักษิณได้เรียนรู้ว่า ตนเองไม่ได้ถนัดกิจการโทรคมนาคม หากแต่ประเด็นคือ ไม่มีอะไรดีเท่ากิจการที่ทำกับรัฐ และการค้าที่ดีที่สุดคือการค้าที่ผูกขาดไร้คู่แข่ง
ธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก หรือ เคเบิลทีวี ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ การเข้าสู่การเมืองด้วยตนเองของคุณทักษิณ (แทนที่จะเป็นผู้สนับสนุนเหมือนเดิม) ทำให้กำไรจากกิจการมากขึ้นไปอีก แทบทั้งหมดล้วนเป็นกำไรจากการลดต้นทุนจากกิจการสัมปทาน นั่นคือ การแก้สัญญาสัมทานกับรัฐนั่นเอง เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โควต้าพรรคพลังธรรม ปีนั้นเองเอไอเอสขอแก้ไขสัญญาสัมปทานครั้งที่ 3 แต่ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐยอมแก้เพื่อผลประโยชน์เอกชนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2537 เป็นการแก้ไขการจัดเก็บและการแบ่งรายได้ของบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ การขยายอายุสัญญาจาก 20 ปี เป็น 25 ปี ขอปรับลดส่วนแบ่งรายได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) จากร้อยละ 25 เป็น 20 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลับมาเป็นนายวันมูหะมัดนอร์อีกครั้ง และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2545 เป็นการแก้ไขสัญญาเพื่อกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนจากค่าเครือข่ายร่วม ยังมีนายวันมูหะมัดนอร์เป็นรัฐมนตรี แม้จะไม่มีลูกค้ามากขึ้น แต่กลับมีรายได้มากขึ้น นันเพราะได้ลดต้นทุนในส่วนที่ต้องจ่ายให้แก่รัฐลดลงนั่นเอง แต่ส่วนแบ่งรายได้รัฐที่ลดลงก็เท่ากับการโกงประเทศนั่นเอง การผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มไปให้ประชาชน ในส่วนสาธารณูปโภค ซึ่งการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนั้น ได้รวมเอาโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือรวมอยู่ด้วย เป็นผลให้ภาษีดังกล่าวเปลี่ยนมาเก็บเพิ่มเติมจากผู้บริโภคแทน หากแต่ร่ำรวยได้เพราะการสัมปทานและรักษาการผูกขาดผ่านนักการเมือง ยิ่งมานั่งในตำแหน่งโดยตรง ธุรกิจที่มีกำไรเติบโตขึ้นก็ไม่ใช่เพราะกิจการเติบโตอีกเช่นกัน หากแต่เป็นเพราะได้ลดต้นทุนส่วนสำคัญไปต่างหาก ซึ่งกลวิธีการเข้าสู่เงื่อนไขดังกล่าว ก็คือลายเซ็นต์ในฐานะนักการเมือง
กิจการอีกอย่างของคุณทักษิณที่สร้างรายได้มหาศาล นั่นคือกิจการดาวเทียม รับสัมปทานธุรกิจดาวเทียม เป็นเวลาถึง 30 ปี อย่างไรก็ตามแม้ดาวเทียมไทยคม1 ก็ได้สร้างความภูมิใจให้คนไทยอย่างมาก หากแต่ในความเป็นจริงรายได้ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด หากเจ้าของบริษัทไม่ใช่ผู้มีอำนาจทางการเมืองย่อมได้รับสิทธิเหล่านั้นมาได้ยาก ไทยต้องไปลงนามเอฟทีเอกับจีน สูญเสียผลประโยชน์มากมาย แต่อย่างน้อยก็ได้สร้างรายได้มหาศาลให้กับไอพีสตาร์ตัวแทนรัฐบาลไทยที่ขอไปเจรจามีชื่อว่าทักษิณ ดาวเทียมไทยคม 3 และไทยคม4 ก็ได้สิทธิส่งเสิรมการลงทุน ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปีเฉพาะรายรับจากต่างประเทศ โครงการเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศพม่ารายได้ของธุรกิจดาวเทียมพุ้งทยานอีกครั้งเมื่อปี 2547 เมื่อ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือเอ็กซิมแบงก์ไทยได้ปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาท
ยังมีที่มาของรายได้ที่ทำให้คุณทักษิณ ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกมากมายที่คงไม่สามารถเล่าได้หมดในวันนี้ หากแต่จะขอชี้ให้ชัดถึงประเด็นของความร่ำรวยว่า ไม่ได้มาจากความฉลาดในการดำเนินธุรกิจหรือวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมแต่อย่างใด แท้ที่จริงล้วนมาจากเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่สามารถนำมาบริหารประเทศแล้วจะทำให้ประเทศหรือคนในประเทศร่ำรวยด้วยวิธีอย่างนี้พร้อมๆกันได้
ไม่เคยมีใครไปรังแกคุณทักษิณ หากคุณทักษิณดำเนินชีวิตแบบปกติมาตลอดชีวิตของท่าน และความรวยของคุณทักษิณก็ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาในไทยหรือแม้กระทั่งที่ทางการอังกฤษห้ามเข้าประเทศ ก็เพราะเรื่องทุจริตล้วนๆไม่เกียวข้องกับการเมือง ซึ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป ความรวยของคุณทักษิณก็เช่นกัน ย่อมมีที่มาที่ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา
20 พฤศจิกายน 2551
แม้ว! สาเหตุที่คนไทยแตกแยก
เย เกจิ พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คตา เส น เต คมิสฺสนฺ อบายภูมึ
คนไทยส่วนใหญ่กว่า 90% พอใจที่จะอยู่และมีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หลวงตาบัวเทศน์เตือนคนไทยให้ช่วยกันรักษาพระเจ้าอยู่หัว-พระราชินีที่เป็นหัวใจหลักของชาติพร้อมให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย ระบุพวกจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว เหมือนคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด ยกนิทาน “อึ่งอ่าง”คิดพองตัวให้เท่าแม่วัวจนท้องแตกตาย เตือนสติพวกอวดดี เรามีในหลวงที่ประเสริฐสุดแล้ว มีประเทศที่น่าอยู่ ในหลวงท่านปลูกฝังความดีไว้กับประเทศชาติมากมายบรรยาย ท่านดูแลพวกเรามายาวนานมาก ไม่ใครเคยคิดเลยว่าเศษฐกิจพอเพียงของท่านจะมาสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน เราจะเป็นเช่นนั้นได้ตลอดไปประชาชนก็จะต้องรู้จักสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบทางการเมืองมีหน้าที่ต้องออกมารักษาสิทธิแสดงสิทธิและความต้องการที่จะมีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทุกวันนี้ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนที่คอยคิดจะให้ปลาคนที่ยากจนแต่ไม่เคยแนะนำเขาให้หาปลากินด้วยตนเองเลย ถ้าไม่สู้วันนี้ก่อนที่ประเทศไทยจะถูกหั่นขายเหมือนหมูบนเขียงเชื่อเถอะว่าต่อไปคุณจะไม่มีที่ยืนในสังคมถ้าไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้พวกตระกูลแม้วกับอ้อ พวกมันทุกคนขยันทำมาหากิน เบียดเบียนชาวบ้านชาวช่องไปในทุก ๆ วงการ วงการไหน ๆ รับรองว่าต้องได้เจอพวกมันแทรกซึมแย่งชิง ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ เงินมากเงินน้อย ไม่รู้ว่าทำไมโคตรเหง้าศักราช เพื่อนพ้องน้องพี่ ของมันถึงได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ มันลงประมูลแค่ได้ยินชื่อก็รู้ว่ามันต้องได้งาน ไม่มีปัญญาทำมันก็มาจ้างเราทำ กดราคาจนเราไม่มีกำไร มันนั่งเฉย ๆ ได้ค่านายหน้าไปกิน เลวชาติ โลภมาก ใจกล้า หน้าด้าน ขี้โกง และโรคจิต แถมเป็นโรคเดียวกันทั้งตระกูล คนไทยจะเอาไหมชีวิตแบบนี้ เรียนจบมาเคยทำมาหากินอยู่ดี ๆ พวกมันขึ้นมาเป็นใหญ่ กดขี่ข่มเหงพวกเรา เอาเงินทุกบากทุกสตางค์ของเราไปตั้งแต่เราตื่นมาล้างหน้าล้างตา ออกจากบ้าน คุยโทรศัพท์ เติมน้ำมัน เล่นอินเตอร์เนต ดูทีวี เกิดมาไม่เคยเจอนี่มันคอมมิวนิสต์ชัด ๆ ทำมาหากินทุกบาททุกสตางค์ต้องมีจ่ายให้ตระกูลทากพวกนี้ ถ้าเราไม่อยากยกประเทศให้กับคนชั่วและต้องการเปลี่ยนแปลงก็ต้องกำจัดตำรวจชั่ว ทหารชั่วบางคนออกไป ลุกขึ้นเถิดคนไทย 23 พย.นี้เราเรียกร้องคนไทยทั้งในและต่างประเทศออกมาทำการ “สงครามครั้งสุดท้าย”ที่ทำเนียบประชาชน สถานทูตและสถานกงสุลไทยทุกแห่งทุกแห่งทั่วโลกพร้อมกันเพื่อประกาศให้โลกรู้ถึงความเลวของแม้วต้องออกมาต่อสู้ร่วมกันให้มากๆ ถ้าคุณไม่ก้าวขาวันนี้คุณจะไม่ได้ยืนเต็มสองขาบนแผ่นดินนี้่อีกต่อไป คงต้องร้องเพลงชาติที่แต่งใหม่ นั่งอยู่ในบ้านก็ต้องหวาดหวั่น กลัวทั้งโจร ทั้งตำรวจไม่รู้ใครจะมาปล้นเงินเราไปมากกว่ากัน ก่อนที่จะต้องซื้อข้าวจากซาอุ ลุกขึ้นแล้วออกเดินร่วมกับคนไทยที่มีใจนักสู้ สู้เพื่อแผ่นดินไทยของเรา สู้เพื่อลูกหลานของเรารัฐบาลมีความจริงใจต่อการบริหารบ้านเมืองหรือไม่ เริ่มต้นจากการเลือกตั้งเข้ามาก็โกงแล้ว เมื่อเข้ามาบริหารก็อ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง ไม่มีซึ่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรเพื่อบ้านเมือง ปล่อยให้เวปไซต์โจมตีสถาบัน และยังปล่อยให้รายการเอ็นบีทีใช้เงินภาษีของประชาชนโจมตีฝ่ายตรงและให้ข้อมูลเท็จ รัฐบาลหลอกลวง สนับสนุนให้คนเอาอาวุธมายิงเราชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลเป็นผู้สั่งการให้ตำรวจใช้อาวุธที่รุนแรงกลางมหานครใช้อำนาจป่าเถื่อนเข้าห้ำหั่นประชาชน ข้าราชบริพารข้าราชการทุกหน่วยงานขานรับทำงานตามคำสั่งโดยขาดการไตร่ตรองสำนึกในความเป็นข้าราชการที่ดี รัฐบาลผู้มีอำนาจฟ้องร้องประชาชนอัยการขานรับดำเนินคดีทันที ประชาชนฟ้องร้องอะไรตำรวจก็พยายามถ่วงเวลาทุกวิถีทาง ฯ ท่านและนักวิชาการทั้งหลายก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เมื่อมาพูดถึงสานเสาวนา ท่านไม่พูดถึงความอยุติธรรมที่ประชาชนได้รับ ท่านพูดตัดตอนสร้างภาพให้ตนเองว่ามีความเป็นกลาง แม้วเอ้ยเป็นผู้สร้างสถานการณ์ทุกครั้งที่จนมุมด้านคดีความก็จะก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ปลุกปั่นประชาชน แม้วเป็นอดีตผู้นำชาติที่พร้อมจะเสียสละได้แม้ชื่อเสียงของประเทศกับความสามัคคีของคนในชาติ ใช้ทุกวิถีทาง ทุกวิธีการ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยมียุคไหนเลวทรามต่ำช้าเท่ากับยุคที่ป๊อกเพื่อนแม้วเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่ผ่านมาแม้วเคยออกมาให้สัมภาษณ์ข่มขู่ศาล พระเจ้าอยู่หัว มีแต่ปลัดกระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่ออกมาแสดงความเห็นในขณะที่ป๊อกก้มหน้างุดๆ ข้าราชการทั้งหลายโดยเฉพาะกองทัพ ยังนิ่งเฉยก็จะต้องถูกตราหน้าไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นยุคสมัยที่กองทัพขลาดเขลาและมีผู้บังคับบัญชาที่เห็นแก่การรักษาตำแหน่งอำนาจของส่วนตัวมากกว่าการจะเสียสละเพื่อประเทศชาติส่วนรวม ตอนนี้แดงขัตติยะ ส.คิดท่าเสริมสร้างสุขภาพให้กองทัพได้สักสองท่าแล้วคือท่าชักปืนยิงกับท่าขว้างระเบิดและคงกำลังคิดท่าอื่นต่อไปอีก พปช.เองก็กระหายเลือด "อยู่อย่างสงบไม่ได้ก็อย่าอยู่" แม้วสั่งอุ้มน้องเขย ห้ามยุบ-ห้ามลาออก ลูกหาบดันแม้วสู้-โฟนอิน 14ธ.ค.ที่แม้ว“ไม่มีอะไรจะสูญเสียหนักไปกว่านี้อีกแล้ว” 25 พ.ย เมียแม้วจะกลับมา 25 ธ.ค แม้วจะกลับมาในห้วงเวลาที่พปช.