09 ตุลาคม 2552

กระบวนการประชาภิวัฒน์

สังฆทานพิสดาร -- PhraPaisal เช้าวันนี้ก็เหมือนกับวันอื่น ๆ ของหลวงพ่อ มีโยมผู้หญิงมาถวายสังฆทาน แต่หลวงพ่อสังเกตว่าในถังมีนิตยสาร ๔ สีหลายเล่มเสียบอยู่ด้วย เมื่อหลวงพ่อรับสังฆทานเสร็จ โยมก็ขอให้หลวงพ่อเปิดดูนิตยสารเหล่านั้น ท่านทำตามที่โยมขอจึงรู้ว่าเป็นนิตยสารปลุกใจเสือป่า มีภาพโป๊เปลือยเต็มไปหมด ท่านจึงรีบปิดหนังสือทันที แต่โยมก็ขอให้เปิดดูต่อไป พร้อมกับอธิบายว่าหลายวันก่อนไปบนศาลพระพรหม โดยอธิษฐานว่าหากได้ตามที่ขอจะแก้ผ้ารำแก้บนถวายท่าน ปรากฏว่าเธอได้ตามที่ขอ แต่ไม่กล้าทำอย่างที่บนเอาไว้ คิดหาทางออกอยู่หลายวัน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถวายหนังสือโป๊ให้หลวงพ่อ เธอขอร้องให้หลวงพ่อดูภาพเหล่านี้แล้ว “ส่ง”ภาพเหล่านี้ไปให้พระพรหมด้วย พระพรหมคงไม่ว่าอะไรหากได้เห็นภาพเหล่านี้แทนของจริงแล้ว เธอคงมองเห็นพระราวกับบุรุษไปรษณีย์ ที่สามารถส่งถ่ายอะไรให้ใครต่อใครได้ แต่ก่อนก็เห็นว่าพระเป็นตัวกลางที่สามารถส่งบุญให้คนตายได้ แต่เดี๋ยวนี้ถึงกับคิดว่าท่านสามารถส่งภาพโป๊เปลือยให้พระพรหมชื่นชมได้ด้วย นับเป็นนวัตรกรรมแปลกใหม่ เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่เดี๋ยวนี้คนไทยนอกจากมีวิธีการ “ทำบุญ” แบบแปลก ๆ ซ้ำยังมีวิธีแก้ปัญหาชีวิตแบบพิสดาร เช่น ตัดกรรม สแกนกรรม ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นวิธีการที่สวนทางกับพุทธศาสนา ซึ่งเน้นการพึ่งความเพียรของตน การฝึกฝนพัฒนาตน และการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แม้เมืองไทยจะพัฒนาไปในหลายเรื่อง แต่เรื่องธรรมะหรือพุทธศาสนา ดูจะถอยหลังไปไกลทีเดียว ------------------------------------------------------------------------------------------- เมื่อ 13 - 14 ปีก่อนมีหลงจู๊ที่ผันตัวเองมาเป็นนักการเมืองคนหนึ่งไปบนบานไว้กับหลวงพ่อในโบสถ์วัดป่าสำคัญที่จังหวัดของตนว่า "หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะทำบุญปฏิสังขรณ์มุงหลังคาโบสถ์ให้ใหม่" ต่อมาไม่นานมันก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ และหลังคาโบสถ์ก็ได้ทำใหม่จริงๆ แต่แทนที่มันจะใช้เงินส่วนตัวตามที่ท่านได้บนบานเอาไว้กลับใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งจ่ายงบกลางสำหรับใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมไปมุงหลังคาโบสถ์แก้บนเป็นงบประมาณผูกพัน 2 ปีถึง 15 ล้านบาทผันเอางบแก้น้ำท่วมไปมุงหลังคาโบสถ์แถมข้างโบสถ์มีป้ายใหญ่โตประกาศไว้ให้ทราบว่าเป็นงบประมาณสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีตนนี้เท่ากับได้ทั้งแก้บนได้ทั้งผลงาน ผู้รับเหมาที่ได้งบประมาณไปทำงานนี้ก็คือบริษัทในเครือของมันเอง แต่ถึงจะเป็นบริษัทในเครือก็ยังมีเงินทอนให้เป็นการส่วนตัวด้วย แถมเงินทอนถูกเม้มไปใช้นอกบ้านไม่ได้ส่งมอบให้บ้านใหญ่ตามประเพณีปฏิบัติสุดท้ายแม่บ้านบ้านใหญ่รู้เข้าเกิดเป็นเรื่องสิ หลังคาโบสถ์เพิ่งจะสร้างเสร็จแต่หลังคาบ้านแทบเปิงเพราะแรงอาละวาดของแม่บ้าน ภายใต้ระบอบทักษิณการเมืองฝ่ายบริหารก็จะใช้อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมไม่ตระหนักถึงความถูกต้องแต่จะสนใจเพียงที่มาของการเข้าสู่อำนาจโดยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนชนะเลือกตั้ง ทุจริตเลือกตั้ง ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ซื้อตัว สส. ฯลฯ และเมื่อชนะเลือกตั้ง ได้อำนาจรัฐแล้วจะทำอย่างไรกับบ้านเมืองก็อาจกระทำได้แม้แต่จะใช้อำนาจรัฐไปรับใช้บุคคลคนเดียวกลุ่มเดียวก็กระทำได้เพราะถือว่าประชาชนได้มอบอำนาจให้ตนอย่างเด็ดขาดผ่านการเลือกตั้ง อาศัยอำนาจนิติบัญญัติและบริหารที่มีอยู่เช่นออกกฎหมายอันมีผลให้อำนาจตุลาการไม่สามารถพิจารณาคดีของทักษิณและพวกได้หรือออกกฎหมายเพื่อให้คำพิพากษาของศาลไม่มีผลใช้บังคับกับทักษิณและพวกเป็นต้น หรือแม้แต่การสุมหัวกันแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองของพวกนักการเมือง ปัญหาและภารกิจเหล่านี้เร่งด่วนและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พรรคการเมืองใดๆ จะแบกไว้เพียงลำพัง นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2548 หลังจากที่สนธิ ลิ้มกัดฟันต่อสู้กับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและระบอบทักษิณอย่างโดดเดี่ยวมาเกือบ 5 เดือน ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ถือกำเนิดขึ้นภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของประชาชนเกือบทุกภาคส่วนโดยในเวลาต่อมากลุ่มพันธมิตรฯ ก็มีมติเอกฉันท์เลือกแกนนำขึ้นมา 5 คนเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มการเมืองภาคประชาชนที่อาจเรียกได้ว่า เข้มแข็ง แข็งแรงและครบเครื่องที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยโดยมีการชุมนุมต่อเนื่อง 193 วันซึ่งยาวนานที่สุดในโลกเป็นหลักฐาน นับเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการประชาภิวัฒน์ของสังคมไทยในเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ที่ผ่านมาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนที่มีพลังที่สุดโดดเด่นที่สุดและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการต่อสู้ทางการเมืองด้วยพลังอำนาจของภาคประชาชนสมัยใหม่ ผู้คนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ มีทั้งคนต่างจังหวัด คนกรุงเทพฯ และชนทุกระดับชั้น ทุกสาขาอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงโดยที่ทุกคนมีจุดร่วมกันตรงที่เป็นผู้ที่มีความตื่นตัวสนใจติดตามข่าวสารบ้านเมือง มีความรู้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศ นอกจากจะยอมสละเวลามาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ แล้วยังสละเงินทองบริจาคให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อีกด้วย แม้จะมีความแค้น ความเจ็บปวดรวดร้าวจากการที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์ถูกทำร้ายถูกฆ่าตายไปต่อหน้า แต่ประชาชนก็ยังครองสติและยึดมั่นในสันติอหิงสาต่อไป สะกดจิตใจมิให้ใช้ความรุนแรงแก้แค้น หรือเอาคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน คนพวกนี้กลับถูกสังคมตำหนิ รุนแรงเกินกว่าเหตุ หยาบคาย มีวาระซ่อนเร้น คนพวกนี้ถูกป้ายสี ถูกเหยียดหยามสารพัด ท่านนายกฯอภิสิทธิ์หอบช่อกุหลาบฮอลแลนด์ราคาสามพันบาทไปคารวะไปเชิญผีดิบที่คนไทยน่าจะภูมิใจถึงบ้านให้เข้ามาร่วมรัฐบาลเทพประทานโดยมีหลงจู๊ตนนี้พาไป ผีดิบที่สามารถไล่จับกระจงขี้ยาและขาหักด้วยมือเปล่าได้กับเพื่อนๆนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เทือกเขานาคเกิดจังหวัดภูเก็ตเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพื่อแสดงว่าที่เขานาคเกิดเป็นป่าสมบูรณ์ที่ยังมีแม้แต่กระจงเป็นเรื่องราวกล่าวหากันใหญ่โตยืดเยื้อจนรัฐมนตรีผู้ออกส.ป.ก.ต้องไปเดินแจกคำชี้แจงประชาชนเหมือนเด็กขายหนังสือพิมพ์ตามป้ายรถเมล์สุดท้ายรัฐมนตรีต้องลาออกและนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นต้องยุบสภา ตัวหลงจู๊เองก็เคยถูกผู้จัดการรัฐบาลอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างรุนแรงในสภาจบด้วยคำตะเพิดเสียงลั่นสภาว่า ออกไป ! .. ออกไป .. ส่วนไอ้พวกนักการเมืองกลุ่มนั้นที่ร่วมกันสร้างเรื่องกล่าวหารัฐมนตรีวันนั้นบัดนี้คนหนึ่งมีภรรยามาเป็นรัฐมนตรีว่าการร่วมรัฐบาลเทพประทาน คนหนึ่งมีกิ๊กมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ อีกคนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ผู้จัดการคนที่ถูกกระจงขาหักเตะจนคว่ำข้าวเม่าไปต้องพานายกรัฐมนตรีพร้อมช่อกุหลาบราคาถึงที่พำนักเพื่อเชิญมาร่วมรัฐบาลแล้วปรากฏภาพกอดรัดกันกลมอยู่ในที.วี.ทุกช่องกับหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ทุ่มเทใจและฝากความหวัง ฝากอนาคตของประเทศชาติไว้กับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเพราะเชื่อว่าจะสามารถนำพาประเทศชาติให้รอดพ้นวิกฤติต่างๆนานาได้ เพราะเมื่อนายกรัฐมนตรีอาสาเข้ามารับใช้ประชาชนแล้วประชาชนก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะคาดหวังและตั้งตาคอย ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีด้วยใจอันสุจริตและเป็นธรรม หากเห็นว่าพฤติกรรมใดๆ ของผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหารจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้แล้วถ้ายิ่งแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลทำท่าจะเข้ารกเข้าพง ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยก็ยิ่งมีสิทธิ์คัดค้านและต่อต้านได้ทุกกรณี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะคือความหวังอันเรืองรองของสังคมไทยในยามที่ประเทศชาติกำลังตกอยู่ในสภาวะซึ่งไม่น่าไว้วางใจอย่างสุดๆเพราะถูกรุมเร้าจากปัญหาใหญ่นานัปการทั้งภายในและภายนอก ในระหว่างการชุมนุมอันยาวนานของพันธมิตรนั้นกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ได้ทำให้ระบอบทักษิณและตัวแทนพังพาบไปหลายๆ ครั้ง นักการเมืองน้ำเน่าถูกตัดสิทธิ์ไป ร่วมร้อยๆตนแต่ก็ยังคงมีบางตนที่สามารถแคล้วคลาดรอดพ้นจากเงื้อมมือของกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ไปได้ แต่กระนั้นถึงแม้หลงจู๊ ผีดิบและนักการเมืองพวกนี้จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หรือ 10 ปีแต่กลับก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองอย่างชัดแจ้งไม่ว่าจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล การแต่งตั้งรัฐมนตรี การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง การแต่งตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ทว่ากระบวนการยุติธรรมและตุลาการกลับไม่สามารถดำเนินการใดๆ อีกทั้งยังปราศจากกฎหมายและบทลงโทษอันเป็นเครื่องมือที่ใช้กำราบคนเหล่านี้ที่ประพฤติตัวละเมิดอาญาแผ่นดิน สังคมต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันพึงกระทำโดยฉับไว ใช้อำนาจการบริหารโดยชอบธรรมที่มีอยู่จัดการกับปัญหาสำคัญของบ้านเมืองให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว สังคมไทยก็ไม่ต้องการเห็นนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดต้องประสบกับความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่านายกฯคนปัจจุบันกับอดีตนายกฯนักโทษหนีคดีมีความแตกต่างกันหลายประการอาทิ ความสุขุมรอบคอบ ความกล้าได้กล้าเสียทางการเมือง ความซื่อสัตย์สุจริต ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นต้น แต่แล้วด้วยการกระทำของอดีตนายกฯซึ่งแปรสภาพเป็นนักโทษผู้จงใจจุดไฟเผาบ้านเผาเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แล้วสังคมไทยก็ต้องผิดหวังและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพราะหลายเดือนที่ผ่านมานี้คนในสังคมเริ่มพบว่านายกฯเป็นคนดีก็จริงแต่มีความเด็ดขาดและความกล้าหาญทางจริยธรรมไม่เพียงพอ การมีอำนาจโดยชอบธรรมแล้วไม่สามารถใช้มันได้อย่างเหมาะสมนับเป็นสิ่งน่าเสียดายและยิ่งเมื่อมีโอกาสแล้วกลับไม่ใช้ก็อย่ามีเสียดีกว่าเพราะมีก็เหมือนไม่มี ท่าทีของนายกฯเขมรในวันนี้ย่อมจะสร้างความฮึกเหิมและกระตุ้นคะแนนนิยมทางการเมืองของตัวเขาเองในหมู่ประชาชนคนเขมรได้ไม่น้อย แต่ท่าทีเช่นนี้ทำให้คนไทยแทบจะทุกคนรู้สึกเสมือนถูกข่มขู่ คุกคาม อาฆาตมาดร้าย หมายมุ่งเอาชีวิต จากเพื่อนบ้านที่ไม่เป็นมิตร ช่างไม่ให้เกียรติกันเอาเสียเลย คนไทยมีความผิดอะไรหรือหากเข้าไปในบริเวณที่ราชการไทยยืนยันต่อคนไทยทั้งประเทศเองว่าเป็นเขตดินแดนราชอาณาจักรไทยจึงต้องถูกยิงทิ้งโดยกองกำลังต่างชาติ ? ไม่ต้องรู้สึกรักชาติมากมายอะไรหรอกเพียงเหมือนกำลังถูกกุ๊ยข่มขู่เท่านี้มันก็ทำให้รู้สึกอ้างว้าง หดหู่ในใจพอแล้วในบ้านตัวเอง จะดีเพียงไรหากผู้นำประเทศของเราออกมาแสดงท่าทีบางอย่าง พูดคำบางคำ สื่อความรู้สึกและความหมายเพื่อกอบกู้ความรู้สึกของคนไทยขึ้นมาบ้าง สังคมไม่สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายหรือข้อกฎหมายมาจัดการนักการเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชัน ได้อย่างเด็ดขาด ดังที่ประชาชนหลายคนแสดงทัศนะด้วยความคับแค้นต่อนักการเมืองโกงชาติออกมาว่า “ขายชาติ ขายแผ่นดิน คอร์รัปชัน รอลงอาญา ปรับแค่ 2 หมื่นบาท ลักเล็กขโมยน้อยโดนจับติดคุกติดตะราง” ในขณะที่ส.ส.และส.ว.ที่กำลังจะเข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญเป็นลักษณะของวรนุสที่ดิ้นพล่านเพราะรัฐธรรมนูญนี้เหมือนยาที่ถูกกับโรค ดังนั้นคนพวกนี้จึงต้องเคลื่อนไหว ส.ส.ร.ไม่ใช่จงอางหวงไข่ แก้รัฐธรรมนูญแก้ได้แต่ต้องถามว่าแก้อะไร เพื่อใคร แก้เมื่อไหร่ ต้องพิจารณาประกอบกันไปและไม่เพียงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ได้ข่าวว่ามี ส.ส.พรรคหนึ่งเข้าชื่อยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อถอดถอนป.ป.ช.อย่างที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริอยากจะใช้คำว่า “เลวระยำ” เพราะในเมื่อป.ป.ช.ชุดนี้ทำผลงานไว้หลายต่อหลายเรื่องโดยเฉพาะการชี้มูล 2-3 เรื่องที่ผ่านมา แม้บางเรื่องจะช้าไปบ้างแต่เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อบ้านเมืองที่ทุกวันนี้หาพึ่งพาอะไรไม่ได้ ในเมื่อทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมัวแต่ยุ่งกันแค่ 3-4 เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ คลิปนายกฯ มีเท่านี้ ไม่มีกฎหมายที่เป็นประโยชน์ซักฉบับ และในเมื่อวันนี้คนระยำมันครองเมือง หากกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ถึงทางตันเมื่อใดการชุมนุมอันยาวนานของพันธมิตรก็ย่อมสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่อนั้น ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่เสียชีวิตไปในการสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตและบาดเจ็บไปในระหว่างการชุมนุมอันยาวนานของพันธมิตร รวมกว่า 600 คและชีวิตวีรชนก็ย่อมสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่อนั้น การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องไม่สูญเปล่า ดังนั้นกระบวนการประชาภิวัฒน์หรือการเมืองใหม่จึงจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นและตรวจสอบให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติหยุดกระทำในการคอร์รัปชันโครงการต่างๆเช่นรถเมล์ NGV 4,000 คัน การแทรกแซงองค์กรอิสระและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของแกนนำพันธมิตรส่วนหนึ่งแต่สิ่งที่ต้องมั่นคงอยู่เหมือนเดิมคือปณิธานร่วมกันของประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาสู้เพื่อส่วนรวมก็แล้ว เสียสละเพื่อส่วนรวมก็แล้ว ญาติมิตรเพื่อนฝูงล้มหายตายจากไปก็แล้ว ประชาชนแต่ละคนจะต้องกลับไปกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ในประเทศอย่างผู้อาศัยไม่ใช่เจ้าของที่จะสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางบ้านเมืองของตนได้อีก จะปล่อยให้ระบอบทักษิณกลับมาครองเมืองอีกครั้งในรูปพรรคการเมืองอื่นหรือส่วนผสมใหม่อย่างนั้นหรือ

06 ตุลาคม 2552

