21 พฤศจิกายน 2551

ทักษิณรวยมาได้อย่างไร

ย้อนดูประวัติครอบครัวแล้วคุณทักษิณ ก็ไม่แปลกที่คุณทักษิณจะรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ เพราะพื้นฐานทางบ้านทำธุรกิจมากมายหลายอย่างที่จังหวัดเชียงใหม่ และในความเป็นจริงแม้คุณทักษิณจะตัดสินใจรับราชการ แต่ก็คาดหวังอยากจะมีเงินเยอะๆเหมือนปุถุชนทั่วไป โดยอย่าได้คิดว่าจู่ๆคุณทักษิณก็เกิดอยากทำธุรกิจโทรคมนาคมด้วยเป็นสิ่งที่รักและถนัด หากแต่เขาเองก็ล้มเหลวจากการทำธุรกิจในวิถีแบบเอกชนปกติมานับไม่ถ้วนแล้ว ตั้งแต่การค้าขายผ้าไหม ซื้อภาพยนตร์ฉาย กิจการโรงภาพยนตร์ และธุรกิจอสังหาฯอย่างคอนโดมิเนียม ก็ล้วนแต่เจ๊งไม่เป็นท่าทั้งสิ้น

หากแต่วันหนึ่ง คุณทักษิณก็ค้นพบได้ว่า ไม่เกี่ยวกับการธุรกิจประเภทใด หรือ การแสวงหาตลาดแบบใด แต่จริงๆแล้วขึ้นกับยุทธวิธีพิเศษทางการค้าหรือที่เรียกว่าคอนเนคชั่น และตลาดที่สำคัญและง่ายที่สุดก็คือ ราชการนั่นเอง ตำแหน่งของคุณทักษิณที่ต้องประจำอยู่ศูนย์ประมวลข่าวสาร ของกรมตำรวจ ทำให้รู้ความต้องการและช่องทางของหน่วยงานที่ตนทำเป็นอย่างดี อีกประการคือ ด้วยความที่คุณทักษิณเป็นลูกนักการเมืองเก่าอย่างนายเลิศ ชินวัตรที่เป็นเพื่อนสนิทกับ นายปรีดา พัฒนถาบุตร จึงฝากฝังให้คุณทักษิณไปเป็นนายตำรวจติดตามนายปรีดา ทักษิณ จึงก่อตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอซีเอสไอ (ICSI) ดำเนินธุรกิจ ให้เช่าคอมพิวเตอร์แก่สำนักงานต่างๆขึ้นในปี พ.ศ. 2526 อย่างพอดิบพอดี ICSI ไม่เคยมีประสบการณ์ให้เช่าคอมพิวเตอร์หรือวางระบบคอมฯในหน่วยงานราชการใหญ่ๆใดมาก่อน แต่กลับได้เค๊กก้อนโต จึงคิดขยายผลกิจการโทรคมนาคมของตนเองเข้าสู่การแข่งขันในตลาดสมบูรณ์ ทักษิณได้เรียนรู้ว่า ตนเองไม่ได้ถนัดกิจการโทรคมนาคม หากแต่ประเด็นคือ ไม่มีอะไรดีเท่ากิจการที่ทำกับรัฐ และการค้าที่ดีที่สุดคือการค้าที่ผูกขาดไร้คู่แข่ง
ธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก หรือ เคเบิลทีวี ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ การเข้าสู่การเมืองด้วยตนเองของคุณทักษิณ (แทนที่จะเป็นผู้สนับสนุนเหมือนเดิม) ทำให้กำไรจากกิจการมากขึ้นไปอีก แทบทั้งหมดล้วนเป็นกำไรจากการลดต้นทุนจากกิจการสัมปทาน นั่นคือ การแก้สัญญาสัมทานกับรัฐนั่นเอง เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โควต้าพรรคพลังธรรม ปีนั้นเองเอไอเอสขอแก้ไขสัญญาสัมปทานครั้งที่ 3 แต่ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐยอมแก้เพื่อผลประโยชน์เอกชนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2537 เป็นการแก้ไขการจัดเก็บและการแบ่งรายได้ของบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ การขยายอายุสัญญาจาก 20 ปี เป็น 25 ปี ขอปรับลดส่วนแบ่งรายได้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบบัตรเติมเงิน (พรีเพด) จากร้อยละ 25 เป็น 20 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กลับมาเป็นนายวันมูหะมัดนอร์อีกครั้ง และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2545 เป็นการแก้ไขสัญญาเพื่อกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนจากค่าเครือข่ายร่วม ยังมีนายวันมูหะมัดนอร์เป็นรัฐมนตรี แม้จะไม่มีลูกค้ามากขึ้น แต่กลับมีรายได้มากขึ้น นันเพราะได้ลดต้นทุนในส่วนที่ต้องจ่ายให้แก่รัฐลดลงนั่นเอง แต่ส่วนแบ่งรายได้รัฐที่ลดลงก็เท่ากับการโกงประเทศนั่นเอง การผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มไปให้ประชาชน ในส่วนสาธารณูปโภค ซึ่งการตัดสินใจของรัฐบาลครั้งนั้น ได้รวมเอาโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือรวมอยู่ด้วย เป็นผลให้ภาษีดังกล่าวเปลี่ยนมาเก็บเพิ่มเติมจากผู้บริโภคแทน หากแต่ร่ำรวยได้เพราะการสัมปทานและรักษาการผูกขาดผ่านนักการเมือง ยิ่งมานั่งในตำแหน่งโดยตรง ธุรกิจที่มีกำไรเติบโตขึ้นก็ไม่ใช่เพราะกิจการเติบโตอีกเช่นกัน หากแต่เป็นเพราะได้ลดต้นทุนส่วนสำคัญไปต่างหาก ซึ่งกลวิธีการเข้าสู่เงื่อนไขดังกล่าว ก็คือลายเซ็นต์ในฐานะนักการเมือง

