13 ธันวาคม 2551

ใคร่ได้ใคร่มี ใ น พระบรมฉายาลักษณ์



คนในระบอบทักษิณนั้นไม่เคยสู้ด้วยการพูดความจริง คนพวกนี้ปฏิบัติการตะแบง"พูดซ้ายเป็นขวา พูดปลาเป็นนก" ชอบบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร โกหกคนไทยด้วยความเชื่อที่ว่า ความคิดของตนเป็นสิ่งถูกต้องและชอบธรรมอยู่ฝ่ายเดียว จะทำอะไรก็ได้ตามใจตนเองเมื่อมีอำนาจปกครอง ก็คิดเหิมเกริมคบคิดกันว่าตนเองนั้นสมควรปกครองประเทศไทยไว้ในอุ้งมือของพวกตนแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียคนเดียว ใช่ในการต่อสู้ทางการเมืองมันไม่ผิดหรอกที่จะคิดแบบนี้หรือสังคมอื่น แต่ที่นี่ประเทศไทย เพียงแค่ทักษิณมันเข้ามาเล่นการเมืองไม่กีปี ตัวมันและตระกูลรวบตัวมันรวยเอา รวยเอาแต่ไม่คิดจะควักเนื้อแทนคุณแผ่นดินแถมยังเอาเงินภาษีของพวกเราที่ต้องทำทุกอย่างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มาโปรยทานให้รากหญ้าเพียงไม่กี่ คนๆหนึ่งก็ได้กันไปไม่เท่าไหร่ พวกเขาก็ขายจิตและวิญญาณและถวายชีวิตให้มันได้ อีเพ็ญ จักภพ เพ็ญขแขได้ทุนหลวงไปเรียนเมืองนอกเมืองนากลับมาไม่รู้คุณแผ่นดิน พาผัวกลับมากกเป็นเดือนๆหลายปีเลยทีเดียว ระหว่างนั้นก็ทำหน้าเศร้า เล่าความเท็จให้ผัวเข้าใจราชวงศ์ไทยผิดไปจากความเป็นจริง ผัวก็เทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับกรุงเทพฯแล้วทะลึ่งเอาบทความไปลงในสื่อสากลอันเป็นที่ทำงานของตน นอกจากนั้นยังมีหน้าไปคุยกับคนในวงการฑูต วงการสื่อนี้คือฝีมือกู(กับผัว)

อีเพ็ญ หัวหมู่ทะลวงฟันกับพวกนปช. เช่นวีระ มุสาพงษ์ต้องคดีหมิ่นซ้าซาก หมอโหวงเหวงผู้ลืมการแพทย์ที่ร่ำเรียนมา สามเกลอหัวขวดในรายการความเท็จวันนี้ เป็นต้น ไปจ้วงจาบองคมนตรีคณะที่ปรึกษาของพ่อ ลากรถไปปราศัยต่อป๋าเสียๆหายๆถึงหน้าบ้านท่าน เอาเศษเดนสังคมไปทำร้ายทำลายบ้านป๋า การตีทั่ง (ป่า) กระทนโกลน (คนที่อยู่เหนือ) ไม่ได้มีเพียงแค่นี้ อาจมอาจารย์ในม.ดังๆหลายแห่งแลกการอบรมคนรุ่นใหม่ให้"ไม่ยืนไม่ใช่อาชญกร" มากมายได้เศษเงินเศษตำแหน่ง สื่อต่างๆทั้งไทยและเทศรับค่าขนมจ้างเขียนบทความกระทบกระแทก จาบจ้วงล่วงละเมิด เช่น

click to read these four topics ...