14 กย 52 ด.ร.สมปอง สุจริตกุลเขียนบทความขึ้น ท่าทีและปฏิบัติการของเขมรและข้อเสนอแนะ มีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. เราต้องประท้วง ตอกย้ำ และยันยันการประท้วงท่าทีอันแข็งกร้าวและปฏิบัติการของเขมรซึ่งเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับการเจรจาในแต่ละครั้งในระดับรัฐบาลซึ่งอ้างว่าทุกสิ่งเป็นการกระทำฉันมิตรทั้งการลุกคืบโดยอพยพของชาติเขมรเข้ามาในดินแดนไทยซึ่งไม่ได้ส่อแสดงความเป็นมิตร รวมทั้งการมอบสัมปทานการสำรวจก๊าซและน้ำมันในอ่าวไทยไปให้บริษัทข้ามชาติ 2. ไทยต้องขึ้นทะเบียนวัดที่ใกล้ปราสาทพระวิหารให้อยู่ในสาระบบวัดไทยในพุทธมณฑลของไทยและจัดให้มีพระสงฆ์ของไทยให้มีประจำวัดไว้ที่นั่น ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นที่พักพิงของพระสงฆ์ของเขมรซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารเขมรซึ่งพร้อมที่จะสละผ้าเหลืองและปฏิบัติการเป็นทหารได้ทุกเมื่อ 3. การเข้ามาในอาณาเขตไทยโดยคนชาติเขมรแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยหรือเป็นทางผ่านโดยควรที่จะประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ที่เขมรสามารถทำได้ก็เพราะไทยอนุญาติทั้งนี้เพื่อแสดงว่าอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนดังกล่าวเป็นของประเทศไทย 4. ไทยต้องขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยบนผืนแผ่นดินไทยเป็นการยืนยันการใช้อำนาจอธิปไตยของไทย การเพิกเฉยปล่อยประละเลยหรือนิ่งเฉยโดยไม่ยอมใช้อำนาจอธิปไตยที่ไทยมีอยู่เป็นการยืนยันให้กับเขมรครอบครองโดยดุษฎี 5. การใช้อำนาจอธิปไตยในพื้นที่ซึ่งเป็นผืนแผ่นดินไทยหรือน่านน้ำไทยสามารถทำได้โดยจัดกำลังทหารทางบก ทางทะเล และทางอากาศ ตำรวจและตรวจคนเข้าเมืองรวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายการปกครองให้ทำการตรวจตราพื้นที่ รวมทั้งการตั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ตลอดจนการตรวจราดตะเวนทั้งทางบก เรือ และอากาศ 6. ปฏิบัติการทางภาคพื้นดินและภาคทางทะเลจะช่วยให้ขจัดข้อแอบอ้างของเขมรซึ่งจะยึดครองผืนแผ่นดินไทยโดยจะครอบตรองอันต่อเนื่องย่างเปิดเผยซึ่งอนาคตอันใกล้จะขยายอาณาเขตกว้างไกลยิ่งขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องขอให้รับอนุญาตจากไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริงอันเป็นหลักการทั่วไปของกฎหมายระหว่างประเทศ 18 กย 52 เกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชปฏิเสธสั่งย้าย นายสุวรรณ วัฒนพิทักษ์พงศ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากปล่อยให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกเข้าไปในพื้นที่เพื่อทวงคืนปราสาทพระวิหารแต่อย่างใดโดยยืนยันนายสุวรรณ ได้ทำเรื่องขอย้ายตัวเองเพราะการทำงานที่ผ่านมามีปัญหาอุปสรรคมากโดยเฉพาะความขัดแย้งกับทหารในพื้นที่นอกจากนี้ยังพบว่ามีความขัดแย้งกับพวกบุกรุกตัดไม้ พวกค้าของเถื่อนซึ่งนายสุวรรณเคยปรับทุกข์และเล่าปัญหาให้ตนฟัง รศ.ศรีศักร วัลลิโภดมหนุนวีระ-พันธมิตรฯบุกประชิดชายแดนเขมรพร้อมเตือนทั้งรัฐ-ราษฎร์อย่าหลงประเด็น คนไทยพูดแต่เขาพระวิหาร แต่ไม่พูดถึงแลนด์สเคปหรืออาณาบริเวณโดยรอบ อาทิ สระตาวและผามออีแดง ให้ทิ้งเขาพระวิหารทวงคืนแดนดิน 4.6 ตารางเมตรกลับคืนมา คนไทยโง่ 3 ครั้งถูกฝรั่งหลอกตั้งแต่ ค.ศ.1902 ในยุคที่ฝรั่งเศสล่าอาณานิคมจนกระทั่งฝรั่งเศสเขียนมาให้และเซ็นรับทราบเมื่อปี ค.ศ.1907 ซึ่งในแผนที่บอกว่า ให้ใช้สันปันน้ำหมายถึงแนวสันเขาที่น้ำไหลลงฝั่งใดคือประเทศนั้นซึ่งบนสันเขานั้นมีเขาพระวิหารแต่ไม่ใช่แลนด์สเคปหรือพื้นที่แวดล้อมทั้งหมดของเขาพระวิหารนั่นคือฝรั่งหลอกไปครั้งแรก โง่ครั้งที่ 2 คือ คำตัดสินต่อมาที่ศาลโลกตัดสินเขาพระวิหารว่าเป็นของชาติใดสุดท้ายก็ตัดสินว่าเป็นของเขมรเพราะใช้สันปันน้ำทำให้ยุคนั้น จอมพลสฤษดิ์ ธนารัตต์ถึงบางอ้อว่าถูกฝรั่งหลอกเพราะมั่นใจในศาลโลก เมื่อรู้ว่าแพ้ก็ขีดเส้น ส่วนที่เสียไป คือ เฉพาะตัวพระวิหารจากนั้นจอมพลสฤษดิ์ จึงได้ทำแนวกัน-รั้วทุกอย่างตามแนวสันปันน้ำ หรือ ทางลงจากเขาพระวิหารประกาศว่าสักวันจะต้องทวงคืนเขาพระวิหารกลับคืนมาเพราะถูกฝรั่งหลอกและที่สำคัญไม่ยอมรับพื้นที่ซับซ้อนหรือคำว่า 4.6 ตารางเมตร โง่ครั้งที่ 3 คือคำว่ามรดกโลก กรณีนพดล ปัสสาวะให้เขมรขึ้นทะเบียนมรดกโลกบนเงื่อนไขผลประโยชน์ทับซ้อนสมัยทักษิณ แล้วฝรั่งก็ยังหลอกปองพล อดิเรกสารให้เป็นหัวเรือหลักในการพัฒนาร่วม 6 ชาติบนที่ดินเขาพระวิหารนี่คือความโง่ นายสุริยะใส กตะศิลาผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลแสดงท่าทีชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาปราสาทพระวิหารและต้องไม่ปล่อยให้เขมรรุกล้ำพื้นที่เข้ามาอีก ขณะเดียวกันขอให้รัฐบาลดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ด้วย ส่วนทางออกของปัญหานี้นั้น อยากเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพเชิญสื่อมวลชน นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ องค์กรภาคประชาชน และองค์กรอิสระลงพื้นที่หาข้อเท็จจริง หาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ฝ่ายเขมรได้มีการเตรียมกองกำลังพร้อมอาวุธหนักรับสถานการณ์หากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปยังพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็จะเปิดฉากยิงทันทีโดยแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย กล่าวว่าจนถึงตอนนี้เท่าที่ได้รับรายงานมากลุ่มมวลชนต่างๆ ที่จะเดินทางเข้าไปในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนนั้นยังไม่มีการเคลื่อนไหวเข้าไปทั้งหมดยังอยู่ภายในพื้นที่ตัวจังหวัดศรีสะเกษ และอ.กันทรลักษ์ มท.ภ.2ลั่นพร้อมยิงโต้ถ้าเขมรเปิดฉากยิงก่อน "แต่หากฝั่งเขมรยิงกระสุนข้ามมาฝั่งไทยแล้วอ้างว่าไม่ตั้งใจนั้นทางทหารก็พร้อมจะตอบโต้ เพื่อป้องกันตนเอง และพร้อมที่จะรักษาอธิปไตยแต่ก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น" 19 ก.ย. 52 ผวจ.ศรีสะเกษได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดูแลสถานการณ์อย่างเต็มกำลังเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะห้ามเจ้าหน้าที่พกอาวุธอย่างเด็ดขาดรวมถึงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. ชรบ. แต่เน้นให้ถือปฏิบัติกับผู้ชุมนุมอย่างอะลุ้มอล่วยและมีการตั้งชุดประสานงานเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจให้ถูกต้องและป้องกันการกระทบกระทั่งกัน ขอวิงวอนให้กลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนชาวศรีสะเกษยุติเหตุความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น แต่กลับมีการปักป้ายจิตวิทยาประสงค์ให้เกิดความไม่พอใจพันธมิตรฯและแนวร่วมที่มากู้แผ่นดินไทยตามจุดสำคัญๆในจังหวัดหลายจุด ก การเคลื่อนไหวของคนไทยรักชาติว่าวัตถุประสงค์ที่กลุ่มคนไทยรักชาติต้องฝ่าด่านชาวบ้านไปผามออีแดงเพื่อต้องการอ่านแถลงการณ์ทวงคืนดินแดนเขาพระวิหารแล้วกลับมาเท่านั้นเป็นเจตนาที่ดีต่อการรักษาประเทศแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านต้องมาขัดขวางและทำร้ายคนไทยด้วยกันอย่างรุนแรงเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่และมีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ที่ชาวบ้านเหล่านี้ต้องมาทำร้ายคนที่ปกป้องบ้านเมือง ขบวนเครือข่ายประชาชนทวงคืนแผ่นดินไทยเขาพระวิหารจากทั่วประเทศและกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคลื่อนขบวนออกจากชุมชนศีรษะอโศก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยรถยนต์ประมาณ 600 คันตามถนนกันทรลักษ์- เขาพระวิหารมุ่งหน้าไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารชายแดนไทย-เขมร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ รวมเป็นขบวนรถยาวเหยียดประมาณ 10 กิโลเมตร หน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอลได้พบกับด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านสกัดอยู่โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 2,000 นายเข้าแถวเรียงหน้ากระดานพร้อมโล่ตั้งแนวสกัดไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้ขบวนประชาชนทวงคืนแผ่นดินไทยเขาพระวิหารผ่านขึ้นไปกลุ่มขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหาร มีความพยายามเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอผ่านขึ้นไปแต่ว่าไม่เป็นผล ม็อบจัดตั้งกลุ่มชาวบ้านประมาณ 3,000 คน นำโดย วีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัยได้ใช้เครื่องขยายเสียงโจมตีขบวนประชาชนทวงคืเขาพระวิหารและกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเข้ามาสร้างความวุ่นวายในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษและขอให้กลับออกไป ชาวบ้านจาก 5 ตำบลตามแนวชายแดนเขาพระวิหาร ได้รวมตัวตั้งเต๊นฑ์ นั่งขวางถนนบริเวณสะพาน ห่างจากด่านเก็บค่าธรรม อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร 3 ก.ม.และไม่ต้องการให้พันธมิตรฯ ขึ้นไปบนอุทยานเพราะเกรงว่าจะกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ของทหารทั้ง 2 ฝ่ายและอาจเกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่เหมือนปีที่แล้วซึ่งผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันจะใช้ความพยายามในการเจรจากับพันธมิตรฯ ให้ถึงที่สุดโดยจะใช้ผู้หญิงเป็นทัพหน้าในการเจรจา ผู้ว่าฯได้เรียกแกนนำพันธมิตรฯและแกนนำชาวบ้านเพื่อเจรจา โดยฝ่ายพันธมิตรฯ มีคุณวีระ และ พล.อ.ปรีชาพร้อมคณะเข้ามาเป็นตัวแทนเจรจา จากนั้นระพีได้สั่งให้นายอำเภอกันทรลักษ์ เชิญแกนนำชาวบ้านที่ออกมาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ แต่กลุ่มชาวบ้านยืนยันจะไม่เจรจาแต่จะขอปักหลักชุมนุมต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ถึงที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและคณะได้เข้าไปเจรจากับกลุ่มชาวบ้านเพื่อขอให้ชาวบ้านเปิดทางแต่ฝ่ายม็อบกลุ่มชาวบ้านไม่ยอม กลุ่มการ์ดพันธมิตรฯได้รวมตัวกันและผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านอยู่และสามารถฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้ามาได้จากนั้นม็อบจัดตั้งกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอลที่รวมตัวกันอยู่ประมาณ 3,000 คนชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังกำแพงวัดได้ขว้างปาขวดน้ำ ขวดแก้ว ก้อนหิน ไม้ กระบอง ก้อนอิฐ และก้อนหินรวมทั้งหนังสติ๊กยิงถล่มใส่ และปาประทัดด้วย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบรายรวมทั้งนายกิตติ บุบผชาติช่างภาพถูกยิงด้วยหนังสติ๊กจากกลุ่มวัยรุ่นหมู่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จนได้รับบาดเจ็บบริเวณคางด้านซ้ายแตกเป็นแผลลึกขณะกำลังถ่ายภาพเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างขบวนคนไทยรักชาติทวงคืนแผ่นดินเขาพระวิหารกับชาวบ้านที่ตั้งด่านบริเวณหน้าวัดภูมิซรอล ได้ตั้งข้อสังเกตในภายหลังว่าตำรวจหน้าที่ไม่เต็มที่ทั้งๆที่มีนับพันนายแต่กลับปล่อยให้ชาวบ้านไม่เกิน 400 คนเข้ามาปะทะได้อย่างไรทั้งแปลกใจที่คนดีหวังปกป้องบ้านเมืองแต่กลับถูกกลุ่มคนคัดค้านรุมทำร้ายบาดเจ็บจำนวนมากรวมทั้ง “กิตติ” ที่ได้เล่าถึงเหตุการณ์นี้ในภายหลังว่าตนได้ร่วมกับคณะสื่อมวลชนและช่างภาพติดตามทำข่าวดังกล่าวกลุ่มต่อต้านจะใช้ผู้หญิงเป็นด่านหน้ายืนขวางแต่จะมีกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ซุ่มรออยู่ภายในบริเวณวัดและอีกฟากของถนนรวมถึงบริเวณด้านหลังเต็นท์ถืออาวุธครบมือรอทำร้าย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ตัวกับกลุ่มชายฉกรรจ์พบว่ามีกลิ่นสุราคละคลุ้ง มีอาการเมา ทำให้เกิดความคึกคะนองที่จะเข้าไปทำร้ายกลุ่มคนไทยรักชาติ ต่อมาขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหารสามารถผ่านด่านม็อบจัดตั้งต่อต้านเข้าไปได้แต่กลุ่มม็อบชาวบ้านยังได้ใช้หนังสติ๊ก ก้อนอิฐ ก้อนหินยิงถล่มใส่ขบวนรถยนต์ทุกชนิดที่ผ่านบริเวณที่ชาวบ้านรวมตัวกันอยู่ภายในวัดบ้านภูมิซรอลทำให้รถยนต์ของขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหารได้รับความเสียหายหลายคัน หลังจากผ่านด่านนั้นมาได้แล้วขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหารสามารถผ่านไปถึงที่บริเวณหน้าสถานีควบคุมไฟป่าซึ่งอยู่ห่างจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารประมาณ 500 เมตรและไม่สามารถผ่านไปได้เนื่องจากมีด่านกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารถึง 3 ด่านสกัดกั้นอยู่ สุเทพ เทือกสุบรรณย้ำเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติกับประชาชนอย่างละมุ่นละม่อมโดยยึดเป้าหมายคือการดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมและจะไม่อนุญาตให้ขึ้นไปบนพื้นที่ที่เป็นปัญหาเพราะกลัวความไม่ปลอดภัยของผู้ชุมนุม และสุ่มเสี่ยงต่อการปะทะกับทหารเขมร นายสุริยะใส กตะศิลาผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวว่าคุณวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อทวงคืนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรจะสามารถควบคุมสถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมได้โดยได้ประสานให้ระมัดระวังมือที่ 3 ที่อาจเข้ามาแทรกแซงจนทำให้เหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลจำเป็นต้องชี้แจงถึงการดำเนินการเรื่องนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น เหตุการณ์ การลงพื้นที่ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552 จากศาลหลักเมือง จ.ศรีสะเกษ ถึง หน้าด่านเก็บเงินอุทยาน เขาพระวิหาร และเหตุการณ์บริเวณหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ (http://www.praviharn.net/index.php?option=com_content&view=article&id=102&Itemid=130) ตะปูเรือใบที่เก็บได้ระหว่างทาง ไปเขาพระวิหาร บริเวณก่อนถึงหมู่บ้านภูมิซรอล ได้มีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ นำตะปูเรือใบมาโปรยตามท้องถนน เพื่อต้องการให้รถที่เดินทางไปเขาพระวิหาร นั้นยางแตก และเกิดอุบัติเหตุ (มีรถยางแตกไปไม่ต่ำว่า 5 คัน) จึงเป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่า กลุ่มจัดตั้งที่อยู่บริเวณหมู่บ้านภูมิซรอล ได้เริ่มต้นทำร้ายกลุ่มที่ไปทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร ก่อน ตำรวจตั้งด่านกั้นประชาชนที่ไปทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร กลุ่มประชาชนที่ไปทางคืนฯ จึงกางธงชาติไทยผื่นใหญ่หน้าด่านตำรวจ การเจรจาระหว่างตำรวจกับกลุ่มประชาชนที่ไปทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นไปโดยสงบ และประชาชนกลุ่มทวงคืนฯ ยังให้ CD เพลงเกี่ยวกับปราสาทเขาพระวิหาร เปิดผ่านเครื่องเสียงของตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าตำรวจและประชาชนกลุ่มทวงคืนฯ มีความรู้สึกเป็นไปด้วยความสนุกสนาน ถึงกับมีบางคนเต็นตามเสียงเพลง อีกทั้งมีการแจกเอกสารความจริงเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารให้ตำรวจ ซึ่งก็มีเสียงขอบคุณจากตำรวจประกาศผ่านเครื่องเสียงขอบคุณที่ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าตำรวจและบอกว่าเจ้าหน้าตำรวจยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลุ่มจัดตั้งบริเวณหมู่บ้าน และหน้าวัดภูมิซรอล มีการรวมตัวและมีอาวุธ อันได้แก่ ไม้, หิน หนังสติ๊ก ที่มีหัวเน็ตขนาดใหญ่เป็นกระสุน, ประทัดยักษ์, ระเบิดขวด, และอาวุธปืน อีกทั้งมีผู้ปลุกระดมชาวบ้านอยู่หน้าบริเวณวัดภูมิซรอล ให้คนไทยทำร้ายคนไทยด้วยกัน เหตุการณ์หลังจากตำรวจได้เปิดแนวกันเพื่อให้ กลุ่มประชาชนทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ผ่านไป กลุ่มจัดตั้งบริเวณหมู่บ้านภูมิซรอล ก็เริ่มลงมือขวางปา หิน และยิงหนังสติ๊กกระสุนหัวเน็ต เขาใส่กลุ่มประชาชนทวงคืนฯ ทันที โดยเจ้าหน้าตำรวจได้แต่เพียงยืนดู ไม่ยอมทำหน้าที่ให้เต็มที และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 50 กว่านายที่มีโล่พร้อมมือ หนีมาลอบ ด้านโรงเรียน ไม่ไปทำหน้าป้องกันประชาชนกลุ่มจัดตั้ง เข้าทำร้ายกลุ่มประชาชนทวงคืนฯ อนุพงษ์ เผ่าจินดาผู้บัญชาการทหารบกได้ให้สัมภาษณ์ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมเรียกร้องอธิปไตยเขาพระวิหารพยายามเข้าไปในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรและผามออีแดงว่าเราปฏิบัติงานตามแนวทาง กรอบของรัฐบาลจะใช้แนวทางเจรจาแบบทวิภาคีในขั้นดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาจะไม่มีการใช้แนวทางนอกเหนือจากนี้ รักชาติได้ แต่อย่าเข้าไปในพื้นที่หากแอบไปในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ตรวจค้นกับระเบิดจะเป็นอันตรายต่อตนเอง ซึ่งแนวที่ยันกันอยู่หากเข้ามาเราก็ต้องจับเช่นเดียวกัน หากเราข้ามไปแล้ว เขาคงต้องจับแล้วคงต้องไปแก้ปัญหากันและเขมรจะแจ้งว่าเราไปบุกรุกพื้นที่เขา ซึ่งถ้าเราไม่ยอมรับคงไม่ปล่อย แต่ถ้าเรายอมรับว่ารุกล้ำเข้าไป เท่ากับว่า เรายอมรับจึงไม่เกิดสิ่งดี เมื่อถามว่าในทางทหารยังถือว่าพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นของไทยใช่หรือไม่ อนุพงษ์กล่าวว่าคนไทยถือว่าเป็นพื้นที่ของเรา แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นมา 10 กว่าปีแล้วที่เขาเข้ามาแล้วเกิดปัญหาซึ่งหลังจากมีการรุกล้ำเข้ามาและมีการประท้วงกันไป จากนั้นปี 2543 ตกลงกันว่าจะมีการปักปันเขตแดนและให้ทุกคนหยุดนิ่ง อย่าไปดัดแปลงปรับปรุงอะไร นั่นหมายความว่ากองทัพไทยยอมรับแล้วว่าพื้นที่นี้เป็นของไทยและมีการบุกรุกจากเขมรจริง คุณวีระ สมความคิดและเครือข่ายทั่วประเทศประมาณ 5 พันคนสามารถลุยผ่านด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 จุด ไปได้เรียบร้อยรวมถึงเหตุการณ์การปะทะกับชาวบ้านในพื้นที่ ก็มีเป็นระยะ โดยมีการลอบโรยตะปูเรือใบ ขว้างปาขวด ยิงหนังสติก อีกทั้งขณะนี้กลุ่มพันธมิตรกำลังเคลื่อนขบวนไปยังด่านสกัดของทหารที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานเขาพระวิหารซึ่งเป็นจุดสุดท้ายก่อนจะถึงเขตชายแดนไทย-เขมร โดยมีทหารปราบจลาจลจำนวนมาก พร้อมโล่ กระบอง ครบมือตั้งจุดสกัดอย่างตรึงเครียด ห่างจากชายแดนไม่ถึง 3 กม. ผวจ.ศรีสะเกษพร้อมคณะได้เข้าเจรจากับคุณวีระ สมความคิดแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ด้านวีระยุทธ์ ดวงแก้วกำนันต.