คาดว่าได้แก้กฏหมาย รธน หรือ ผ่านกฏหมายนิรโทษกรรมให้แม้วเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยมีรัฐธรรมนูญฉบับหมอโหวงเหวงซึ่งตัดองคมนตรีออกไปแสดงว่าไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนเมียแม้วก็รอดเรื่องคดีที่ดินรัชดาแล้วจะมาทวงตังค์ที่ถูกอายัดไว้ 73000 พันล้านในส่วนสินสมรสหาร 2 จากนั้นก็จะเป็นหัวหน้าเพื่อไทยเป็นนายกฯหญิงคนแรกตามกระแสนารีขี่ม้าขาวก็เล่นซื้อเสียงไว้ล่วงหน้าแล้วนี่ แหมก็ลงทุนซะ ได้ทองจำนวนเท่ากับหลายร้อยหัว แต่จะต้องเสียผัวให้คนอื่นไปไหมล่ะนี่ ชวนกรีดแม้วซะว่าจำนนความจริงล่ะซี่ แม้วยังสามารถต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ตามกระบวนการ ด้านกฎหมายก็เปิดช่องให้หาหลักฐานใหม่มาอุทธรณ์คดีได้อยู่แล้วสงสัยแม้วไม่มีข้ออ้างมาอุทธรณ์คดีล่ะสิ แม้วก็ยังคงเป็นแม้วที่นิยมใช้วิธีที่น่ารังเกียจ คือปลุกระดมมวลชนเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้กับการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เป็นเพียงมายาภาพหลายประเทศทั่วโลกต้องการให้แม้วไปช่วยแต่ประเทศไทยซึ่งเป็นมาตุภูมิแท้ๆ กลับขับไล่ไสส่ง แม้วก็ตะแบงไม่ผิดปัดอุทธรณ์ไปวันๆ "ผมไม่ผิดเพราะการซื้อที่ดินมีการประมูลผ่านระบบอีเล็คทรนิกส์อย่างถูกต้องซึ่งหลังจากนี้ผมจะต่อสู้ทางการเมืองเพราะที่ผ่านมาผมไม่ได้ใช้การเมืองต่อสู้เลยดังนั้นจึงต้องสู้เพื่อให้ชนะ" นักการเมืองคนสำคัญของฝ่ายรัฐบาลได้ประเมินว่าสถานการณ์ในขณะนี้ระบอบทุนสามานย์ประสบชัยชนะเด็ดขาดแล้วประเทศไทยต้องเกิด "สงครามกลางเมือง" แน่ สิ่งที่เหลืออยู่คือการกวาดล้างสะสางเสี้ยนหนามหรือเศษขยะที่เกะกะรุงรังอยู่เท่านั้น แม้ว-อ้อยังสวีตท่องบท “ชิ ตัง เม”เราชนะแล้วๆ สำหรับความเคลื่อนไหวของแม้วภายหลังประกาศหย่าขาดเมียก่อนตามมาด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ "บิลดิ้ง อะ เบทเทอร์ ฟิวเจอร์" (Building a Better Future Foundation) มีเบื้องหลังเป้าหมายทางการเมืองเช่นเดียวกับความพยายามเคลื่อนไหวอื่นๆเหตุแม้วเชื่อมั่นเปิดหน้าชกสิบสองยกชนะขาดเพราะกูมีเงินมากกว่าใคร กูก็ไฮคลาสรู้จักใช้ไฮเทคเหนือกว่าคนอื่น กูฉลาดกว่าสลับซับซ้อนและมีลูกเล่นที่ถึงลูกถึงคนกว่า
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=5201&CatID=2
http://www.naewna.com/news.asp?ID=134519
http://www.naewna.com/news.asp?ID=134517
http://www.naewna.com/news.asp?ID=134513
คนไทยส่วนใหญ่กว่า 90% พอใจที่จะอยู่และมีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หลวงตาบัวเทศน์เตือนคนไทยให้ช่วยกันรักษาพระเจ้าอยู่หัว-พระราชินีที่เป็นหัวใจหลักของชาติพร้อมให้พากันเทิดทูน อย่าพากันดูถูกเหยียดหยามทำลาย ระบุพวกจะไม่ให้มีพระเจ้าอยู่หัว เหมือนคนเกิดมาแล้วพ่อแม่ตายหมด ยกนิทาน “อึ่งอ่าง”คิดพองตัวให้เท่าแม่วัวจนท้องแตกตาย เตือนสติพวกอวดดี เรามีในหลวงที่ประเสริฐสุดแล้ว มีประเทศที่น่าอยู่ ในหลวงท่านปลูกฝังความดีไว้กับประเทศชาติมากมายบรรยาย ท่านดูแลพวกเรามายาวนานมาก ไม่ใครเคยคิดเลยว่าเศษฐกิจพอเพียงของท่านจะมาสอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน เราจะเป็นเช่นนั้นได้ตลอดไปประชาชนก็จะต้องรู้จักสิทธิหน้าที่และความรับผิดชอบทางการเมืองมีหน้าที่ต้องออกมารักษาสิทธิแสดงสิทธิและความต้องการที่จะมีระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทุกวันนี้ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนที่คอยคิดจะให้ปลาคนที่ยากจนแต่ไม่เคยแนะนำเขาให้หาปลากินด้วยตนเองเลย ถ้าไม่สู้วันนี้ก่อนที่ประเทศไทยจะถูกหั่นขายเหมือนหมูบนเขียงเชื่อเถอะว่าต่อไปคุณจะไม่มีที่ยืนในสังคมถ้าไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้พวกตระกูลแม้วกับอ้อ พวกมันทุกคนขยันทำมาหากิน เบียดเบียนชาวบ้านชาวช่องไปในทุก ๆ วงการ วงการไหน ๆ รับรองว่าต้องได้เจอพวกมันแทรกซึมแย่งชิง ไม่ว่าเล็ก ใหญ่ เงินมากเงินน้อย ไม่รู้ว่าทำไมโคตรเหง้าศักราช เพื่อนพ้องน้องพี่ ของมันถึงได้เยอะแยะมากมายขนาดนี้ มันลงประมูลแค่ได้ยินชื่อก็รู้ว่ามันต้องได้งาน ไม่มีปัญญาทำมันก็มาจ้างเราทำ กดราคาจนเราไม่มีกำไร มันนั่งเฉย ๆ ได้ค่านายหน้าไปกิน เลวชาติ โลภมาก ใจกล้า หน้าด้าน ขี้โกง และโรคจิต แถมเป็นโรคเดียวกันทั้งตระกูล คนไทยจะเอาไหมชีวิตแบบนี้ เรียนจบมาเคยทำมาหากินอยู่ดี ๆ พวกมันขึ้นมาเป็นใหญ่ กดขี่ข่มเหงพวกเรา เอาเงินทุกบากทุกสตางค์ของเราไปตั้งแต่เราตื่นมาล้างหน้าล้างตา ออกจากบ้าน คุยโทรศัพท์ เติมน้ำมัน เล่นอินเตอร์เนต ดูทีวี เกิดมาไม่เคยเจอนี่มันคอมมิวนิสต์ชัด ๆ ทำมาหากินทุกบาททุกสตางค์ต้องมีจ่ายให้ตระกูลทากพวกนี้ ถ้าเราไม่อยากยกประเทศให้กับคนชั่วและต้องการเปลี่ยนแปลงก็ต้องกำจัดตำรวจชั่ว ทหารชั่วบางคนออกไป ลุกขึ้นเถิดคนไทย 23 พย.นี้เราเรียกร้องคนไทยทั้งในและต่างประเทศออกมาทำการ “สงครามครั้งสุดท้าย”ที่ทำเนียบประชาชน สถานทูตและสถานกงสุลไทยทุกแห่งทุกแห่งทั่วโลกพร้อมกันเพื่อประกาศให้โลกรู้ถึงความเลวของแม้วต้องออกมาต่อสู้ร่วมกันให้มากๆ ถ้าคุณไม่ก้าวขาวันนี้คุณจะไม่ได้ยืนเต็มสองขาบนแผ่นดินนี้่อีกต่อไป คงต้องร้องเพลงชาติที่แต่งใหม่ นั่งอยู่ในบ้านก็ต้องหวาดหวั่น กลัวทั้งโจร ทั้งตำรวจไม่รู้ใครจะมาปล้นเงินเราไปมากกว่ากัน ก่อนที่จะต้องซื้อข้าวจากซาอุ ลุกขึ้นแล้วออกเดินร่วมกับคนไทยที่มีใจนักสู้ สู้เพื่อแผ่นดินไทยของเรา สู้เพื่อลูกหลานของเรารัฐบาลมีความจริงใจต่อการบริหารบ้านเมืองหรือไม่ เริ่มต้นจากการเลือกตั้งเข้ามาก็โกงแล้ว เมื่อเข้ามาบริหารก็อ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้ง ไม่มีซึ่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรเพื่อบ้านเมือง ปล่อยให้เวปไซต์โจมตีสถาบัน และยังปล่อยให้รายการเอ็นบีทีใช้เงินภาษีของประชาชนโจมตีฝ่ายตรงและให้ข้อมูลเท็จ รัฐบาลหลอกลวง สนับสนุนให้คนเอาอาวุธมายิงเราชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลเป็นผู้สั่งการให้ตำรวจใช้อาวุธที่รุนแรงกลางมหานครใช้อำนาจป่าเถื่อนเข้าห้ำหั่นประชาชน ข้าราชบริพารข้าราชการทุกหน่วยงานขานรับทำงานตามคำสั่งโดยขาดการไตร่ตรองสำนึกในความเป็นข้าราชการที่ดี รัฐบาลผู้มีอำนาจฟ้องร้องประชาชนอัยการขานรับดำเนินคดีทันที ประชาชนฟ้องร้องอะไรตำรวจก็พยายามถ่วงเวลาทุกวิถีทาง ฯ ท่านและนักวิชาการทั้งหลายก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่เมื่อมาพูดถึงสานเสาวนา ท่านไม่พูดถึงความอยุติธรรมที่ประชาชนได้รับ ท่านพูดตัดตอนสร้างภาพให้ตนเองว่ามีความเป็นกลาง แม้วเอ้ยเป็นผู้สร้างสถานการณ์ทุกครั้งที่จนมุมด้านคดีความก็จะก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ปลุกปั่นประชาชน แม้วเป็นอดีตผู้นำชาติที่พร้อมจะเสียสละได้แม้ชื่อเสียงของประเทศกับความสามัคคีของคนในชาติ ใช้ทุกวิถีทาง ทุกวิธีการ เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยมียุคไหนเลวทรามต่ำช้าเท่ากับยุคที่ป๊อกเพื่อนแม้วเป็นผู้บัญชาการทหารบก ที่ผ่านมาแม้วเคยออกมาให้สัมภาษณ์ข่มขู่ศาล พระเจ้าอยู่หัว มีแต่ปลัดกระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่ออกมาแสดงความเห็นในขณะที่ป๊อกก้มหน้างุดๆ ข้าราชการทั้งหลายโดยเฉพาะกองทัพ ยังนิ่งเฉยก็จะต้องถูกตราหน้าไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นยุคสมัยที่กองทัพขลาดเขลาและมีผู้บังคับบัญชาที่เห็นแก่การรักษาตำแหน่งอำนาจของส่วนตัวมากกว่าการจะเสียสละเพื่อประเทศชาติส่วนรวม ตอนนี้แดงขัตติยะ ส.คิดท่าเสริมสร้างสุขภาพให้กองทัพได้สักสองท่าแล้วคือท่าชักปืนยิงกับท่าขว้างระเบิดและคงกำลังคิดท่าอื่นต่อไปอีก พปช.เองก็กระหายเลือด "อยู่อย่างสงบไม่ได้ก็อย่าอยู่" แม้วสั่งอุ้มน้องเขย ห้ามยุบ-ห้ามลาออก ลูกหาบดันแม้วสู้-โฟนอิน 14ธ.ค.ที่แม้ว“ไม่มีอะไรจะสูญเสียหนักไปกว่านี้อีกแล้ว” 25 พ.ย เมียแม้วจะกลับมา 25 ธ.ค แม้วจะกลับมาในห้วงเวลาที่พปช.คาดว่าได้แก้กฏหมาย รธน หรือ ผ่านกฏหมายนิรโทษกรรมให้แม้วเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยมีรัฐธรรมนูญฉบับหมอโหวงเหวงซึ่งตัดองคมนตรีออกไปแสดงว่าไม่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนเมียแม้วก็รอดเรื่องคดีที่ดินรัชดาแล้วจะมาทวงตังค์ที่ถูกอายัดไว้ 73000 พันล้านในส่วนสินสมรสหาร 2 จากนั้นก็จะเป็นหัวหน้าเพื่อไทยเป็นนายกฯหญิงคนแรกตามกระแสนารีขี่ม้าขาวก็เล่นซื้อเสียงไว้ล่วงหน้าแล้วนี่ แหมก็ลงทุนซะ ได้ทองจำนวนเท่ากับหลายร้อยหัว แต่จะต้องเสียผัวให้คนอื่นไปไหมล่ะนี่ ชวนกรีดแม้วซะว่าจำนนความจริงล่ะซี่ แม้วยังสามารถต่อสู้ข้อกล่าวหาได้ตามกระบวนการ ด้านกฎหมายก็เปิดช่องให้หาหลักฐานใหม่มาอุทธรณ์คดีได้อยู่แล้วสงสัยแม้วไม่มีข้ออ้างมาอุทธรณ์คดีล่ะสิ แม้วก็ยังคงเป็นแม้วที่นิยมใช้วิธีที่น่ารังเกียจ คือปลุกระดมมวลชนเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้กับการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เป็นเพียงมายาภาพหลายประเทศทั่วโลกต้องการให้แม้วไปช่วยแต่ประเทศไทยซึ่งเป็นมาตุภูมิแท้ๆ กลับขับไล่ไสส่ง แม้วก็ตะแบงไม่ผิดปัดอุทธรณ์ไปวันๆ "ผมไม่ผิดเพราะการซื้อที่ดินมีการประมูลผ่านระบบอีเล็คทรนิกส์อย่างถูกต้องซึ่งหลังจากนี้ผมจะต่อสู้ทางการเมืองเพราะที่ผ่านมาผมไม่ได้ใช้การเมืองต่อสู้เลยดังนั้นจึงต้องสู้เพื่อให้ชนะ" นักการเมืองคนสำคัญของฝ่ายรัฐบาลได้ประเมินว่าสถานการณ์ในขณะนี้ระบอบทุนสามานย์ประสบชัยชนะเด็ดขาดแล้วประเทศไทยต้องเกิด "สงครามกลางเมือง" แน่ สิ่งที่เหลืออยู่คือการกวาดล้างสะสางเสี้ยนหนามหรือเศษขยะที่เกะกะรุงรังอยู่เท่านั้น แม้ว-อ้อยังสวีตท่องบท “ชิ ตัง เม”เราชนะแล้วๆ สำหรับความเคลื่อนไหวของแม้วภายหลังประกาศหย่าขาดเมียก่อนตามมาด้วยการก่อตั้งมูลนิธิ "บิลดิ้ง อะ เบทเทอร์ ฟิวเจอร์" (Building a Better Future Foundation) มีเบื้องหลังเป้าหมายทางการเมืองเช่นเดียวกับความพยายามเคลื่อนไหวอื่นๆเหตุแม้วเชื่อมั่นเปิดหน้าชกสิบสองยกชนะขาดเพราะกูมีเงินมากกว่าใคร กูก็ไฮคลาสรู้จักใช้ไฮเทคเหนือกว่าคนอื่น กูฉลาดกว่าสลับซับซ้อนและมีลูกเล่นที่ถึงลูกถึงคนกว่า
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=5201&CatID=2
http://www.naewna.com/news.asp?ID=134519
http://www.naewna.com/news.asp?ID=134517
http://www.naewna.com/news.asp?ID=134513
ลูกสาว 11 ขวบ เชื่อบึ้มทำเนียบฝีมือรัฐบาล เรียกร้องความเป็นธรรมหน้า บชน.
