20 พฤษภาคม 2552

การตัดสินใจของประชาชนที่จะกำหนดทิศทางของภาคประชาชนและอนาคตประเทศชาติด้วยตัวเอง

การเมืองในปัจจุบันตอบสนองเจตนารมณ์ของวีรชนแล้วหรือยัง
การเมืองในปัจจุบันจะนำไปสู่การเมืองใหม่ได้หรือไม่
พันธมิตรฯ ควรเดินหน้าเพื่อสานเจตนารมณ์ต่อไปหรือไม่
กลุ่มคนใดที่มีโอกาสสร้างการเมืองใหม่ได้จริง
พันธมิตรฯ จะสร้างการเมืองใหม่ให้เป็นผลสำเร็จด้วยวิธีใด
ทราบหรือไม่ว่าต่อไปจะมีข้อจำกัดในอนาคตที่นักการเมืองพยายามออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการชุมนุม
รัฐบาลในปัจจุบันจะสามารถคลี่คลายได้สำเร็จหรือไม่
พันธมิตรฯ ควรพอใจหรือยังกับการตอบสนอง/ไม่ตอบสนองข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ ทั้ง 13 ข้อ
ถึงเวลาหรือยังว่าควรมีพรรคการเมืองใหม่เพื่อสร้างการเมืองใหม่
บทบาทของพันธมิตรฯ กับพรรคการเมืองใหม่ควรมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
แกนนำพันธมิตรฯควรมีบทบาทอย่างไรในอนาคต
อะไรทำให้พันธมิตรฯควรที่จะก้าวเข้าสู่การเมืองเพื่อสร้างการเมืองใหม่มากที่สุด
อยากเห็นใครเป็นหัวหน้าพรรค
เห็นว่าควรตั้งพรรคเมื่อใด
คาดหวังอะไรจากพรรคการเมืองใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้น
หากมีการเลือกตั้งท่านจะตัดสินใจลงคะแนนเลือกพรรคใด
อะไรเป็นสิ่งที่ท่านกังวลมากที่สุดในการตั้งพรรคการเมืองใหม่
อยากให้พรรคการเมืองใหม่มีผู้นำ/โครงสร้าง/นโยบายอะไรบ้าง

พันธมิตรฯ นั้นไม่ยินยอมประนีประนอมกับความชั่วและจะใช้สื่อเอเอสทีวีอันทรงพลังเป็นหัวหอกแฉโพยความสามานย์ของกลุ่มการเมืองต่างๆ อย่างชนิดถึงลูกถึงคน คนเสื้อเหลืองนั้นมีวจีกรรมและกรรมแห่งการกระทำทั้งปวงที่ล้วนมุ่งมั่นเพื่อต่อสู้กับพวกทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ถึงขนาดยอมพลีชีพเพื่อปกป้องสถาบันสำคัญของชาติซึ่งตรงกับภารกิจหลักของกองทัพไทยหรือเป็นภารกิจที่กองทัพต้องเป็นกองหน้าในเชิงปฏิบัติด้วยซ้ำไป ปรากฏการณ์การต่อสู้ของสนธิ ลิ้มทองกุลตามด้วยการผสานพลังของแกนนำพันธมิตรฯ ได้นำกองทัพคนเสื้อเหลืองอันไพศาลออกมาต่อสู้กับรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลนอมินีสมัคร สุนทรราชรวมทั้งสมชายกระโปรง ด้วยวิธีการสันติอหิงสาอย่างต่อเนื่อง ในบางครั้งรู้สึกทดท้อเหนื่อยล้าเพราะความยืดเยื้อและวิธีการต่อสู้ในบางครั้งจากการชุมนุม 193 วันคนไทยหลายล้านคนได้ตื่นตัวอย่างขนานใหญ่ของประชาชนไม่เคยมีครั้งไหนที่ประชาชนออกมากันเป็นล่ำเป็นสันขนาดนี้ จนระบอบทักษิณต้องทำแผนไทยฆ่าไทยที่นำเอากลุ่มอันธพาลเสื้อแดงพร้อมอาวุธนานาชนิดจากสนามหลวงมายังสถานที่ชุมนุมอย่างสันติของพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ และทำเนียบรัฐบาลหวังทำร้ายคนเสื้อเหลืองโดยไม่แยแสต่อตัวบทกฎหมายท่ามกลางตำรวจและสื่อมวลชนมากมาย รัฐบาลสมัยนั้นเองก็ได้สลายการชุมนุมอย่างป่าเถื่อนโดยผิดขั้นตอนด้วยอาวุธสงครามนานาชนิด ลอนส่งผู้มีอิทธิพลในเครื่องแบบบางกลุ่มมาลักลอบยิงและปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุมกลางกรุงเทพฯ จนบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน แต่นายทหารใหญ่ทั้งนอกและในราชการบางคนก็มิได้กระทำการใดๆ แถมกลับยังมีทัศนะว่าทั้งเหลือง-แดง-ล้วนเป็นภัยต่อความมั่นคง (ของพวกกู) ทั้งคู่

เรายังไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนทำเพื่อชาติเลยทุกคนทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น ทหารใหญ่เหล่านี้กลับไปร่วมมือพวกนักการเมืองขี้โกงทั้งในลับและเปิดเผยเพื่อสร้างกลุ่มการเมืองใหม่และขุมกำลังคนสีน้ำเงินเป็นบันไดก้าวขึ้นยึดครองอำนาจรัฐ ชายไทยชื่อพม่าหน้าเขมรคนนี้กับพรรคพวกกำลังฉวยโอกาสสวาปามเงินงบประมาณชาติด้วยสารพัดโครงการของรัฐอย่างมูมมามโดยมีชาวประชาธิปัตย์บางคนกระทำทั้งหลิ่วตาและให้ท้ายรวมทั้งร่วมกันแบ่งปันกระสุนดินดำเข้ากระเป๋า กลุ่มการเมืองใหม่มีการกระทำอะไรบางเรื่องบางราวไม่ถูกต้องและหากมีอำนาจทางการเมืองไว้ในกำมือเมื่อไหร่คนเหล่านี้จะแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองและพวกพ้องอย่างไร้ยางอายอีกด้วย คนเหล่านี้จึงมองสนธิลิ้มและพันธมิตรฯ ทั้งปวงเป็นก้างขวางคอทางการเมืองชิ้นใหญ่และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะถีบอภิสิทธิ์ลงจากเก้าอี้นายกโดยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ เหตุการณ์รถนายกฯ โดนล้อมกรอบที่พัทยา, เหตุการณ์นายกฯ เฉียดตายที่กระทรวงมหาดไทย, เหตุการณ์สงกรานต์เลือดในเดือนเมษายน เหนือความคาดฝัน นายกฯ อภิสิทธิ์จึงได้ใช้นายทหารใหญ่ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายและไม่ได้อยู่ในสายคุมกำลังมาจัดการกับม็อบอันธพาลการเมืองโดยมีนายทหารใหญ่ทั้งนอกและในราชการบางคนที่ทำตัวนอกลู่นอกทางนั่งหูห้อยคอตกให้ชาวบ้านอย่างเราๆ ได้เห็นในระหว่างการประกาศอธิบายสถานการณ์ในห้วงเวลานั้น ความมุ่งมั่น ตีแผ่ เปิดเผยความจริงของเอเอสทีวีและสนธิลิ้มอย่างรุนแรงจึงก่อให้เกิดปรากฏการณ์ว่ามีกระสุนจากอาวุธสงคราม เสียงปืนร้อยกว่านัดมุ่งฆ่าสนธิ ลิ้มให้ดับดิ้น คนสั่งฆ่าสนธิคงเชื่อว่าสนธิตาย-พันธมิตรฯ ตาย-พรรคพันธมิตรฯ ตาย-เอเอสทีวีตาย-ก้างขวางคอตาย แต่สนธิ ลิ้มดันรอดชีวิตในวินาทีแห่งความตายมาเยือนอยู่ต่อหน้าต่อตา

ความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ทุ่มเท เสียสละของแกนนำและเพื่อนพ้องพันธมิตรฯ จากทั่วทุกสารทิศที่รู้เห็นและตระหนักในปัญหาร่วมกันคือการเมืองในปัจจุบันเป็นการเมืองเก่าและล้มเหลว ความเหลวเละเหลวแหลกของนักการเมืองไทย นักการเมืองก็ยังคงมัวเมาในอำนาจและยังปกครองประเทศเพื่อประโยชน์ของทักษิณ ของพวกพ้องและตัวกรูต่อไปและต่อไป เราจึงต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เราจึงต้องการดิ้นหลุดจากวงจรอุบาทว์ แม้ว่าในวันนี้เรายังมีความหวังกับประชาธิปัตย์เพราะเราศรัทธาในตัวนายกฯอภิสิทธิ์ กรณ์ จาติกวณิช บุญยอด สุขถิ่นไทยและอีกหลายๆท่านแต่บุคคลเหล่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนการเมืองแบบเก่าให้เป็นการเมืองใหม่ได้โดยลำพังเพราะถูกจำกัดทั้งโครงสร้างของการเมืองรัฐบาลผสม วัฒนธรรม วิธีคิดของพรรค ในวันนี้เราไม่สามารถพึ่งพิงพรรคการเมืองใดๆได้เลย เรายังต้องต่อสู้บนแนวทางภาคประชาชนโดยพัฒนาปรับแต่งขบวนให้เข้มแข็งมากขึ้นและมากขึ้นเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลเป็นหูเป็นตาเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน ไม่ให้พวกโจรมันปล้นชาติปล้นเมืองต่อไป

คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ ...เมื่อเราเจอกันข้างพรหมลิขิตก็อยากใกล้ชิดมากเกินห้ามใจ ต้องเจียมตัวว่าเราคือใคร แค่แอบรู้ใจไม่ใช่แฟน......ก็อยากดูแลให้มากกว่านี้เหลือเกิน แต่กลัวจะเผลอ จนเผลอทำเกินหน้าที่...ขอโทษบางคราวที่ต้องเหินห่าง และมีบางครั้งที่เคยขัดใจ บางอย่างที่ขอมากไป เจ้าที่หัวใจเขาหวงแหน...คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ หน้าที่ตามฐานะใจ ห้ามเดินก้าวล้ำเส้นแฟน...ยอมอยู่ข้างใจ แต่ไม่ขอเป็นสำรอง ขออย่าได้มองความซื่อแล้วแปลว่าง่าย...