เสาธงชัยกล่าวว่าสาเหตุที่ชาวบ้านในพื้นที่รวมตัวสกัดกลุ่มพันธมิตรฯ เนื่องจากเห็นว่าวิธีการเรียกร้องไม่ถูกต้อง คุณวีระ สมความคิดแกนนำขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหาร ได้พยายามเจรจาแต่ไม่เป็นผล พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพน้อยที่ 2 ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารและได้เชิญ คุณวีระ สมความคิดแกนนำขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหาร ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษและตัวแทนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษขึ้นไปเจรจาหารือกันที่บริเวณศูนย์บริการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารบริเวณผามออีแดง ทหารไม่อนุญาตให้กลุ่มพันธมิตรฯขึ้นไปพักค้างคืนบนอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารอ้างว่าบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารประกาศเป็นเขตกฎอัยการศึกจึงห้ามไม่ให้ขึ้นไปพักค้างคืนพันธมิตรฯได้สลายตัวและพากันเดินทางไปยังที่พักที่ศีรษะอโศก โดยมีกำลังทหารคอยส่งพันธมิตรกลับที่พัก คนที่ไปมาเล่าให้ฟังว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความต้อนรับดีมากแต่พวกเด็กวัยรุ่นเหลืิอขอซึ่งเมามาแอ็๋ถูกจัดตั้งมาวิ่งไล่ฟัน โยนค้อน ยิงมาน่ากลัวมาก น่ากลัวกว่าที่ทำเนียบอีก ตำรวจห้าคนซ้อมคุณลุงคนหนึ่งที่มาจากสระบุรีจนคุณลุงตาแตก ถูกโล่บดเข้าไปที่จมูกจนดั้งเกือบหัก การนำเสนอข่าวคนไทยตีกันเอง ด้วยปัญหาความขัดแย้งทางความคิด ของสื่อต่างๆ ตลอดจนพาดหัวข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในวันรุ่งขึ้น 20 กย. 52 เป็นสิ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนว่า สังคมไทยไม่ปรารถนาที่จะได้ยินได้เห็นหรือต้องการให้สถานการณ์น่าอดสูนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว สื่อฟรีTV ช่อง 3 5 7 9 11 TPBS แต่ละช่องเสนอข่าวบิดเบือนใส่ร้ายขบวนประชาชนทวงคืนเขาพระวิหาร ไม่เคยที่จะเรียกร้องให้รัฐบาลทวงดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรของเรา ไม่เคยเสนอข้อมูลเรื่องนี้ที่เป็นความจริงเลยมีแต่เสนอข้อมูลเท็จให้คนไทยใจเขมรออกมาโกหกผ่านสื่อพวกนี้อย่างเดียว สื่อสารมวลชนต่างก็บิดเบือนเบี่ยงเบนประเด็นอย่างหน้าด้านๆ ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นมีการสัมภาษณ์แหล่งข่าว(ฝ่ายรัฐบาลตัวเป้งๆ)โดยการถามนำและนำเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จทั้งแหล่งข่าวผู้ให้โดยมิได้กลั่นกรองให้ครบถ้วนถูกต้องก่อนนำเสนอต่อประชาชน พิราบเงา (Permalink : http://www.oknation.net/blog/kenrama8) ได้บรรยายสรุปเหตุการณ์ที่ได้เจอมาในภายหลังไว้ว่า ในการเดินทางไปเรียกร้องทวงคืนแผ่นดินไทยจากเขมร 4.6 ตารางกิโลเมตรกับพี่น้องที่รักชาติรักแผ่นดินพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้นมีการต่อต้านจากกลุ่มคนจัดตั้งจากที่อื่นที่ไม่ใช้คนในพื่นที่โดยใช้อาวุธปืนซุ่มยิงด้วยปืนลูกซองจากป่าข้างทาง ผลจากการโจมตีครั้งนี้ทำให้ประชาชนที่รักชาติได้รับบาดเจ็บสาหัสหนึ่งคนโดนยิงเข้าที่สีข้าง โดนหนังสติ๊กยิงเข้าที่ตา รถยนต์และรถบัสใหญ่กระจกแตกหลายคัน คนที่ได้รับบาดเจ็บได้เจ้าหน้าที่พยาบาลและพี่น้องชาวตำบลภูมิซรอลช้วยเหลือ หลังจากได้มีการปะทะไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงชาวบ้านภูมิซรอลได้ออกมาจากในบ้าน พวกเราได้พูดคุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านภูมิซรอลบอกว่ากลุ่มคนที่มาชูป้ายและมาทำร้ายประชาชนที่มาเรียกร้องทวงคืนแผ่นดินไทยกลับคืนมานั้น ชาวบ้านบอกว่าพวกคนที่อยู่ในวัดไม่ใช่คนภูมิซรอล พวกนี้พูดภาษาไทยไม่ชัดและมีความก้าวร้าวผิดกับพี่น้องชาวภูมิซรอลที่มีน้ำใจคอยเอาน้ำมาให้พวกเราได้ดื่มกินพอช้วยบรรเทาความหิวและกะหายไปได้อย่างดี พวกเราเข้ากับคนที่ภูมิซรอลได้ดี จากการได้ดูสื่อ TV หลายช่องได้ออกข่าวที่เป็นเท็จโดยไม่มีความรับผิดชอบโดนนักการเมืองครอบงำ ในการเจรจาต่อรองเพื่อขึ้นไปที่ผามออีแดงประกาศเจตนาทวงคืนแผ่นดินไทยนั้นโดนเจ้าหน้าที่บล็อกเอาไว้เวลาผ่านไปเริ่อยๆยิ่งแสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าอันตรายก็จะมีมากขึ้นเป็นสองเท่า สองข้างทางเป็นป่าทึบรถไม่สามารถขยับได้รถติดยาวเป็นกิโล พวกผู้ชายพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดหมายตลอดเวลา ผมอธิฐานต่อสิ่งศักด์สิทธ์ในใจตลอดขอคืนนี้อย่าได้เกิดอะไรขึ้นขอให้พี่น้องประชาชนปลอดภัย เวลาผ่านไปจนมืดสนิดทางพี่วีระ ไม่สามารถต่อร้องเพื่อขึ้นเขาได้รัฐบาลประกาศกฏอัยการศึกเป็นอันจบ พวกเราหันหัวรถกลับที่ละคันมุ่งหน้าไปตั้งหลักพักเอาแรงเพื่อวันพรุ่งนี้ต่อที่ศีรษะอโศก สำนักข่าวต่างประเทศให้ความสนใจรายงานข่าวออกไปทั่วโลก บีบีซีระบุว่า ผู้ประท้วงจากกลุ่มพันธมิตรเรียกร้องให้รัฐบาลผลักดันทหารและพลเรือนเขมรออกจากพื้นที่บริเวณใกล้กับปราสาทพระวิหาร ซึ่งถือว่าเป็นเขตอธิปไตยของไทย ในขณะที่พื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นพื้นที่ขัดแย้งที่ทั้งไทยและเขมรต่างอ้างสิทธิกันอยู่ในเวลานี้ เอเอฟพีระบุว่าภาพจากโทรทัศน์เห็นได้ว่าผู้ประท้วงที่มีไม้เป็นอาวุธพยายามโจมตีเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุมในท้องถิ่นที่ไม่ต้องการให้เกิดเหตุตึงเครียดขึ้นแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลผลักดันกลับไปได้ในที่สุด นายกฯ อภิสิทธิ์รับทราบเหตุชาวบ้านปะทะกับมวลชนพันธมิตรฯบริเวณวัดภูมิซรอล ย้ำสั่งการให้ทหารเข้าไปเจรจาให้ส่งตัวแทนพันธมิตรฯขึ้นไปอ่านแถลงการณ์บริเวณปราสาทพระวิหารหวังให้ยุติชุมนุม การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนกดดันให้รัฐบาลดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดในการทวงดินแดนอาณาเขตของประเทศไทยส่วนหนึ่งของ 4.6 ตารางกิโลเมตรบริเวณปราสาทพระวิหารคืนจากเขมรเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2552 นำโดยคุณวีระ สมความคิดเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลจะนิ่งนอนใจไม่ได้และจะชี้แจงเพียงเท่าที่ทำมาไม่ได้ คุณคำนูณ สิทธิสมานในฐานะสมาชิกวุฒิสภาไม่เห็นด้วยกับการอนุมัติกรอบการเจรจาข้อตกลงชั่วคราวไทย-เขมรและกรอบการเจรจาสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-เขมรตลอดแนว คุณคำนูณและคณะได้คัดค้านและมีเสียงโหวตคัดค้านมีเพียง 7 และ 8 เสียงขณะที่เสียงโหวตเห็นด้วยมีถึง 409 และ 406 เสียงตามลำดับในการประชุมสภาร่วมกัน คุณคำนูณและคณะเชื่อว่ายุทธวิธีการต่อสู้นั้นมีได้หลากหลายและการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง ข้อมูลที่กว้างขวางสลับซับซ้อนพบว่ารัฐบาลไม่พยายามใช้การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนให้เป็นประโยชน์ต่อการเจรจาความเมืองระหว่างประเทศ จึงได้เสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาศึกษากรณีปัญหาเขตแดนไทย-เขมรโดยตั้งเฉพาะตัวประธานแล้วให้ประธานตั้งกรรมการและกำหนดเงื่อนไขในการทำงานขึ้นมาเองแต่จะไม่มีอำนาจไปกำหนดนโยบายได้แล้วจึงให้เสนอความเห็นต่อรัฐบาลและรัฐสภาอะไรที่เปิดเผยได้ก็เปิดเผยอะไรที่ต้องลับก็ไม่ต้องเปิดเผย รัฐบาลยังจะต้องเร่งปรับกลไกในกระทรวงการต่างประเทศเพื่อรองรับปัญหาเขตแดนไทย-เขมร เร่งรวบรวมข้อมูล สร้างผู้เชี่ยวชาญ ยังต้องเริ่มต้นล็อบบี้นานาชาติรวมถึงการจ้างผู้เชี่ยวชาญต่างชาติเพื่อการเหล่านี้ด้วย เราจำเป็นจะต้องมีทีมแบ็คอัพที่สมบูรณ์เพื่อทำภารกิจล็อบบี้ในรูปแบบต่าง ๆ ด้วย แม้แต่การเขียนบทความลงในวารสารกฎหมายระดับโลกที่วงการกฎหมายระหว่างประเทศยอมรับเพื่อให้เกิดกระแสผลักดันไปในทางที่เราได้ประโยชน์ หากเรื่องนี้ขึ้นสู่โต๊ะเจรจาระดับพหุภาคหรือกลับไปสู่ศาลโลกอีกครั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษได้ให้สัมภาษณ์ขอโทษประชาชนชาวศรีสะเกษและประชาชนชาวไทยทั่วประเทศที่ไม่สามารถคุมสถานการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้ซึ่งในวันนี้เป็นวันสารทเขมร ผู้ว่าฯออกมาระบุว่านั่นเป็นการแสดงพลังของชาวบ้านในพื้นที่ การดำเนินการและการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ถูกต้องและชาวบ้านในพื้นที่ไม่ต้องการเห็นความวุ่นวาย เนื่องจากขณะนี้มีพื้นที่ดังกล่าวมีความสงบอยู่แล้วและมีการให้ข่าวกับสื่อต่างๆ ซึ่งทำให้ภาพรวมของพันธมิตรฯถูกมองว่าสร้างความรุนแรง 20 กย. 52 ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แจงแม้การเคลื่อนไหวเพื่อทวงเขาพระวิหารคืนไม่ใช่มติ 5 แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแต่ยืนยันมีจุดยืนเดียวกันและจะไม่ลอยแพเครือข่ายเรียกร้องรัฐบาลประกาศวันเวลาเจราจาให้ชัดเตรียมขยับหารือเพื่อวางแนวทางในการเคลื่อนไหวใหญ่ มีข่าวบางสำนักอ้างคำสัมภาษณ์ของพล.ต.จำลอง ศรีเมืองและตนทำนองว่าแกนนำจะลอยแพและออกตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณวีระ สมความคิดและการเคลื่อนไหวครั้งนี้นั้น นายสุริยะใสระบุไม่เป็นความจริงและไม่มีความขัดแย้งหรือแตกแยกกันอย่างที่ข่าวบางสำนักพยายามเสนอข่าว แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่มติ 5 แกนนำฯ แต่เครือข่ายพันธมิตรฯ ทั่วประเทศก็มีอิสระในการตัดสินใจเข้าร่วมการเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างเต็มที่และสาเหตุที่คุณวีระ สมความคิดออกมานำในเรื่องนี้ก็เพราะคุณวีระลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเป็นคนที่สนใจติดตามเรื่องนี้เป็นพิเศษมาก่อน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและชาวบ้านในพื้นที่ว่าหลังจากได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลการชุมนุมและเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายแล้วพบว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง กลุ่มพันธมิตรฯยอมส่งตัวแทนเข้าไปผามออีแดงเพื่ออ่านคำแถลงการณ์แล้วเดินทางกลับโดยเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยให้และยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจาแก้ไขปัญหาชายแดน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจอยู่ระหว่างเดินหน้าเจรจาร่วม 2 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่การจัดทำเขตแดน นายกฯกล่าวว่า ตนขอร้องเจ้าหน้าที่แล้วแต่ตำรวจไม่สามารถรับมือคนจำนวนมากได้จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจทำให้เกิดการปะทะกันแล้วมีการบาดเจ็บ ซึ่งหลังเกิดเหตุตนและฝ่ายความมั่นคงพยายามทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ สุดท้ายได้ข้อสรุปว่ากลุ่มที่มาคัดค้านควรเปิดทางและกลุ่มที่จะเข้าไปให้เข้าไปโดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เมื่ออ่านแถลงการณ์ เสร็จแล้วก็เป็นอันจบกิจกรรม เท่าที่คุยกับรักษาการผบ.ตร.ทราบว่ามีข้อจำกัดตรงเจ้าหน้าที่ที่อยู่ระหว่างกลุ่มคนสองฝ่ายที่มีจำนวนมากทำให้ไม่สามารถรักษาแนวกันระหว่างพูดคุยไว้ได้ ปัญหาว่าใครไปทำผิด เจ้าหน้าที่มีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ต้องว่ากันตรงไปตรงมา คนไทยส่วนใหญ่คงไม่อยากเห็นภาพคนไทยมีปัญหากันเองต่างชาติมองอย่างไร จึงอยากให้ทุกฝ่ายทบทวนเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีเดินทางไปรับตัวแทนเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเดินทางด้วยรถบัสทหารขึ้นไปยังผามออีแดงเพื่ออ่านแถลงการณ์ประกาศเจตนารมณ์เรียกร้องทวงคืนดินแดนข้อพิพาทประสาทพระวิหารบนผามออีแดงเวลา 11.00 น.กลุ่มคนไทยรักชาตินำโดยคุณวีระ สมความคิดประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชันและภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหารพร้อมตัวแทนคนรักชาติ พร้อมคณะสื่อมวลชน จำนวน 33 คน จากเดิมที่จะให้ตัวแทนประชาชน 76 จังหวัดได้เดินทางไปยังผามออีแดงเพื่ออ่านแถลงการณ์ทวงคืนดินแดนรอบปราสาทพระวิหารพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรใจความสรุปว่า จะดำเนินการทุกวิถีทางตามกรอบของกฎหมายทวงคืนดินแดนรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรพร้อมทั้งจะเอาผิดผู้ละเว้นปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนรอบปราสาทพระวิหาร ขอยืนยันว่าพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตประเทศไทย ตามหลักปักปันเขตแดนที่ประเทศฝรั่งเศสได้ร่างขึ้นขอประท้วงรัฐบาลเขมรที่เอาประชาชนและทหารเข้ามาในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารและขอให้นำประชาชนและทหารเขมรออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว เครือข่ายประชาชนคนไทยรักชาติไม่ได้รับความสะดวกจากทหารในการขึ้นไปอ่านแถลงการณ์ทวงคืนดินแดนรอบปราสาทเขาพระวิหารโดยอ้างว่าต้องปฏิบัติตามกฎอัยการศึกอย่างเข้มงวดทั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะอำนวยความสะดวกประชาชนในการเดินทางขึ้นไปอ่านแถลงการณ์บนผามออีแดง เครือข่ายประชาชนผู้รักชาติเราไม่ฝ่าฝืนกฎหมายและทหารปฏิบัติตามกฎอัยการศึกอย่างเคร่งครัดแล้วพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่มีทางเลือกอื่นต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นกันและต้องผลักดันประชาชนและทหารเขมรออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรโดยทันที โดยเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติจะให้เวลาสักระยะหนึ่งถ้า ผบ.ทบ.ไม่ทำตามกฎอัยการศึกเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติ จะดำเนินการตามกฎหมายพร้อมทั้งจะมีมาตรการตอบโต้ต่อไป แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ตขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ หยุดพฤติกรรมตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จได้แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ชัดเจนว่ากลุ่มชาวบ้านนั้นเป็นกลุ่มมวลชนจัดตั้งของผู้ว่าฯเอง ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ และกลุ่มวัยรุ่นมีอุปกรณ์การต่อต้านครบมือ โดยเฉพาะป้ายไวนิลที่ประชาชนทั่วไปจะสามารถจัดหามาด้วยตนเองได้ ทุกครั้งที่มีการรวมตัวของกลุ่มประชาชนผู้รักชาติเคลื่อนไหวเพื่อรักษาสิทธิอันชอบธรรมของแผ่นดินแม่เอาไว้ ทุกคนรู้ดีว่า กำลังทำอะไรกันอยู่ ทุกย่างก้าวของเราเดินไปด้วยหลักสงบ สันติ และอหิงสา มีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องจัดหากลุ่มมวลชนมาชนเพื่อหวังให้เกิดการปะทะขึ้นทุกครั้งเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง พฤติกรรมของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันอ้างความเห็นของชาวบ้านว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความสงบแล้วแต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถามว่าคนพื้นที่ภาคใต้จะเกี่ยวข้องอะไรต่อกรณีพื้นที่ปราสาทระวิหารด้วยหรือไม่นั้น หากพูดกันตามหลักความเป็นจริงแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่น้อยนิด แต่คนภาคใต้มองว่าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนของภาคใด เมื่อได้ชื่อว่าประเทศไทยแล้วย่อมยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่จะต้องสูญเสียอธิปไตยให้กับประเทศอื่นไป" สุเทพ เทือกสุบรรณย้ำเหตุปะทะที่เขาพระวิหารต้องดำเนินการตามกฎหมายและไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่มักมีความรุนแรงเกิดขึ้นเสมอ คนไทยสามารถเดินทางบนถนนไปไหนมาไหนได้ ไม่ผิดกฎหมายไม่ใช่หรือ ขณะขบวนเขาผ่านไปม๊อบจัดตั้งก็ได้ระดม ยิงหนังสติ๊ก ขว้างท่อนไม้ อิฐก้อนใหญ่ๆทุ่มใส่รถ ถามขบวนรถเขาผิดตรงไหนเขาลงมาทำร้ายใครหรือเปล่า เขาไปเพราะเจตนาดีต่างหาก คนในพื้นที่ก็ไม่ได้อะไรมากแต่มันมีคนนำคนต้นคิดคนยั่วยุเพื่อหวังผลอะไรบางอย่างซึ่งต้องหันคำถามนี้ไปยังผู้ว่าฯกับเนวินว่าขนคนเอาคนนอกมาเป็นม็อบ เอามาขนมาจากถิ่นไหนทำตัวเป็นกองกำลังดักซุ่มโจมตีเอาผ้าพันหน้าพันตาปิดบังอำพรางถ้าเอาจริงๆๆก็สาวไปถึงตัวและผู้บงการได้ไม่ยาก ส่วนพันธมิตรเท่าทีดูๆ เขาก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรใครอย่างมากก็แค่ทำท่าทำทางขู่ แต่ถ้าเล่นไม่เลิกถึงขั้นบาดเจ็บก็ต้องมีการหาทางป้องกันตัวบ้าง ถ้ามีคนยกมีดขึ้นจะฟันเทพเทือกแบบในภาพคลิปเทพเทือกจะปล่อยให้เขาฟันไปก่อนพอตายหรือสาหัส ค่อยไปฟ้องร้องเอาใช่หรือไม่ คุณวีระและคณะได้เดินทางไปที่ สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์และได้นำกลุ่มประชาชนทวงคืนแผ่นดินไทยฯที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกันกับม็อบต่อต้านกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอลรวมทั้งนำรถทัวร์และรถยนต์ส่วนตัวที่ได้รับความเสียหายไปแจ้งความ หลังจากนั้นกลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนทวงคืนดินแดนไทยรอบปราสาทพระวิหารได้เริ่มทยอยเดินทางออกจากหมู่บ้านศีรษะอโศกกลับไปยังภูมิลำเนาแล้ว ในเวลาต่อมากำนันตัวแสบแกนนำม็อบเถื่อนวีระยุทธ ดวงแก้วกำนันตำบลเสาธงชัยนำกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บไปแจ้งความที่สภ.