“สุชาติ นาคบางไทร” หนีหัวซุนคดีหมิ่นเบื้องสูง
รับจ้าง"คนอยู่เหนือ"
22 สค.ทางกระทรวงต่างประเทศปฏิเสธคำกล่าวอ้างของฟอร์บส์ว่าพ่อเป็นราชวงศ์ผู้มีพระราชทรัพย์มากที่สุดของโลก
13 ธันวาคมกระทรวงต่างประเทศทำหนังสือประท้วง “ดิ อีโคโนมิสต์” หลังเผยแพร่เนื้อหาพาดพิงสถาบันกษัตริย์ไทยบิดเบือนความจริง

อีเพ็ญเปิดฉากวาทกรรมจาบจ้วงเบื้องสูงมาเป็นปีๆชัดๆตั้งแต่หลังรัฐประหารล่าสุด กว่าพวกตำรวจจะรู้ ตำรวจน้ำดีที่ยังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างก็แจ้งความจับตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้ง จน อีเพ็ญ เข้ารับตำแหน่งในรํฐบาล แล้วก็ลาออกไปแล้ว ตำรวจน้ำดีคนนั้นก็ถูกส่งเข้ากรุในฤดูโยกย้ายต่อมา ใครเห็นบ้างว่าอีเพ็ญโดนดำเนินคดีอย่างไรและคนที่ร้องทุกข์โดนกระทำอย่างไร การใช้คนนั้นคนนี้จาบจ้วงราชวงศ์ปรากฏอยู่โดยทั่วไปและมักจะเป็นคนเดือนตุลาที่เรียกว่าซ้ายอกหักพวกมันกำลังดิ้นพล่าน เฮือกสุดท้าย มันกำลังก่อสงครามประชาชน ถ้าเรานิ่งมากพอเท่าใด ความชอบธรรมเราจะมีมากเท่านั้น พยายามอัดเสียงมันไว้ช่วยกันเผยแพร่ว่าพวกเสื้อแดงมันทำลายสถาบัน ให้ความรู้แก่ชาวบ้านได้ตาสว่าง

คนพวกนี้ทุกวันนี้ก็ยังพึ่งพระราชบารมี พระบรมโพธิสมภารของพ่ออยู่เช่นคุณพ่อของอีเพ็ญเคยไปนอนป่วยที่รพ.ภูมิพลได้ทำการฉีดสีสวนหัวใจด้วยนอนรพ.อยู่หลายวันอีเพ็ญเองก็เคยไปเยี่ยมที่รพ.ภูมิพล เช่นไรก็ตามทีถ้ายังมีความกตัญญูรู้คุณบุพการีอันเป็นสิ่งซึ่งมนุษย์มนาปกติควรมีก็คงจะไม่ตกเป็นทาสกิเลสตัณหาได้ถึงเพียงนี้ เพียงพระบารมีแค่ชื่อรพ.ยังช่วยเหลือคุณพ่อได้ มิควรยิ่งที่จะผยองพองตน ที่สำคัญที่สุดคนพวกนี้ยังพกพา โลภโมโทสันกระสันใคร่ได้ใคร่มีพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ในครอบครองมากมายไม่รู้จักจบจักสิ้นไม่ว่าจะสีน้ำตาลสีเขียวสีแดงสีม่วงและสีเทา