ญาติ “เจนกิจ” วีรชนพันธมิตรฯ อาลัยน้ำตานอง รับศพจาก รพ.รามาธิบดีแล้ว “น้องคุ้กกี้” ลูกสาว 11 ขวบ เชื่อบึ้มทำเนียบฝีมือรัฐบาล เรียกร้องความเป็นธรรมหน้า บชน.ย้ำให้พันธมิตรฯ สู้ต่อไป จะตั้งใจทำดี ไม่ดื้อไม่ซน ดูแลแม่และน้อง ต่อสู้เพื่อพ่อ ขณะที่ศพวีรชนคนกล้าบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 3 วัดมกุฏกษัตริยารามในเวลา 17.00 น.วันนี้ - 20 พฤศจิกายน 2551
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.แกนนำกองทัพธรรมได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อรับศพ นายเจนกิจ กลัดสาคร ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีการทำพิธีทางศาสนาก่อนนำศพบรรจุในโรงไม้สีดำ หลังจากนั้นเคลื่อนย้ายศพไปยังรถตู้เลขทะเบียน ร 1x2x นนทบุรี โดยมี ด.ญ.ลิปิการ์ กลัดสาคร บุตรสาวผู้เสียชีวิต เป็นผู้ถือกระถางธูปนำหน้าศพก่อนเคลื่อนออกไปท่ามกลางน้ำตานองหน้าและบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
ทั้งนี้ ด.ญ.ลิปิการ์ กลัดสาคร (น้องคุ้กกี้) อายุ 11 ปี บุตรสาวนายเจนกิจ กลัดสาคร ให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะรับศพออกจากโรงพยาบาลว่า ได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของพ่อเมื่อเวลา 07.00 น. โดยแม่โทรศัพท์มาหา แต่ไม่ได้บอกอะไรมากเพียงแค่ให้เตรียมเสื้อไปให้พ่อ และบอกว่าพ่อไปสบายแล้ว จึงถามแม่ว่าพ่อตายหรือ แม่ตอบกลับมาว่าใช่ หลังจากนั้นก็วางสายและหันไปบอกยาย ยายร้องไห้ เสียใจ และบอกว่าสงสารตนเองและน้องที่ต้องสูญเสียพ่อไป หนูก็เสียใจแต่ก็ไปเตรียมเสื้อผ้าให้พ่อ โดยเป็นชุดคาวบอยเพราะว่าชอบเรื่องเกี่ยวกับคาวบอยมาก ซึ่งก่อนหน้านี้พ่อย้ำเสมอว่าหากเสียชีวิตให้นำชุดคาวบอยมาใส่ให้ อีกทั้งให้สังเกตโทรทัศน์ที่บ้านซึ่งปกติเปิดดูรายการอยู่เสมอ แต่หากไม่สามารถเปิดชมได้ตามปกติแสดงว่าพ่อมาหาให้จุดธูปและนำข้าวมาให้พ่อด้วย
“เสียใจและรู้สึกใจหายกับเรื่องนี้แต่ก็ไม่เคยกลัว และจะสู้เพื่อพ่อต่อไป ซึ่งก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตั้งใจจะทำความดี ไม่ดื้อ ไม่ซน และช่วยดูแลครอบครัวแทนพ่อตามที่แม่เคยบอก จึงอยากเรียกร้องให้ฝ่ายที่ทำแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งหนูคิดว่ารัฐบาลเป็นคนทำ เพราะที่ผ่านมามีการยิงแก๊สน้ำตา วางระเบิด และแม่เล่าให้ฟังว่าวันที่เกิดเหตุเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจบางรายแสดงสีหน้าสมน้ำหน้า ต่อจากนี้อยากให้พันธมิตรฯ สู้ต่อไป แต่หนูคงจะไม่ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ได้เพราะเป็นเด็ก และเพราะพ่อบอกไม่ให้ไป เพราะเป็นห่วงความปลอดภัย มีแต่ความลำบาก ซึ่งหนูเคยขอจะไปด้วยหลายครั้ง เพราะปกติพ่อและแม่จะมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ กับเพื่อนๆ แต่พ่อก็จะไม่อนุญาตให้มาด้วย” ด.ญ.ลิปิการ์ กล่าว
ด.ญ.ลิปิการ์ กล่าวด้วยว่า อยากให้คนดีๆ มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นคนไม่ดี เพราะได้เห็นคลิปที่นายกฯ พาผู้หญิงเข้าโรงแรมม่านรูด และพาไปซื้อตู้เย็น ซึ่งผู้นำที่ดีจะต้องไม่เอาเปรียบ ไม่เห็นแก่เงิน ไม่ขายชาติ
19 พฤศจิกายน 2551
ลายไทย
เรื่องที่มีผู้ที่นำเอาสีไปพ่นใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ที่ อ.เมือง จังหวัดอุดรธานีที่เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนปก.ที่มี นายขวัญชัย ไพรพนา นายธีรชัย แสนแก้วคนของพรรคพลังประชาชน ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐรู้เห็นเป็นใจคงจะทำไม่ได้ แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการล้มล้างราชบัลลังก์โดยที่มีคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีอำนาจบางคนมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วยและถ้ารัฐบาลนี้ยังอยู่ก็จะมีเป้าหมายในเรื่องเหล่านี้ด้วยซึ่งขณะนี้กระบวนการในลักษณะนี้กำลังคืบคลานลงลึกไปเรื่อยๆไปทั่วประเทศ คดีหมิ่พระบรมเดชานุภาพที่มีนายวีระ มุสิกพงศ์ และ นายจักรภพ เพ็ญแข สองแกนนำนปก.เป็นผู้ต้องหาคดีกลับไม่มีความคืบหน้า
ความชั่วในบ้านเมืองเรามีความสลับซับซ้อนเหมือนลายไทยกว่าจะแกะออกคงต้องเหนื่อยแต่ถ้าแกะออกแล้วจะพบว่ามันมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ในรัฐธรรมนูญ 2550 นั้นน่าเสียดายที่มีมีการเขียนบทบัญญัติบางอย่างไว้เช่นการโนโหวต และการไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งถ้าเกินครึ่งของผู้มาใช้สิทธิต้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันทีเรื่องนี้เชื่อว่าในการเมืองใหม่จะต้องได้รับการแก้ไขเข้าไปด้วย ขณะนี้เกมการเมืองกำลังเข้มข้นขึ้น รัฐบาลที่วิปริตและประธานรัฐสภาซึ่งโกงที่รถไฟกำลังเล่นเล่ห์กลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายแพทย์เหวง โตจิราการ เข้าไปบรรจุในวาระรอไว้แล้วโดยมุ่งแก้มาตรา 309 มาตรา 190 และ 237 ในเรื่องการล้มองค์กระอิสระ ยกเลิกองคมนตรี การทำเอฟทีเอที่จะไม่ให้ต้องผ่านสภา และแก้ไม่ให้ยุบพรรค โดยที่ผ่านมาเคยพยายามแก้ไขแล้วแต่เพราะพวกเราพันธมิตรทำให้แผนของเขาไม่สำเร็จ แต่เขาได้ยื่นในคาเอาไว้เมื่อไม่กล้าเอาเข้า แต่กระนั้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมาขุนค้อนสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ออกนโยบายพักโทษมีเจตนาซ่อนเร้นออกนโยบายเกี่ยวกับเกี่ยวกับการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ซึ่งจะลดความแออัดลงได้แค่ประมาณ 3 พันคน หรือ 1.66 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องเครือข่าย “ระบอบทักษิณ” พ้นคุกโดยเห็นถึงความผิดปกติจากเงื่อนไขบางข้อ เช่นให้พักโทษกับนักโทษเด็ดขาดที่เป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรงระยะสุดท้ายหรือเงื่อนไขกำหนดโทษไม่เกิน 3 ปี ที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดโดยจะต้องไม่เคยต้องโทษมาก่อนเป็นต้น ขณะเดียวกันก็ไปรับลูกการมีส.ส.ร.3 โดยการรับลูกอธิการมหาลัย 24 สถาบันและอ้างว่ายังไม่มีการพิจารณา แต่ยังเอาเข้าวาระไว้ต่อเมื่อพอได้จังหวะดีก็รีบนำเสนอให้พิจารณา ฝ่ายรัฐบาลคาดแล้วว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้จะตัดสินยุบ 1 พรรค เดือนธันวาคมยุบอีก 2 พรรคซึ่งตอนนี้กำลังนับหัวส.ส.ยังมีสัดส่วนมากหรือไม่เพื่อช่วยกันโกงกินงบประมาณรัฐต่อไป คนพวกนี้สนใจอะไรคิดเพียงแค่แผนการที่เตรียมการแก้รัฐธรรมนูญและเตรียมการนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าแทนที่จะคิดไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว ถ้าเงินรัฐหมดก็ใช้วิธีออกพันธบัตรรัฐมาหลอกขายอีกครั้ง ขณะนี้รัฐบาลกำลังพุ่งเป้าไปที่ชนบทนี่คือเหตุผลที่รัฐบาลเร่งรีบตัดงบประมาณเพราะคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคตนั่นแปลว่าเขาเตรียมเอาเงินของประชาชนไปซื้อเสียง
การเมืองเผด็จการทุนนิยม เมื่อเงินเป็นใหญ่มันก็ทำลายความเป็นมนุษย์เพราะเงินซื้อได้ทุกหน่วยงาน ซื้อได้ทุกอย่าง เขาจึงดูถูกคนแต่บังเอิญเขาโชคไม่ดีเพราะมีพันมิตรฯ เกิดขึ้นมาเขาจึงกินประเทศไทยไม่ได้จนกลายเป็นสุนัขจนตรอกอยู่ทุกวันนี้และเขากำลังจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมในประเทศไทยให้จงได้ รัฐบาลนี้บริหารชาติบ้านเมืองไม่เคยมีนโยบายที่จะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน แทนที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนแต่กลับยื่นข้อเรียกร้องกับพันธมิตรฯ ว่าให้ออกจากทำเนียบฯ แล้วตกลงใครเป็นรัฐบาลกันแน่ระหว่างฝ่ายเขากับพันธมิตรฯ นายกฯกลับระบุว่า เขาศรัทธาในตัว พ.ต.ท.ทักษิณและที่สำคัญพี่เมียของเขาเป็นนักโทษซึ่งต้องนำตัวกลับมาติดคุกตามคำพิพากษาและกำลังเลือดเข้าตา...หย่าเมียสู้ ในตัวพ.ต.ท.ทักษิณที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมหารือเรื่องการถอดยศ “ทักษิณ” ภายหลังเจ้าตัวไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณไปอาศัยพึ่งพาคือชีคจากดูไบ แท้ที่จริงแล้วเป็นชีคกระจอกๆ คนหนึ่งจากอาบูดาบี ล่าสุดพ.ต.ท.ทักษิณได้ไปซื้อที่พักอาศัยมูลค่าราว 800 ล้านบาทบนเกาะที่เรียกว่าเดอะปาล์มไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหญิงพจมารนั้นเห็นบุคลิกดูอ่อนน้อมสีหน้ายิ้มแย้มอย่างนี้อย่านึกว่าหน่อมแน้มในทางการเมืองเชียวเพราะคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณที่ได้ดิบได้ดีก็เพราะมีผู้สนับสนุนคนสำคัญก็คือพจมารคนนี้นี่เองในช่วงที่ระบอบทักษิณมีอำนาจพจมารก็เปรียบประดุจนายกฯเงาและการตัดสินใจของพจมารแทบทั้งสิ้น คนเราหากตลบตะแลงลวงโลกแล้วย่อมสะท้อนความไม่จริงใจและไร้ความน่าเชื่อถือ หากเป็นเช่นนี้แล้วยังจะเหลืออะไรอีกสำหรับวุฒิภาวะและธรรมาภิบาลของความเป็นผู้นำ ต่อจากนี้ไปยุทธวิธีพ.ต.ท.ทักษิณจะเปลี่ยนมาเป็นรุกรบ จากที่ล่าถอย ใส่เกราะ ตั้งบังเกอร์ ขึงลวดหนาม สร้างป้อม ค่ายคูหารบสนามเพลาะ ต่อไปนี้จะเปลี่ยนเป็นการระดมพล ติดดาบปลายปืน ปลดเซฟ ขึ้นลำกล้อง ระดมเสบียงอาวุธ และประจัญบาน จากขบวนการแก้ตัวจะเป็นขบวนการแก้แค้นทั้งสิ้นเป็นเพราะ "บ่งเสี้ยนไม่สิ้นหนาม" และ "ตีงูร้ายให้หลังหัก" และเพราะสังคมไทยมัว "วางตัวเป็นกลาง" ใน "กลียุค"
ความชั่วในบ้านเมืองเรามีความสลับซับซ้อนเหมือนลายไทยกว่าจะแกะออกคงต้องเหนื่อยแต่ถ้าแกะออกแล้วจะพบว่ามันมีความสวยงามเป็นอย่างมาก ในรัฐธรรมนูญ 2550 นั้นน่าเสียดายที่มีมีการเขียนบทบัญญัติบางอย่างไว้เช่นการโนโหวต และการไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งถ้าเกินครึ่งของผู้มาใช้สิทธิต้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันทีเรื่องนี้เชื่อว่าในการเมืองใหม่จะต้องได้รับการแก้ไขเข้าไปด้วย ขณะนี้เกมการเมืองกำลังเข้มข้นขึ้น รัฐบาลที่วิปริตและประธานรัฐสภาซึ่งโกงที่รถไฟกำลังเล่นเล่ห์กลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายแพทย์เหวง โตจิราการ เข้าไปบรรจุในวาระรอไว้แล้วโดยมุ่งแก้มาตรา 309 มาตรา 190 และ 237 ในเรื่องการล้มองค์กระอิสระ ยกเลิกองคมนตรี การทำเอฟทีเอที่จะไม่ให้ต้องผ่านสภา และแก้ไม่ให้ยุบพรรค โดยที่ผ่านมาเคยพยายามแก้ไขแล้วแต่เพราะพวกเราพันธมิตรทำให้แผนของเขาไม่สำเร็จ แต่เขาได้ยื่นในคาเอาไว้เมื่อไม่กล้าเอาเข้า แต่กระนั้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมาขุนค้อนสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ออกนโยบายพักโทษมีเจตนาซ่อนเร้นออกนโยบายเกี่ยวกับเกี่ยวกับการพักโทษของกรมราชทัณฑ์ซึ่งจะลดความแออัดลงได้แค่ประมาณ 3 พันคน หรือ 1.66 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพื่อช่วยเหลือพวกพ้องเครือข่าย “ระบอบทักษิณ” พ้นคุกโดยเห็นถึงความผิดปกติจากเงื่อนไขบางข้อ เช่นให้พักโทษกับนักโทษเด็ดขาดที่เป็นผู้ป่วยโรคร้ายแรงระยะสุดท้ายหรือเงื่อนไขกำหนดโทษไม่เกิน 3 ปี ที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติดโดยจะต้องไม่เคยต้องโทษมาก่อนเป็นต้น ขณะเดียวกันก็ไปรับลูกการมีส.ส.ร.3 โดยการรับลูกอธิการมหาลัย 24 สถาบันและอ้างว่ายังไม่มีการพิจารณา แต่ยังเอาเข้าวาระไว้ต่อเมื่อพอได้จังหวะดีก็รีบนำเสนอให้พิจารณา ฝ่ายรัฐบาลคาดแล้วว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้จะตัดสินยุบ 1 พรรค เดือนธันวาคมยุบอีก 2 พรรคซึ่งตอนนี้กำลังนับหัวส.ส.ยังมีสัดส่วนมากหรือไม่เพื่อช่วยกันโกงกินงบประมาณรัฐต่อไป คนพวกนี้สนใจอะไรคิดเพียงแค่แผนการที่เตรียมการแก้รัฐธรรมนูญและเตรียมการนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าแทนที่จะคิดไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว ถ้าเงินรัฐหมดก็ใช้วิธีออกพันธบัตรรัฐมาหลอกขายอีกครั้ง ขณะนี้รัฐบาลกำลังพุ่งเป้าไปที่ชนบทนี่คือเหตุผลที่รัฐบาลเร่งรีบตัดงบประมาณเพราะคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอนาคตนั่นแปลว่าเขาเตรียมเอาเงินของประชาชนไปซื้อเสียง