กิจการอีกอย่างของคุณทักษิณที่สร้างรายได้มหาศาล นั่นคือกิจการดาวเทียม รับสัมปทานธุรกิจดาวเทียม เป็นเวลาถึง 30 ปี อย่างไรก็ตามแม้ดาวเทียมไทยคม1 ก็ได้สร้างความภูมิใจให้คนไทยอย่างมาก หากแต่ในความเป็นจริงรายได้ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่คิด หากเจ้าของบริษัทไม่ใช่ผู้มีอำนาจทางการเมืองย่อมได้รับสิทธิเหล่านั้นมาได้ยาก ไทยต้องไปลงนามเอฟทีเอกับจีน สูญเสียผลประโยชน์มากมาย แต่อย่างน้อยก็ได้สร้างรายได้มหาศาลให้กับไอพีสตาร์ตัวแทนรัฐบาลไทยที่ขอไปเจรจามีชื่อว่าทักษิณ ดาวเทียมไทยคม 3 และไทยคม4 ก็ได้สิทธิส่งเสิรมการลงทุน ให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปีเฉพาะรายรับจากต่างประเทศ โครงการเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศพม่ารายได้ของธุรกิจดาวเทียมพุ้งทยานอีกครั้งเมื่อปี 2547 เมื่อ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าหรือเอ็กซิมแบงก์ไทยได้ปล่อยเงินกู้ 4,000 ล้านบาท

ยังมีที่มาของรายได้ที่ทำให้คุณทักษิณ ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกมากมายที่คงไม่สามารถเล่าได้หมดในวันนี้ หากแต่จะขอชี้ให้ชัดถึงประเด็นของความร่ำรวยว่า ไม่ได้มาจากความฉลาดในการดำเนินธุรกิจหรือวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมแต่อย่างใด แท้ที่จริงล้วนมาจากเทคนิคเฉพาะตัวที่ไม่สามารถนำมาบริหารประเทศแล้วจะทำให้ประเทศหรือคนในประเทศร่ำรวยด้วยวิธีอย่างนี้พร้อมๆกันได้

ไม่เคยมีใครไปรังแกคุณทักษิณ หากคุณทักษิณดำเนินชีวิตแบบปกติมาตลอดชีวิตของท่าน และความรวยของคุณทักษิณก็ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ประเด็นที่กำลังเป็นปัญหาในไทยหรือแม้กระทั่งที่ทางการอังกฤษห้ามเข้าประเทศ ก็เพราะเรื่องทุจริตล้วนๆไม่เกียวข้องกับการเมือง ซึ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป ความรวยของคุณทักษิณก็เช่นกัน ย่อมมีที่มาที่ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา

ไม่มีความคิดเห็น: