24 มิถุนายน 2554

เข้าคูหาไปดองปูแล้วส่งคุณหนูกลับบ้าน

อดีตประธาน กมธ.ยกร่าง รธน.50 สับความมั่นคงของชาติสุดล้มเหลว ชี้วิกฤตการเมืองเกิดจากนักการเมืองใช้อำนาจเพื่อส่วนตนและพรรคพวก ชี้ “ทักษิณ” ต้นตอทำลายนิติรัฐเป็นนิติกู ซ้ำไม่มีธรรมรัฐ ซัดรัฐบาลมาร์คมัวแต่นอนแพลงกิ้ง ปล่อยแดงเติบโตบ้านเมืองทรุดโทรมแล้วยุบสภาหนี ชี้การเมืองไทยมีมากกว่าเสือสิงห์กระทิงแรด สับหาเสียงหลอกลวง บางพรรคเอาแต่ยืนด่า ร้องไห้ พูดเป็นนัย “ถ้ามีเลือกตั้ง” ยันกาช่องโหวตโนเขียนใน รธน.ชัดนับเป็นคะแนน แนะชนะทั่วประเทศเลือกตั้งถูกปิดหีบแน่ วอนเข้าคูหาไปดองปูแล้วส่งคุณหนูกลับบ้าน 


วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 แสดงปาฐกถาในงานเสวนาโหวตโนมุ่งสู่การปฏิรูปประเทศว่า บ้านเมืองของเราในขณะนี้ความมั่นคงของชาติล้มเหลวที่สุด สถานการณ์ในบ้านเมืองขณะนี้มีคนแค่ห่วงใยว่าจะจบอย่างไร ใครเป็นคนทำให้วิกฤตเกิด ก็เกิดจากคนที่มีอำนาจได้ใช้การเมืองไม่ตรงกับการเมือง คำว่า การเมือง คือใช้อำนาจในการบริหารจัดการประโยชน์สาธารณะเพื่อส่วนรวม แต่นักการเมืองใช้ประโยชน์จากข้อเท็จจริงไปแปลความหมายว่า เป็นการจัดการประโยชน์สาธารณะเพื่อตนและพรรคพวก ซึ่งก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2544 ในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บริหารประเทศ 6 ปี ได้ทำลายนิติรัฐหายไป กลายเป็นนิติกู ถ้าทำผิดก็แก้ให้มันถูก สิ่งถูกแก้ให้ผิด สมัย พ.ต.ท.ทักษิณเป็นรัฐบาลนั้น นอกจากไม่คำนึงนิติรัฐแล้ว ความเป็นธรรมรัฐก็ไม่มี ทั้งนี้ รัฐนั้นต้องมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ประชาชน โดยมีระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ชาติสงบและเคารพสิทธิเสรีภาพประชาชน นี่คือธรรมรัฐที่รัฐบาลไม่มี
       
       น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ขอให้มองย้อนหลังกลับไป ตนไม่ได้กล่าวหา แต่สิ่งที่พูด พ.ต.ท.ทักษิณได้ทำขึ้นมากับมือเอง 6 ปีผ่านมาทำลายทั้งนิติรัฐ ธรรมรัฐหมดสิ้น ในขณะที่ตัวเองร่ำรวยขึ้นจนอยู่ประเทศตัวเองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้ดูคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยในข้อความที่ว่า พรรคไทยรักไทยดำเนินการเมืองเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำ แม้จะหลบหนีไปได้ แต่คนที่เหลือยังมีอีกมากที่ พ.ต.ท.ทักษิณสร้างไว้ ทั้งเสื้อแดง วิทยุชุมชน ดาวเทียมที่แพร่หลาย ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข ก็มาจากพวกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองทั้งสิ้น ขณะที่เรื่องความมั่นคงแห่งชาติที่ตนทำมาตลอด ตนเห็นว่าไม่มียุคในสมัยใดที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะถูกจาบจ้วงมากมายจนถึงปัจจุบัน หลังจากนั้นมาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ล้วนแต่เป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ถัดมา 2 ปีเศษ มาเป็นรัฐบาลที่มีคนรูปหล่อเป็นนายกฯ ผู้คนคาดหวังว่าจะดีขึ้น แต่กลับไม่ทำอะไรเลย การเติบโตของพวกเสื้อแดง การจาบจ้วงมีมากมายถึงขั้นตั้งหมู่บ้านแดงหลายจังหวัด นี่คือสภาพของรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ไม่ทำอะไรเลย ความเติบใหญ่จึงเกิดขึ้น ถึงบอกว่า 10 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองมีแต่ทรุด มองไปทางไหนก็วิกฤตทั้งนั้น จนกระทั่งรัฐบาลยุบสภาหนี โดยหวังจะได้กลับมาใหม่
       