บึงมะลูในวันนี้เช่นกันเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีกับกลุ่มกลุ่มประชาชนทวงคืนดินแดนไทย นายสุริยะใส กตะศิลาผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวต่อกรณีนี้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความบกพร่องของทางเจ้าหน้าที่บ้านเมือง รัฐบาลกลับนิ่งเฉยและละเลยไม่ใส่ใจแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเขาพระวิหารให้ได้ข้อยุติเรื่องดังกล่าวถูกนำมาเป็นประเด็นบิดเบือนความจริง ทำให้เกิดเงื่อนไขในการทำให้คนไทยเผชิญหน้าซึ่งกันและกันมีความพยายามจัดตั้งม็อบที่เต็มไปด้วยชายฉกรรจ์มารอดักทำร้ายทางเครือข่ายประชาชนฯ อย่างจงใจ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐก็มีส่วนร่วมรู้เห็นรัฐบาลไม่ควรปฏิเสธความรับผิดชอบ สิ่งที่คนไทยทุกคนผู้เรียกร้องตามสิทธิและหน้าที่ตามกรอบของรัฐธรรมนูญพึ่งกระทำออกไปปกป้องและรักษาดินแดนประเทศของตนเองไว้ทุกตารางนิ้ว ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นได้ขอสัมภาษณ์ตนซึ่งอยู่นอกพื้นที่คงไม่สามารถให้คำตอบได้ดีกว่าคุณวีระที่เป็นแกนนำลงไปดำเนินการเรื่องนี้ จากนั้นผู้สื่อข่าวก็ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของ พล.ต.จำลองไปซึ่งก็ได้ให้คำตอบในลักษณะที่คล้ายกับตนหลังจากนั้นสำนักข่าวไอเอ็นเอ็นได้ลงข่าวปล่อยลอยแพคุณวีระ ตนก็ได้โทรกลับไปหานักข่าวคนดังกล่าวซึ่งก็ได้ตัดสินใจลบข่าวนั้นออกแต่ก็สายไปเสียแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นก็เป็นพาดหัวหน้า 1 ของสื่อมวลชนจากสำนักอื่นๆที่มีข้อมูลผิดพลาดเช่นเดิม กองกำลังที่มาดักทำร้ายถูกจัดตั้งด้วยชายฉกรรจ์ที่เป็นวัยรุ่นสื่อสารกันด้วยภาษาเขมรเป็นหลักและวันนั้นมีการจัดงานฉลองบริเวณดังกล่าวพอดีจึงมีการดื่มสุราและของมึนเมาทำให้มีการปลุกระดมกันง่ายยิ่งขึ้นง่ายกับการเตรียมแผนให้เกิดความรุนแรงไว้ล่วงหน้าโดยมีบางส่วนที่เป็นพวกเสี้ยมให้เกิดความรุนแรง สื่อนำเสนอข่าวสารบิดเบือนข้อมูล คัดลอกข่าว ไม่มีการตรวจสอบความจริง บางสื่อยังไม่ยอมแก้ข่าวให้นำไปสู่การเข้าใจผิด ในการเดินทางไปในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการลงพื้นที่ครั้งนี้โดยสั่งกำชับให้การ์ดดูแลพี่น้องประชาชนให้ดีๆไม่ว่าจะไปในนามขององค์กรใดๆก็ตามแต่ในฐานะที่เป็นคนไทยที่รักชาติ รักแผ่นดินตนคิดว่ามันเป็นหน้าที่ต้องปกป้องคนกลุ่มดังกล่าวให้ถึงที่สุดดังนั้นขอให้ตัดประเด็นเรื่องปล่อยลอยแพไปได้เลยตนว่าเรื่องที่ใหญ่กว่านั้นคือการที่คนกลุ่มนี้ไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องตามสิทธิกรอบของรัฐธรรมนูญแต่ทำไมรัฐบาลถึงไม่คุ้มครองเรื่องความปลอดภัย ทั้งๆที่คุณวีระได้ประกาศวันเวลาชัดเจนไว้แล้วว่าจะไปเมื่อไหร่ พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่ถิ่นของพรรคประชาธิปัตย์แต่เป็นของพื้นที่พรรคภูมิใจไทย ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่รัฐจึงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนในพรรคดังกล่าวจึงอาจเป็นช่องทางทำให้มีการปล่อยปละไม่สนใจเรื่องนี้เท่าที่ควรรวมทั้งมีการฉวยโอกาสทำลายความชอบธรรมพันธมิตรฯด้วย ในช่วงกลางสัปดาห์นี้จะมีการหารือของเหล่าแกนนำพันธมิตรฯและจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในแนวทางเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรดังกล่าวแต่ต้องมีการวางแผนให้รอบคอบและรัดกุมยิ่งขึ้นรวมทั้งประเมินสถานการณ์ต่างๆ โดยขอรับรองว่าทางแกนนำพันธมิตรฯ ทุกคนไม่ได้นิ่งเฉยกับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ทักษิณได้เขียนข้อความลงบนเว็บไซต์ twitter.com ถึงเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างชาวบ้านภูมิซรอลกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ไปชุมนุมทวงคืนพื้นที่ทับซ้อน "ชัดเจนครับม็อบมีเส้นกับม็อบไม่มีเส้น เหตุเกิดวันเดียวกันแต่คนละที่ให้เห็นความแตกต่างกันจะๆ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรง สันติ หรือการปฏิบัติจากภาครัฐ" "พอแล้วยังครับ ปิดข่าวหรือบิดเบือนข่าวก็ไม่ช่วยศตวรรษที่ 21 วิธีเดิมยิ่งทำชาติยิ่งช้ำ หันหน้าเข้าหากันน่าจะดีกว่าเพื่อพ่อหลวงและเพื่อประชาชนเรา" และยังได้เขียนข้อความโต้ตอบกับผู้ใช้เว็บไซต์ twitter.com รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า "weerabhan" ถึงข้อพิพาทเขาพระวิหารโดยมีใจความว่า "รู้ไหมว่าเขาพระวิหารเป็นของเขมรเพราะเราแพ้คดีที่ศาลโลกเมื่อสมัยจอมพลสฤษดิ์เป็นนายกฯคุณเสนีย์ ปราโมทย์เป็นทนาย ผมยังเอาค่าขนมบริจาค" ("รู้ไหมครับ ผมยังให้นพดลแถมแผ่นดินไทยเพิ่มให้อีก แลกกับอะไรเหรอ เรื่องอะไรจะบอก" อันนี้ผู้เขียนเติมเอง) ต่อมา “weerabhan” ได้โพสต์ตอบว่า "ทราบครับ แต่ไม่แน่ใจว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้นอยู่ในคำตัดสินของศาลโลกหรือไม่ ถ้าไม่แล้วพื้นที่ตรงนี้เป็นของใคร?" หลังจากนั้นทักษิณได้โพสต์ในหน้าทวิตของตัวเองว่า "ที่ผมกล่าวถึงเขาพระวิหารที่เราแพ้คดีที่ศาลโลกนั้นหมายถึงตัวปราสาทพระวิหาร ไม่ได้หมายถึงเขาทั้งลูก ผมพูดสั้นไปหน่อยขอโทษทีครับ" อย่างไรก็ตาม “weerabhan” ได้โพสต์ข้อความในหน้าทวิตเตอร์ของตัวเองว่าถูกบล็อกจากการติดตาม"Thaksinlive"เรียบร้อยแล้ว พร้อมระบุว่า"Thaksinlive" เริ่มบล็อก twittple หลายรายแล้วส่วนมากเป็นคนที่มีความเห็นไม่ตรงกันกับทักษิณ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิดโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า เรื่องนี้คลี่คลายไปแล้วโดยช่วงเช้ากองกำลังสุรนารีจัดรถบัสทหารไปรับตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อเดินทางขึ้นไปประกาศเจตนารมย์บริเวณผามออีแดงและกลุ่มดังกล่าวดำเนินการตามเจตนารมย์เสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนเรื่องคดีความเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายหากมีผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีในการปะทะกันระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เต็มที่แล้วส่วนกำลังทหารไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับเขมรเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในบริเวณพื้นที่ของไทยเชื่อว่าสถานการณ์ไม่น่าจะบานปลาย 21 ก.ย. 52 สุเทพ เทือกได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีที่กลุ่มประชาชนทำร้ายกันที่จ.ศรีษะเกษตามหลักฐานโดยต้องดำเนินคดีกับทุกฝ่ายที่กระทำการ 22 ก.ย. 52 นายกฤช เทพบำรุงหนึ่งในทีมการ์ดภูเก็ตซึ่งเดินทางไปกับคณะพี่น้องประชาชนผู้รักชาติเพื่อแสดงพลังทวงคืนอธิปไตยเหนือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเดินทางกลับถึงจังหวัดภูเก็ตแล้วกล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ปะทะกับกลุ่มชาวบ้านภูมิซรอลจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายรายว่าก่อนวันที่ 19 ก.ย.นั้น ตนได้เดินทางขึ้นไปล่วงหน้าทำให้ได้ฟังผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษพูดผ่านเสียงตามสายตลอดเวลา โดยมีการกล่าวอ้างว่าจังหวัดศรีสะเกษมีความสงบเรียบร้อยอยู่แล้วและได้เชิญชวนให้ประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษออกมารวมตัวแสดงพลังไม่เอาความรุนแรงในพื้นที่ซึ่งไม่คิดว่าการพูดเชิญชวนปลุกระดมของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษจะนำมาซึ่งความรุนแรง ทีมการ์ดมีการประชุมประเมินสถานการณ์ค่อนข้างมั่นใจว่าคำพูดของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษเพียงเพื่อให้ประชาชนออกมาแสดงพลังเพียงอย่างเดียวไม่คิดว่าชาวบ้านจะใช้ความรุนแรงกับกลุ่มพันธมิตรฯ จึงให้ความไว้วางใจ เพราะเห็นว่าเป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน ที่สำคัญการเดินทางของพันธมิตรฯ ยึดหลักสงบ สันติ และอหิงสามีการสั่งห้ามให้ผู้ที่เดินทางร่วมไปในคณะพกพาอาวุธใดๆ ขึ้นไปอย่างเด็ดขาด เราไว้ใจเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับกลายเป็นว่าพอคณะของเราเดินทางไปถึงกลับถูกกลุ่มชาวบ้านออกมารวมตัวต่อต้านและรุมทำร้ายโดยการใช้หนังสติ๊กยิงเข้าใส่ ใช้ท่อนไม้ไล่ทุบตีแบบไม่ยั้ง กลุ่มชาวบ้านยังยิงหนังสติ๊กใส่รถของคณะพันธมิตรฯ กระจกแตกได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องหยิบฉวยอะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือเพื่อตอบโต้กลุ่มชาวบ้าน ไม่ให้กลุ่มพี่น้องพันธมิตรฯถูกรุมทำร้ายเพียงฝ่ายเดียว เพราะชาวบ้านที่มารวมตัวกันประมาณ 1,000 คนนั้นมีท่อนไม้ และหนังสติ๊กมาพร้อม ในขณะที่พันธมิตรฯ ไปแบบมือเปล่า ภาพที่สื่อต่างๆ นำเสนอเผยแพร่ เป็นภาพช่วงที่พันธมิตรฯ ตอบโต้เพื่อป้องกันตน แต่ช่วงที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกกลุ่มชาวบ้านรุมทำร้าย ใช้ท่อนไม้วิ่งไล่ตี สื่อต่างๆ กลับไม่มีการนำเสนอแต่อย่างใด ประมาณ 2 ชั่วโมง ที่มีการปะทะทีมการ์ดพันธมิตรฯ ประมาณ 300 คน ได้รับบาดเจ็บหลายรายซึ่งส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย “เหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากว่าไม่มีบุคคลใดจัดตั้งมวลชนมาต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ แต่เมื่อเราถูกทำร้ายก็มีความจำเป็นในการป้องกันตัวเราหยิบจับอะไรได้ใกล้ตัวก็ใช้อย่างนั้น” ด้านน.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจรแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่สุเทพ เทือกที่ชอบออกมาระบุว่าทุกครั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ รวมตัวชุมนุมต้องเกิดความรุนแรงขึ้นนั้น ที่จริงความรุนแรงจะไม่เกิดขึ้นเลยหากเจ้าหน้าที่รัฐไม่จัดตั้งมวลชนมาต่อต้าน วลีที่ถูกก็คือ "กลุ่มมวลชนจัดตั้งโดยนักการเมือง ลอบทำร้าย (หรือซุ่มโจมตี) พันธมิตรที่ไปแสดงเจตนารมย์ทวงคืนพื้นที่รอบๆประสาทพระวิหารจากการบุกรุกอธิปไตยไทยของเขมร" คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภาร่วมกับภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์ปราสาทพระวิหารจัดสัมมนาเรื่อง "แสวงหาความจริง แผ่นดินเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่กรกฎาคม 2505-2552" นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหาในฐานะผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตว่ากรณีพิพาทเขาพระวิหารเมื่อเข้าสู่โต๊ะเจรจาไม่แน่ใจว่ากระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลจะเสียเปรียบในการเจรจาหรือไม่และหากเรื่องก้าวเลยไปสู่พหุภาคีแล้ว เรื่องอาจกลับไปสู่ศาลโลกอีกครั้ง ไทยจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็ยังไม่รู้ แต่ตนมองว่าไทยอาจมีโอกาสเสียเปรียบ เพราะมีเอกสารจำนวนมากที่จะต้องทำความเข้าใจโดยเฉพาะการบันทึกเอ็มโอยู ที่มีผลให้ไทยต้องยอมรับในแผนที่ไปโดยปริยาย "การผลักดันชุมชนชาวเขมรออกจากพื้นที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำซึ่งผมเชื่อว่ามีหลายวิธี 1.ให้ประท้วงอย่างเป็นทางการ 2.ใช้กำลังทหารผลักดันเพื่อเพิ่มพลังการเจรจาของทางฝ่ายไทย" ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.กล่าวว่าเรื่องการเจรจาปักปันเขตแดนนั้น ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเจรจาอีกเพราะเรื่องจบมาตั้งแต่ ค.ศ.1907 แล้ว ถ้าปักปันอีก ไทยต้องเสียดินแดนโดยอาจต้องเสียไปถึงสายน้ำ ภูเขา สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ได้ เรื่องนี้ควรตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมา เพื่อพิสูจน์เขตแดนทั้ง 73 หลักให้ได้ก่อน โดยไม่เกี่ยวกับตัวเขาพระวิหาร โดยให้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องออกจากพื้นที่ แต่หากทางเขมรจะเข้ามาในพื้นที่ต้องมาขึ้นทะเบียนกับทางไทย และต้องให้ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้หมด แล้วไทยจึงจะถอนทหารออกมาถ้าไม่ได้ก็ต้องเพิ่มกำลังทหารเข้าไป นายสมปอง สุจริตกุลคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น เป็นของไทยตามกฎหมายระหว่างประเทศแน่นอนซึ่งยึดหลักตามอนุสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสโดยยึดเขตแดนธรรมชาติเป็นสันปันน้ำเป็นแนวเขตแดนและเขมรเป็นผู้สืบทอดกรรมสิทธิ์ย่อมได้สิทธิเท่ากับฝรั่งเศส หากมีการยกเลิกอนุสัญญาดังกล่าวประเทศไทยจะได้พระตะบอง เสียมราฐและศรีโสภณคืนกลับมาซึ่งประเทศไทยได้เปรียบทุกด้าน "ประเทศไทยได้รับบทเรียนมาจากคดีปราสาทเขาพระวิหาร ศาลโลกเขาสอนว่าแม้จะเป็นกฎหมายต่างประเทศเราจะเสียเปรียบอย่างไร ทีหลังต้องอ้าปากบอกชาวโลกต้องออกมาปกป้องสิทธิทุกวิธีทางไม่เช่นนั้นจะสูญเสียดินแดนโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ในการประท้วงเพื่อจะรักษาดินแดน ควรทำด้วยวาจาแต่หากไม่เกิดผล ต้องทำนอกเหนือจากการประท้วง ด้วยมาตรการอื่นๆ เพื่อเป็นแรงกดดันบีบบังคับให้คนเขมรออกจากพื้นที่ที่เป็นของไทยแต่เรื่องนี้ต้องกำหนดมาตรการเป็นขั้นตอนและต้องดำเนินการเด็ดขาดโดยเร็ว วันเดียวกันคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เลื่อนชี้มูลความผิดคดีกล่าวหาคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลสมัคร สุนทรเวชกับพวกรวม 28 คนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีออกมติครม.สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เป็นวันที่ 29 กันยายน เนื่องจากการพิจารณาเป็นรายบุคคลยังไม่แล้วเสร็จ นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกป.ป.ช.แถลงว่าที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ได้เริ่มพิจารณาคดีนี้ตั้งแต่เวลา 09.00-13.00 น.โดยพิจารณารายละเอียดคดีทั้งหมดทั้งพยานเอกสารหลักฐานรวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยจะดูการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 44 คน มีการกระทำหรือพฤติการณ์ว่าเจตนาจะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายอันเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ และเข้าข่ายถอดถอนได้หรือไม่โดยพิจารณาเป็นรายบุคคล และขณะนี้พิจารณาเสร็จเพียง 12 คน เหลือ 32 คนคณะกรรมการจึงมีมติให้เลื่อนไปพิจารณาต่อในวันที่ 29 กันยายนนี้ก่อนแถลงผลการพิจารณาครั้งเดียวในวันดังกล่าว ภาพเหตุการณ์กลุ่มชาวบ้านวิ่งเข้าไล่ทำร้าย ฟันแทง ทุบตี ขว้างปาก้อนหิน ท่อนไม้และระดมยิงหนังสติ๊กถล่มประชาชนขบวนภาคีเครือข่ายประชาชนทวงคืนแผ่นดินไทยรอบปราสาทพระวิหารนำโดย “คุณวีระ สมความคิด” อย่างป่าเถื่อน บ้าคลั่ง นำไปสู่การปะทะกันรุนแรงของ 2 ฝ่ายบาดเจ็บระนาวท่ามกลางกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองกว่า 1,000 นายเมื่อบ่ายวันที่ 19 ก.ย.ริมถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหารบริเวณหน้าวัดภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษที่ผ่านมาได้สร้างคำถามให้กับทุกฝ่ายว่ามันเกิดอะไรขึ้น คำตอบที่หลั่งไหลมาจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะหน่วยข่าวและฝ่ายความมั่นคงที่เกี่ยวข้องล้วนระบุตรงกัน เป็น “ม็อบจัดตั้ง” และเตรียมการมาอย่างดี วางแผนปฏิบัติการเป็นระบบ มีขั้นตอน ที่สำคัญเป็นการผสมโรงร่วมกฐินของหลายกลุ่มที่เชื่อมโยงลงตัวด้วยธรรมชาติแห่งผลประโยชน์ทั้งกลุ่มการเมืองแดง-น้ำเงิน, หัวคะแนนคนสำคัญในพื้นที่นี้ของธีระ ไตรสรณกุลส.ส.พรรคเพื่อไทย , ฝ่ายปกครองยุคผู้ว่าฯ เด็กเนวิน ชิดชอบครองเมืองและกลุ่มพ่อค้านายทุน-อำนาจสีเขียวชายแดนเขมรที่หยั่งรากลึกทำมาหากินทั้งค้าขายในทางเปิดเผยและค้าของเถื่อนสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมรแถบนี้มาช้านาน พ่อค้าระดับหัวขบวนทำมาหากินอยู่บนอุทยานแห่งชาติที่จะสูญเสียผลประโยชน์อย่างมากจากที่อุทยานฯ ต้องปิดยาวซึ่งทางการเคยจัดระเบียบขึ้นทะเบียนไว้พ่อค้ากลุ่มนี้มีประมาณ 70 ร้าน กำลังหลักล้วนเป็นกลุ่มแม่ค้าพ่อค้าอุทยานฯ เขาพระวิหารและเครือญาติที่เดือดดาลเพราะสูญเสียประโยชน์ส่วนตัวจากการปิดอุทยานฯ โดยไม่สนใจใยดีว่าประเทศชาติแผ่นดินไทยจะเป็นอย่างไรเข้าทำหน้าที่เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่และฝ่ายตรงข้ามพร้อมป้ายผ้าข้อความขนาดใหญ่ปักหลักต่อต้านแถมมีร้องเสียงตะโกน “ทักษิณสู้ๆ อภิสิทธิ์ออกไป” โผล่มาเป็นระยะๆ ด้วย ขณะเดียวกันได้มีกองกำลังชายฉกรรจ์ กลุ่มวัยรุ่น คอยบุกทะลวง นำอาวุธมีดสปาต้า ท่อนไม้ เข้าไล่ทุบตี ขว้างปาไม้ ก้อนหิน ประสานกับการระดมยิงของ กองทัพหนังสติ๊ก กว่า 30 คนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นหน่วยจรยุทธ์เข้าซุ่มตามจุดต่างๆ ยิงถล่มเข้าใส่ ทำร้ายทำลายกลุ่มประชาชนผู้รักชาติหวงแหนแผ่นดินไทยและรถยนต์ที่ติดตามขบวนหยาวเหยียดหลายกิโลเมตรอย่างบ้าคลั่งและมันมือ การปฏิบัติการเยี่ยงสงครามเช่นนี้ชาวบ้านทั่วไปทำได้อย่างไร ต้องถามตำรวจเสื้อแดงท้องที่ อ.กันทรลักษ์และตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษที่ยังคงถวายหัวรับใช้ระบอบทักษิณอย่างคงเส้นคงวา ด้านฝ่ายเสบียงพบว่ามีการระดมกลุ่มแม่บ้านมาช่วยกันทำอาหารจัดเลี้ยงชาวบ้านผู้มาชุมนุมอย่างต่อเนื่องแบบไม่อั้น ไม่ต่างกับงานบุญกฐินตามต่างจังหวัดที่ทุกคนต้องอิ่มแปล้และเมาขาลากไปตาม ๆ กัน ฝ่ายปกครองโดยระพี ผ่องบุพกิจผู้ว่าฯศรีสะเกษที่ได้เรียกประชุมส่งสัญญาณให้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยมาก่อนหน้านั้น ระหว่างนั้นได้มีป้ายต่างขนาดใหญ่ที่กลุ่มม็อบเถื่อนภูมิซรอลนำมาใช้นำมาติดตั้งปลุกระดมโหมกระแสต่อต้านตามข้างถนนชาวไร่ทำนาทั่วไปคงเสกสรรขึ้นมาเองไม่ได้แน่ กำนันตำบลสาธงชัยที่กินดีหมีมาสามารถตะเพิดไล่ผู้ว่าฯลงจากรถปราศรัยและยันยืนไม่ยอมเจรจาด้วยในระหว่างที่ปลัดอำเภอกันทรลักษ์เข้าไปนั่งกินข้าวกับกลุ่มผู้ชุมนุมชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง ผู้ว่าฯ ระพีเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจว่าแค่ละครตบตาหรือไม่ ยิ่งการระดมชาวบ้าน นักการเมืองท้องถิ่น ธีระ ไตรสรณกุล ส.ส.เพื่อแม้วหัวโจก"ม็อบ"ตัวเอ้ของจริงถึงขั้นขนคนในสังกัดทั้งนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ และชาวบ้านเข้าร่วมบายศรีสู่ขวัญม็อบเถื่อนด้วยตัวเอง ไม่เว้นข้าราชการจากหลายอำเภอมาร่วมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ม็อบเถื่อนภูมิซรอลภายในวัดบ้านภูมิซรอลเมื่อ 21 ก.ย. ได้ยกก้นกันเองว่าเป็นวีรบุรุษชายแดนอันเป็นปรากฏการณ์หางโผล่ที่ตอกย้ำขบวนการร่วมกฐินเฉพาะกิจ "ต้นเหตุแห่งความขัดแย้ง วุ่นวาย การสู้รบ และผลประโยชน์ชายแดนไทย-เขมร แถบนี้ซับซ้อน อ่อนไหว และเป็นปัญหาทับถมกันหลายด้าน ยากที่คนข้างนอกจะเข้าใจ เข้าถึงได้ลึกซึ้ง... คุณไม่รู้หรอกว่า แค่ภูมิซรอลหมู่บ้านชายแดนเล็กๆแห่งนี้ พอค่ำมืดชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็พากันเข้าไปในป่า ตอนเช้าก็มีของขาย ไม่รู้เป็นของอะไร แต่ร่ำรวย มีรถยนต์ รถบรรทุกหลายคัน ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ตื่นเช้าไปไร่ นา ดิ้นรนทำกินกันไป" ปราชญ์ชาวบ้านภูมิซรอลคนหนึ่งบอกเล่าไว้ ชาวบ้านพื้นเพดั้งเดิมที่บ้านภูมิซรอล ม.2 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์นี้เกือบทั้งหมดมีอาชีพทำไร่ ทำนาซึ่งชาวบ้านเหล่านี้ไม่ได้เดือดร้อนกับการชุมนุมทวงคืนแผ่นดินไทยเขาพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตารางกิโลเมตร) แต่อย่างใด แต่กลับเห็นด้วยอย่างยิ่งและหัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวงแหนผืนแผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วแม้แต่ปราสาทพระวิหารเอง ทุกวันนี้พวกเขายังคงยืนหยัดความเป็นเจ้าของไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ก็เพราะสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยกับการคงอยู่ของภาวะสงครามชายแดนที่ควบคุมพื้นที่เบ็ดเสร็จโดยทหารได้กลายเป็นโอกาสทองของการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของนายทุนและกลุ่มอำนาจสีเขียวชายแดนเพื่อนบ้านแห่งนี้ โดยเฉพาะสมคบกันลักลอบตัดไม้-ค้าไม้พะยูงเถื่อนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากตามป่าชายแดนไทย-เขมรตลอดแนวเทือกเขาพนมรักไล่ตั้งแต่เขต จ.สุรินทร์-ศรีสะเกษ ไปจนถึงอ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีส่งขายให้นายทุนไทยผ่านไปยังตลาดต่างประเทศอย่างเป็นล่ำเป็นสัน อย่าลืมว่าบ้านภูมิซรอลมีคนต่างถิ่นเข้ามาปักหลักสร้างฐานอยู่เป็นจำนวนมากจากทั้งใน จ.ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อุบลราชธานีซึ่งในกลุ่มเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขายกับฝ่ายเขมรหลายคนมีเมียเป็นชาวเขมร บางคนมีสามีชาวเขมรสร้างสายสัมพันธ์กันแนบแน่นร้อยโยงกับนายทุนชายแดนรายใหญ่และกลุ่มอำนาจสีเขียวเพื่อนบ้านกอบโกยผลประโยชน์ร่วมกันมานานและนับวันจะขยายเครือข่ายเป็นขบวนการใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ คนใกล้ชิดผู้นำเขมรฮุนโตกับญาติคนสนิทของผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 เขมรที่คุมกำลังตลอดแนวชายแดนด้านนี้เป็นเจ้ามือรายใหญ่รับซื้อและสั่งการลักลอบตัด ทหารเขมรเองก็เอาเวลาส่วนใหญ่แต่งตัวเป็นพลเรือน พกอาวุธ นำเลื่อยยนต์ ออกหาตัดไม้ในพื้นที่ป่าตามแนวเทือกเขาพนมดงรักทั้งในฝั่งเขมรและเขตแดนไทยโดยไม่เกรงกลัวจะถูกจับหรือถูกยิงเช่นเดียวกับชายแดนเทือกเขาพนมดงรักด้านตรงข้ามปราสาทตาเมือนธมที่ทหารไทยก็ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ตัดต้นไม้ดังกระหึ่มอยู่ห่างตัวปราสาทออกไปราว 1-2 กิโลเมตรแทบทุกวัน แม้จะมีบาดแผลเล็กๆ ในประวัติศาสตร์แต่นั่นเป็นเรื่องของอดีตที่ไม่หยิบยกมาให้หมางใจกัน แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น 2 -3 ปีมานี้คือปัญหาเรื่องที่ดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบประสาทพระวิหารซึ่งเขมรส่งคนและทหารของเขาเข้ามายึดครองและกำลังตัดถนนและสร้างถาวรวัตถุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาทวงสิทธิ์ผืนดิน 4.6 ตารางกิโลเมตรดังกล่าวและขับไล่เขมรออกไปจากแผ่นดินไทยตั้งแต่ยุครัฐบาลสมัคร สุนทรราช แต่รัฐบาลยุคนั้นก็ยืนยันว่าไทยยังไม่เสียดินแดนและเมื่อพันธมิตรฯ เดินทางไปเพื่อพิสูจน์ความจริง กลับมีการจัดตั้งชาวบ้านออกมาขัดขวางมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อก.ค. 51 คุณอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ในตอนที่ยังเป็นพรรคฝ่ายค้านก็มีจุดยืนเช่นเดียวกับพันธมิตรฯ เขมรออกมายอมรับเองว่า ฝ่ายไทยที่หมายถึงยุคสมัยของรัฐบาลทักษิณเป็นฝ่ายที่พยายามโยงกรณีพื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหารเข้ากับผลประโยชน์ทางทะเลในอ่าวไทยระหว่างการเจรจากับฝ่ายเขมรซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่า คำพูดของพันธมิตรฯ บนเวทีในระหว่างการชุมนุมนั้นไม่ใช่เรื่องที่เลื่อนลอยหรือกล่าวหารัฐบาลทักษิณ และเมื่อพ้นจากยุครัฐบาลนอมินีของทักษิณแล้วพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ยังไม่นิ่งนอนใจที่จะติดตามเรื่องนี้เครือข่ายของคุณวีระ สมความคิดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและกษิต ภิรมย์กลับมีท่าทีและจุดยืนที่เปลี่ยนไปเฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลพลังประชาชนที่ตัวเองเคยวิพากษ์วิจารณ์มาก่อนทั้งในเรื่องนี้และต่อพันธมิตรฯ การณ์กลายเป็นว่าพันธมิตรฯ กลับถูกรัฐบาลประชาธิปัตย์ตอบโต้ยิ่งกว่ารัฐบาลนอมินีทักษิณ รัฐบาลอภิสิทธิ์และคุณกษิตก็ยังยืนยันว่าไทยเรายังไม่ได้เสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรให้เขมรทั้งๆที่ตอนที่คุณกษิตพร้อมทีมงานเข้าไปดูพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรคุณกษิตต้องขออนุญาตทหารเขมรเข้าไป การเดินทางไปเพื่อประกาศสัจจวาจาว่าดินแดนดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทยไม่ใช่พื้นที่ของเขมรของคุณวีระและเครือข่ายมวลชนพันธมิตรฯ กลับต้องเผชิญกับกองกำลังที่จัดตั้งขึ้นมา พวกเขาไม่คิดว่าการจัดตั้งคนไทยไล่ตีกันเองนั้นจะทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างไรเพียงเพื่อจะกล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เข้าไปก่อเหตุความรุนแรงไล่ทุบตีชาวบ้าน ด้วยสำนึกของความเป็นไทยคนไทยด้วยกันควรจะสนับสนุนพันธมิตรฯหรือยกพวกมาไล่ตีพันธมิตรฯ กองกำลังเถื่อนดังกล่าวมีอาวุธปืนมีดไม้ หนังสติ๊ก ระเบิดปิงปองครบมือจะไม่มีวันกล้ากระทำการดังกล่าวเลย ถ้าไม่มีอำนาจรัฐหนุนหลังและแสดงความป่าเถื่อนต่อหน้านายอำเภอ นายตำรวจ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดและสื่อมวลชนจากส่วนกลางจำนวนมาก นอกจากปรากฏหลักฐานด้วยภาพแล้วสื่อมวลชนในพื้นที่ก็รู้ว่ากองกำลังเถื่อนนั้นมาจากไหนแต่ปัญหาก็คือว่ามีสื่อส่วนหนึ่งที่พยายามบิดเบือนให้เห็นว่าถ้าพันธมิตรฯไม่เดินทางไปก็ไม่เกิดความรุนแรงขึ้นที่นั่น ผู้รายงานข่าวหญิงคนหนึ่งของช่อง 11ได้รายงานจากพื้นที่ว่าพันธมิตรฯพยายามบุกเข้าไปทำร้ายชาวบ้านในวัด ส่วนฝ่ายชาวบ้านขว้างปาขวดน้ำเข้าใส่ทั้งๆที่ภาพข่าวมันขัดแย้งกับที่ตัวเองกำลังรายงาน สรกล อดุลยานนท์เจ้าของนามปากกาหนุ่มเมืองจันท์ผู้เขียนหนังสือเรื่องทักษิณชินวัตรอัศวินคลื่นลูกที่สามใช้อีกนามปากกาวิหคเหินฟ้าสำรอกว่า “ชาวบ้านภูมิซรอลก็เหมือนกับชาวบ้าน “ชุมชนนางเลิ้ง” ที่ออกมาปกป้องตัวเองจาก “ม็อบเสื้อแดง” เมื่อเหตุการณ์ “สงกรานต์เลือด” อย่าลืมว่า “ม็อบเสื้อเหลือง” ไปแล้วก็กลับ แต่คนที่อยู่กับ “ปัญหา” ทุกวัน คือชาวบ้านที่ภูมิซรอล”." เด็กอนุบาลยังสามารถแยกแยะได้ว่าระหว่างอำนาจรัฐจัดตั้งกองกำลังเถื่อนขึ้นมาเพื่อซุ่มทำร้ายกับคนที่เดินทางไปด้วยจิตสำนึกที่รักชาติและป้องกันตัวเองจากการถูกกระทำฝ่ายเดียวใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด แล้วสื่อมวลชนกลุ่มนี้จะสามารถหรือไม่ 24 ก.ย. 52 ปรากฏความเคลื่อนไหวบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษมีทหารเขมรตรึงกำลังอยู่จำนวนมากและล้วนเป็นทหารเคยสังกัดกองกำลังทหารเขมรแดงโดยมีทหารไทยเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด วีระยุทธ ดวงแก้ว กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์กล่าวว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มชาวบ้านในเขตต.เสาธงชัยที่บ้านภูมิซรอลทำให้บรรยากาศบริเวณบ้านภูมิซรอลและการค้าขายค่อนข้างเงียบเหงาซบเซาลงกว่าเดิม การจะฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยวบริเวณนี้จะต้องเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวชมได้ นายสมาน ศรีงามแกนนำกลุ่มธรรมยาตราทวงคืนแผ่นดินไทยบริเวณเขาพระวิหารหนึ่งใน 3 ชาวไทยที่สมัคร สุนทรราชที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเคยเรียกว่าไอ้บ้าสามคนกล่าวว่าจะประชุมแกนนำเพื่อระดมความคิดเห็นเคลื่อนไหวทวงคืนแผ่นดินไทยบริเวณเขาพระวิหารในวันที่ 27 กันยายน เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเกษสิริและจะหาแนวทางสันติวิธีในการขับเคลื่อนไม่ใช้วิธีการรุนแรงเหมือนเหตุการณ์ที่บ้านภูมิซรอลอเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมาอย่างเด็ดขาด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บคอนเฟอเรนซ์ กรณีกลุ่มเสื้อแดงกล่าวหาว่าระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยให้เขมรสร้งถนนเข้ามา 2 เส้นโดยอ้างมีหนังสือเตือนจากกองทัพ 9 ครั้ง แต่รัฐบาลไม่ทำอะไรว่าขอให้ไว้วางใจไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตามตัวถนนนั้นก่อสร้างกันมาตั้งแต่ก่อนที่ตนเข้ามารับตำแหน่งและมีการรายงานจากพื้นที่ขึ้นมา จากนั้นก็มีการประท้วงจนถึงขณะนี้ก็มีการนำไปสู่กรอบของการจรจาซึ่งรัฐบาลกำลังเสนอต่อสภาในเรื่องที่จะให้ทุกฝ่ายออกจากพื้นที่ สุเทพ เทือกกล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงว่า การสร้างถนนในพื้นที่พิพาทเกิดขึ้นนานแล้ว มีถนนก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามาบริหารอีก ถ้ากลุ่มคนเสื้อแดงออกมาโจมตีเรื่องนี้ก็ระวังจะเข้าเนื้อตัวเองเพราะพวกเสื้อแดงเคยเป็นรัฐบาลก่อน "พอเราเข้ามาเป็นรัฐบาล เขาได้ปรับปรุงถนนบางส่วน เช่นมีการเทซีเมนต์ในพื้นที่ลาดชัน ซึ่งรัฐบาลไทยได้ประท้วงไปแล้วเพราะไม่ถือว่าเป็นถนนของเขมร ทหารไทยก็อยู่บนถนนนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะมาแสดงความเป็นเจ้าของได้เพราะพื้นที่ตรงนั้นยังเป็นพื้นที่ที่ต้องแก้ไขปัญหาโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนต้องพิสูจน์ว่าส่วนไหนเป็นของใคร" ต่อกรณีที่สื่อมวลชนเขมรรายงานว่าบริษัทเอกชนสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลเขมรเริ่มเข้าไปขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล 4.6 ตารางกิโลเมตรแล้วว่าเป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้วและยังต้องเกิดอีกเพราะทั้งไทยและเขมรต่างอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของตนซึ่งฝ่ายไทยก็ให้สัมปทานบริษัทเอกชนไปหลายบริษัท ขณะนี้จึงไม่มีบริษัทไหนได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวทางที่ดีคือไทยกับเขมรควรมานั่งปรึกษากันใหม่ พัฒนาพื้นที่ร่วมกันและใช้ประโยชน์ร่วมกัน สุเทพได้เปิดเผยออกมาเองว่าฝ่ายไทยได้มีการอนุมัติให้บริษัทต่างชาติเข้าไปสำรวจหาพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยหลายบริษัทเช่นเดียวกับทางฝั่งเขมรที่ได้อนุมัติในลักษณะเดียวกันและอ้างว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนดังกล่าว คุณวีระ สมความคิดแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะขอให้นายกษิต ภิรมย์รมว.ต่างประเทศชี้แจงกรณีเขาพระวิหารผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยกรมประชาสัมพันธ์พร้อมกับคุณวีระว่าให้พูดคุยต่อหน้าคนทั้งประเทศได้เลยตนจะให้นายกษิตได้ถามและตนจะตอบจะได้ไม่ต้องมีอะไรปกปิดกันอีกต่อไป ถามว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยืดยื้อนั้นเกิดจากทหารเข้าไปมีส่วนผลประโยชน์ในการค้าบริเวณเขาพระวิหารใช่หรือไม่ คุณวีระกล่าวว่ามีผลประโยชน์โดยเริ่มจากคนในพื้นที่ก่อนจากทหารที่เข้าไปดูแลจากข้าราชการร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่นนักการเมืองในจังหวัดศรีสะเกษออกมายังนโยบายระดับชาติ ฮุนเซนนายกฯเขมรเห็นว่านักการเมืองและข้าราชการไทยตะกละตระกลามจึงให้ประโยชน์แลกเปลี่ยนพวกนี้จึงต้องปกป้องปกปิดให้เขมรมาตลอดเวลาจนกลายเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขแล้ว ส่วนนักการเมืองที่เกี่ยวข้องมีทั้งนักการเมืองทั้งก่อนหน้าและหลังรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ตนไม่ต้องการให้มองเพียงแค่นพดล ปัสสาวะอดีตรมว.ต่างประเทศในรัฐบาลนายสมัคร สุนทรราชเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากปัญหาเพียงเล็กๆเช่นทหารยศพันเอกเท่านั้น ต่อมาก็มากขึ้นและเมื่อเจ้านายบอกให้พันเอกคนนี้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเรื่องจึงไปกันใหญ่ เมื่อถามว่ามีการติดต่อกับทางแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ตลอดใช่หรือไม่ คุณวีระกล่าวว่าตนติดต่อกับทางแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ตลอดแต่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะให้นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ผู้ประสานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นคนกลางติดต่อกับตนอยู่ตลอดเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลต่างๆ ทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยร่วมด้วยมาโดยตลอดแต่ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเห็นว่าตนเป็นคนจับเรื่องเขาพระวิหารมาตั้งแต่ต้นจึงให้เครดิตให้รับผิดชอบและเชื่อว่าตนสามารถรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวได้เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ใช้ชื่อพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเนื่องจากตนร่วมกับหลายภาคี เครือข่าย มีทั้งกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและภาคีผู้ติดตามสถานการณ์เขาพระวิหารและเครือข่ายประชาชนรักชาติเมื่อปี 2551 จึงใช้ว่าภาคีเครือข่ายผู้ติดตามสถานการณ์การเสียดินแดนรอบประสาทพระวิหารไม่ใช่เฉพาะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อถามว่าสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงออกมาบอกว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลาแก้ไม่ใช่ 1-2 ปีแต่เป็น 10 ปี คุณวีระกล่าวว่าไม่ต้องใช้เวลา สุเทพห่วงแต่ผลประโยชน์และของพรรคร่วมรัฐบาลคือกลัวเก้าอี้จะหลุด 25 ก.ย. 52 สุเทพ เทือกออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการให้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-เขมรว่าเรื่องนี้ไม่มีใครทำอะไรได้ หากยังไม่มีการเจรจาร่วมกันเพราะต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ดังนั้นหากยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าพื้นที่เป็นของใครตนได้เสนอไปแล้วว่าให้ร่วมทุนในการพัฒนาร่วมกันและแบ่งผลประโยชน์กัน เมื่อถามว่าเตรียมวางแผนที่จะพูดคุยกับฮุนเซนแล้วหรือยัง สุเทพ เทือกกล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเพราะมีเรื่องอื่นที่จะต้องแก้ไขก่อนและหากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับมาเห็นว่าควรต้องดำเนินการตนก็จะรีบไปทำ 26 ก.ย. 52 น.ส.อาภารัตน์ ชาติชุติกำจรแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ตได้รับจดหมายไม่ระบุชื่อผู้ส่งและที่มา 1 ฉบับเป็นจดหมายที่ผู้ส่งใช้วิธีการพิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื้อหาภายในทั้งหมดเป็นการกล่าวถ้อยคำข่มขู่โจมตีการทำงานและเคลื่อนไหวทางการเมืองในส่วนของพรรคการเมืองใหม่และภาคประชาชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดภูเก็ตด้วยถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง ข่มขู่ตนเอง และนายกฤช เทพบำรุง ทั้ง ๆ ที่สาเหตุที่นายกฤชออกมาให้ข่าวก็เพียงเพื่อให้สังคมและสาธารณะรับรู้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้นว่ากลุ่มพี่น้องพันธมิตรฯ จากทั่วประเทศที่เดินทางขึ้นไปที่จ.