การเมืองเผด็จการทุนนิยม เมื่อเงินเป็นใหญ่มันก็ทำลายความเป็นมนุษย์เพราะเงินซื้อได้ทุกหน่วยงาน ซื้อได้ทุกอย่าง เขาจึงดูถูกคนแต่บังเอิญเขาโชคไม่ดีเพราะมีพันมิตรฯ เกิดขึ้นมาเขาจึงกินประเทศไทยไม่ได้จนกลายเป็นสุนัขจนตรอกอยู่ทุกวันนี้และเขากำลังจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมในประเทศไทยให้จงได้ รัฐบาลนี้บริหารชาติบ้านเมืองไม่เคยมีนโยบายที่จะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน แทนที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนแต่กลับยื่นข้อเรียกร้องกับพันธมิตรฯ ว่าให้ออกจากทำเนียบฯ แล้วตกลงใครเป็นรัฐบาลกันแน่ระหว่างฝ่ายเขากับพันธมิตรฯ นายกฯกลับระบุว่า เขาศรัทธาในตัว พ.ต.ท.ทักษิณและที่สำคัญพี่เมียของเขาเป็นนักโทษซึ่งต้องนำตัวกลับมาติดคุกตามคำพิพากษาและกำลังเลือดเข้าตา...หย่าเมียสู้ ในตัวพ.ต.ท.ทักษิณที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมหารือเรื่องการถอดยศ “ทักษิณ” ภายหลังเจ้าตัวไม่ยื่นอุทธรณ์ในคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ขณะนี้พ.ต.ท.ทักษิณไปอาศัยพึ่งพาคือชีคจากดูไบ แท้ที่จริงแล้วเป็นชีคกระจอกๆ คนหนึ่งจากอาบูดาบี ล่าสุดพ.ต.ท.ทักษิณได้ไปซื้อที่พักอาศัยมูลค่าราว 800 ล้านบาทบนเกาะที่เรียกว่าเดอะปาล์มไว้เรียบร้อยแล้ว คุณหญิงพจมารนั้นเห็นบุคลิกดูอ่อนน้อมสีหน้ายิ้มแย้มอย่างนี้อย่านึกว่าหน่อมแน้มในทางการเมืองเชียวเพราะคนอย่างพ.ต.ท.ทักษิณที่ได้ดิบได้ดีก็เพราะมีผู้สนับสนุนคนสำคัญก็คือพจมารคนนี้นี่เองในช่วงที่ระบอบทักษิณมีอำนาจพจมารก็เปรียบประดุจนายกฯเงาและการตัดสินใจของพจมารแทบทั้งสิ้น คนเราหากตลบตะแลงลวงโลกแล้วย่อมสะท้อนความไม่จริงใจและไร้ความน่าเชื่อถือ หากเป็นเช่นนี้แล้วยังจะเหลืออะไรอีกสำหรับวุฒิภาวะและธรรมาภิบาลของความเป็นผู้นำ ต่อจากนี้ไปยุทธวิธีพ.ต.ท.ทักษิณจะเปลี่ยนมาเป็นรุกรบ จากที่ล่าถอย ใส่เกราะ ตั้งบังเกอร์ ขึงลวดหนาม สร้างป้อม ค่ายคูหารบสนามเพลาะ ต่อไปนี้จะเปลี่ยนเป็นการระดมพล ติดดาบปลายปืน ปลดเซฟ ขึ้นลำกล้อง ระดมเสบียงอาวุธ และประจัญบาน จากขบวนการแก้ตัวจะเป็นขบวนการแก้แค้นทั้งสิ้นเป็นเพราะ "บ่งเสี้ยนไม่สิ้นหนาม" และ "ตีงูร้ายให้หลังหัก" และเพราะสังคมไทยมัว "วางตัวเป็นกลาง" ใน "กลียุค"
18 พฤศจิกายน 2551
ชายทวงทำเนียบ จี้พธม.เลิกชุมนุม เอาประเทศไทยของพวกกูคืนมาก่อนสิกูถึงจาคืนมึง
นักวิชาการที่เข้าใจว่าการเลือกตั้งเท่านั้นเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ กำลังอกอีแป้นแตกที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยึดทำเนียบรัฐบาลเอาไว้ โดยไม่ยอมให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้าไปทำงานแน่นอนว่าการยึดทำเนียบรัฐบาลจะต้องเผชิญกับข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ, ข้อหาการชุมนุมเกินกว่า 10 คนและจุกๆจิกๆที่ฝ่ายอำนาจรัฐจะหยิบขึ้นมาตอบโต้ ประชาชนคือต้นกำเนิดของการเมืองทหาร-ตำรวจก็คือประชาชนเหมือนกันต่างกับชาวบ้านก็ครงที่ได้สวมเครื่องแบบสง่างามเท่านั้นเอง พันธมิตรเป็นตัวแทนประชาชนเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของผู้ถืออำนาจสูงสุด(อธิปไตย ตามรธน.มาตรา 3) และใช้พลังจากอำนาจตุลาการ (คำตัดสินของศาล) ในการต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ (ผู้ยึดอำนาจบริหาร และนิติบัญญัติบางส่วน) โดยแสดงตนและเจตนารมณ์สู่สาธารณะทั้งในไทยและในประชาคมโลกผ่านการชุมนุม การยึดทำเนียบคือยุทธศาสตร์การเมืองปักหลักพักค้างยืดเยื้อยาวนานจนกว่าจะได้รับชัยชนะซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้อนุญาตให้ทำประชาภิวัฒน์ได้โดยระบุไว้ในมาตรา ุ69 บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ถ้าอ่านดีๆจะเห็นว่าประชาชนสามารถยืดอำนาจคืนได้โดยไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ และเมื่อเราเห็นว่าการชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรมนี่คือการปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติเราจะใส่ใจข้อกล่าวหาเล็กๆ น้อยๆ ทำไมกัน การที่เราต้องมาต่อสู้กับพวกขี้ฉ้อก็เพียงเพื่อ
1) เฝ้าติดตามผลของการใช้อำนาจตุลาการผ่านกระบวนการยุติธรรมอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง
2) อยากเห็นชาติบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรมเอาแผ่นดินคืนให้ลูกหลานให้เราได้อยู่บนผืนแผ่นดินนี้อย่างมีความสุข
3) เรื่องความผิดชอบชั่วดี ถ้ามันผิดแล้วสังคมบอกว่ามันถูกแบบนั้นเป็นสังคมที่ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีศีลธรรม สังคมใดที่ไม่สามารถแบ่งแยกความชั่วความดีได้ สังคมนั้นเป็นสังคมเดรัจฉาน การที่เรารักเพื่อนเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าเพื่อนเราไปทำชั่วเราก็จำต้องต้องยืนหยัดบนพื้นฐานของความดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เราจะต้องไม่ปล่อยให้นักการเมืองที่ทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยที่เรายังนั่งดูดายลักษณะนี้
4) สร้างสรรค์สังคมให้โปร่งใส ถ้าเราอยู่ในสังคมที่มืดบอดแล้วลูกหลานจะรู้สึกอย่างไร สังคมไทยก็จะไม่มีวันสงบสุข เพราะฉะนั้นความโปร่งใสเป็นอีกหนึ่งข้อที่เราสู้เพื่อลูกหลาน ทุกวันนี้ดีใจทีเห็นนักศึกษาลูกหลานเราออกมากันมากแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยวแล้ว อนาคตของชาติเขาเห็นความสำคัญของชาติบ้านเมืองแล้ว
5) ไม่ปล่อยให้นักการเมืองโกงกินชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราถูกความชั่วรุกจนหลังชนกำแพง เราจึงรุกขึ้นมาสู้แล้วมาบอกว่ากูจะไม่ทนกับพวกมึงอีกแล้ว
ฉะนั้นการที่เรามาชุมนุมขับไล่ผู้นำ-รัฐบาลทรราชนับเป็นหน้าที่ของประชาชนจะต้องทำในขั้นสุดท้ายไม่เช่นนั้นบ้านเมืองกลายระบบ-กลายสัญชาติแน่ ยิ่งนานมวลชนจะยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาไม่มีเหน็ดเหนื่อยผนึกกำลังเหนียวแน่นมาร่วมกันร่วมต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองพร้อมสอนให้รู้จักแบ่งแยกชั่วดี ไม่ส่งเสริมคนทำชั่วแม้ว่าจะเป็นเพื่อนก็ตาม ขณะเดียวกันก็ต้องเตือนสติพวกที่มักอ้างความเป็นกลางเลิกดูดาย เราต้องการเพียงแค่ว่า
1.ห้ามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อระบอบทักษิณ เช่นเรื่องยุบพรรค นิรโทษกรรมคมช. คตส. เรื่องสิทธิชุมนุม
2.ดำเนินการทุกอย่างให้ 2ผัว-เมียหนีคดี จับกลับมาเมืองไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยด่วน
3.ห้ามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
4.ห้ามใช้ NBT หรือสื่ออื่นๆ บิดเบือนข้อเท็จจริงใดๆก็ตามในทุกๆเรื่อง รวมทั้งรายการ3เกลอด้วยถอดมันออกจากผังรายการของกรมประชาสัมพันธ์เป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่แค่พปช.ทุเรศ
จะชุมนุมอะไรกันนักหนา...ผมไม่เห็นบ้านเมืองมีปัญหาอะไรเลย...ยืดเยื้อมานาน, งานผมยุ่งจะตาย ผมไม่มีเวลาไปสนใจหรอก, ชุมนุมทำให้รถติด, คนเดือดร้อนไปทั่ว, ไม่จบไม่สิ้น ประท้วงกันอยู่นั่นแหละ ไม่ทำมาหากินกันรึไง, คนที่เสียผลประโยชน์ จะโกรธพันธมิตร พันธมิตรทำให้ธุรกิจของเขาแย่ลง, เรามันน่าโดนด่าจริงๆ ว่ะ..., พวกชุมนุมเค้าแจกเงินทุกคนเหรอ, บริโภคข่าวสารมากไปหรือเปล่าคุณ...ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาสิครับ...ไม่ต้องไปแสดงออกอะไร..ทำงาน ทำหน้าที่การงานของคุณให้ดีที่สุดก็พอ...ไม่ต้องไปหลงเชื่อคำพูดนักการเมืองหรอก......อยู่บ้านหาเลี้ยงครอบครัวให้ดีที่สุดก็พอ...รกสมองเปล่าๆ ถ้าจะมาเครียดเรื่องการเมือง...คนไทยตีกันเอง ไม่รักไม่สามัคคีกัน ความเดือดร้อนแผ่ไปทุกหย่อมหญ้า นี่ไม่ใช่บ้านเมืองแบบที่เราต้องการแน่นอน,
โธ่!...มึงกลัวแค่รถติด แต่มึงไม่กลัวคนโกงชาติเหรอ โกงจนเศรษฐกิจแย่อยู่ตอนนี้...มึงไม่กลัวประเทศจะเป็นสาธารณรัฐเหรอ มึงจะปล่อยให้มันล้มล้างกษัตริย์เหรอ มึงรู้บ้างมั้ย มึงเคยสนใจจะฟังบ้างมั้ย...”
มีคนมากมาย ที่ไม่ชอบแม้ว ไม่ชอบออหมัก ไม่ชอบเย่ดโนโคคาโคล่า ไม่เอาเหล่ ไม่เอาห้อย แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับเราแถมไม่ชอบสีขาวอีกด้วย ... แน้!...อ้อ! แล้วยังหมั่นไส้ประชาธิปัตย์อีกด้วยหล่ะ...คุณพิจิกาสรุปเหตุผลไว้ได้ดังนี้
1.ไม่ชอบแกนนำคนใดคนหนึ่ง หรือบางคน หรือทุกคน เป็นการส่วนตัว
2. เคลือบแคลงใจ ในการลุกขึ้นมาเป็นแกนนำ ของแกนนำ ว่าอาจทำเพื่อ ผลประโยชน์ของตนเอง กลัวตกเป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว
3. ไม่ชอบการเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ เกรงว่าจะทำให้ประชาชนมีอันตราย ถูกลูกกระสุน ลูกน้อยหน่า จากมือที่มองไม่เห็น เมื่อจบสงคราม แกนนำและคนบนเวทีกลายเป็นวีรบุรุษ แต่คนชุมนุมจากทางบ้านๆ กลายเป็นศพ
4. สงสัยว่ามีการจัดชุมนุมเพราะต้องการเพิ่มยอดขายจานรับสัญญาณดาวเทียม ASTV
5. การชุมนุมทำให้รถติด ผู้คนรอบข้างเดือดร้อน ทำให้ประเทศวุ่นวาย ต่างชาติมองไม่ดี ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ
6. เคลือบแคลงว่า ทำไมต้องคอยขับไล่รัฐบาลอยู่ตลอด มันต้องมีคนได้ผลประโยชน์ ใครขึ้นมาไอ้พวกนี้ก็ตั้งเวทีระดมคนมาขับไล่
7. เกรงว่า พันธมิตรจะ เตะหมูเข้าปากหมา อาทิ ทำให้ทหารลุกขึ้นมาไต่ถังอีก หรือ กลัวประชาธิปัตย์จะได้ดี
8. คิดว่าประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังเราการชุมนุมนี้ทำเพื่อให้ประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล
9. ไม่ชอบพันธมิตรบนเวทีหลายคน พูดคำหยาบคาย ปราศรัยเอามัน มาตั้งเวทีด่าคนระดับผู้นำรัฐบาลทำไม
10. เชื่อว่า พวกที่มาชุมนุม ถูกล้างสมองจากสื่อในเครือผู้จัดการ และ ASTV ดังนั้น ตนจึงไม่ยอมรับพันธมิตร เพราะมีสมองของตัวเอง ไม่ยอมถูกล้างสมองเด็ดๆ
11. มีคนที่เกลียดเป็นส่วนตัวดันมาชอบเราเลยไม่ยอมชอบด้วย กลัวไปเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ตัวเองเกลียดมาก่อนแล้ว
12. เชื่อคิดว่าผู้จัดการ และ ASTV ทำหน้าที่เกินเลยความเป็นสื่อมวลชน ซึ่งกลายมาเป็นผู้จัดการการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ทำให้เกิดความไม่ยอมรับ ไม่ว่าจะมีเหตุผลในการขับไล่อย่างไรก็ตาม
13. ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาบางอย่างและวิธีการบางแบบของพันธมิตร ทำให้ไม่ยอมรับทั้งยวง
14. ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมคนบางคนที่ขึ้นไปบนเวทีพันธมิตรเลยเหมารวมไม่ชอบทั้งหมด
15. ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งข้าง ใครโกงใครกินไม่สน ตูขอทำมาหากินให้รอดไปวันๆ เดือนๆ ก็เหนื่อยแล้ว