10 ธันวาคม 2551

คนไทยทั้งประเทศกำลังเฝ้ารอความหวังจากรัฐบาลชุดใหม่

ด้วยวัยเพียง 44 ปีของนักการเมืองหนุ่มอนาคตไกลลลลลลลลล....มากๆๆๆๆๆๆอย่างคุณอภิสิทธิ์ถือได้ว่าเป็นนักการเมืองที่มีต้นทุนสูงที่สุดคนหนึ่งในแวดวงการเมืองไทยในเวลานี้ ทั้งหน้าตา ภาพลักษณ์ การศึกษา ประวัติครอบครัว ประวัติส่วนตัว ประสบการณ์ทางการเมือง กลับเก็บอาการยอมรับการจัดตั้งรัฐบาลที่มีความเสี่ยงสูงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอนาคอนดาทางการเมือง, แผนหักหลังคล้ายๆกรณีสมัครหลังถูกตัดสินเรื่องการทับซ้อนของผลประโยชน์ทางการเมืองกับรายการทีวีชิมไปยัดห่าไปหรือแผนการสอดไส้แก้รัฐธรรมนูญเข้าทางพรรคพังประชาชนด้วยการรวมกลุ่มก้อนสส.ที่มีรอยด่างดวงบ้านแตกสาแหรกขาดจากการตัดสินยุบพรรคทั้งสองครั้งอย่างเนวิน ชิดชอบ และอดีตพรรคร่วมรัฐบาลพังประชาชนมาปนเปื้อนบ้างก็ตาม แม้ว่าประชาชนชาวไทยก็ยังพอจะกล้ำกลืนฝืนทนกับ “ความอัปลักษณ์” หน้านี้ของการเมืองไทยไปได้ เพราะอย่างน้อยทุกคนก็คาดหวังเอาไว้ว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์ในนามอภิสิทธิ์ น่าจะดูได้มากกว่ารัฐบาลเพื่อไทยชื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น “เสนาะ-ประชา-เฉลิม-เชษฐา” นั้นหากไม่เป็นสิ่งตกค้างทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ต้องถือว่าเป็นชื่อที่ประชาชนทั่วไปไม่รู้จักก็เป็นเพียงชื่อที่ไร้เครดิต-ไร้บารมีในฐานะผู้นำประเทศ ผิดกับชื่อ “อภิสิทธิ์” ที่ตอนนี้ผู้คนทุกภาคส่วนให้การยอมรับไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ทหาร ต่างประเทศ สื่อมวลชน ประชาชน เลขาพรรคประชาธิปัตย์รับว่าขณะนี้ตัวเลขยังไม่นิ่งต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ทางโน้นทั้งดูด ทั้งดึง พลังมหาศาล ราคาก็ขึ้นเรื่อยแต่จะไม่เป็นปัญหาอะไร

ขณะที่การเมืองเก่ากำลังวิ่งฝุ่นตลบภาคีเครือข่ายประชาชนเพื่อฟื้นฟูชาติและพัฒนาการเมืองได้ยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานรัฐบาลเฉพาะกาลแล้วและจะไปหารือร่วมกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอีกครั้ง เพื่อหาทาง ออกร่วมกันต่อไป นอกจากนี้ประธานกกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องชี้ให้ชัด เกิดความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวและไข้ขอข้องใจต่อประชาชนอันอาจเป็นผลร้ายต่อการปกครองของเราว่า
๑) ส.ส.สัดส่วนของพรรคที่ถูกยุบจะยังคงสภาพส.ส.อยู่หรือไม่และสามารถย้ายไปพรรคอื่นได้หรือไม่ เพื่อความชัดเจนก่อนเปิดสภาเลือกนายกฯ
๒) ส.ส.แบบแบ่งเขตที่ยังไม่มีพรรคการเมืองสังกัดและกกต.ยังไม่รับรอง จะสามารถปฏิบัติหน้าที่
๓) สมาชิกภาพของผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร"ชัย ชิดชอบ" และตำแหน่งรองประธานสภาฯ หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบจะสามารถดำเนินการเรียกประชุมสภาฯ ได้หรือไม่
๔) ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีสามารถรักษาการ ำหน้าที่ต่อไปได้หรือไม่เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและไม่ได้มีการแต่งตั้งกันอีกในระหว่างที่มรการตัดสินคดีแม้ว่าเขาคนนั้นจะเคยทำหน้าที่นี้ของนายกชายกระโปรงคนก่อนระหว่างการไปตากหน้าที่เปรูครั้งสุดท้ายก่อนถูกถีบลงจากเก้าอี้
๕) พรรคการเมืองที่จะรับสมาชิกสภาผู้แทนฯเข้าสังกัดต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีอยู่ก่อนการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.หรือไม่
แม้ว่าการตรวจสอบคุณสมบัติส.ส.สัดส่วน และส.ส.เขตจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยนายทะเบียนและสื่อสารกับสังคมด้วยคนคนเดียวเช่นเลขาฯโดยคนที่กกต.อีก 4 คนไม่ควรออกความเห็น ควรงดพูดเพราะยิ่งพูดยิ่งทำให้ประชาชนสับสน

คนไทยทั้งประเทศกำลังเฝ้ารอความหวังจากรัฐบาลชุดใหม่ดังนั้นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไขก่อนปัญหาใดๆและต้องเป็นการแก้ไขปัญหาเพื่อแก้วิกฤตของประเทศชาติและของประชาชนจริงๆ มิใช่การแก้ไขปัญหาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง หรือตระกูลใดตระกูลหนึ่งเท่านั้น