ศรีสะเกษถูกกระทำอย่างไรบ้าง และตนยังได้รับศัพท์หมายเลข 087-4662897 ซึ่งโทรเข้ามาหลังจากที่ตนออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องที่ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษเมื่อ 20 ก.ย.ที่ผ่านมาบุคคลดังกล่าว ด่าทอ และข่มขู่ตนเองด้วยถ้อยคำลักษณะเนื้อหาคล้ายกับข้อความในจดหมายที่ได้รับ 28 ก.ย. 52 ในการประชุมวุฒิสภาช่วงเปิดให้สมาชิกหารือก่อนเข้าสู่วาระและได้มีการหารือว่ากรณีเหตุการณ์ปราสาทพระวิหารเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วที่มีคนไทย 2 กลุ่มกระทบกระทั่งกันเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ทำให้คนไทยแตกแยกกันแต่เท่าที่ผ่านมา 1 ปี รัฐบาลก็นิ่งเฉย ในส.ว.ก็ไม่มีใครรู้เรื่องจริงเรื่องนี้คนไทยต้องร่วมแก้ปัญหาแต่รัฐบาลปล่อยปละละเลย วันนี้ฝ่ายรัฐต้องอธิบายความให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนว่าปัญหาคืออะไรและประชาสัมพันธ์ในวงกว้างถึงวิธีแก้ไข ไม่ต้องอ้างความมั่นคง ไม่เช่นนั้นกรณีนี้จะถูกนำไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองอยู่ตลอด แกนกำกลุ่มธรรมยาตรานำ 3 คนไทยพระคำพอง ชยธัมโม นายวิชาญ ทับซ้อนและนางชนิกานต์ เก่งนอกที่เคยถูกทหาร-ตร.เขมรจับตัวไปจากบริเวณเขาพระวิหารเมื่อ 15 ก.ค.ปีที่แล้วโดยนับตั้งแต่วันที่แจ้งความจนถึงวันนี้เวลาได้ผ่านไปกว่า 1 ปีแล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในคดีนี้เลยได้มาแจ้งความร้องทุกข์จึงได้เข้าแจ้งจับ 3 นายตำรวจสภ.บึงมะลู - สภ.กันทรลักษ์ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ดำเนินคดีตามกฏหมายแล้วพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้แจ้งทั้ง 3 รายไว้ และจะได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปให้สภ.บึงมะลู ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินการต่อไป ป.ป.ช.เตรียมพิจารณามติครม.สมัครออกแถลงการณ์ร่วมเขาพระวิหารหลังจากที่คณะกรรมการจะต้องพิจารณาในแต่ละบุคคลที่ถูกกล่าวหาซึ่งขณะนี้เหลืออีก 32 คน ชัดเจนว่าจะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมอย่างแน่นอนแต่จะเสร็จสมบูรณ์เพียงใดก็แล้วแต่ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีอุปสรรคใดๆ ฮุน เซนได้มีคำสั่งในระหว่างเปิดอาคารใหม่ของกระทรวงการท่องเที่ยวหลังจากที่ภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหารได้รวมตัวชุมนุมกันเรียกร้องสิทธิเหนือพื้นที่พิพาทให้ทหารเขมรยิงพลเรือนหรือทหารไทยได้หากบุกรุกเข้ามายังบริเวณพื้นที่พิพาทของเขมรพร้อมขู่จะยกกรณีพิพาทนี้เข้าสู่ที่ประชุมอาเซียนรวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น)หากเขมรถูกไทยรุกราน "หากพวกเขาเข้ามาอีก พวกเขาจะถูกยิง นี่เป็นคำกล่าวอ้างเพียงฝ่ายเดียวเพราะความปรารถนาที่จะครอบครองพื้นที่ดินแดนเขมร ถ้านายกฯ ของไทยเอาแผนที่มากางต่อหน้า ผมก็จะฉีกมัน" ฮุน เซนกล่าว พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรของไทยที่ฮุนเซนพูดได้อย่างเต็มปากว่าพื้นที่พิพาทของเขมร หากความขัดแย้งเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารระหว่างสองประเทศยังคงอยู่ฮุน เซนอาจมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเขมรเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนแทน ฮุน เซนกล่าวด้วยว่าจะไม่เจรจากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรใกล้กับปราสาทพระวิหารตราบที่ฝ่ายไทยยังคงใช้แผนที่ที่ฝ่ายไทยเขียนขึ้นเองพร้อมกันนี้ยังกล่าวด้วยว่าความขัดแย้งตามแนวชายแดนเขมร-ไทยมาจากปัญหาการเมืองภายในของไทยเอง 29 ก.ย. 52 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประมาณ 500 คนนำโดยคุณวีระ สมความคิดรวมตัวกันที่หน้าตึกอำนวยการค่ายริมขอบฟ้าเมืองโบราณ ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการเพื่อประกาศเจตนารมณ์ที่จะปกป้องเขาพระวิหาร ต่อมาเวลา 15.00 น.ได้เคลื่อนขบวนออกจากค่ายขึ้นไปยังบนเขาพระวิหารจำลองและชักธงชาติไทยขึ้นสู่ปลายเสาอ่านคำแถลงการณ์ภาคีเครือข่ายประชาชนผู้รักชาติรักแผ่นดินประกาศจุดยืนที่จะดำเนินการในทุกวิธีทางทีถูกต้องตามกรอบข้อกฎหมายในการที่จะนำเข้าพระวิหารกลับคืนมาพร้อมกับจะนำตัวผู้กระทำความผิดโดยการทำงานโดยมิชอบทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนให้กับเขมรมาดำเนินคดี จากนั้นได้ทยอยเดินทางลงจากเขาพระวิหารจำลองเพื่อเข้าประชุมเสวนาความจริงความขัดแย้งกรณีเข้าพระวิหารที่มีรศ.ศรีศักร วัลลิโภดมและคุณวีระ สมความคิดเป็นวิทยากรอันมีการประชุมที่เป็นไปด้วยความสงบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีเขมรประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ด้านผบ.ทบ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาระบุทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-เขมรบริเวณปราสาทพระวิหารยังคงตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่และยังคงรักษาความสัมพันธ์ของทหารในพื้นที่ไว้โดยยึดหลักเจรจาตามนโยบายของรัฐบาลหากมีการรุกล้ำด้วยกองกำลังใดๆ คงจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้แล้วและจะดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีย้ำว่าประเทศไทยยังจะยึดหลักตามข้อตกลงเดิม ว่าจะไม่มีการใช้กำลัง ซึ่งปัจจุบันนี้มีการลาดตระเวนร่วมกันอยู่ และจากการพบปะกันแต่ละครั้งที่ผ่านมาก็เป็นการพบปะกันในบรรยากาศที่ดี ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งก็หวังว่าทางเขมรจะยึดแนวทางสันติวิธีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามนายปณิธานกล่าวว่านายกรัฐมนตรีทราบรายงานข่าวดังกล่าวนั้นตั้งแต่คืนที่ผ่านมาแล้วเช่นกัน แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่าทราบท่าทีของเขมรแล้ว หากทางฝั่งเขมรติดอาวุธเข้ามาก็พร้อมตอบโต้ และสถานการณ์เช่นนี้อาจนำไปสู่ความตึงเครียด แม้ว่าแนวทางที่ปฏิบัติอยู่จะพยายามเจรจาเพื่อลดความตึงเครียด โดยมีการเจรจาตามจุดที่มีการตรึงกำลัง เนื่องจากระดับปฏิบัติการของทั้งสองประเทศก็มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่องเงื่อนไขการปฏิบัติที่แตกต่างกันของทั้งสองประเทศ เป็นสาเหตุให้เกิดความตึงเครียด โดยเฉพาะการตัดสินใจในระดับนโยบาย สุเทพ เทือกขอตรวจสอบการให้ข่าวของฮุน เซนว่าเป็นความจริงหรือไม่และได้ให้กองทัพภาคที่ 2 ดูแลความเรียบร้อยโดยรัฐบาลมีจุดยืนที่จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางเมตรเดียว ป.ป.ช.แถลงมติชี้มูลความผิดคดีกล่าวหาครม.สมัคร สุนทรราชปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ดำเนินคดีอาญากับครม.สมัครรวมผู้ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 44 คนขณะที่มีรัฐมนตรีที่ไม่เข้าประชุมและลาประชุม บางคนที่ได้ลาออกพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว บางคนเพิ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ และอยู่ระหว่างรอเข้างาน จึงเห็นว่าให้คำร้องตกไปและพิจารณาข้อกล่าวหาบุคคลที่เหลือในความผิดทางอาญา ป.ป.ช.เห็นว่าข้าราชการไม่มีมูลความผิดให้คำร้องตกไป ประเด็นที่คณะกรรมการป.ป.ช.เสียงข้างมากเห็นว่ามีความผิดนั้นพิจารณาร่วมกับการที่ศาลปกครองเพิกถอนแถลงการณ์ร่วมและกำหนดมาตรการคุ้มครองชั้วคราว ในคำสั่งดังกล่าวตามคำร้องของนายสุวัตร อภัยภักดิ์และศาลรัฐธรรมนูญที่ 6-7/2551 เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2551 ซึ่งได้วินิจฉัยชี้ขาดคำแถลงร่วมไทย-เขมรว่าเป็นหนังสือที่ต้องได้รับคำเห็นชอบจากรัฐสภาหรือไม่โดยศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ว่าเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาและแม้แถลงการณ์ร่วมฉบับนั้นไม่ปรากฏสาระสำคัญชัดเจนว่ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตก็ตามแต่เมื่อพิจารณาเอกสารรวมถึงแผนที่แนบท้ายที่จัดทำโดยเขมรเพียงฝ่ายเดียวจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแผนที่ดังกล่าวได้อ้างถึงพื้นที่เอ็น 1 เอ็น 2 และเอ็น 3 โดยไม่กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนว่าครอบคลุมพื้นที่เท่าใดซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในอาณาเขตของประเทศไทยอันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและอาจทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศในภายภาคหน้าได้ ศาลปกครองกลางได้วินิจฉัยในคดีหมายเลขดำที่ 984/2551 วันที่ 27 มิ.ย.2551 ว่าแผนที่แนบท้ายที่เขมรจัดทำขึ้นมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหารอย่างชัดเจน โดยระบุว่าเป็นพื้นที่เอ็น 1 ซึ่งอาจถือได้ว่าประเทศไทยยอมรับเขตแดนรอบพื้นที่ของปราสาทพระวิหารโดยปริยาย ศาลปกครองกลางยังระบุว่า เครื่องหมายเอ็น 3 ให้มีการจัดเตรียมพื้นที่ดังกล่าวระหว่างรัฐบาลไทยกับเขมรสำหรับการอนุรักษ์ ศาลปกครองกลางเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจจะมีผลผูกพันประเทศไทยและอาจทำลายน้ำหนักอ้างอิงที่ประเทศไทยยึดถือสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดนโดยตลอด คดีจึงมีมูลว่าการกระทำดังกล่าวอาจจำทำให้มีความเสียหายต่อประเทศชาติ ประชาชน รวมถึงผู้ฟ้องคดี ให้ได้รับความเสียหายอันเป็นความเสียหายที่ยากต่อการเยียวยาภายหลัง สรุปได้ว่าแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมรสมัคร สุนทรราชนายกรัฐมนตรีเป็นประธานซึ่งครม.ได้เห็นชอบตามที่นพดลเสนอมาและในวันที่ 18 มิ.ย.2551 นพดลได้ลงนามในร่างคำแถลงการณ์ดังกล่าวซึ่งดำเนินการลักษณะปิดบังอำพรางอย่างมีมูลเหตุจูงใจอื่นแอบแฝงอยู่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นมี 2 อย่าง 1.ความเสียหายต่อประเทศไทยอาจมีบทเปลี่ยนแปลงโดยคำแถลงการณ์ร่วมที่นพดลลงนามและ 2.ความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศที่ถูกกระทบอย่างกว้างขวางโดยแถลงการณ์ร่วมนี้ หลังศาลรัฐธรรมนูญตีความความมุ่งหมายของมาตรา 190 โดยให้รวมถึงหนังสือสัญญา“ที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขต”ของประเทศ นพดลกระทำไปโดยรู้อยู่แล้วเป็นอย่างดีในความเสียหายดังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงถือว่าในการปฏิบัติหน้าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และหัวหน้ารัฐบาลต้องทราบดีถึงความอ่อนไหวของประเด็นซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบในเรื่องอาณาเขตและวิกฤตการณ์ทางสังคมแต่ยังเป็นฝ่ายขอดำเนินการเพื่อช่วยเหลือฮุน เซ็นให้นำผลประโยชน์ของประเทศชาติมาใช้เป็นเครื่องมือ จากสถานะของสมัครหัวหน้ารัฐบาลที่ได้รับความไว้พระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนับว่าเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่จะมีนักการเมืองไทยคนใดจะมีความคิดเช่นนี้ สมัครจึงมีเจตนาร่วมกระทำผิดร่วมกับนพดลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆได้ถูกนำมาแจ้งต่อที่ประชุมครม.ในเวลาอันสั้นจึงไม่น่าจะรู้ถึงข้อเท็จจริง ผู้ถูกกล่าวหาเหล่านี้จึงไม่มีเจตนากระทำความผิดร่วม ทั้งหมดนี้จะจบลงด้วยการดำเนินคดีอาญา สมัคร สุนทรราชนายกรัฐมนตรี(สมัยนั้น)แจ้งว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นะ เขาจะเอาออกจากตำแหน่งนะ นพดลปัสสาวะแจ้งว่าไม่เป็นไร สมัครแจ้งว่าเมื่อครั้งไปแนะนำตัวได้พูดจากันถูกอัธยาศัยสิ่งหนึ่งที่คุณฮุนเซนเขาปรับทุกข์ก็คือขอให้เราช่วยอนุเคราะห์เขาหน่อยเขาต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเพื่อผลการเลือกตั้ง หลังจากการชี้มูลนพดล ปัสสาวะก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์มีแค่เลขานุการเท่านั้น ที่ออกมาเปิดเผยว่าจะเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ 30 ก.ย. ส่วนทางด้าน สมัคร สุนทรราชป่วยเป็นโรคมะเร็งอย่างหนักอาการไม่ค่อยดีนักกำลังถูกย้ายจากห้องผู้ป่วยเข้าห้องไอซียู นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีเห็นว่าที่ฮุนเซนให้สัมภาษณ์เป็นวิธีการพูดให้เป็นข่าว ยืนยันอย่างเดียวว่าจุดยืนเดียวของไทยคือรักษาดินแดน สิทธิ อธิปไตยของเราและต้องการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและจะไม่ให้เสียเปรียบในด้านการดำเนินการและกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งๆที่เวลานี้เขมรเปิดฉากชัดเจนแล้วว่า ไทยเป็นศัตรู แต่คำพูดจาของผู้นำรัฐบาล ผู้นำกองทัพ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า มีความกลัวเขมรจนตัวสั่น กลัวจะรบทัพจับศึก ยอมเสียดินแดนและให้เขมรดูหมิ่นแคลนซ้ำซาก รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยังดีแต่พูดว่าไทยยังไม่เสียดินแดน ฮุนเซนคงมองว่าขณะนี้ทางการไทยกลัวสงครามรัฐบาลถึงแสดงท่าทีใช้วิธีการเจรจามากกว่าใช้กำลังทหารซึ่งบุคคลสำคัญระดับประเทศของไทย ยืนยันว่าหลักการเจรจาเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างสันติทำให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงด้วยดี ในเมื่อทางเขมรแสดงท่าทีเช่นนี้แล้วรัฐบาลไทยถึงยังมองว่าการเจรจาเป็นวิธีแก้ปัญหาอยู่อีกหรือห่วงผลประโยชน์นักการเมืองหลายคนของไทยในเขมรจนไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศ ฮุนเซน กล่าวชื่นชม พล.อ.พล สะเรือนที่ได้ “ฉีกแผนที่” ที่ฝ่ายไทยนำขึ้นวางบนโต๊ะเจรจาในระหว่างการประชุมเจรจาปัญหาชายแดนระหว่างสองฝ่ายที่ผ่านมาที่ไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อน ผู้นำเขมรยังกล่าวอีกว่าตนเองจะฉีกแผนที่ดังกล่าวเช่นกันถ้าหากนายอภิสิทธิ์นำขึ้นวางบนโต๊ะเจรจาในโอกาสข้างหน้า เพื่อบอกให้ฝ่ายไทยรู้ว่า ไม่ควรใช้แผนที่ที่ จัดทำขึ้นเองแต่ฝ่ายเดียวในการเจรจาและยังได้สั่งการมิให้คณะเขมรทุกคณะ เจรจากับฝ่ายไทยต่อไปหากไทยยังใช้แผนที่ที่ไม่ได้รับการยอมรับและจะเจรจาบนหลักการและใช้แผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีก่อนเท่านั้น ฮุน เซนไม่ได้เพียงแต่ฉีกแผนที่เท่านั้น ยังฉีกหน้าผู้นำไทย ผู้นำกองทัพไทย และกำลังหยามน้ำหน้าคนไทยทั้งชาติกว่า 63 ล้านคน ว่าไร้น้ำยา ทั้งๆ ที่กัมพูชาเป็นชาติเล็กทำตัวเหมือนหมูสกปรกคลุกขี้แล้วมาทำกร่างมาร้องท้าราชสีห์รบ ชายแดนไทย-เขมรด้านเขาพระวิหารจ.ศรีสะเกษตึงเครียดสมใจฮุนเซน ทหารเขมรเสริมกำลังตลอดแนวรอบเขาพระวิหารนำปืนกลและอาวุธหนักขึ้นมาตั้งฐานและหันปากกระบอกปืนมายังฐานปฏิบัติการทหารไทยพร้อมเผชิญหน้าทหารไทยต่างฝ่ายเตรียมพร้อมเต็มที่ แฉทหารเขมรพร้อมอาวุธครบมือลอบรุกล้ำเขตแดนไทยด้านช่องโดนโปรอยต่อ อ.ภูสิงห์-ขุนหาญ กลางดึก เกิดปะทะ 5 นาทีก่อนเผ่นหนีกลับไปคาดว่าเป็นกองกำลังที่เกี่ยวข้องกับขนส่งสินค้าของเถื่อนประเภทยาเสพติด กรณีที่ฮุนเซนขู่จะยิงคนไทยที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหารว่าเป็นเรื่องการเมืองภายในของเขมรซึ่งทางการไทยจะไม่ก้าวล่วงแต่ท่าทีเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของประเทศเล็กกว่าที่มีปัญหากับประเทศใหญ่กว่าก็จะใช้พื้นที่สื่อให้เกิดประโยชน์ เขมรซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพน้อยกว่าไทยจึงใช้สื่อเพื่อปกป้องผลประโยชน์ตัวเองนอกจากนี้ประเทศที่เล็กกว่าก็มักจะใช้โอกาสที่มีการประชุมนานาชาติบ่อยครั้งสร้างวาระขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่สนใจไม่ต่างกับที่อิหร่านทดลองยิงขีปนาวุธระหว่างการประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาตินายปณิธาน วัฒนากรรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสรุป ไทยซึ่งเป็นประเทศที่ใหญ่และมีศักยภาพมากกว่าก็ต้องยืนยันจะใช้หลักสันติวิธีและนำปัญหาข้อถกเถียงเข้าสู่การเจรจาคณะกรรมการชายแดนรวมถึงการเจรจาระดับผู้นำประเทศ ในการประชุมยูเอ็นที่ผ่านมานายบัน คี มูนเลขาธิการยูเอ็นก็ได้สอบถามถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงและชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งทั้งหลายเกิดขึ้นก่อนที่ยูเนสโกจะขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ดังนั้นไทยจะดำเนินการทุกทางเพื่อชะลอไม่ให้มรดกโลกมีผลเดินหน้าเพราะถ้าปล่อยให้มรดกโลกเดินหน้าจะเกิดปัญหาตามมามากมาย รายการคนในข่าว(mms://tv.manager.co.th/videoclip/11News1/Footage/Newsmaker_290909.wmv)ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีนายเติมศักดิ์ จารุปราณดำเนินรายการมีคุณวีระ สมความคิดภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหารและร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ผู้ประสานงานกองทัพธรรมมาร่วมพูดคุยถึงท่าทีของรัฐบาลไทยกับความแข็งกร้าวของเขมร คุณวีระมองท่าทีที่เข็งกร้าวของเขมรว่าเป็นอาการของคนที่รู้ว่าตัวเองกำลังฝันสลายหลังชาวไทยตื่นตัวรุกคืบทวงคืนเขาวิหารเพราะหากมีการผลักดันให้ชาวเขมรออกไป โอกาสที่เขาจะนำปราสาทเขาพระวิหารไปจดทะเบียนคงเป็นไปไม่ได้ง่ายๆอีกแล้ว ฮุน เซนจะถูกการเมืองภายในกดดันอย่างหนักและความลับทั้งหลายจะถูกเปิดเผยว่าคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวฮุน เซนเองไม่ใช่ชาวบ้านร้านช่องที่ไหน กรณีที่ฮุนเซนประกาศว่า“พื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของเขาพร้อมให้ทหารสริมกำลังเต็มที่หากใครรุกล้ำเขาให้ยิงตอบโต้ทันที” ที่ส่อให้เห็นเจตนาว่าพูดจริง หากนายก สุเทพ เทือกและนายกษิตบอกว่าไทยยังไม่เสียดินแดนและมั่นใจว่าฮุนเซนพูดขู่ไปอย่างนั้นเองก็อยากให้กอดคอกันเดินเข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.