16. พันธมิตรเรียกร้องไม่สิ้นสุดๆ ขุดประเด็นใหม่ๆ มาเรื่อยๆ เช่นเรื่องเขาพระวิหาร ก็ขุดมาทำไมไม่รู้ มันน่าจะจบๆ ไปแล้วยกให้เขาไปซะศาลโลกก็ตัดสินไปแล้ว คนไทยก็รู้กันทั้งประเทศว่าเป็นของเขมรไปแล้วจะได้ไม่ต้องมีเรื่องกัน
17. หลายๆคนเคยเจ็บปวดกับเรื่องของเมืองไทยมาเยอะแล้วเพื่อนรุ่นพี่ที่เขานับถือเช่นทนายสมชาย ก็ทำเพื่ออุดมการณ์แล้ว ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเพื่อนเธอหลายคนล้มหายตายจากไปอย่างปริศนาก็หลายคน เพราะอุดมการณ์นี่แหละ
18. คนไทยหลายคนจึงมิได้นำพากับสถานการณ์ใดๆ เพราะชีวิตนี้ไม่เคยสนใจอะไรไกลตัวไปกว่าขนตา, ยังไม่เดือดร้อนเพราะยังมีสมบัติ มีเงินใช้อยู่ เงินเดือนไม่ได้ลด ภัยนั้นยังไม่ได้กระทบตนเองโดยตรง หรือไม่ก็
หากติดตามการเคลื่อนไหวของเรามาตั้งแต่ต้นไม่พูดแบบตัดตอนโดยไร้เหตุผลของนักวิชาการและสื่อมวลชนบางคน หลังพรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนมากและได้จัดตั้งรัฐบาลเราได้ประกาศชดเจนในทันทีว่าจะให้โอกาสรัฐบาลในการบริหารประเทศ กระทั่งรัฐบาลได้มีพฤติการณ์เหิมเกริมแทรกแซงและคุกคามสื่อสารมวลชนรัฐบาลใช้อำนาจในการแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ทักษิณพ้นผิด โดยการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำลังดำเนินคดีสำคัญต่อทักษิณ และครอบครัวให้พ้นตำแหน่งอย่างเร่งด่วนและมีการกลั่นแกล้งโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม มีการประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของตัวเอง พฤติกรรมลุแก่อำนาจเช่นนี้แอบแฝงด้วยวาระซ่อนเร้นในการปกป้องระบอบทักษิณอย่างชัดเจนอันเป็นเหตุทำให้เกิดวิกฤตของบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ แม้ว่าเราจะชุมนุมมากกว่า 160 วันแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้เงื่อนไขเหล่านั้นหายไปแถมระหว่างทางของการชุมนุมรัฐบาลก็ทำผิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ -- กรณีเขาพระวิหาร -- การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจักรภพ เพ็ญแข -- ผลประโยชน์ทับซ้อนของนายสมัคร สุนทรเวช เป้าประสงค์ที่แท้จริงของการชุมนุมของเราไม่เคยเปลี่ยนเลยในความพยายามของนักวิชาการและสื่อมวลชนที่อิงแอบอยู่กับระบอบทักษิณแต่ใช้วิชาชีพบังหน้าเท่านั้นที่อ้างว่าเราเปลี่ยนเงื่อนไขการชุมนุมไปเรื่อยๆ โดยหยิบฉวยเอาประเด็นที่เกิดขึ้นรายทางมาเป็นข้ออ้าง เราต้องการให้เกิดรปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อที่กล่าวมาแล้วเท่านั้นและเราก็ยังยืนยันคงอยู่จนถึงวันนี้ ถ้าเราไม่ออกมาเคลื่อนไหวในวันนั้นวันนี้คดีต่างๆ ของทักษิณก็คงจบไปหมดแล้ว ทักษิณจะพ้นความผิดเพราะกฎหมายไม่อาจเงื้อมมือไปถึงตัวทักษิณ เพราะความผิดต่างๆ ถูกกระบวนการประชาธิปไตยในสภาฯ ทำให้ความผิดละลายไปหมดสิ้นและไม่ถูกพิจารณาความผิดด้วยหลักการของกฎหมาย
นอกเหนือจากการชุมนุมขับไล่รัฐบาลพร้อมกับการเปิดโปงความชั่วช้าต่างๆ เราจึงได้เสนอทางออกด้วยการระดมความคิด เพื่อสร้างรูปธรรมต่อสิ่งที่เรียกว่า “การเมืองใหม่” ที่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ขับไล่อย่างเดียว แต่ชี้ทางออกให้ด้วย เวลาช่วงนี้เราก็ขุดคุ้ยเรื่องคอรัปชั่นออกมาอีกเรื่อยๆพร้อมๆ ไปกับการแจกแจงข้อดีข้อเสียชี้แจงและทบทวนแนวคิดการเมืองใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดีแล้วในระดับหนึ่งแต่ก็คงต้องให้ชัดเจนกว่านี้เพื่อไม่เป็น'ขี้ปาก'ให้แกนนำพรรคพลังประชาชน คณะรัฐมนตรีลูกกรอก 'บัตรเติมเงิน' แนวร่วมนรกป่วนกรุง นักวิชาการหัวสี่เหลี่ยม และ 'เป็นกลางจำแลง' บิดเบือน เบี่ยงเบน จะชุมนุมต่อหรือไม่ มันก็ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหายไปมากกว่านี้หรอกเพราะจริงๆแล้วคนที่จะทำบ้านเมืองให้เสียหายเป็นพวกนักการเมืองขี้ฉ้อทั้งหลายนี่ตะหาก
สื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง สวมวิญญาณ “ดาวสยามยุคใหม่” ว่า การรวมพลังของคนจำนวนมากที่เสียสละตัวเองออกมาชุมนุมเป็นร้อยๆ วันนั้นเป็นอุดมการณ์ของความชั่วร้าย พวกเขาพยายามยัดเยียดคนที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต แขนขาดขาขาดว่า เป็นอาชญากรยัดระเบิดใส่มือของจิตรกรที่มีอุดมการณ์ต่างกับตัวเอง มันเออออกับตำรวจที่บอกว่าคนตายพกระเบิดมาเองหรืออ้างว่าเราทำให้ปลาในทำเนียบฯ ตาย สนามหญ้าทำเนียบฯ เสียหาย เกิดกองขยะเน่าเหม็น เมื่อมีเหตุรุนแรงในต่างที่ต่างเวลาเราถามว่าใครคือฝ่ายที่ก่อความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นที่เชียงราย มหาสารคาม บุรีรัมย์ สกลนคร และที่กรุงเทพฯ พวกเขาพูดแบบตัดตอนว่า เราใช้ด้ามธงแทงตำรวจ ขับรถชนตำรวจ ทั้งที่การกระทำนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ตำรวจใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมแขนขาขาด และเสียชีวิต สื่อมวลชนบอกว่า เรามีปืนเพราะยิงสู้กับวัยรุ่นที่ขับรถพุ่งเข้ามาชน แสดงว่ามีอาวุธและไม่ได้สันติ อหิงสา แต่สื่อมวลชนจำนวนหนึ่งแบบดาวสยามยุคใหม่ไม่พูดว่าก่อนหน้านั้นสองวันมีคนเอาระเบิดมาขว้างใส่เราปางตายไปหลายคน พวกเขาไม่ประณามคนกระทำแต่เขาประณามเราที่ถูกกระทำซึ่งไม่สามารถพึ่งหาตำรวจได้และพยายามป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ เพราะตำรวจได้ปล่อยให้ นปก.ไล่ตีเราหัวร้างข้างแตกมาตั้งแต่ชุมนุมวันแรก เราที่ถูกฝ่ายรัฐบาลกระทืบปางตายที่อุดรธานีจะถูกตำรวจแจ้งข้อหาเป็นจำเลยได้อย่างไร
นักวิชาการบางคนก็เกิดมาบนกองเงินกองทอง ใช้ชีวิตบนหอคอยงาช้าง ไม่เคยลำบาก ตั้งแต่เด็กแต่เล็กก็เรียนโรงเรียนดี ๆ ปิดเทอมไปซัมเมอร์ต่างประเทศ สอบเข้าคณะดี ๆ เรียนจบแล้วไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยดี ๆ จนจบด๊อกเตอร์ มีแนวคิดแบบอุดมคติ คนพวกนี้คงลืมไปว่าวิธีการในกรอบกติกามารยาทมันใช้ไม่ได้กับคนแบบแม้ว ๆ หมัก ๆ นักวิชาการอยากได้เงินมาทำวิจัยเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นหากออกมาสู้ร่วมอุดมการณ์กับเราก็จะทำให้เขาจะทำให้เสียรายได้และสูญเสียตำแหน่งที่จะได้ในอนาคต คนเกลียดพันธมิตรเปิดตัวได้โจ่งแจ้ง กระทำกับเราต่างๆนานาด่าเราได้โจ่งแจ้ง เราต้องสามารถถ่ายทอดทาง ASTV ที่ต้องมีจานรับดาวเทียม อินเตอร์เน็ทหรือเคเบิ้ลเท่านั้นที่จะดูได้ บางที่มันก็ตัดสัญญาณ ทั้งๆที่มีจานดูยังภาพหาย เสียงหาย กระตุกๆ แต่มันใส่ร้ายบิดเบือนข่าวเราออกอากาศทาง NBT โทรทัศน์แห่งชาติแม้วได้อย่างโจ่งแจ้ง
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เราต้องถอยหรือต้องเลิกชุมนุมแต่อาจเปลี่ยนวิธีต่อสู้ตามสถานการณ์เพื่อยังรักษามวลชนจำนวนมากไว้อยู่ สร้างแนวร่วมที่มีอยู่ให้มั่นคงในแนวทางการเมืองให้ได้ เราอยู่ได้เพราะประชาชนสนับสนุนโดยสมัครใจและที่สำคัญสนับสนุนแบบมีสติ เราไม่มีอำนาจรัฐที่จะบังคับหรือให้คุณให้โทษใครๆได้ เราถอยไม่ได้โดยเด็ดขาดเพราะประชาชนเริ่มที่ตื่นตัวแล้วจากร้อยเป็นพันเป็นแสนเป็นล้านได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของนัการเมืองที่ทำกับประเทศจะไม่มีทางที่จะกลับไปเฉยๆต่างก็รู้สึกได้ว่าไม่ชนะไม่เลิกอันเป็นความรู้สึกจริงๆของผู้ชุมนุม ถ้าถอยหมายถึงแพ้ในเชิงสัญลักษณ์แล้วจะโดนฝั่งตรงกันข้ามรุกกลับอย่างหนักเพื่อทำลายมวลชน ทำลายความชอบธรรมต่างๆนาๆ มวลชนจะยิ่งร่อยหรอ หมดหวังสิ้นหวังในการกู้ชาติบ้านเมืองลงไปเรื่อย สุดท้ายก็คือจบไปเลย อย่าหวังว่าจะให้ใครมากู้ชาติแทนเราอีก ยกประเทศให้ระบอบทักษิณไปเลยแล้วจึงจะได้เห็นระบอบทักษิณปล้นบ้านปล้นเมืองล้มล้างสถาบันต่างๆ แล้วพวกเป็นกลางทั้งหลายที่ไม่ชอบทักษิณแต่ไม่เอาพันธมิตรก็ได้แต่ด่านักการเมืองไปวันๆ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะนักการเมืองมันหน้าด้านเหนือมนุษย์ เพราะว่าพวกนักการเมืองชั่วยังไม่ยอมเลิกชั่วรัฐบาลทรราชเจ้าเล่ห์ เพทุบาย หลอกลวง เปลี่ยนแปลงยุทธวิธี เปลี่ยนหน้าชน เปลี่ยนเงื่อนไข บ่อนทำลายในที่ลับ ล้วงเงินท้องพระคลังอย่างด้านๆไร้จิตสำนึกทั้งๆที่มีพระราชดำรัสให้คนทั้งประเทศได้ยินมาแล้ว ทำสงครามจิตวิทยามวลชน แสร้งเป็นนกพิราบ เผลอเมื่อไหร่ก็กางปีกเหยี่ยวถลาโฉบไปแล้ว นักการเมืองก็ได้แต่เล่นเกมต่างๆซื้อเวลาเพื่อต่อรองผลประโยชน์ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณเตี้ยสั้นและคุณไดโนเสาร์ก็ยังมีน้ำหน้ามาต่อรองกระทรวงเกรดเอยามบ้านเมืองใกล้วิบัติอีกคนพวกนี้ไม่มีจิตสำนึกในการบริหารชาติบ้านเมืองเลย วันนี้ทุกวันนี้ ส.ส.1 คน ลงเลือกตั้งต้องใช้ 20-30 ล้านบาท ในการซื้อเสียง คนสติดีที่ไหนจะกล้าลงทุนด้วยเงินพ่อแม่ตัวเอง 20-30 ล้าน เพื่อให้ตัวเองเป็น ส.ส.แล้วมารับเงินดือน ส.ส.เดือนละแสน ในเมื่อการเมืองของไทยคือการลงทุนเพื่อจ้างคนมาลงเลือกตั้ง จ้างให้ยกมือ แล้วคนพวกนี้ก็มานั่งท่องนะโมตัสสะแล้วก็บอกว่าผมมาจากการเลือกตั้ง ใครถือหุ้นใหญ่ก็เป็นเจ้าของพรรคการเมือง 300 เสียง ลงทุนไป 9 พันล้านบาท ยกมือ 300 เสียงในสภา ชนะทุกเรื่อง ทำได้ทุกเรื่อง แม้แต่ขายประเทศไทยออกไป ก็ไม่สมควรให้เข้ามาข้องแวะกับการเมืองไทยอีกต่อไป ระบอบประชาธิปไตยแบบพรรคพลังประชาชนยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก การเมืองเป็นแค่เรื่องของนักการเมือง ของ ส.ส. ของ รมต. เท่านั้นหรือ
ในที่สุดคนที่บอกว่าเป็นกลางก็ปรากฎตัวออกมาเคลื่อนไหวถี่ยิบขึ้นทั้งในนามของ “สานเสวนา” และ “สันติวิธี” ออกมาทั้งในภาพของสื่อสารมวลชน ผู้ปรารถนาดีต่อสังคมและนักวิชาการ คนพวกนี้จึงไม่เขอะเขินที่จะเข้าไปไปคุยกับฆาตกรที่เพิ่งสั่งฆ่าประชาชนและพออกพอใจที่ฆาตกรสวมเสื้อที่เขียนว่า “ยุติความรุนแรง” แล้วก็ด่าพันธมิตรแต่ไม่ยอมด่าคนที่ปล้นชาติขายแผ่นดิน ไม่ยอมแตะระบอบทักษิณ กระทั่งระดับมหาเศรษฐีแสนล้านยังเคยไม่สนับสนุนให้กระบวนการต่างๆของพันธมิตรแถมยังฝากต่อว่ามาว่าไปต่อสู้กับเขาทำไมอยู่เฉยๆ ก็ได้เงิน ก็มีกิน !?!? หากทุกคนในประเทศคิดแบบนี้แล้วปล่อยให้กลุ่มคนมาปู้ยี้ปู้ยำประเทศชาติและสถาบันอันเป็นที่รักแล้วเราจะเหลือประเทศไทยอันอุดมสมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนไว้หรือ นี่หรือความเป็นกลางแต่มันเป็นกลางแบบจอมปลอมทั้งนั้น ทักษิณกับเมียโกงภาษี โกงที่ดินรัชดา และยังมีเรื่องที่สารพัดโกงอีกมากมาย รวมทั้งการซื้อเสียงที่กำลังจะโดนใบแดงอยู่ อีกทั้งทำให้ไทยเสียอธิปไตยเหนือดินแดนกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นการขายชาติ ทำไมมันไม่ด่าไม่พูดถึง นี่หรือที่บอกว่าเป็นกลาง เพื่อบั่นทอนและทำลายการเคลื่อนไหวของเราพอเราออกมาตอบโต้ ก็จะเกิดขบวนการกล่าวหาว่า เราไม่รับฟังความเห็นต่าง และทำลายแนวร่วม ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ ถ้าจะไถลไปใช้ศาสนาพุทธมาเป็นเครื่องตัดสิน การวางตัวอุเบกขาก็ไม่ใช่เวลานี้นี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง แล้วการวางตัวเป็นกลางคุณคิดได้อย่างไรว่า การที่คนมาประท้วง เขาทำให้บ้านเมืองวุ่นวายหรือ นอกจากโฆษณาชวนเชื่อของกระบอกเสียงรัฐ และเหตุที่ออกมาประท้วงก็เพราะกระบอกเสียงของ เอเอสทีวี หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ คุณต้องใช้วิจารญาณว่าฝ่ายไหนที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง คุณกำลังใช้กระทู้โฆษณาว่า