09 ธันวาคม 2551

นายกรัฐมนตรี ประชาชน ความหวัง อำนาจ

ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมาเราเกิดวิกฤตการเมืองเพื่อพลิกผืนแผ่นดินไทยให้ปราศจากทุจริตคอร์รัปชันควบคู่กับธำรงรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสืบต่อไปที่ส่อให้เห็นว่าความขัดแย้งทวีความรุนแรงจนอาจนำไปสู่สงครามการเมืองทั้งมีการดึงเอากองทัพเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายครั้งเกิดจากระบอบทักษิณ และเป็นตัวแทนระบอบนี้พยายามจะทำลายฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ จึงเกิดการต่อสู้ขึ้นมีการใช้อาวุธสามัญข้างถนน พัฒนาเป็นปืน และอาวุธสงครามจนมีคนเจ็บคนตาย จนกระทั่งต้องยึดสถานที่สำคัญของรัฐ และท่าอากาศยานฯ อันเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจของชาติให้เป็นการประท้วงรัฐบาลขั้นรุนแรงที่สุดที่มีคนนับหมื่นๆ คนต้องชะตากรรมเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ด้วย การมองวิกฤติของความขัดแย้งเป็นการช่วงชิงอำนาจกับผลประโยชน์เหล่านั้นอยู่ "เป็นการต่อสู้ทางความคิด" ถ้าเพียงแค่คู่กรณีเล่นกันเองมันไม่ลุกลามเป็นวิกฤติขนาดนี้ แต่วันนี้มันมี "มวลชน" และ "ประชาชน" ซึ่งไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆโดยตรงแต่ก็ถูกทำให้ต้องเลือกข้างมาต่อสู้กันคนที่มาชุมนุมพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้เป็นเป็นคนที่มาสนับสนุนให้บ้านเมืองถอยหลัง ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือเป็นอำมาตยาธิปไตยนั้นแต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่หรือในทางกลับกันคนที่สนับสนุนทักษิณบางคนจะเป็นคนที่อยากได้ใคร่ดีและได้รับการปูนบำเหน็จเขาก็มีความเชื่อของเขาจริงๆ ว่า ประเทศจะเดินไปได้ดีกว่า ถ้ามีรัฐบาลที่ทำอะไรรวดเร็ว ไม่ต้องยึดติดอยู่กับกฎกติกา แม้จะมีการคอร์รัปชั่นบ้างก็ไม่เป็นไร... ถ้าเรามีวุฒิภาวะเพียงพอสังคมของเราก็จะสามารถก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่งโดยสังคมไทยกำลังต้องการการบังคับใช้กฎหมาย รักษาระบบนิติรัฐและผลประโยชน์ส่วนรวม และแต่จะต้องตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาให้ประชาชน ชาวบ้านก็จะไม่ยึดติดกับตัวบุคคล ไม่ต้องทำให้ใครคนหนึ่งคนใด

“สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจ คนทั้งประเทศเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้การเมืองเปลี่ยนขั้ว อยากให้ “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ กว่าร้อยละ 40 แต่หากไม่ติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญต้องการ “อานันท์ ปันยารชุน” เป็นมากที่สุด หวังรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้องชาวบ้านเป็นอันดับ 1

คุณสมบัติของ “นายกรัฐมนตรี” ที่ประชาชนต้องการ คน กทม.ต้องการ คน ตจว.ต้องการ ภาพรวมต้องการ
----------------------------------------------- ---------------- ---------------- ----------------
เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต/เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม 44.08% 35.49% 39.79%
เป็นคนเก่ง/มีความรู้ความสามารถ/มีความรับผิดชอบ 21.05% 22.58% 21.82%
ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน 9.87% 20.97% 15.42%
มีความเป็นผู้นำ/กล้าคิดกล้าตัดสินใจ ทำงานรวดเร็ว 17.11% 8.06% 2.58%
มีความเป็นกลาง ยุติธรรม /ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว 7.89% 12.90% 10.39%

ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้ “รัฐบาลใหม่” แก้ไข คน กทม.ต้องการ คน ตจว.ต้องการ ภาพรวมต้องการ
----------------------------------------------- --------------- ---------------- ----------------
ปัญหาเศรษฐกิจ /คนตกงาน /ปัญหาปากท้องประชาชน 48.98% 37.17% 43.08%
การปฏิรูปการเมืองให้เป็นระบบอบประชาธิปไตย /ขจัด
คอร์รัปชัน 24.24% 33.63% 28.93%
การท่องเที่ยว /สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับ
นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย /เพิ่มจำนวนนัก
ท่องเที่ยวให้มากขึ้น 10.63% 12.39% 11.51%
การศึกษาไทย /การให้ทุนสนับสนุน /ยกระดับการศึกษา
ไทยให้ได้มาตรฐาน 6.56% 11.50% 9.03%
สภาพสังคม / ความแตกแยก /สภาพจิตใจของคนไทย 9.59% 5.31% 7.45%

คนไทยทั้งประเทศกำลังเฝ้ารอความหวังจากรัฐบาลชุดใหม่หลังจากที่บ้านเมืองที่เพิ่งรอดพ้นการนองเลือดและสงครามกลางเมืองทั้งจากวิกฤติความแตกแยกในชาติ ยังไม่พ้นปีสภาพัฒน์ชี้ปี52ว่างงานพุ่ง9แสนคนสปส.เตรียมทุ่ม1หมื่นล.ปล่อยลูกจ้างกู้ดบ.ต่ำ ภารกิจท้าทายอันดับแรกคลี่คลายวิกฤติความแตกแยกในชาติ รัฐบาลชุดใหม่ต้องยึดถูกต้องชอบธรรม เที่ยงธรรม ตรงไปตรงมาอย่างเคร่งครัด บรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกเพื่อประคองวิกฤติเศรษฐกิจให้ผ่านไปได้ด้วยดี เร่งเรียกความเชื่อมั่นและเกียรติภูมิของประเทศไทยในสายตาชาวโลกให้กลับคืนมาโดยเร็ว และสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและความสงบเรียร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง การปฏิรูปสื่อ ต้องรีบเร่งสลายขบวนการ “ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า” ทั้งในเชิงองค์กรและเครือข่ายให้หมดพิษสงไปโดยเร็ววัน เพราะนี่คือต้นตอของ “ฝันร้าย” ของประเทศในวิกฤติเศรษฐกิจของโลกครั้งใหญ่ ทุกฝ่ายจะต้องเห็นแก่บ้านแก่เมืองและช่วยกันประคอง ละทิฐิและยึดผลประโยชน์เพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงหายนะ คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามคาดที่ให้ยุบ 3 พรรคร่วมรัฐบาลกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญ แม้ว่าสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคาร ซึ่งมองการณ์ไกลเล็งเห็นสัญญาณอันตรายในอนาคตจึงมีมติเสนอข้อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นการส่งสัญญาณกดดันอย่างสำคัญและเป็นลางต่อระบอบทักษิณที่เป็นรากเหง้าต้นเหตุที่แท้จริง แต่ทักษิณผู้นำตัวจริงพรรคเพื่อไทยซึ่งกำลังจนแต้มทางการเมืองพยายามดิ้นสุดฤทธิ์หวังพลิกฟื้นสถานการณ์กลับคืนมาจนมีข่าวว่าทักษิณลงทุนโทรอ้อนวอนขอร้องบรรหารและเนวินแต่ทั้งคู่ยันที่จะหันไปจับมือเปลี่ยนขั้วด้วยเหตุผลพิเศษบางประการ ทักษิณฉุนขาดทวงบุญคุณ เนวินหลังไม่ทำตามคำสั่ง“ทุกอย่างจบแล้วครับนาย” เพื่อไทยพยายามแก้เกมถึงกับยอมทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจรัฐไว้ในมือแม้กระทั่งยอมเสนอเก้าอี้นายกรัฐมนตรีล่อแต่คนเขารู้ทันกันไปทั่วแล้วว่าเป็นเพียงหมากเป็นเครื่องมือเพื่อรักษาอำนาจของระบอบทักษิณเท่านั้นหากระบอบทักษิณยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไปบ้านเมืองก็จะเกิดวิกฤติไม่รู้จบ พันธมิตรฯก็จะกลับมาชุมนุมอีกครั้งอย่างเข้มข้นกว่าเดิมเพราะมีจุดยืนชัดเจนรับไม่ได้หากรัฐบาลชุดใหม่จะมีนายกฯหุ่นเชิดระบอบทักษิณ เพื่อไทยเองมันก็ส่งสัญญาณปลุกม็อบเสื้อแดงหวังตีรวนป่วนเมืองย่อมสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ว่าไม่ได้เคารพหลักการประชาธิปไตยตามภาพที่สร้างมาตลอด แต่พร้อมทำเพียงเพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองของนายใหญ่ผู้นำตัวจริงโดยไม่คำนึงถึงอนาคตและความหายนะใดๆ ที่จะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง เพียงเพื่อหาโอกาสพลิกฟื้นสถานการณ์ฟอกผิดคดีทุจริตให้กับทักษิณ และทวงทรัพย์สินที่ถูกฟ้องยึด มูลค่า 76,000 ล้านบาท คืน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือปูทางให้ทักษิณกลับมาใหญ่อีกครั้ง