แล้วดูว่าทหารเขมรจะยิงไหม ตามกฏบัตรสหประชาชาติ ไม่มีข้อห้ามให้ประเทศไม่ให้ใช้กำลังในการป้องกันอธิปไตยของตัวเองและรัฐภาคีก็ไม่มีสิทธิเข้าแทรกแซงด้วยที่จริงรัฐภาคีควรจะเข้าไปปรามเขมรที่เข้ายึดแผ่นดินไทยแล้วยังจะมาขู่ยิงคนไทยอีกต่างหากถึงจะถูก การไปลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-เขมรมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ตั้งแต่สมัยทักษิณเป็นนายกฯ แล้วตกทอดมายังสมัคร สุนทรราชที่เป็นนอมินีสานต่อและต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้ฮุนเซนเป็นนายกฯต่อเพราะหากฮุนเซนแพ้เลือกตั้งผลประโยชน์ต่างๆ ที่ตกลงกันมาต้องชะงักทันที อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเขมรฉลาดที่ไปดึงเอาประเทศมหาอำนาจเข้ามาร่วมด้วยโดยแลกกับผลประโยชน์เพราะประเทศเหล่านั้นล้วนเป็นประเทศหลักของทูตยูเนสโกที่พยายามรับรองให้เป็นมรดกโลกทั้งสิ้นแม้ว่าจะขัดต่อระเบียบที่ตัวเองร่างมาทั้งสิ้น ขอประณามยูเนสโกที่หลับหูหลับตาขึ้นทะเบียนเขาวิหารเพราะบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกับระเบิดมีทหารทั้งสองฝ่ายตรึงกำลังกันอยู่ รัฐบาลนี้ที่ปล่อยให้อันธพาลจัดตั้งมาทำร้ายประชาชนชาวไทยที่ทวงอธิปไตยรอบเขาวิหารโดยก่อนหน้าที่ตนจะนำประชาชนเคลื่อนขบวนได้ประกาศออกสื่อว่า มีผู้ว่าฯ สั่งปิดปั๊มน้ำมัน ปิดโรงแรม กีดกันขบวนที่จะขึ้นไปทวงอธิปไตยรอบเขาวิหารคืน ตรงนี้รัฐบาลสามารถสั่งผู้ว่าฯ สั่งตำรวจให้รักษาความปลอดภัยได้แต่ไม่ทำ หากรัฐบาลทำจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเลยและจะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้เพราะต้องรู้ความเป็นไปในบ้านเมืองอยู่แล้ว ที่ว่ากลุ่มอันธพาลจัดตั้งมีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐจากที่สังเกตระหว่างทางตำรวจจะค้นอาวุธขบวนผู้รักชาติตลอดเส้นทางอย่างระเอียด แต่ฝ่ายตรงข้ามถือมีดสปาตาร์ยืนข้างตำรวจโดยตำรวจนิ่งเฉยไม่ได้เข้าไปจับกุมแต่อย่างใด ลำพังคนพวกนี้ไม่มีศักยภาพพอที่จะก่อเหตุอย่างโจ่งแจ้งถ้าไม่ได้มีการยกไฟเขียวจากรัฐ จึงทำให้เห็นภาพถืออาวุธ มีด ปีน กลางวันแสกๆ กลางถนนสาธารณะ อีกอย่างขณะนั้นตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีมากกว่าคนพวกนี้ตั้งเยอะแต่ปล่อยให้มาทำร้ายประชาชนมือเปล่าแล้วอย่างนี้จะบอกไม่รู้เห็นเป็นใจได้อย่างไร มีทหารบางคนเอารถไปรับชาวเขมรจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม.มาอยู่ที่บ้านภูมิซรอลตั้งแต่วันที่ 18 เพื่อรอดักรอทำร้ายชาวไทยที่จะไปทวงคืนอธิปไตย ยิ่งฮุนเซ็นมาพูดอย่างนี้ทหารไทยยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวถือว่าเราหมดศักดิ์ศรีแล้วและต่อไปทหารคงไม่ต้องเองงบประมาณไปซื้ออาวุธให้เปลืองภาษีของประชาชนปล่อยให้คนมือเปล่าไปเจรจาดีกว่า ส่วนที่บอกว่ามีการเหยี่ยดหยามด้วยการฉีกแผนที่ตรงนี้ถือเป็นความตกต่ำในการเจรจาของไทยที่สุด รัฐบาลไทยอ่อนกับเขมรมากเกินไป รัฐบาลต้องชัดเจน รัฐบาลไทยต้องเรียกทูตเขมรเข้าพบแล้วถามว่านายกฯของคุณพูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ทางเขมรต้องการรบกับไทยใช่หรือไม่หากใช่ก็ไล่ทูตเขมรกลับไปทันทีเลยเพราะอย่างน้อยก็เป็นการตอบโต้เชิงสัญลักษณ์ให้รัฐบาลเขารับรู้ว่าเราก็ไม่ยอม หากเขมรไม่ออกจากพื้นที่พิพาทเราต้องผลักดันให้ออกไปและให้รื้อสิ่งปลูกสร้างที่เขาเอามาสร้างออกไปด้วย หากจำเป็นต้องแข็งกร้าวกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทวงสิทธิ์ของเรากลับคืนมาก็จำเป็นต้องทำไม่ใช่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างอยู่แบบนี้ตลอดไป รัฐบาลไทยต้องทำหนังสือยืนยันไปยังคณะกรรมการมรดกโลกว่าตอนนี้เดินหน้าเจรจาไม่ได้แล้วต้องถอนออกไปก่อนเพราะ 1. เราประกาศกฎอัยการศึก 2.พื้นที่นี้ไม่เหมาะที่จะเป็นมรดกโลกเพราะมีแต่กองกำลังทหารอีกอย่างตอนนี้เขมรประกาศว่าจะยิงทุกคนที่เข้าไปดังนั้นจึงไม่สมควรขึ้นเป็นมรดกโลก ข่าวกรณีเขาวิหารจะปิดหูปิดตาใครไม่ได้อีกแล้วหลังขบวนทวงคืนอธิปไตยรอบเขาวิหารขึ้นไปอ่านแถลงการณ์ที่ผามออีแดงโดยมีนักข่าวต่างประเทศไปทำข่าวจำนวนมากทำให้ทั่วโลกรู้ถึงความไม่ชอบธรรมดังกล่าว พวกที่ชอบพูดว่าคนที่ไปทวงอธิปไตยเป็นคนคลั่งชาติเป็นพวกที่พูดพล่อย ไม่ดูความจริง คนที่ไป ไปด้วยสุภาพ ด้วยความเสียสละ ทั้งเงิน ความสุขส่วนตัวแค่ต้องการไปอ่านแถลงการณ์เท่านั้นและที่เขาไปเสียงเพราะเขากลัวว่าจะเสียดินแดนไปจริงๆ ที่ปะทะกันนั้นเป็นเพราะเราต้องการป้องกันตัวเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่งซึ่งถ้าหากคลั่งจริงต้องทำรุนแรงมากกว่านี้ แรกๆสื่อต่างชาติตีความเหตุการณ์วันที่ 19 ว่าขบวนผู้รักชาติ รับงานมาสร้างความวุ่นวาย การกล่าวหาอย่านี้เป็นการใส่ร้ายไม่เป็นธรรมไม่ต่างจากการใส่ร้าย โยนผิด เอาคนเดินบนถนนแล้วถูกยิงตายแล้วคุณมาบอกว่าทำไมมาเดินเพ่นพ่านให้ถูกยิง ไม่ได้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตรเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันมีการละเลยปัญหาพื้นที่ชายแดนจนปล่อยให้ทางฝ่ายเขมรรุกคืบเข้ามาเรื่อยๆ เข้ามาตั้งรกราก สร้างอาคารต่างๆมากมายจนยากจะผลักดันออกไป มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบางกลุ่มเข้าไปหาประโยชน์ปล่อยให้มีการเช่าพื้นที่ยอมให้ชาวเขมรเข้ามาใช้ที่ดินจนในที่สุดนำมาสู่ลักษณะการครอบครองปรปักษ์มายึดดินแดนโดยพฤตินัยหน้าตาเฉย เพราะผลประโยชน์เฉพาะหน้าของนักการเมืองในรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องบางกลุ่มเท่านั้นทำให้ปัญหาชายแดนไทย-เขมรเกิดความยุ่งยากและคาราคาซังเรื่อยมา ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา ส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนตั้งแต่ระดับนโยบายลงมาจนถึงผู้นำกองทัพบางคน ที่ผ่านมามีข้อครหาในเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยที่คาดกันว่ามีแหล่งพลังงานจำนวนมหาศาลซึ่งมีความเกี่ยวพันไปถึงเขตแดนของประเทศด้วย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่เขาพระวิหาร รัฐบาล และกองทัพจะเล่นแต่บทเพื่อนที่แสนดีและเพลย์เซฟเกินเหตุด้วยการไม่ขยับตัวทำอะไรเลยไม่ได้อีกต่อไปด้านหนึ่ง ก็ต้องย้ำถึงอธิปไตยเหนือดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วยการรีบเคลียร์คนของเขมรให้พ้นพื้นที่ทับซ้อนตามข้อตกลงเสียทีเพื่อไม่ให้กลายเป็นเงื่อนไขการปลุกระดมของคนในประเทศอีก อีกด้านก็ต้องมีความฉับไวกว่านี้ในการเล่นเกมการเมืองและการทูตในเวทีระหว่างประเทศขืนปล่อยให้กลุ่มการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ขย่มเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ นอกจากรัฐบาลจะรับแรงกดดันไม่ไหวจนอาจพังไปเองแล้วยังเสี่ยงต่อการพลาดพลั้งเสียทีในเวทีนานาชาติ และอาจตกหลุมพรางเสียดินแดนตรงนี้ไปจริงๆ เข้าสักวัน หลังการลงทุนลงแรงเสี่ยงอันตรายทุกรูปแบบของภาคีเครือข่ายประชาชนทวงคืนแผ่นดินไทยรอบปราสาทพระวิหารได้เข้าไปในพื้นที่เมื่อสัปดาห์ก่อนได้สร้างแรงกระเพื่อมพอสมควรอย่างน้อยก็ทำให้ทุกฝ่ายได้หันกลับมาให้มาสนใจกับปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังอีกครั้งอย่างน้อยก็จะทำให้คนไทยที่ไม่รู้ข้อมูลหรือสื่อทุเรศบางกลุ่มที่จงใจบิดเบือนจะได้รู้สึกละอายบ้าง สิ่งที่ต้องจับตาก็คือการแสดงท่าทีล่าสุดของสุเทพ เทือกที่จะเดินทางไปเจรจากับฮุนเซนในเร็วๆ นี้ สุเทพ เทือกมีหน้าที่โดยตรงหรือไม่ ครั้งก่อนนั้นก็ได้สร้างความกังขาให้กับสังคมว่าซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ ลดบทบาทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ น่าจับตาว่าทุกครั้งที่เดินทางไปเยือนจะเป็นช่วงที่มีความตึงเครียดเรื่องเขตแดนทุกที เป็นตัวแทนรัฐบาลไทย หรือไปในฐานะส่วนตัว ช่วยไม่ได้ที่จะถูกตั้งข้อสงสัยว่าไปเจรจาเพื่อเคลียร์พื้นที่ทับซ้อนหรือผลประโยชน์ทับซ้อนกันแน่เพราะมีโอกาสเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลก่อนๆได้ เราสามารถเชื่อมโยงเหตุและผลหลายๆอย่างได้เช่นเมื่อเขมรสามารถขยับเขตแดนเข้ามาในประเทศไทยได้แล้วก็ย่อมมีผลต่อเส้นเขตแดนตั้งแต่บนบกลงทะเลอ่าวไทยซึ่งจะมีผลกระทบไปถึงพื้นที่ของไทยอีกมากมายอันจะส่งผลร้ายต่อพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยที่มีทรัพยากรธรรมชาติมหาศาล ประเทศที่มีอำนาจมากกว่าย่อมไม่มีใครเขายอมก้มหัวให้ประเทศที่เล็กกว่า ทำไมประเทศไทยถึงต้องก้มหัวให้เขมร เศรษฐกิจไทยเราใหญ่กว่าเขมรประมาณสัก 50 เท่า ไทยเรามีเงินมากกว่าเขมร 60 เท่า ถ้าเราปิดด่านการค้า ปิดเที่ยวบิน (ห้ามบินเข้าเขมร) ถามว่าใครเดือดร้อน แล้วมาชำระประวัติศาสตร์ในระหว่างที่ให้ประกาศดินแดนเขาพระวิหารเป็นเขตเป็นกลางอยู่ในความดูแลของ UN กอรปกับทำสงครามจิตวิทยาเชิงเศรษฐศาสตร์ในบริบทของเวทีโลก คณวีระ สมฯเคยพูดในรายการว่าทหารที่ไปด้วยพูดให้ฟังว่าสุเทพ เทือกแทบจะคลานเข้าไปหาฮุนเซนเลยแล้วฮุนเซนก็เข้าไปประคองสุเทพ เทือกให้ลุกขึ้น ผบ.ทอ.กับคณะเคยพากันบินหางจุกตูดไปหาผบ.ทอ.เขมรมาทีหนึ่งแล้ว นี่สุเทพ เทือกก็จะรีบไปกราบเท้าพ่อเขมรมันอีก นี่มันอะไรกัน เพื่อผลประโยชน์ของตัวและพวกพ้องก็พร้อมจะละทิ้งศักดิ์ศรีความเป็นไทยและยอมขายยอมแลกสมบัติชาติเพื่อพวกตัวและตัวกู ตรงบ่อน้ำมัน นั้นมันของไทยหรือเขมร แล้วจะไปเจรจากับเขมรให้บริหารร่วมตรงบ่อน้ำมันทำไม ชาวบ้านขอทำกินในพื้นที่ฟาร์มของสุเทพบ้างได้ไหม อะไรที่เป็นผลประโยชน์ของชาติหัดเอามาพูดให้มันหนักแน่นบ้างสิ 30 ก.ย. 52 ทหารเขมรเหิมระดมพลและอาวุธหนักเสริมทัพเข้าใกล้เตรียมพร้อมยกกำลังหนุนทันทีหากเปิดฉากปะทะทหารไทย อย่างเช่นที่ที่หมู่บ้านสะแอม ห่างจากปราสาทพระวิหาร เข้าไปในเขตประเทศกัมพูชาประมาณ 30 กิโลเมตรมีค่ายทหารของกัมพูชาตั้งอยู่ การเคลื่อนกำลังมารวมพลกันอยู่จำนวนมากพร้อมทั้งได้นำเอาอาวุธหนักมาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่กำลังมาเสริมบริเวณเขาพระวิหารได้ทันที ขณะที่สถานการณ์บริเวณเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชาจ.ศรีสะเกษยังตึงเครียด ฝ่ายไทยคุมเข้มทางขึ้นอุทยานฯ ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปเด็ดขาด ไม่มีใครหรอกที่อยู่ดี ๆ ก็จะบ้าดีเดือดออกไปท้ารบกับชาติอื่นถ้าเขาไม่มารุกรานเรา เขมรรู้อยู่แก่ใจว่าดินแดนรอบเขาพระวิหารเป็นของไทยถ้าไม่อย่างนั้นทำไมต้องรอมาจนถึงปี 2552 ค่อยมาตั้งหน้าตั้งตาจะยืดให้ได้ทำไมไม่ยืดตั้งแต่ 2505 ที่เราแพ้คดีเฉพาะตัวปราสาทเขมรไม่ทำเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าแผนที่ของใครเป็นแผนที่ของจริงและคนที่หลับหูหลับตาอยู่ได้ว่าถ้าทักษิณอยู่เขมรมันไม่กล้าหือ ไอ้ที่เขมรกล้าทำขนาดนี้ไม่ใช่ผลงานนายกฯ ชื่อทักษิณหรือที่ขายได้ทุกอย่างแม้แต่แผ่นดินเกิดขอแค่ให้ได้สัมปทานน้ำมัน ทุกวันนี้ได้ยินข่าวแต่ทหารข่มขู่ข่มเหงขืนใจลูกน้องหรือประชาชนหรือหากินกับของเถื่อนหนีภาษี จริงไม่จริงแค่ไหนไม่ทราบทราบแต่ประชาชนไม่เคยได้รับความจริงเท่าไหร่ เราไม่มีสงครามกับเพื่อนบ้านมานาน นานเกินไปแล้ว ทหารไทยจะได้สร้างภูมิต้านทานและสำนึกหน้าที่คำว่าทหารมิใช่รอกินตำแหน่ง วันๆเอาแต่ตีกอล์ฟหรือทำการค้าแข่งกับพ่อค้า เป็นทหารก็ให้ชัดเจน เลือกทำในสิ่งถูกต้องที่สมัครเข้ามารับใช้ชาติ ให้ทำหน้าที่ที่ควรกระทำกับศัตรูมิใช่กับประชาชนที่จ่ายภาษีให้มา มีเรื่องเล่ากันว่าปี 2526 เดือนเมษา เวียตนามส่ง 3 กองพันเข้าตีฐานกองพันทหารราบ 11 รอ ที่เขาพนมประ อำเภอตราพระยา จังหวัดปราจีนบุรีอย่างหนักทั้งปืนรถถัง ปืนคอ อาร์พีจี อาก้า เข้าถล่มอย่างหนัก แต่ผบ.พันขณะนั้นคือ พันโทณรงค์เดช นันทโพธิเดช ร้อยเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา(พลเอกประยุทธ์ รอง ผบ.ทบ ปัจจุบัน) ร้อยเอกอุดมเดช สีตบุตร (พลโทอุดมเดช รองแม่ทัพภาค 1 ปัจจุบัน) และเหล่าทหารเสือราชินีได้ต่อสู้อย่างทรหดจนข้าศึกพ่อฮุนเซนต้องสูญเสียอย่างหนักจนต้องถอนทัพกลับไปแม้เราจะแลกด้วยชีวิตทหารกล้าหลายสิบชีวิตก็ตามแต่เราก็ไม่เคยหวั่นเกรง นั่นเป็นวีรกรรมหทารกล้าแห่งสมรภูมิเลือดเขาพนมประในอดีตเราไม่เคยลืมพวกท่าน จนวันนี้ฮุนเซนกล้าประกาศว่าจะฉีกแผนที่ของไทยต่อหน้าอภิสิทธิ์เหมือนที่เคยทำต่อหน้าทหารไทยได้และพร้อมยิงคนไทยทุกคนที่ขึ้นไปในเขตพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ที่เป็นแผ่นดินไทย จนขนาดนี้แล้วจะยอมนั่งอยู่เฉย ๆ หรือ ถ้าเขมรอยากได้ปราสาทพระวิหารนักเราก็รื้อถอนตัวปราสาทให้เค้าไปเลยส่งอิฐทุกก้อนที่เขมรบอกว่าเป็นของเค้ากลับไปแผ่นดินเขมรให้หมด ไทยก็ไม่อยากได้อิฐหินของชนชาติเขมรแม้แต่หินก้อนเดียวของมันก็อย่าให้ตกอยู่ในแผ่นดินไทย แต่แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วต้องเป็นของไทยทรายสักเม็ดของไทยก็อย่าให้มันเอาไปได้ ถ้าจะรบก็ต้องรบแต่รบแล้วต้องนึกถึงคนไทยใจเขมรที่ตั้งหน้าตั้งตาขายชาติจนทหารไทยต้องเสียเลือดเนื้อด้วย คนขายชาติที่ชื่อทักษิณและครอบครัว, นพดล, สมัคร, เนวิน, ปองพล และไอ้ที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีรัฐบาลสมัครที่ร่วมกันลงนามขึ้นทะเบียนมรดกโลกต้องไม่ให้อภัยคนพวกนี้เด็ดขาด สุเทพ เทือกโยนลูกกระทรวงต่างประเทศแถลงการณ์ตอบโต้กัมพูชาโดยไม่ซ้ำเติมสถานการณ์ จุดยืนของรัฐบาลไทยก็คือเราพยายามที่รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกด้าน ตั้งหลักให้ดีแล้วความตึงเครียดก็น่าจะลดลงได้เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นเรื่องร้ายแรงที่จะทำให้ความสัมพันธ์เสียหาย การทำมาหากินของทั้ง 2 ประเทศก็จะเป็นปกติดี นพดล ปัสสาวะอดีตรมว.ต่างประเทศแถลงถึงกรณีที่ป.ป.ช.มีมติ 6 ต่อ 3 เสียงชี้มูลความผิดกรณีออกมติคณะรัฐมนตรีสนับสนุนการลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 และความผิดทางอาญาตามาตรา 157 ว่าตนขอแสดงความยินดีต่อข้าราชการและรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกยกคำร้องในขณะที่ตนได้ปกป้องแผ่นดินไทยและพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นผลสำเร็จแต่สิ่งที่ได้รับจะเป็นตำนานของการทำคุณบูชาโทษไปอีกนานแล้วยังดูเหมือนจงใจว่าจะเอาผิดแค่ตนกับสมัคร สุนทรราชเท่านั้น นายศิริโชค โสภาส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงท่าทีของฮุนเซนว่าเป็นเรื่องการเมืองในประเทศเขมรเท่าที่ทราบพรรคร่วมรัฐบาลของฮุนเซนก็ไม่ได้มีความเข้มแข็งเท่าใดนักและประเด็นที่หาได้ง่ายที่สุดคือการปลุกความรู้สึกชาตินิยมรวมถึงกรณีเขาพระวิหาร พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงว่าเป็นสิ่งที่ท่านประกาศเจตนารมณ์บนพื้นฐานของความเข้าใจอยู่ แต่ในส่วนของกองทัพไทยเป็นไปตามที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาผู้บัญชาการทหารบกได้ชี้แจงไปแล้วโดยยึดพื้นฐานการเจรจาเป็นหลักไม่ทำอะไรล่วงล้ำอธิปไตยของเขา ยืนอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องยึดถือหลักสันติวิธีเป็นหลัก เมื่อถามว่าผู้นำกัมพูชาพูดเช่นนี้เพราะไทยอ่อนข้อมากไปหรือไม่ พล.อ.