คนเป็นกลางเป็นคนที่มีอิสระแต่คุณไม่ใช้ความเป็นอิสระให้ถูกวิธีซึ่งเก็บไว้ใช้กับเรื่องประเทศชาติไม่ได้ สมมติว่ามีโจรมาปล้นบ้านแต่คุณอยู่ข้างบ้านที่ถูกโจรปล้นคุณจะทำอย่างไรอยู่เฉยๆ เพราะไม่ต้องการยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ คนที่บอกว่าเป็นกลางคุณจะใช้เหตุผลอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะไม่ว่าแต่อย่าทำตัวเป็นอีแอบ พอฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะก็เอาดอกไม้ไปให้แล้วบอกว่าผมให้กำลังใจมาตลอด ได้โปรดอย่ามาทำตัวเป็นกลางเอากับเรื่องประเทศชาติ ถามว่าเราสู้เพื่อไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง พวกเราเห็นด้วยหรือไม่ คนพวกนี้ก็ตอบว่าเห็นด้วย ถามว่า สู้เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองเกิดการโปร่งใส และสู้เพื่อให้ถูกต้องเป็นถูก ผิดต้องเป็นผิด เห็นด้วยหรือไม่ เราสู้เพื่อคุณงามความดี เราสู้กับความชั่วเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าบอกว่าเห็นด้วย แล้วแบบนั้นยังจะเป็นกลางได้อย่างไร สังเกตุได้ชัดเจนพวกที่บอกว่าเป็นกลางจะไม่ชอบรัฐบาลและเบื่อพันธมิตรซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นคนพวกที่ไม่สนใจเรื่องการเมือง หรือแทบไม่รู้เรื่องการเมือง พอใครบอกอะไรก็รับข้อมูลด้านเดียวหรือถูกบิดเบือนมาแล้ว เราอย่าไปว่าเขาแต่ควรให้ความรู้แก่เขา คุณเป็นกลาง ไม่อยากฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่คุณรู้เรื่องการเมืองดีแค่ไหน ไม่อยากให้คุณประนามฝ่ายใดก่อนที่คุณจะได้เข้าไปศึกษาข้อมูลก่อน วันนี้สังคมเราถ้าพูดกันจริงๆแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลือกข้าง จริงที่คุณว่าเรามีสถาบันที่เราเคารพรักสถาบันเดียวกัน แต่ในเมื่อสถาบันที่เราเคารพรัก กำลังถูกฝ่าย นปก ลิ่วล้อหน้าเหลี่ยมกำลังจ้องทำลายคุณยังจะให้พวกเราอยู่เฉยเป็นกลางอีกหรือ เวลานี้เราไม่ได้รบเพียงเพื่อคคนสองคนแต่เราทำกับกับเขาก็เพื่อชาติ ศาสน์ และประมุขของเรา อย่าบอกว่าคุณไม่รู้เรื่องที่เขาหมิ่นสถาบันและจ้องล้มสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราแล้วอย่ามาบอกว่าเราฟังความข้างเดียว เพราะเราได้ศึกษาข้อมูลและติดตามพฤติกรรมของนักการเมืองและการกระทำทุกๆอย่างของนักการเมืองเหล่านี้ที่มุ่งแต่ทำลายชาติและนี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องเลือกข้าง เป็นกลางอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าคุณและอีกหลายๆคนคิดว่าเรื่องชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ธุระของคุณ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว ก็เชิญเป็นกลางตามอัธยาศัยเลย ไม่มีใครว่าคุณผิดหรอกถ้าคิดว่าทำถูกแล้วก็จงทำในสิ่งที่คุณคิด แต่อยากบอกให้คุณไปหาข้อมูลให้รู้ความเป็นจริงว่าวันนี้ บ้านเมืองเราที่วุ่นวายต้นเหตุที่แท้จริงมันเกิดจากอะไรมากกว่า
หลังจากที่ตำรวจใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมแขนขาขาดและเมื่อมีพันธมิตรเสียชีวิต พระราชินีได้เสด็จมาพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เอง แค่นี้ก็แน่ใจที่สุดแล้ว พระองค์ท่านยังบอกด้วยว่า "พันธมิตรเป็นผู้เสียสละ ช่วยรักษาสถาบัน" ปรากฏว่า มีความพยายามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน ในเวปฟ้าเดียวกันมีโพสต์ทำนองว่า "เคยสนับสนุนความคิดของพันธมิตรแต่พอมือที่มองไม่เห็นเปิดเผยตัวก็บอกตามตรงช็อคบอกว่าผมไม่ขอเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเจ๊แกหรอกเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับเจ๊แกตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ข่าวในทางลบแค่เพียงเพราะอยากจะทำตามใจลูกชายที่ไม่เอาไหนถึงกับเอาชีวิตของประชาชนมาเป็นเครื่องมือ" หรือ นำพระบรมฉายาลักษณ์ไปทำเป็นโลโก้เครื่องดื่มขึ้นหน้าปก หรือ การที่คนในประชาไท เปรียบเทียบ สถาบัน ฯด้วยคำหยาบคาย เวลานี้มีเวปต่างๆที่ต้องปิดๆเปิดๆเปลี่ยนชื่อตามสถานการณ์ไม่ให้เป็นเป้านิ่งของกองทัพฯที่คอยตรวจสอบเวปหมิ่นฯอยู่มีคนโพสต์ข้อความในลักษณะปลาร้าเก่าในไหใหม่ได้ใช้คำขวัญ' เสรีทางความคิด ต้านวิกฤติเผด็จการ สร้างบรรทัดฐานให้การเมืองไทย' ใช้ภาษา สำนวนโวหาร เปรียบเปรย ล้อเลียน จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราบางคนอาจจะพูดเป็น'นัย' หรือใช้ 'สัญลักษณ์' โดยหลีกเลี่ยงจะพูดถึงตรง ๆ.... นามแฝงเก่าและใหม่เหล่านี้อาจจะไม่ศรัทธาในสถาบันฯ โดยส่วนตัวหรือถูกจ้างวานหรือเป็นบริวารให้แสดงพฤติกรรมดังกล่าวก็ได้ ทว่าถึงปัจจุบันการดำเนินการจัดการของรัฐบาลก็เป็นไปอย่างล่าช้า
เป็นกลางระหว่าง ความดี กับ ความชั่ว
เป็นกลางระหว่าง คนดี กับ คนเลว
เป็นกลางระหว่าง ธรรมะ กับ อะธรรม
เป็นกลางระหว่าง ความจริง กับ ความเท็จ
เป็นกลางระหว่าง ความถูก กับ ความผิด
เป็นกลางระหว่าง สีขาว กับ สีดำ
หรือการต่อสู้ของประชาชนบนเส้นทางประชาธิปไตยมันไมมีวันเกิดขึ้นได้จริง เพราะเราไม่เคยเห็นว่าการต่อสู้ในภาคประชาชนมีจริงแต่เมื่อเราแค่ได้มีคนมาแนะนำให้ใส่ใจกับการเมืองกับความเป็นไปของบ้านเมืองแม้ไม่เห็นด้วย และแคลงใจ กับบางคนที่ขึ้นปราศัยนั่นมันแค่เหตุผลเล็กๆน้อยๆที่มาขัดหูขัดตา ในการต่อสู้ของพันธมิตรมีคนหลายร้อยเสียสละอยู่เงียบๆ ไม่เคยออกมาเรียกร้อง ไม่เคยคิดจะต่อว่า และยังเป็นแรงหนุนอยู่เงียบๆ หลายคนที่ยังไม่นิ่งดูดายบริจาคแม้กระทั่งเงินหรือสิ่งของ...หรือไปให้กำลังใจพันธมิตร คนที่ทำงานกับ ASTV และเครือผู้จัดการ ที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมากว่า 5 ปีแล้ว เงินเดือนก็ออกช้า หลายคนทนไม่ได้ก็ต้องออกไป หลายคนอยู่เพราะร่วมสู้ คนหนึ่งเงินไม่ออกเลยต้องไปกู้เงินนอกระบบ ใช้คืนไม่ทันก็โดนถูกซ้อม พวกเขาเป็นแนวร่วมที่เสียผลประโยชน์เห็นๆ เสียผลประโยชน์กว่าการจะถูกยุบพรรค เพราะเสียแบบนี้สำหรับคนตัวเล็กๆ คือการไม่มีรายรับตรงเวลา แต่รายจ่ายตรงเวลา ค่าเช่า(ผ่อน)บ้าน, น้ำ,ไฟ,ผ่อนรถ,ค่ากินรายวัน เรียกว่าเสียจนไม่มีจะแด๊กซ์ฯลฯ ลำบากกว่านักการเมืองถูกยุบพรรคหรือไม่ทำตามกฎหมายแน่ๆ คนบ้านเลขที่ ๑๑๑ ทั้งหมดนั้นก็ใช่ว่านักการเมืองคนไหนอยู่ในจำนวนนี้แล้วจะเป็น "นักการเมืองเลว" ไปเสียทุกคน แต่จากบทบาทของนายจาตุรนต์ซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๑๑ คนนั้น คุณรู้มั้ย..การกระทำที่นึกว่าโก้ทำเป็นฮีโร่โชว์นายนั้นเป็นการวางบิลแต่ก็ได้ จ่อรอตำแหน่งนายกฯก็ได้ เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจด้วยไร้วุฒิภาวะในตัวอ๋อยเอง ทำให้คนอื่นๆ ในบ้านเลขที่ ๑๑๑ หลายๆ คนเขาตกอยู่ในสภาพ "ปลาร่วมข้อง" ที่ต้องหมองไปด้วยเท่านั้น กับคนบางคนควรค่าแก่คำหยาบคายเท่านั้นหรือ กับคนบางคนฟังวาจาสุภาพไม่กระแทกรูหู มันหนาจนไม่สะดุ้งหรือ หลายต่อหลายครั้งที่เวทีกล่าวคำหยาบอย่างอดไม่ไหวได้โอกาสที่หลากหลายองคาพยพในสังคมไทยพากันติติงถึงคำหยาบบาดใจบาดหูบนเวทีพันธมิตร สื่อที่ตั้งหน้าตั้งตารายงานข่าวด้านลบของพันธมิตร หยิบเอาประเด็นคำหยาบมาโจมตี เอาไมค์ไปจ่อปากนักศึกษาให้มาช่วยกันตำหนิ โจมตี ถากถาง แก้ตัว ข่มขู่ ก็เอาเรื่องคำหยาบมาต่อว่า ราวกับตนไม่เคยพูดคำหยาบเหมือนเอาเรื่องเยี่ยวเด็กทารกมารดกลบขี้กองใหญ่จากบ่อส้วมแตกที่มีความเหม็นมันแตกต่างกันชัดเจน
อยากให้เราเลิกก็ต้องไปบอกพวกนักการเมืองชั่วให้เลิกทำชั่วมันก็แค่นั้นเองง่ายๆเพราะไม่อย่างนั้นที่ประท้วงมาไม่มีความหมายแล้วกลับไปเจอเลือกตั้งแบบเก่าๆ สามัญสำนึกแบบเดิมๆ พอที เราต้องการ CHANGE, We need
1) เฝ้าติดตามผลของการใช้อำนาจตุลาการผ่านกระบวนการยุติธรรมอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง
2) อยากเห็นชาติบ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรมเอาแผ่นดินคืนให้ลูกหลานให้เราได้อยู่บนผืนแผ่นดินนี้อย่างมีความสุข
3) เรื่องความผิดชอบชั่วดี ถ้ามันผิดแล้วสังคมบอกว่ามันถูกแบบนั้นเป็นสังคมที่ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีศีลธรรม สังคมใดที่ไม่สามารถแบ่งแยกความชั่วความดีได้ สังคมนั้นเป็นสังคมเดรัจฉาน การที่เรารักเพื่อนเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้าเพื่อนเราไปทำชั่วเราก็จำต้องต้องยืนหยัดบนพื้นฐานของความดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เราจะต้องไม่ปล่อยให้นักการเมืองที่ทำชั่วซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยที่เรายังนั่งดูดายลักษณะนี้
4) สร้างสรรค์สังคมให้โปร่งใส ถ้าเราอยู่ในสังคมที่มืดบอดแล้วลูกหลานจะรู้สึกอย่างไร สังคมไทยก็จะไม่มีวันสงบสุข เพราะฉะนั้นความโปร่งใสเป็นอีกหนึ่งข้อที่เราสู้เพื่อลูกหลาน ทุกวันนี้ดีใจทีเห็นนักศึกษาลูกหลานเราออกมากันมากแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยวแล้ว อนาคตของชาติเขาเห็นความสำคัญของชาติบ้านเมืองแล้ว
5) ไม่ปล่อยให้นักการเมืองโกงกินชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราถูกความชั่วรุกจนหลังชนกำแพง เราจึงรุกขึ้นมาสู้แล้วมาบอกว่ากูจะไม่ทนกับพวกมึงอีกแล้ว
ฉะนั้นการที่เรามาชุมนุมขับไล่ผู้นำ-รัฐบาลทรราชนับเป็นหน้าที่ของประชาชนจะต้องทำในขั้นสุดท้ายไม่เช่นนั้นบ้านเมืองกลายระบบ-กลายสัญชาติแน่ ยิ่งนานมวลชนจะยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาไม่มีเหน็ดเหนื่อยผนึกกำลังเหนียวแน่นมาร่วมกันร่วมต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองพร้อมสอนให้รู้จักแบ่งแยกชั่วดี ไม่ส่งเสริมคนทำชั่วแม้ว่าจะเป็นเพื่อนก็ตาม ขณะเดียวกันก็ต้องเตือนสติพวกที่มักอ้างความเป็นกลางเลิกดูดาย เราต้องการเพียงแค่ว่า
1.ห้ามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อระบอบทักษิณ เช่นเรื่องยุบพรรค นิรโทษกรรมคมช. คตส. เรื่องสิทธิชุมนุม
2.ดำเนินการทุกอย่างให้ 2ผัว-เมียหนีคดี จับกลับมาเมืองไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยด่วน
3.ห้ามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
4.ห้ามใช้ NBT หรือสื่ออื่นๆ บิดเบือนข้อเท็จจริงใดๆก็ตามในทุกๆเรื่อง รวมทั้งรายการ3เกลอด้วยถอดมันออกจากผังรายการของกรมประชาสัมพันธ์เป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่แค่พปช.ทุเรศ
จะชุมนุมอะไรกันนักหนา...ผมไม่เห็นบ้านเมืองมีปัญหาอะไรเลย...ยืดเยื้อมานาน, งานผมยุ่งจะตาย ผมไม่มีเวลาไปสนใจหรอก, ชุมนุมทำให้รถติด, คนเดือดร้อนไปทั่ว, ไม่จบไม่สิ้น ประท้วงกันอยู่นั่นแหละ ไม่ทำมาหากินกันรึไง, คนที่เสียผลประโยชน์ จะโกรธพันธมิตร พันธมิตรทำให้ธุรกิจของเขาแย่ลง, เรามันน่าโดนด่าจริงๆ ว่ะ..., พวกชุมนุมเค้าแจกเงินทุกคนเหรอ, บริโภคข่าวสารมากไปหรือเปล่าคุณ...ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาสิครับ...ไม่ต้องไปแสดงออกอะไร..ทำงาน ทำหน้าที่การงานของคุณให้ดีที่สุดก็พอ...ไม่ต้องไปหลงเชื่อคำพูดนักการเมืองหรอก......อยู่บ้านหาเลี้ยงครอบครัวให้ดีที่สุดก็พอ...รกสมองเปล่าๆ ถ้าจะมาเครียดเรื่องการเมือง...คนไทยตีกันเอง ไม่รักไม่สามัคคีกัน ความเดือดร้อนแผ่ไปทุกหย่อมหญ้า นี่ไม่ใช่บ้านเมืองแบบที่เราต้องการแน่นอน,
โธ่!...มึงกลัวแค่รถติด แต่มึงไม่กลัวคนโกงชาติเหรอ โกงจนเศรษฐกิจแย่อยู่ตอนนี้...มึงไม่กลัวประเทศจะเป็นสาธารณรัฐเหรอ มึงจะปล่อยให้มันล้มล้างกษัตริย์เหรอ มึงรู้บ้างมั้ย มึงเคยสนใจจะฟังบ้างมั้ย...”