       น.ต.ประสงค์กล่าวต่อว่า 10 ปีมานี้เราได้ยินคำว่า เสือ สิงห์ กระทิง แรด เป็นสัตว์ที่ดุร้ายที่จะจัดการกับเหยื่อ แต่ในขณะนี้มันไม่ได้มีแค่เสือ สิงห์ กระทิง แรด มันมีตั้งแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรด ปู ปลิง ลิง เหี้ย เพลี้ย หมา อีกา ปลาไหล มันเป็นคำเปรียบเทียบนักการเมืองที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม แล้วการแข่งขันการหาเสียงเลือกตั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นคำหลอกลวงทั้งสิ้นเพื่อให้คนเชื่อตาม บางทีไม่ได้หาเสียง แต่ไปยืนด่าคนอื่น ร้องห่มร้องไห้ ไปร้องไห้ทำไมสะอึกสะอื้นแล้วก็บอกว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับทุกข์ทรมานร้องไห้ ตนอยากจะถามว่าก็ตอนคุณมีอำนาจอยู่คุณทำอะไรบ้างในการที่จะระงับเหตุ คนที่ร้องไห้ไม่ใช่พวกคุณ แต่เป็นพวกที่ถูกเผาบ้านเผาเมือง ในขณะที่เขาเดือดร้อน คุณไปนอนร้องไห้ในรูที่ไหน ตนอยากฝากข้อคิดไปนิดเดียวว่าที่เขาขอเวลาอีก 4 ปี จะถอดพิษทักษิณ แต่เวลา 2 ปีมานี่ยังถอดยศไม่ได้เลย ทั้งที่ตำรวจเสนอขึ้นแต่ฝ่ายการเมืองไม่ยอม อย่างนี้หรือจะมาถอดพิษ การหาเสียงครั้งนี้ตนดูตามป้ายมีไม่ต่ำกว่า 40 พรรคที่รณรงค์แข่งขัน แต่จริงๆ แล้วมีแค่ 2 พรรคที่ขับเคี่ยวคือ พรรคไม่แก้แค้น แต่แก้ไข อีกพรรคคือ พวกไม่ทำอะไรดีแต่พูด คุณมีโอกาสทำอยู่ 2 ปีเศษ ไม่เคยจัดการปัญหาเลย ส่วนพรรคอื่นๆ ก็แค่ประดับ ถ้ามีการเลือกตั้งมันก็สู้กันอยู่ 2 พรรคนี้ ตนใช้คำว่า ถ้ามีการเลือกตั้ง เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า แต่สมมติว่ามีการเลือกตั้งมันก็มีแต่คนพวกนี้ แล้วเราจะไปเลือกใคร
       
       “ผมเล่านิทานให้ฟัง มีชายคนหนึ่งไปที่ร้านอาหาร ถามว่ามีอาหารอะไรให้ยกมา เด็กเสิร์ฟยกมา 4 จาน จานแรกสภาพเละเทะ ชายคนนั้นถามว่าอะไร เด็กเสิร์ฟบอกว่า ปูผัดปลาไหลยัดไส้หมูโคราช ส่วนจานที่ 2 เป็นยำสะตอแหลใส่ตับกับห้อยจ๊อห่อใบเฟิร์น และจานที่ 3 เป็นปูผัดไข่ชั่งกิโล อีกจานสุดท้ายเป็นจานเปล่า นั่นคือโหวตโน” น.ต.ประสงค์กล่าว
       