การตั้งพรรคการเมืองสู้ในแบบประชาธิปไตยตัวแทนคือมี ส.ส.ในสภาของพันธมิตรฯ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าพันธมิตรฯ ก็คงจะต้องตั้งพรรคการเมืองเมื่อทำความเข้าใจกันดีแล้วเห็นร่วมกันแล้วว่าน่าจะตั้งก็ตั้ง ถ้าไม่ก็ยังไม่ตั้งมันจะเสียหายอย่างไรหากการต่อสู้เราจำเป็นต้องมีอาวุธเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชนิดน่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ใช้ความเสียสละ ความซื่อสัตย์และความกล้าหาญ ตลอดจนความรู้ความสามารถและผนึกพลังกันเดินหน้าสร้างการเมืองใหม่ให้เป็นจริงในอนาคตได้ สร้างความหวังให้ประชาชนที่กำลังเบื่อหน่าย สิ้นหวังกับการเมือง(เก่า) น่าจะได้เวลาที่พันธมิตรฯ ควรจะยกระดับการต่อสู้ด้วยการตั้งพรรคการเมือง โดยที่ยังไม่ละทิ้งการต่อสู้ภาคประชาชนอย่างพันธมิตรฯ มวลชนเราไม่สามารถออกมารวมตัวต่อสู้บนท้องถนนได้ในทุกสถานการณ์ การชุมนุมเคลื่อนไหวในลักษณะอารยะขัดขืนเช่น ยึดถนน ยึดสถานที่ราชการก็มีความจำกัดและยากลำบากกว่าเดิมจึงไม่ควรและไม่ใช่ทางเลือกหลัก แต่การปกป้องผลประโยชน์ชาติก็น่าจะหนักแน่นขึ้นถ้าพันธมิตรฯ ประสานเสียงการต่อสู้อย่างสร้างสรรค์ทั้งนอกสภาและในสภา

การเมืองใหม่น่าจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ สามารถช่วงชิงที่นั่งของภาคกลาง ภาคอิสาน ภาคเหนือให้ได้มากที่สุด การเมืองใหม่ไม่มีขาย ใครจะทำให้ถ้าไม่ทำเอง อยากได้ต้องทำเอง การเมืองใหม่ไม่มีทางได้มาด้วยการชุมนุมเรียกร้อง ชุมนุมให้ตายก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงการเมืองได้เพราะขาดอำนาจบริหารจัดการ หรือแค่ได้ยื่นหนังสือให้ผู้มีอำนาจซึ่งเขาไม่ทำแน่นอนถ้าไม่ส่งผลประโยชน์โพดผลอะไรให้เขา ภายใต้ค่านิยมและวัฒนธรรมการเมืองเก่าที่ฝังรากลึก อย่าลืมว่าสนธิลิ้มเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่รับตำแหน่งการเมืองนั้น "มาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ และไม่มีทางลงรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้นในอนาคต เพียงต้องการเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน หากผิดคำพูดถุยน้ำลายใส่หน้า หรือถอดรองเท้าตบหน้าได้เลย" อย่าอ้างความจำเป็นหรือประชามติที่ต้องผิดคำพูด ทำให้ดุกันชัดๆเป็นตัวอย่างที่ดีแก่คนรุ่นใหม่ต่อไปที่จะรักษาคำพูด สนธิควรจะอยู่ตรงนี้ทำผู้จัดการ astv ต่อไปดีกว่าไม่จำเป็นต้องมีอำนาจทางการเมือง

ในการ 1) ประชุมตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรประชาชน ฯ ของจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศกับแกนนำเพื่อหาแนวทางการตั้งพรรคการเมือง ณ มหาวิทยาลัยรังสิตที่อาคารนันทนาการ ในวันที่ 24 พค. 2552 แกนนำจะเป็นฝ่ายพูดความในใจและวิเคราะห์สถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำนาจและสถานการณ์การเมืองไทย การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรม การเมืองใหม่กับก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ รวมทั้งพรรคการเมืองและ 2) การชุมนุมใหญ่เพื่อระลึกถึงวันครบรอบ 1 ปีของการชุมนุมใหญ่ 193 วัน ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่สนามกีฬา เมน สเตเดียม ในวันที่ 25 พค. 2552 พันธมิตรฯ ทั่วประเทศจะยอมรับและเคารพการตัดสินใจของประชาชนในวันนั้นและไม่ว่าผลการลงมติจะเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจของประชาชนที่จะกำหนดทิศทางของภาคประชาชนและอนาคตประเทศชาติด้วยตัวเอง