ที่ผ่านมาทักษิณ ชินวัตร สามารถรวบอำนาจทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และบริหารเข้ามาด้วยกันก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 แทรกแซงองค์กรอิสระได้ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 อาจกล่าวได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับโปรดเลยก็ว่าได้ แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามแทบทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดใจใดเลยที่ “ตัวแทน” ของเขาคนแล้วคนเล่าที่พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ด้วยข้ออ้างต่างๆนาๆ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการกลับมาสู่อำนาจอีกครั้งของ ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ผู้ที่อาสาเป็น พระยาจักรี ผู้เปิดประตูเมืองให้พม่าคือ เหวง โตจิราการ ที่เสนอให้ “ล้มล้าง” รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 , ฝันร้ายที่ผ่านพ้นกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (บทความของการคาดคะเนอย่างมีเหตุผล) 8 ธันวาคม 2551 http://202.57.155.203/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000144705

08 ธันวาคม 2551

ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยจะทำไม่ได้...นอกจาก "พิทักษ์สันติราษฎร์"

“จงรัก” ชี้เอาผิดแกนนำพันธมิตรฯ ลักทรัพย์ในทำเนียบรัฐบาลเป็นเรื่องยาก ทรัพย์สินที่สูญหาย มีตั้งแต่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ทีวี เครื่องคอมพิวเตอร์ รวมถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของหน่วยงานในทำเนียบรัฐบาลแต่หากพิสูจน์ได้ว่ารู้เห็นเป็นใจก็จะมีความผิด พร้อมเตรียมส่งนักประดาน้ำลงงมหาอาวุธสงครามที่พันธมิตรฯ อาจนำไปซุกซ่อนไว้ในคลองผดุงกรุงเกษมด้วย เล่นให้ประดาน้ำลงงมในคลองก็คงจะรายงานพบรถถัง M48-A5 สภาพพร้อมรบกระมัง

เรื่องสร้างหลักฐานเท็จตำรวจไทยถนัดสร้างผลงานเถื่อนอยู่แล้วยัดยาบ้ามันยังทำเลย กล่าวหา สร้างหลักฐาน สอบสวนแล้วส่งอัยการสั่งฟ้อง หรือส่งสำนวนคดีขออำนาจศาลเพื่อ ออกหมายจับ แล้วคงน่าจะเป็นขั้นตอนวางบิล...เก็บเงินค่าดำเนินการจากนายจ้างต่อไป เราเคยใช้อาวุธสงครามไปเข่นฆ่าใครหรือจึงต้องขวนขวายหาหลักฐาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนฝ่ายพันธมิตรบาดเจ็บและล้มตายไปหลายคนก็เป็นอาวุธที่ยิ่งมาจากภายนอกทั้งสิ้น ทั้งหมดทั้งปวงนั้นแค่ต้องการเล่นงานพันธมิตรแค่นั้นหรือ แล้วไอ้พวกที่เข่นฆ่าประชาชนทำไมจึงไม่ไปค้นที่บ้านมัน ที่ทำงานของมัน อาวุธที่ใช้ในราชการทั้งสิ้น เป็นอาวุธจากส่วนราชการใด ใครเบิกไปใช้ น่าจะมีหลักฐานให้สืบสวนได้ ถ้าหากคิดที่จะทำไม่ใช่หรือ