มีคนมากมาย ที่ไม่ชอบแม้ว ไม่ชอบออหมัก ไม่ชอบเย่ดโนโคคาโคล่า ไม่เอาเหล่ ไม่เอาห้อย แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับเราแถมไม่ชอบสีขาวอีกด้วย ... แน้!...อ้อ! แล้วยังหมั่นไส้ประชาธิปัตย์อีกด้วยหล่ะ...คุณพิจิกาสรุปเหตุผลไว้ได้ดังนี้
1.ไม่ชอบแกนนำคนใดคนหนึ่ง หรือบางคน หรือทุกคน เป็นการส่วนตัว
2. เคลือบแคลงใจ ในการลุกขึ้นมาเป็นแกนนำ ของแกนนำ ว่าอาจทำเพื่อ ผลประโยชน์ของตนเอง กลัวตกเป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว
3. ไม่ชอบการเคลื่อนไหวในรูปแบบนี้ เกรงว่าจะทำให้ประชาชนมีอันตราย ถูกลูกกระสุน ลูกน้อยหน่า จากมือที่มองไม่เห็น เมื่อจบสงคราม แกนนำและคนบนเวทีกลายเป็นวีรบุรุษ แต่คนชุมนุมจากทางบ้านๆ กลายเป็นศพ
4. สงสัยว่ามีการจัดชุมนุมเพราะต้องการเพิ่มยอดขายจานรับสัญญาณดาวเทียม ASTV
5. การชุมนุมทำให้รถติด ผู้คนรอบข้างเดือดร้อน ทำให้ประเทศวุ่นวาย ต่างชาติมองไม่ดี ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ
6. เคลือบแคลงว่า ทำไมต้องคอยขับไล่รัฐบาลอยู่ตลอด มันต้องมีคนได้ผลประโยชน์ ใครขึ้นมาไอ้พวกนี้ก็ตั้งเวทีระดมคนมาขับไล่
7. เกรงว่า พันธมิตรจะ เตะหมูเข้าปากหมา อาทิ ทำให้ทหารลุกขึ้นมาไต่ถังอีก หรือ กลัวประชาธิปัตย์จะได้ดี
8. คิดว่าประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังเราการชุมนุมนี้ทำเพื่อให้ประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล
9. ไม่ชอบพันธมิตรบนเวทีหลายคน พูดคำหยาบคาย ปราศรัยเอามัน มาตั้งเวทีด่าคนระดับผู้นำรัฐบาลทำไม
10. เชื่อว่า พวกที่มาชุมนุม ถูกล้างสมองจากสื่อในเครือผู้จัดการ และ ASTV ดังนั้น ตนจึงไม่ยอมรับพันธมิตร เพราะมีสมองของตัวเอง ไม่ยอมถูกล้างสมองเด็ดๆ
11. มีคนที่เกลียดเป็นส่วนตัวดันมาชอบเราเลยไม่ยอมชอบด้วย กลัวไปเป็นพวกเดียวกันกับคนที่ตัวเองเกลียดมาก่อนแล้ว
12. เชื่อคิดว่าผู้จัดการ และ ASTV ทำหน้าที่เกินเลยความเป็นสื่อมวลชน ซึ่งกลายมาเป็นผู้จัดการการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ทำให้เกิดความไม่ยอมรับ ไม่ว่าจะมีเหตุผลในการขับไล่อย่างไรก็ตาม
13. ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาบางอย่างและวิธีการบางแบบของพันธมิตร ทำให้ไม่ยอมรับทั้งยวง
14. ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมคนบางคนที่ขึ้นไปบนเวทีพันธมิตรเลยเหมารวมไม่ชอบทั้งหมด
15. ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง ไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งข้าง ใครโกงใครกินไม่สน ตูขอทำมาหากินให้รอดไปวันๆ เดือนๆ ก็เหนื่อยแล้ว
16. พันธมิตรเรียกร้องไม่สิ้นสุดๆ ขุดประเด็นใหม่ๆ มาเรื่อยๆ เช่นเรื่องเขาพระวิหาร ก็ขุดมาทำไมไม่รู้ มันน่าจะจบๆ ไปแล้วยกให้เขาไปซะศาลโลกก็ตัดสินไปแล้ว คนไทยก็รู้กันทั้งประเทศว่าเป็นของเขมรไปแล้วจะได้ไม่ต้องมีเรื่องกัน
17. หลายๆคนเคยเจ็บปวดกับเรื่องของเมืองไทยมาเยอะแล้วเพื่อนรุ่นพี่ที่เขานับถือเช่นทนายสมชาย ก็ทำเพื่ออุดมการณ์แล้ว ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมาเพื่อนเธอหลายคนล้มหายตายจากไปอย่างปริศนาก็หลายคน เพราะอุดมการณ์นี่แหละ
18. คนไทยหลายคนจึงมิได้นำพากับสถานการณ์ใดๆ เพราะชีวิตนี้ไม่เคยสนใจอะไรไกลตัวไปกว่าขนตา, ยังไม่เดือดร้อนเพราะยังมีสมบัติ มีเงินใช้อยู่ เงินเดือนไม่ได้ลด ภัยนั้นยังไม่ได้กระทบตนเองโดยตรง หรือไม่ก็
หากติดตามการเคลื่อนไหวของเรามาตั้งแต่ต้นไม่พูดแบบตัดตอนโดยไร้เหตุผลของนักวิชาการและสื่อมวลชนบางคน หลังพรรคพลังประชาชนได้รับการเลือกตั้งด้วยเสียงส่วนมากและได้จัดตั้งรัฐบาลเราได้ประกาศชดเจนในทันทีว่าจะให้โอกาสรัฐบาลในการบริหารประเทศ กระทั่งรัฐบาลได้มีพฤติการณ์เหิมเกริมแทรกแซงและคุกคามสื่อสารมวลชนรัฐบาลใช้อำนาจในการแทรกแซงและตัดตอนกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ทักษิณพ้นผิด โดยการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำลังดำเนินคดีสำคัญต่อทักษิณ และครอบครัวให้พ้นตำแหน่งอย่างเร่งด่วนและมีการกลั่นแกล้งโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม มีการประกาศจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อฟอกความผิดของตัวเอง พฤติกรรมลุแก่อำนาจเช่นนี้แอบแฝงด้วยวาระซ่อนเร้นในการปกป้องระบอบทักษิณอย่างชัดเจนอันเป็นเหตุทำให้เกิดวิกฤตของบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ แม้ว่าเราจะชุมนุมมากกว่า 160 วันแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้เงื่อนไขเหล่านั้นหายไปแถมระหว่างทางของการชุมนุมรัฐบาลก็ทำผิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ -- กรณีเขาพระวิหาร -- การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจักรภพ เพ็ญแข -- ผลประโยชน์ทับซ้อนของนายสมัคร สุนทรเวช เป้าประสงค์ที่แท้จริงของการชุมนุมของเราไม่เคยเปลี่ยนเลยในความพยายามของนักวิชาการและสื่อมวลชนที่อิงแอบอยู่กับระบอบทักษิณแต่ใช้วิชาชีพบังหน้าเท่านั้นที่อ้างว่าเราเปลี่ยนเงื่อนไขการชุมนุมไปเรื่อยๆ โดยหยิบฉวยเอาประเด็นที่เกิดขึ้นรายทางมาเป็นข้ออ้าง เราต้องการให้เกิดรปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อที่กล่าวมาแล้วเท่านั้นและเราก็ยังยืนยันคงอยู่จนถึงวันนี้ ถ้าเราไม่ออกมาเคลื่อนไหวในวันนั้นวันนี้คดีต่างๆ ของทักษิณก็คงจบไปหมดแล้ว ทักษิณจะพ้นความผิดเพราะกฎหมายไม่อาจเงื้อมมือไปถึงตัวทักษิณ เพราะความผิดต่างๆ ถูกกระบวนการประชาธิปไตยในสภาฯ ทำให้ความผิดละลายไปหมดสิ้นและไม่ถูกพิจารณาความผิดด้วยหลักการของกฎหมาย
นอกเหนือจากการชุมนุมขับไล่รัฐบาลพร้อมกับการเปิดโปงความชั่วช้าต่างๆ เราจึงได้เสนอทางออกด้วยการระดมความคิด เพื่อสร้างรูปธรรมต่อสิ่งที่เรียกว่า “การเมืองใหม่” ที่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ขับไล่อย่างเดียว แต่ชี้ทางออกให้ด้วย เวลาช่วงนี้เราก็ขุดคุ้ยเรื่องคอรัปชั่นออกมาอีกเรื่อยๆพร้อมๆ ไปกับการแจกแจงข้อดีข้อเสียชี้แจงและทบทวนแนวคิดการเมืองใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปได้ด้วยดีแล้วในระดับหนึ่งแต่ก็คงต้องให้ชัดเจนกว่านี้เพื่อไม่เป็น'ขี้ปาก'ให้แกนนำพรรคพลังประชาชน คณะรัฐมนตรีลูกกรอก 'บัตรเติมเงิน' แนวร่วมนรกป่วนกรุง นักวิชาการหัวสี่เหลี่ยม และ 'เป็นกลางจำแลง' บิดเบือน เบี่ยงเบน จะชุมนุมต่อหรือไม่ มันก็ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหายไปมากกว่านี้หรอกเพราะจริงๆแล้วคนที่จะทำบ้านเมืองให้เสียหายเป็นพวกนักการเมืองขี้ฉ้อทั้งหลายนี่ตะหาก
สื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง สวมวิญญาณ “ดาวสยามยุคใหม่” ว่า การรวมพลังของคนจำนวนมากที่เสียสละตัวเองออกมาชุมนุมเป็นร้อยๆ วันนั้นเป็นอุดมการณ์ของความชั่วร้าย พวกเขาพยายามยัดเยียดคนที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิต แขนขาดขาขาดว่า เป็นอาชญากรยัดระเบิดใส่มือของจิตรกรที่มีอุดมการณ์ต่างกับตัวเอง มันเออออกับตำรวจที่บอกว่าคนตายพกระเบิดมาเองหรืออ้างว่าเราทำให้ปลาในทำเนียบฯ ตาย สนามหญ้าทำเนียบฯ เสียหาย เกิดกองขยะเน่าเหม็น เมื่อมีเหตุรุนแรงในต่างที่ต่างเวลาเราถามว่าใครคือฝ่ายที่ก่อความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นที่เชียงราย มหาสารคาม บุรีรัมย์ สกลนคร และที่กรุงเทพฯ พวกเขาพูดแบบตัดตอนว่า เราใช้ด้ามธงแทงตำรวจ ขับรถชนตำรวจ ทั้งที่การกระทำนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ตำรวจใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมแขนขาขาด และเสียชีวิต สื่อมวลชนบอกว่า เรามีปืนเพราะยิงสู้กับวัยรุ่นที่ขับรถพุ่งเข้ามาชน แสดงว่ามีอาวุธและไม่ได้สันติ อหิงสา แต่สื่อมวลชนจำนวนหนึ่งแบบดาวสยามยุคใหม่ไม่พูดว่าก่อนหน้านั้นสองวันมีคนเอาระเบิดมาขว้างใส่เราปางตายไปหลายคน พวกเขาไม่ประณามคนกระทำแต่เขาประณามเราที่ถูกกระทำซึ่งไม่สามารถพึ่งหาตำรวจได้และพยายามป้องกันตัวเองตามสัญชาตญาณ เพราะตำรวจได้ปล่อยให้ นปก.ไล่ตีเราหัวร้างข้างแตกมาตั้งแต่ชุมนุมวันแรก เราที่ถูกฝ่ายรัฐบาลกระทืบปางตายที่อุดรธานีจะถูกตำรวจแจ้งข้อหาเป็นจำเลยได้อย่างไร
นักวิชาการบางคนก็เกิดมาบนกองเงินกองทอง ใช้ชีวิตบนหอคอยงาช้าง ไม่เคยลำบาก ตั้งแต่เด็กแต่เล็กก็เรียนโรงเรียนดี ๆ ปิดเทอมไปซัมเมอร์ต่างประเทศ สอบเข้าคณะดี ๆ เรียนจบแล้วไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยดี ๆ จนจบด๊อกเตอร์ มีแนวคิดแบบอุดมคติ คนพวกนี้คงลืมไปว่าวิธีการในกรอบกติกามารยาทมันใช้ไม่ได้กับคนแบบแม้ว ๆ หมัก ๆ นักวิชาการอยากได้เงินมาทำวิจัยเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นหากออกมาสู้ร่วมอุดมการณ์กับเราก็จะทำให้เขาจะทำให้เสียรายได้และสูญเสียตำแหน่งที่จะได้ในอนาคต คนเกลียดพันธมิตรเปิดตัวได้โจ่งแจ้ง กระทำกับเราต่างๆนานาด่าเราได้โจ่งแจ้ง เราต้องสามารถถ่ายทอดทาง ASTV ที่ต้องมีจานรับดาวเทียม อินเตอร์เน็ทหรือเคเบิ้ลเท่านั้นที่จะดูได้ บางที่มันก็ตัดสัญญาณ ทั้งๆที่มีจานดูยังภาพหาย เสียงหาย กระตุกๆ แต่มันใส่ร้ายบิดเบือนข่าวเราออกอากาศทาง NBT โทรทัศน์แห่งชาติแม้วได้อย่างโจ่งแจ้ง
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้เราต้องถอยหรือต้องเลิกชุมนุมแต่อาจเปลี่ยนวิธีต่อสู้ตามสถานการณ์เพื่อยังรักษามวลชนจำนวนมากไว้อยู่ สร้างแนวร่วมที่มีอยู่ให้มั่นคงในแนวทางการเมืองให้ได้ เราอยู่ได้เพราะประชาชนสนับสนุนโดยสมัครใจและที่สำคัญสนับสนุนแบบมีสติ เราไม่มีอำนาจรัฐที่จะบังคับหรือให้คุณให้โทษใครๆได้ เราถอยไม่ได้โดยเด็ดขาดเพราะประชาชนเริ่มที่ตื่นตัวแล้วจากร้อยเป็นพันเป็นแสนเป็นล้านได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของนัการเมืองที่ทำกับประเทศจะไม่มีทางที่จะกลับไปเฉยๆต่างก็รู้สึกได้ว่าไม่ชนะไม่เลิกอันเป็นความรู้สึกจริงๆของผู้ชุมนุม ถ้าถอยหมายถึงแพ้ในเชิงสัญลักษณ์แล้วจะโดนฝั่งตรงกันข้ามรุกกลับอย่างหนักเพื่อทำลายมวลชน ทำลายความชอบธรรมต่างๆนาๆ มวลชนจะยิ่งร่อยหรอ หมดหวังสิ้นหวังในการกู้ชาติบ้านเมืองลงไปเรื่อย สุดท้ายก็คือจบไปเลย อย่าหวังว่าจะให้ใครมากู้ชาติแทนเราอีก ยกประเทศให้ระบอบทักษิณไปเลยแล้วจึงจะได้เห็นระบอบทักษิณปล้นบ้านปล้นเมืองล้มล้างสถาบันต่างๆ แล้วพวกเป็นกลางทั้งหลายที่ไม่ชอบทักษิณแต่ไม่เอาพันธมิตรก็ได้แต่ด่านักการเมืองไปวันๆ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะนักการเมืองมันหน้าด้านเหนือมนุษย์ เพราะว่าพวกนักการเมืองชั่วยังไม่ยอมเลิกชั่วรัฐบาลทรราชเจ้าเล่ห์ เพทุบาย หลอกลวง เปลี่ยนแปลงยุทธวิธี เปลี่ยนหน้าชน เปลี่ยนเงื่อนไข บ่อนทำลายในที่ลับ ล้วงเงินท้องพระคลังอย่างด้านๆไร้จิตสำนึกทั้งๆที่มีพระราชดำรัสให้คนทั้งประเทศได้ยินมาแล้ว ทำสงครามจิตวิทยามวลชน แสร้งเป็นนกพิราบ เผลอเมื่อไหร่ก็กางปีกเหยี่ยวถลาโฉบไปแล้ว นักการเมืองก็ได้แต่เล่นเกมต่างๆซื้อเวลาเพื่อต่อรองผลประโยชน์ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณเตี้ยสั้นและคุณไดโนเสาร์ก็ยังมีน้ำหน้ามาต่อรองกระทรวงเกรดเอยามบ้านเมืองใกล้วิบัติอีกคนพวกนี้ไม่มีจิตสำนึกในการบริหารชาติบ้านเมืองเลย วันนี้ทุกวันนี้ ส.ส.1 คน ลงเลือกตั้งต้องใช้ 20-30 ล้านบาท ในการซื้อเสียง คนสติดีที่ไหนจะกล้าลงทุนด้วยเงินพ่อแม่ตัวเอง 20-30 ล้าน เพื่อให้ตัวเองเป็น ส.ส.แล้วมารับเงินดือน ส.ส.เดือนละแสน ในเมื่อการเมืองของไทยคือการลงทุนเพื่อจ้างคนมาลงเลือกตั้ง จ้างให้ยกมือ แล้วคนพวกนี้ก็มานั่งท่องนะโมตัสสะแล้วก็บอกว่าผมมาจากการเลือกตั้ง ใครถือหุ้นใหญ่ก็เป็นเจ้าของพรรคการเมือง 300 เสียง ลงทุนไป 9 พันล้านบาท ยกมือ 300 เสียงในสภา ชนะทุกเรื่อง ทำได้ทุกเรื่อง แม้แต่ขายประเทศไทยออกไป ก็ไม่สมควรให้เข้ามาข้องแวะกับการเมืองไทยอีกต่อไป ระบอบประชาธิปไตยแบบพรรคพลังประชาชนยิ่งกว่าเผด็จการเสียอีก การเมืองเป็นแค่เรื่องของนักการเมือง ของ ส.ส. ของ รมต. เท่านั้นหรือ