       น.ต.ประสงค์กล่าวอีกว่า ความจริงวิกฤตบ้านเมืองจะน้อยกว่านี้ถ้าทำอะไรเสียบ้าง แต่ไม่ทำอะไร ได้แต่แพลงกิ้ง คือนอนทื่ออยู่เฉยๆ มาถึงตรงนี้เลือกไปก็อย่างนั้น เปรียบดั่งยาหมดอายุ ขอให้ประชาชนเก็บท้องไว้ด้วยการโหวตโน ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการออกมาวิจารณ์ถึงการใช้สิทธิ์โหวตโนไม่มีผลต่อการเลือกตั้งนั้น ในฐานะที่ตนเป็นอดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 การกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญชัด เวลานับคะแนนให้นับบัตรด้วย ผู้ที่ชนะเลือกตั้งในเขตนั้นจะต้องชนะบัตรที่ไม่ลงคะแนนด้วย ขออย่าได้สงสัยอะไร ซึ่งถ้าเสียงโหวตโนสูงกว่าคนสมัครทั้งประเทศ การเลือกตั้งจะถูกปิดหีบโดยประชาชน
       
       “เพราะฉะนั้น 3 กรกฎา เข้าคูหาไปดองปูแล้วส่งคุณหนูกลับบ้าน ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้กู้บ้านกู้เมือง ข้าราชการ โดยเฉพาะทหาร ตำรวจ เขาก้มีหัวใจ ก็คิดเหมือนกัน และเชื่อว่าเขาก็จะไปดองปูและส่งคุณหนูกลับบ้านเช่นกัน” น.ต.ประสงค์กล่าว
       
       นายณรงค์ โชควัฒนา นักวิชาการ ได้กล่าวเสวนาในหัวข้อเผด็จการที่มาจากเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าชั่วร้ายกว่าเผด็จการที่มารัฐประหาร เพราะจะใช้เสียงของประชาชนอ้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง แล้วเข้าไปแก้ไขกฏหมาย เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ดังนั้น การกำจัดเผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งย่อมหนีไม่พ้นการใช้อำนาจทางทหารเข้ายึดอำนาจ เผด็จการที่มาจากการเลือกตั้งจึงต้องเดินหน้ารณงค์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจความหมายความต่อไป รวมทั้งให้สำนึกว่า นักการเมืองที่อาสาเข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองมีฐานะเป็นลูกจ้าง จึงไม่มีสิทธิ์ร่ำรวย นักการเมืองไม่มีสิทธิ์เอาเงินนายจ้างมาหว่านเพื่อรักษาฐานเสียง
       
       อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าการแตกแยกทางความคิดจนมาซึ่งความขัดแย้งจนถึงขั้นรบราฆ่าฟัน ในช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะจะรุนแรงมากกว่าการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ พรรคการเมืองบางพรรคจึงมีแนวคิดที่จะยึดอำนาจรัฐ โดยจัดกองกำลังส่วนตัว ไม่มีประชาธิปไตยในโลกนี้ที่ให้พรรคการเมืองมีกองกำลังส่วนตัว และปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้งเพราะการรบราฆ่าฟันกันโดยไม่มีที่สิ้นสุด การเลือกตั้งในครั้งนี้ถือว่าอันตรายและเห็นแก่ตัวที่สุด และเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งความรุนแรงจะเกิดขึ้นอีกมากมาย หากเราจะออกวิกฤตครั้งนี้โดยไม่เสียเลือดเนื้อ ต้องร่วมใจกันโหวตโน
       
       น.ต.ประสงค์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพิ่มเติมด้วยว่า ภายหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองยังไม่สงบ เพราะไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะมีกลุ่มคนออกมาเคลื่อนไหว อาทิ นักวิชาการที่ไม่เอาระบอบทักษิณออกมาต่อต้านหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีประชาชนเสื้อแดงออกมาหากมีรัฐบาลชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนการยุติความไม่สงบนั้นตนมองว่าแนวทางการปฎิวัติต้องเกิดขึ้นแต่จะเป็นรูปแบบใหม่คือ ทหารหนุนหลังประชาชน
       
       "การเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นแสงสว่าง หากจะให้ทุกอย่างคลี่คลายต้องเป็นหลังการควบคุมสถานการณ์และมีเหตุการณ์ชั่วคราวเกิดขึ้น เพราะอยู่ดีๆ จะให้ดีขึ้นมาทันทีไม่ได้ ซึ่งผมขอไม่พูดต่อ อยากให้รอดูก่อนการเลือกตั้งอาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น" น.ต.ประสงค์ กล่าว