วันนี้ (8 ธ.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ “นายพลหน้าขาว” หน้าแหก พานักประดาน้ำลงงมหาอาวุธสงครามในคลองผดุงกรุงเกษม และรอบทำเนียบฯ ไม่พบอาวุธร้ายแรง หรืออาวุธสงครามตามที่คาดหวังไว้ แต่ยังปากดีสั่งพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดแกนนำพันธมิตรฯ ฐานก่อการร้าย และหาหลักฐานบริษัทที่สนับสนุนพันธมิตรฯ ยึดสนามบินส่งฟ้อง ปปง.ยึดทรัพย์ พอตกบ่าย “เสธ.แดง” ขนชายฉกรรจ์ 7 คน สวมชุดลายพรางทหาร เข้าไปชี้พื้นสนามหญ้าหน้าตึกไทย ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นจุดตกของระเบิดเอ็ม 79 ที่ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ จนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมถ่ายรูป ยิ้มอย่างมีความสุข!

วันนี้( 8 ธ.ค.)เรือนร่างอันไร้วิญญาณของ “กมลวรรณ หมื่นหนู” หรือ “น้องโบ สีน้ำเงิน” ได้ถูกนำขึ้นสู่เชิงตะกอน ณ เมรุวัดทะเลน้อย ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพาณิชย์พระนคร เธอทำงานพนักงานบัญชีของบริษัทได้ส่งเงินช่วยเหลือเจือจุนพ่อแม่พี่น้องเดือนละ 5,000 บาททุกเดือน เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่โบได้บริจาคอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยรายอื่นๆ ไว้หลายชีวิต ซึ่งทีมแพทย์ได้ผ่าตัดดวงตา หัวใจ ตับ และไตทั้ง 2 ข้างมอบผ่านสภากาชาดไทยไปช่วยเหลือผู้อื่นแล้วถือเป็นการสร้างกุศลและทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ตราบจนลมหายใจในวาระสุดท้าย

ขณะที่วันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.) จะตามติดมาด้วยการฌาปนกิจร่างไร้วิญญาณของ “รณชัย ไชยศรี” หรือที่คนในครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายเรียกขานกันว่า “ไข่ดำ” แต่เพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันเรียกว่า “ชัย” ณ เมรุวัดคูหา ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ไข่ดำผู้พลีชีพเพื่อชาติจากการถูกลอบยิงด้วยระเบิดเอ็ม 79 ดับคาที่ระหว่างทำหน้าที่การ์ดอาสาให้แก่พี่น้องพันธมิตรฯที่สนามบินดอนเมืองในคืนวันที่ 2 ธันวาคม ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำพิพากษาให้ยุบ 3 พรรคการเมืองทาสระบอบทักษิณเพียงไม่กี่ชั่วโมง จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลนครศรีธรรมราช ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตหาดใหญ่ และกำลังศึกษาปริญญาเอกต่อที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน แม้จะเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยพูดค่อยจา ชอบอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ในด้านการต่อสู้กับระบอบทักษิณแล้วชัยของเพื่อนๆ ถือว่าอยู่ในแนวหน้า แม่ของนายรณชัยเคยบอกชัยว่าอย่าไปเลย ชัยบอกว่าเขาสงสารในหลวง แม่ได้บอกไปว่าคนคนเดียวช่วยอะไรไม่ได้หรอก เพราะเราไปมือเปล่า แต่พวกรัฐบาลมันมีปืน เราจะไปสู้อะไรเขาได้ แต่ชัยเขาก็บอกว่าถ้าไม่ตายตอนนี้ ตอนหลังก็ต้องตายและถ้าได้ตายเพื่อชาติ เพื่อในหลวงเขาก็ยอม พ่อแม่จะได้ภูมิใจด้วย





หนึ่งภาพ แทน คำ บรรยาย นับ หมื่น นับ พัน