ในที่สุดคนที่บอกว่าเป็นกลางก็ปรากฎตัวออกมาเคลื่อนไหวถี่ยิบขึ้นทั้งในนามของ “สานเสวนา” และ “สันติวิธี” ออกมาทั้งในภาพของสื่อสารมวลชน ผู้ปรารถนาดีต่อสังคมและนักวิชาการ คนพวกนี้จึงไม่เขอะเขินที่จะเข้าไปไปคุยกับฆาตกรที่เพิ่งสั่งฆ่าประชาชนและพออกพอใจที่ฆาตกรสวมเสื้อที่เขียนว่า “ยุติความรุนแรง” แล้วก็ด่าพันธมิตรแต่ไม่ยอมด่าคนที่ปล้นชาติขายแผ่นดิน ไม่ยอมแตะระบอบทักษิณ กระทั่งระดับมหาเศรษฐีแสนล้านยังเคยไม่สนับสนุนให้กระบวนการต่างๆของพันธมิตรแถมยังฝากต่อว่ามาว่าไปต่อสู้กับเขาทำไมอยู่เฉยๆ ก็ได้เงิน ก็มีกิน !?!? หากทุกคนในประเทศคิดแบบนี้แล้วปล่อยให้กลุ่มคนมาปู้ยี้ปู้ยำประเทศชาติและสถาบันอันเป็นที่รักแล้วเราจะเหลือประเทศไทยอันอุดมสมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนไว้หรือ นี่หรือความเป็นกลางแต่มันเป็นกลางแบบจอมปลอมทั้งนั้น ทักษิณกับเมียโกงภาษี โกงที่ดินรัชดา และยังมีเรื่องที่สารพัดโกงอีกมากมาย รวมทั้งการซื้อเสียงที่กำลังจะโดนใบแดงอยู่ อีกทั้งทำให้ไทยเสียอธิปไตยเหนือดินแดนกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นการขายชาติ ทำไมมันไม่ด่าไม่พูดถึง นี่หรือที่บอกว่าเป็นกลาง เพื่อบั่นทอนและทำลายการเคลื่อนไหวของเราพอเราออกมาตอบโต้ ก็จะเกิดขบวนการกล่าวหาว่า เราไม่รับฟังความเห็นต่าง และทำลายแนวร่วม ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นแนวร่วมของระบอบทักษิณ ถ้าจะไถลไปใช้ศาสนาพุทธมาเป็นเครื่องตัดสิน การวางตัวอุเบกขาก็ไม่ใช่เวลานี้นี่เป็นเรื่องของบ้านเมือง แล้วการวางตัวเป็นกลางคุณคิดได้อย่างไรว่า การที่คนมาประท้วง เขาทำให้บ้านเมืองวุ่นวายหรือ นอกจากโฆษณาชวนเชื่อของกระบอกเสียงรัฐ และเหตุที่ออกมาประท้วงก็เพราะกระบอกเสียงของ เอเอสทีวี หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ คุณต้องใช้วิจารญาณว่าฝ่ายไหนที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง คุณกำลังใช้กระทู้โฆษณาว่า คนเป็นกลางเป็นคนที่มีอิสระแต่คุณไม่ใช้ความเป็นอิสระให้ถูกวิธีซึ่งเก็บไว้ใช้กับเรื่องประเทศชาติไม่ได้ สมมติว่ามีโจรมาปล้นบ้านแต่คุณอยู่ข้างบ้านที่ถูกโจรปล้นคุณจะทำอย่างไรอยู่เฉยๆ เพราะไม่ต้องการยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ คนที่บอกว่าเป็นกลางคุณจะใช้เหตุผลอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะไม่ว่าแต่อย่าทำตัวเป็นอีแอบ พอฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะก็เอาดอกไม้ไปให้แล้วบอกว่าผมให้กำลังใจมาตลอด ได้โปรดอย่ามาทำตัวเป็นกลางเอากับเรื่องประเทศชาติ ถามว่าเราสู้เพื่อไม่ให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง พวกเราเห็นด้วยหรือไม่ คนพวกนี้ก็ตอบว่าเห็นด้วย ถามว่า สู้เพื่อให้การบริหารบ้านเมืองเกิดการโปร่งใส และสู้เพื่อให้ถูกต้องเป็นถูก ผิดต้องเป็นผิด เห็นด้วยหรือไม่ เราสู้เพื่อคุณงามความดี เราสู้กับความชั่วเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าบอกว่าเห็นด้วย แล้วแบบนั้นยังจะเป็นกลางได้อย่างไร สังเกตุได้ชัดเจนพวกที่บอกว่าเป็นกลางจะไม่ชอบรัฐบาลและเบื่อพันธมิตรซึ่งคนเหล่านี้จะเป็นคนพวกที่ไม่สนใจเรื่องการเมือง หรือแทบไม่รู้เรื่องการเมือง พอใครบอกอะไรก็รับข้อมูลด้านเดียวหรือถูกบิดเบือนมาแล้ว เราอย่าไปว่าเขาแต่ควรให้ความรู้แก่เขา คุณเป็นกลาง ไม่อยากฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่คุณรู้เรื่องการเมืองดีแค่ไหน ไม่อยากให้คุณประนามฝ่ายใดก่อนที่คุณจะได้เข้าไปศึกษาข้อมูลก่อน วันนี้สังคมเราถ้าพูดกันจริงๆแล้ว ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเลือกข้าง จริงที่คุณว่าเรามีสถาบันที่เราเคารพรักสถาบันเดียวกัน แต่ในเมื่อสถาบันที่เราเคารพรัก กำลังถูกฝ่าย นปก ลิ่วล้อหน้าเหลี่ยมกำลังจ้องทำลายคุณยังจะให้พวกเราอยู่เฉยเป็นกลางอีกหรือ เวลานี้เราไม่ได้รบเพียงเพื่อคคนสองคนแต่เราทำกับกับเขาก็เพื่อชาติ ศาสน์ และประมุขของเรา อย่าบอกว่าคุณไม่รู้เรื่องที่เขาหมิ่นสถาบันและจ้องล้มสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราแล้วอย่ามาบอกว่าเราฟังความข้างเดียว เพราะเราได้ศึกษาข้อมูลและติดตามพฤติกรรมของนักการเมืองและการกระทำทุกๆอย่างของนักการเมืองเหล่านี้ที่มุ่งแต่ทำลายชาติและนี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องเลือกข้าง เป็นกลางอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าคุณและอีกหลายๆคนคิดว่าเรื่องชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ธุระของคุณ ไม่ใช่ของคุณคนเดียว ก็เชิญเป็นกลางตามอัธยาศัยเลย ไม่มีใครว่าคุณผิดหรอกถ้าคิดว่าทำถูกแล้วก็จงทำในสิ่งที่คุณคิด แต่อยากบอกให้คุณไปหาข้อมูลให้รู้ความเป็นจริงว่าวันนี้ บ้านเมืองเราที่วุ่นวายต้นเหตุที่แท้จริงมันเกิดจากอะไรมากกว่า
หลังจากที่ตำรวจใช้ปืนยิงผู้ชุมนุมแขนขาขาดและเมื่อมีพันธมิตรเสียชีวิต พระราชินีได้เสด็จมาพระราชทานเพลิงศพด้วยพระองค์เอง แค่นี้ก็แน่ใจที่สุดแล้ว พระองค์ท่านยังบอกด้วยว่า "พันธมิตรเป็นผู้เสียสละ ช่วยรักษาสถาบัน" ปรากฏว่า มีความพยายามหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคพลังประชาชน ในเวปฟ้าเดียวกันมีโพสต์ทำนองว่า "เคยสนับสนุนความคิดของพันธมิตรแต่พอมือที่มองไม่เห็นเปิดเผยตัวก็บอกตามตรงช็อคบอกว่าผมไม่ขอเอาชีวิตไปเสี่ยงเพื่อเจ๊แกหรอกเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับเจ๊แกตลอดเวลาที่ผ่านมามีแต่ข่าวในทางลบแค่เพียงเพราะอยากจะทำตามใจลูกชายที่ไม่เอาไหนถึงกับเอาชีวิตของประชาชนมาเป็นเครื่องมือ" หรือ นำพระบรมฉายาลักษณ์ไปทำเป็นโลโก้เครื่องดื่มขึ้นหน้าปก หรือ การที่คนในประชาไท เปรียบเทียบ สถาบัน ฯด้วยคำหยาบคาย เวลานี้มีเวปต่างๆที่ต้องปิดๆเปิดๆเปลี่ยนชื่อตามสถานการณ์ไม่ให้เป็นเป้านิ่งของกองทัพฯที่คอยตรวจสอบเวปหมิ่นฯอยู่มีคนโพสต์ข้อความในลักษณะปลาร้าเก่าในไหใหม่ได้ใช้คำขวัญ' เสรีทางความคิด ต้านวิกฤติเผด็จการ สร้างบรรทัดฐานให้การเมืองไทย' ใช้ภาษา สำนวนโวหาร เปรียบเปรย ล้อเลียน จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ของเราบางคนอาจจะพูดเป็น'นัย' หรือใช้ 'สัญลักษณ์' โดยหลีกเลี่ยงจะพูดถึงตรง ๆ.... นามแฝงเก่าและใหม่เหล่านี้อาจจะไม่ศรัทธาในสถาบันฯ โดยส่วนตัวหรือถูกจ้างวานหรือเป็นบริวารให้แสดงพฤติกรรมดังกล่าวก็ได้ ทว่าถึงปัจจุบันการดำเนินการจัดการของรัฐบาลก็เป็นไปอย่างล่าช้า
เป็นกลางระหว่าง ความดี กับ ความชั่ว
เป็นกลางระหว่าง คนดี กับ คนเลว
เป็นกลางระหว่าง ธรรมะ กับ อะธรรม
เป็นกลางระหว่าง ความจริง กับ ความเท็จ
เป็นกลางระหว่าง ความถูก กับ ความผิด
เป็นกลางระหว่าง สีขาว กับ สีดำ
หรือการต่อสู้ของประชาชนบนเส้นทางประชาธิปไตยมันไมมีวันเกิดขึ้นได้จริง เพราะเราไม่เคยเห็นว่าการต่อสู้ในภาคประชาชนมีจริงแต่เมื่อเราแค่ได้มีคนมาแนะนำให้ใส่ใจกับการเมืองกับความเป็นไปของบ้านเมืองแม้ไม่เห็นด้วย และแคลงใจ กับบางคนที่ขึ้นปราศัยนั่นมันแค่เหตุผลเล็กๆน้อยๆที่มาขัดหูขัดตา ในการต่อสู้ของพันธมิตรมีคนหลายร้อยเสียสละอยู่เงียบๆ ไม่เคยออกมาเรียกร้อง ไม่เคยคิดจะต่อว่า และยังเป็นแรงหนุนอยู่เงียบๆ หลายคนที่ยังไม่นิ่งดูดายบริจาคแม้กระทั่งเงินหรือสิ่งของ...หรือไปให้กำลังใจพันธมิตร คนที่ทำงานกับ ASTV และเครือผู้จัดการ ที่ไม่ได้ขึ้นเงินเดือนมากว่า 5 ปีแล้ว เงินเดือนก็ออกช้า หลายคนทนไม่ได้ก็ต้องออกไป หลายคนอยู่เพราะร่วมสู้ คนหนึ่งเงินไม่ออกเลยต้องไปกู้เงินนอกระบบ ใช้คืนไม่ทันก็โดนถูกซ้อม พวกเขาเป็นแนวร่วมที่เสียผลประโยชน์เห็นๆ เสียผลประโยชน์กว่าการจะถูกยุบพรรค เพราะเสียแบบนี้สำหรับคนตัวเล็กๆ คือการไม่มีรายรับตรงเวลา แต่รายจ่ายตรงเวลา ค่าเช่า(ผ่อน)บ้าน, น้ำ,ไฟ,ผ่อนรถ,ค่ากินรายวัน เรียกว่าเสียจนไม่มีจะแด๊กซ์ฯลฯ ลำบากกว่านักการเมืองถูกยุบพรรคหรือไม่ทำตามกฎหมายแน่ๆ คนบ้านเลขที่ ๑๑๑ ทั้งหมดนั้นก็ใช่ว่านักการเมืองคนไหนอยู่ในจำนวนนี้แล้วจะเป็น "นักการเมืองเลว" ไปเสียทุกคน แต่จากบทบาทของนายจาตุรนต์ซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๑๑ คนนั้น คุณรู้มั้ย..การกระทำที่นึกว่าโก้ทำเป็นฮีโร่โชว์นายนั้นเป็นการวางบิลแต่ก็ได้ จ่อรอตำแหน่งนายกฯก็ได้ เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจด้วยไร้วุฒิภาวะในตัวอ๋อยเอง ทำให้คนอื่นๆ ในบ้านเลขที่ ๑๑๑ หลายๆ คนเขาตกอยู่ในสภาพ "ปลาร่วมข้อง" ที่ต้องหมองไปด้วยเท่านั้น กับคนบางคนควรค่าแก่คำหยาบคายเท่านั้นหรือ กับคนบางคนฟังวาจาสุภาพไม่กระแทกรูหู มันหนาจนไม่สะดุ้งหรือ หลายต่อหลายครั้งที่เวทีกล่าวคำหยาบอย่างอดไม่ไหวได้โอกาสที่หลากหลายองคาพยพในสังคมไทยพากันติติงถึงคำหยาบบาดใจบาดหูบนเวทีพันธมิตร สื่อที่ตั้งหน้าตั้งตารายงานข่าวด้านลบของพันธมิตร หยิบเอาประเด็นคำหยาบมาโจมตี เอาไมค์ไปจ่อปากนักศึกษาให้มาช่วยกันตำหนิ โจมตี ถากถาง แก้ตัว ข่มขู่ ก็เอาเรื่องคำหยาบมาต่อว่า ราวกับตนไม่เคยพูดคำหยาบเหมือนเอาเรื่องเยี่ยวเด็กทารกมารดกลบขี้กองใหญ่จากบ่อส้วมแตกที่มีความเหม็นมันแตกต่างกันชัดเจน
อยากให้เราเลิกก็ต้องไปบอกพวกนักการเมืองชั่วให้เลิกทำชั่วมันก็แค่นั้นเองง่ายๆเพราะไม่อย่างนั้นที่ประท้วงมาไม่มีความหมายแล้วกลับไปเจอเลือกตั้งแบบเก่าๆ สามัญสำนึกแบบเดิมๆ พอที เราต้องการ CHANGE, We need
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)