อภิชาตกล่าวว่าเรายึดหลักปฏิบัติกับมิตรประเทศในทุกประเทศเหมือนกันหมดเราไม่ได้เลือกปฏิบัติ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเสียงแข็งยันไม่ถอนกำลังทหารจนกว่าสภาสั่ง ที่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษทางขึ้นสู่ปราสาทพระวิหาร ทหารไทย พร้อมอาวุธครบมือตั้งด่านรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวดและยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปบริเวณผามออีแดงอย่างเด็ดขาด พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์แม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่รับมอบภารกิจหน้าที่ ต่อจากพล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาลที่เกษียณอายุราชการ เน้นรักษาความสงบเรียบร้อยให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ ยึดหลักเจรจาไม่ใช้กำลังและเสนอจัดระเบียบชายแดนตลอดแนวหลังชาวกัมพูชาตั้งชุมชนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ อัดสรยุทธช่อง 3 เต้าข่าวทหารเขมรยิงปืนรุกล้ำฝั่งไทยเกินเหตุระบุทหารไทยพร้อมเต็มที่ทั้งกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์หากเกิดปะทะกันขึ้น จากนี้ไปทางกองทัพภาคที่ 2 จะรุกการประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้เปิดแถลงข่าวทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน เชื่อแล้วที่ว่าเขมรมันบอกว่ามัน 1 คนสู้ทหารไทยได้ 3 คน ขนาดฮุนเซ็นคนเดียวตะคอกว่าจะสั่งยิงคนไทยหากรุกล้ำเขาพระวิหารทั้งรัฐบาล ทั้งกองทัพ ทุกคนกลัวมันคนเดียวขี้แตก ขี้แตนเงียบฉีไม่มีใครกล้าออกมาพูดอะไรเลย แล้วทุกวันนี้ที่พวกเขานอนกินภาษีชาวบ้านอยู่ได้ หลับเถอะ รัฐบาลและทหารกล้าประชาชนจะปกป้องเอง ผู้นำเหล่าทัพของเราไม่ทำให้คนไทยภูมิใจว่าเราต้องไม่ให้ใครหยามจนเสียสภาพ ฮุนเซนได้ใจเหมือนถือไพ่เหนือกว่าไทย หรือฮุนเซนเจตนาหาเรื่อง รู้ว่ากองทัพไทยไม่กล้าทำอะไรเพราะจะถูกมองว่าชาติใหญ่กว่ารังแกชาติเล็ก ถ้ารบกันจะวิ่งโร่ไปฟ้องยูเอ็นพ่อใครก็ไม่รู้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องยื่นคำขาดให้ฮุนเซนถอนกำลังทหารและคนออกไปให้หมดไม่อย่างนั้นจะใช้กำลังผลักดัน จะรบก็ต้องรบ เพื่อเอาอธิปไตยเหนือดินแดนคืนมาแต่ยังมีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่ารัฐบาลและกองทัพของเรากล้ารบหรือเปล่า ทหารระดับผู้น้อยย่อมกล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อมาตุภูมิแต่แม่ทัพต้องแสดงให้เห็นความพร้อม ความใจถึง ทั้งคำพูดและการแสดงออก ไม่ใช่ยอมให้เขาขู่คุกคาม มาถึงยุคนี้ ต้องถามว่ามีคนรักชาติจริงหรือไม่ หลังจากเรามีนักการเมืองขายชาติไปทำข้อตกลงกับเขมรแบบลับๆ ทำให้เราต้องสูญเสียดินแดนและผลประโยชน์ เช่น ทรัพยากรทั้งบนบก ในทะเล แบบนี้ประชาชนมีสิทธิถามว่าเราเสียเงินซื้ออาวุธมาทำไม อดีตเอกอัครราชทูตสุรพงษ์ ชัยนามแนะนำว่ารัฐบาลสมควรจะตอบด้วยการกระทำอันเป็นสัญลักษณ์มองเห็นได้ว่าเรามีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรที่เขมรดอดเข้ามาครอบครอง เช่นการชักธงไทยขึ้นเสาในอาณาบริเวณ ส่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ขึ้นไปปฏิบัติงานเช่นนักอนุรักษ์ ตรวจคนเข้าเมืองหรือท่องเที่ยวเป็นต้น ในชั้นนี้อาจจะยังไม่ต้องใช้กำลังกวาดต้อนเขมรออกไปเลยก็ได้และต้องปรามเขมรว่าถ้าขืนแตะต้องคนของเราจะต้องเจอดีพร้อมทั้งแสดงศักยภาพทางกำลังว่าสามารถจะกระทำตามที่ขู่ได้ ในวันที่ 13 กันยายนเมื่อรัฐมนตรีกษิตขึ้นไปสำรวจพื้นที่นั้นเห็นในทีวีมีภาพธงชาติเขมรโบกสบัดอยู่และถ้าเราปล่อยให้เขมรอ้างได้ว่าก่อนจะขึ้นไปรัฐมนตรีกษิตยังต้องขออนุญาตฝ่ายเขมรด้วยก็ยิ่งจะแย่แต่ไม่น่าเชื่อว่ารัฐมนตรีกษิตจะต้องทำอย่างนั้น ทั้งหมดนี้มิใช่จะยุกองทัพอากาศให้เตรียมพร้อมหรือยุให้รัฐบาลไทยทำสงครามกับเขมร ลำพังกำลังทหารเขมรที่เบ่งอยู่แถวเขาพระวิหารนั้นใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงขี้คร้านจะวิ่งแจ้นมาเจรจา ถ้าไทยยังขืนยึกยักเรื่องนี้อยู่ก็อาจจะไม่มาประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจาหรือถ้าอภิสิทธิ์ขืนเอาแผนที่ฉบับเดิมมาอ้างอีกก็จะฉีกแผนที่ใส่หน้าอภิสิทธิ์ เช่นเดียวกับที่ทหารเขมรฉีกแผนที่ใส่หน้าผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทยมาแล้ว แผนที่ที่ว่านี้ก็คือฉบับเดียวกับที่เขมรเคยรับแล้วในปี 2505 ภายหลังที่ศาลโลกตัดสินแต่ทำไมในวันนี้เขมรจึงจองหองพองขนน่าเหยียบอย่างนี้ ใน ความอ่อนแอโลเลของรัฐบาลไทยทุกรัฐบาลที่งดเว้นไม่ทำในสิ่งที่ควรกระทำและ/หรือกลับไปกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำคือการร่วมมือกับผู้มีอำนาจทั้งไทยและเขมรเอาที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนี้เป็นเครื่องมือต่อรองกับพื้นที่ในทะเลอันเป็นผลประโยชน์ส่วนบุคคลได้ สำหรับรัฐบาลปัจจุบันที่มัวแต่อมพะนำไม่พูดหรือทำอะไรที่ชัดเจน อ้างแต่ว่าสัมพันธภาพระหว่างประเทศเพื่อนบ้านเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมัวแต่เทียวไปเทียวมาล.ก.ป.ฮุนเซน เมื่อประชาชนผู้รักชาติพากันขึ้นไปยืนยันอธิปไตยเหนือดินแดนของชาติแทนที่จะยกย่องและถือโอกาสประกาศให้ฮุนเซนเข้าใจว่าพลังรักชาติที่แท้จริงของคนไทยนั้นใครก็ห้ามไม่อยู่ก็กลับขู่ว่าใครทำผิดเรื่องปะทะกันก็จะว่าตามผิด ทั้งๆที่ไม่มีการปะทะมีแต่การซุ่มโจมตีจากพวกสมุนผู้ขายชาติ หากรัฐบาลสมัครไม่ขายชาติกระดาษแผ่นเดียวจากรัฐบาลไทยไปบอกยูเนสโกว่าไทยจะขอเป็นผู้ร้องร่วมเรื่องเขาพระวิหารก็จบ บัดนี้ป.ป.ช.ชี้มูลไปแล้วเมื่อวานนี้ว่าสมัครกับนพดลกระทำผิดเอื้อประโยชน์ให้คุณพ่อฮุนเซนส่วน ครม.โง่ทั้งคณะนั้นพ้นผิดเพราะไม่มีเจตนาและป.ป.ช.ยังไม่เข้าใจหลักประชาธิปไตยเรื่องความรับผิดชอบร่วมของครม.ก็ไม่เป็นไร แต่รัฐบาลต้องไปบอกยูเนสโกเดี๋ยวนี้ว่าทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองและป.ป.ช.มีความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่าการกระทำของรัฐบาลสมัครเป็นโมฆะ รัฐบาลนี้จำเป็นต้องเชื่อฟัง เรื่องเขมรเบ่งคับทับคนไทยนี้อาจารย์ปราโมท นาครทรรพว่าแก้ไม่ยากถ้าหากไทยไม่คว่ำบาตรโดยมาตรการเศรษฐกิจ เมื่อเขมรได้สำแดงแน่ชัดว่าต้องการรักษาสภาพ No War-No Peace คือไม่มีสงคราม-ไม่มีสันติภาพอย่างนี้ก็ดีแล้วปล่อยให้เขายิงเราลองดูสักนัดหนึ่งก่อน เราจะสามารถใช้เครื่องบินถล่มเลยทันทีแล้วจึงค่อยเจรจากัน ไทยไม่ควรกลัวแต่ควรใช้คำตัดสินของศาลโลกปี 2505 ให้เป็นประโยชน์เพราะเราเพียงถูกหลักกฎหมายปิดปากมิให้เรียกร้องตัวเขาพระวิหารเท่านั้น อาณาบริเวณต่างๆ ยังเป็นของไทยอยู่ถ้ายึดหลักสนธิสัญญากับฝรั่งเศสปี 1904 ที่เอาสันปันน้ำเป็นเขต หรือถ้าเขมรจะถือสิทธิเรียกร้องกลับไปถึงสมัยโบราณที่ตนและไทยยังไม่มีสภาพเป็นรัฐชาติเช่นในปัจจุบัน เราก็จะได้ถือหลักให้คืนกลับไปสู่สถานภาพเดิมล่าสุดก่อนที่จะมาเป็นรัฐชาติของเขมรโดยเอาเสียมเรียบ พระตะบองกับศรีโสภณคืนมาเสีย นายวัชระ เพชรทองส.ส.ประชาธิปัตย์แถลงข่าวตอบโต้ฮุนเซ็นที่สั่งให้ทหารใช้อาวุธยิงผู้ล่วงล้ำพื้นที่พิพาทเขาพระวิหารและกล่าวว่าผู้นำกัมพูชาแสดงออกถึงความเป็นประเทศด้อยพัฒนาไม่สำนึกถึงบุญคุณที่ประเทศไทยมีต่อกัมพูชาที่รัฐสภา 1 ต.ค. 52 สุเทพ เทือกห้สัมภาษณ์ยังไม่มีการประสานโดยตรง แต่เท่าที่ติดตามก็ไม่คิดว่าทางกัมพูชาจะแสดงท่าทีแข็งกร้าวรุนแรงอะไรอย่างจริงจัง กัมพูชาบอกว่าที่ฮุนเซนพูดอย่างนั้นเพราะไม่พอใจที่มีกลุ่มคนไทยบุกขึ้นไปบนปราสาทรองนายกฯกล่าวว่าไม่แทรกแซงจากเขมร ไม่ต่างไปจากนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่ตอบกระทู้ถามสดปัญหาพระวิหาร ยันสถานการณ์ยังปกติ ในพื้นที่ปราสาทพระวิหารมีทหารจากทั้ง 2 ฝ่ายตรึงพื้นที่ไว้ และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพราะการดำเนินนโยบายระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่ได้มีปัญหาเกิดขึ้นและเป็นไปด้วยดี คนที่มีสถานะเป็นผู้ประเทศสามารถกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้ในหมู่ประชาชนวงกว้างในบางครั้งแค่เพียงด้วยคำพูดและแววตาแค่เสี้ยวนาทีให้รู้สึกอบอุ่น หรืออ้างว้าง มีกำลังใจ หรือสิ้นหวัง ให้ปลื้มปิติ หรือหดหู่ ให้ฮึกเหิม หรือหดหัว ทั้งๆ ที่ฝ่ายไทยวางเฉยและพยายามอดกลั้นเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีแต่สมเด็จฮุนเซ็นกลับแสดงท่าทียโส โอหัง ก้าวร้าวสามหาวและสะท้อนพฤติกรรมของอันธพาลให้สัมภาษณ์ยั่วยุและขู่จะใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทยอยู่ตลอดทั้งๆ ที่พื้นพิพาท 4.6 ตางรงกิโลเมตร บริเวณรอบปราสาทพระวิหารดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย ฮุนเซ็นยังให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นขู่ว่าอาจจะไม่เดินทางมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียนและจะไม่เจรจาใดๆ กับนายกรัฐมนตรีของไทยอีก มองกันว่าฮุนเซ็นอาศัยกรณีข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหารปลุกระดมสร้างกระแสชาตินิยมในหมู่ชาวกัมพูชามาอย่างต่อเนื่องเพราะยิ่งนับวันชาวกัมพูชาจะไม่พอใจต่อความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาการคอร์รัปชั่นของระบอบฮุนเซ็นมากขี้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ฮุนเซ็นที่ได้คืบเอาศอกยังพยายามยั่วยุให้ฝ่ายไทยตกหลุมพรางด้วยการตอบโต้ทางทหารโดยหวังจุดชนวนสร้างสถานการณ์ให้ลุกลามบานปลายเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการนำปัญหาความขัดแย้งเข้าสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไปจนถึงศาลโลกเพื่อกัมพูชาจะอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่พิพาท 4.6 ตางรางกิโลเมตรเหมือนที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในกรณีตัวปราสาท ท่าทีของนักการเมืองกัมพูชาผู้หนึ่งจะสร้างความฮึกเหิมและกระตุ้นคะแนนนิยมทางการเมืองของตัวเขาเองในหมู่ประชาชนคนกัมพูชาได้ไม่น้อย แต่ท่าทีเช่นนี้ทำให้คนไทยแทบจะทุกคนรู้สึกเสมือนถูกข่มขู่ คุกคาม อาฆาตมาดร้าย หมายมุ่งเอาชีวิต จากเพื่อนบ้านที่ไม่เป็นมิตร ช่างไม่ให้เกียรติกันเอาเสียเลย คนไทยเหมือนกำลังถูกกุ๊ยข่มขู่ในบ้านตัวเอง มีความผิดอะไรหรือหากเข้าไปในบริเวณที่ราชการไทยยืนยันต่อคนไทยทั้งประเทศเองว่าเป็นเขตดินแดนราชอาณาจักรไทยจึงต้องถูกยิงทิ้งโดยกองกำลังต่างชาติ มันน่าจะดีขึ้นกว่าการที่ผู้นำของเราจะเล่นบทแต่เพียงไม่ถือคนบ้า - ไม่ว่าคนเมา - ไม่สนใจเอาความอะไรกับไอ้กุ๊ยข้างบ้าน แต่เชื่อว่าชาวไทยก็ยังสนับสนุนให้นายกฯอภิสิทธิ์พยายามยึดถือแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีต่อไปแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีจะไม่ต้องสื่อความหมายหรือสื่อความรู้สึกนึกคิดกับคนไทยด้วยกันเองเพื่อนำความเชื่อมั่นมาสู่หัวใจคนไทยและต้องบริหารจัดการอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของคนในชาติบ้าง จะทำแค่ไหน อย่างไร เพื่อรักษาหลักการ ความถูกต้องและผลประโยชน์ส่วนรวมไปพร้อมๆ กันด้วย ที่สุดป.ป.ช.ก็ได้มีมติชี้มูลความผิดกรณีออกมติคณะรัฐมนตรีสมัคร สุนทรราชสนับสนุนกัมพูชาตามมาตรา 157 นอมินีของระบอบทักษิณได้ดำเนินการในลักษณะที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนไม่ได้ยึดถือเอาผลประโยชน์ของชาติแต่อย่างใด ไม่สนใจว่าประเทศชาติจะต้องสูญเสียดินแดนและอธิปไตยทั้งยังไม่ยอมฟังเสียงทักท้วงใดๆ ตามลักษณะพฤติกรรมของคนขายชาติ เรื่องละเอียดอ่อนกระทบกับอธิปไตยของชาติแบบนี้ข้าราชการและอดีตคณะรัฐมนตรีหลุดรอดไปได้ โดยไม่มีความผิดเนื่องจากไม่มีเจตนาและเห็นว่าเป็นเรื่องทางเทคนิก มีรายละเอียดมากต้องรีบอนุมัติเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นวาระจร ไม่มีเวลาในการพิจารณามากนักแสดงให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีที่เหลือเหล่านั้นเป็นแค่ตรายางโดยมีข้าราชการที่สมประโยชน์ ทำเรื่องต่างๆได้ทุกเรื่องโดยไม่สนใจผลที่จะตามมา เป็นมือเป็นไม้ให้แล้วเขี่ยข้าราชการที่ไม่ยอมไปให้พ้นทางด้วย แทนที่คนพวกนี้จะยอมสำนึกผิดกลับออกมาโต้แย้งอ้างข้อมูลจากดำเป็นขาว ผิดเป็นถูกเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากมลทิน หากยังจำกันได้พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทยที่มีข้อครหาในเรื่องการเข้าไปลงทุนทำธุรกิจด้านพลังงานรวมไปถึงการเช่าเกาะกงเป็นเวลา 99 ปีของทักษิณ ชินวัตรกอรปกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซนที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมส่วนตัวทำให้ข่าวคราวในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ในยุครัฐบาลทักษิณมาจนถึงรัฐบาลสมัครและสมชายกระโปรง เมื่อพิจารณาตามลำดับแล้วยิ่งทำให้การสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียวแล้วแถมพื้นที่โดยรอบให้อีก 4.6 ตารางกิโลกเมตรเนื้อที่ 3 พันไร่เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยและการเช่าเกาะกงมันก็เป็นเรื่องเดียวกันและมีน้ำหนักสูงในความเป็นจริง การที่ฮุนเซนบังอาจออกมาขย่มไทยในช่วงนี้พอดีก็น่าจะเป็นการรับสัญญาณบางอย่างจากเพื่อนร่วมผลประโยชน์ เมื่อพลิกประวัติศาสตร์ขุดโคตรรากเหง้าบรรพบุรุษของเขมรตามพุทธประวัติ จาก"ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา" รวมรวบโดยนักองนพรัตน์หริรักษ์ราชภูบดีเมื่อพ.ศ.2420 ย้ำไว้ว่าบรรพชนของกัมพูชามีชาติกำเนิดมาจากตะกวด สัตว์ลิ้นสองแฉก (Varanus bengalensis) ข้อมูลนี้อ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติ "เรื่องลับของเขมรที่คนไทยควรรู้"โดยอาทิตย์ ทรงกลด ISBN-978-611-7180-03-3เพื่อจะได้จัดการกับตะกวดพวกนี้ให้อยูหมัด 1 ต.ค. 52 น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพลกรรมการป.ป.ช.กล่าวกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่าป.ป.ช.จงใจเอาผิดเฉพาะสองตัวเอ้ว่าคนเราก็คิดไปได้แต่หากมีธงจริง เหตุใดป.ป.ช.ต้องใช้เวลาพิจารณาถึง 7 ชั่วโมงและมีการถกเถียงเหตุผลกันในที่ประชุมอย่างหนัก การชี้มูลความผิดทั้ง 2 คนก็มาจากมติที่มาจากเสียงข้างมาก การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งรวมถึงม.190ด้วยนั้นตามหลักกฎหมายอาญาโทษทางอาญาจะย้อนหลังไม่ได้โดยย้อนหลังได้เฉพาะกฎหมายที่แก้แล้วเป็นคุณเท่านั้น หากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จระหว่างที่ยังไม่มีคำพิพากษาก็เชื่อว่าศาลฎีกาฯจะนำไปพิจารณาด้วย แต่ถ้าแก้เสร็จหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาไปแล้วก็มีหลักเกณฑ์ที่จะใช้ในการอุทธรณ์อยู่ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาเมื่อชาวภูมิซรอลที่บริเวณบ้านภูมิซรอล หลายครอบครัวได้พากันอพยพหนีลูกปืน อพยพหนีภัยสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ไปอยู่กับญาติพี่น้องซึ่งอยู่ห่างไกลจากบริเวณเขาพระวิหารเพื่อต้องการให้พ้นจากรัศมีปืนใหญ่ของทหารกัมพูชา 3 ต.ค. 52 อึ้งกิมกี่ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก กันไปทั้งประเทศเมื่อร.ต.อ.เฉลิม อยู่ทำไม - ด.ร. เยสโนโอเคโคคาโคล่า ผู้ที่เคยมีระดับฐานะตำแหน่งเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือหนึ่งในจตุสดมภ์อันเป็นเสาหลักในการค้ำยันราชอาณาจักรไทยแท้ๆ จะทำไปได้ ประธานส.ส.เพื่อไทยกล่าวว่าหากทักษิณ ชินวัตรยังเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงแค่โทรศัพท์ไปหาสมเด็จฮุนเซนพูดฮัลโหล 3 ครั้งก็เรียบร้อยแล้วเพราะทักษิณมีความสัมพันธ์อันดีกับกัมพูชา ที่กัมพูชาแสดงปฏิกิริยากับประเทศไทยอย่างนี้ เป็นเพราะกัมพูชาเกลียดนายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่ไปด่าฮุนเซ็นซึ่งตนเป็นคนส่งเทปของนายกษิตไปให้ฮุนเซนผ่านลูกสาวเขาเอง นี่ ถึงแม้สม รังษีจะเหม็นหน้าเกลียดขี้หน้าฮุนเซนปานใดแต่ก็ยังพอมีวุฒิภาวะหรือยังไม่โง่พอที่จะคิดยั่วยุให้ประเทศไทยบุกเข้าไปเล่นงานกัมพูชาที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองแท้ๆ 4 ต.ค. 52 นายกฯ ถามเฉลิม อยู่ทำไมทำเพื่ออะไรประกาศส่งเทปกษิตวิจารณ์ฮุนเซ็นไปให้กัมพูชา สอนเฉลิม อยู่ทำไม “ผมไม่ทราบว่าทำเพื่ออะไร คุณเฉลิมก็ต้องตอบเองว่าทำเพื่ออะไร แต่เข้าใจว่าเทปที่ส่งไปก็เป็นเทปเก่าแต่ในส่วนของรัฐบาลก็ได้ทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง ก็อยากจะขอร้องเพราะรัฐบาลฟังเสียงทุกฝ่าย และพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหา และในทางการเมืองเรื่องรัฐธรรมนูญอย่างนี้แล้วก็น่าจะมาร่วมกันทำงานมากกว่า” นายสาธิต ปิตุเตชะส.ส.ระยองกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่าร.ต.อ.เฉลิมมักจะวิจารณ์คนอื่นเสมอ โดยเฉพาะวิจารณ์นายกรัฐมนตรีว่า มีวัยวุฒิเป็นเด็ก แต่กรณีดังกล่าวทำให้เห็นได้ชัดว่าร.ต.อ.เฉลิมมีอายุมากเป็นคนแก่แต่มีความคิดไม่เกินเด็ก ป.6 เพราะฟ้องได้แม้แต่กับคนนอกประเทศทำให้ประเทศเสียหายมาก นายเทพไท เสนพงศ์ส.ส.นครศรีธรรมราชกล่าวว่า อยากถามว่าร.ต.อ.เฉลิมกำลังนำประโยชน์ของประเทศชาติมาสนองตัณหาทางการเมืองของตนเองหรือ ประวัติศาสตร์ไทยที่กรุงศรีอยุธยาแตกเพราะคนไทยเป็นไส้ศึก ร.ต.อ.เฉลิมกำลังกระทำการดังกล่าวใช่หรือไม่ ขอถามว่าร.ต.อ.เฉลิมยังรักประเทศอยู่หรือไม่และเป็นคนไทยหรือเปล่า พม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาเมื่อปีพ.ศ. 2112 โดยบุเรงนองใช้กลยุทธ์ให้ไทยแตกเป็น 2 ฝ่าย จึงส่งพระมหาธรรมราชามาเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้ แต่ถูกทหารไทยเอาปืนไล่ยิงจนต้องหนีกลับไป แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ของพระเจ้าหงสาวดีจึงคิดอุบายจะใช้พระยาจักรีหรือออกญาจักรีที่จับตัวได้ตอนสงครามช้างเผือกเป็นไส้ศึก โดยวางแผนจำคุกพระยาจักรีแล้วแกล้งปล่อยให้หนีโดยมีเครื่องพันธนาการมาด้วยสมเด็จพระมหินทราธิราชจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชาการรบพระยาจักรีจึงย้ายแม่ทัพที่รบเก่งไปไว้ในตำแหน่งที่ไม่สำคัญ ทำให้การป้องกันพระนครอ่อนแอ เมื่อเห็นว่าได้เวลาอันควรจึงให้สัญญาณแก่พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทุกด้าน ในที่สุดไทยจึงเสียกรุงแก่พม่าเพราะมีไส้ศึกคนขายชาติ บุเรงนองได้มอบทรัพย์สมบัติให้กับพระยาจักรี 1 หีบตามคำขอจากนั้นก็ให้ทหารตอกหมุดที่มือพระยาจักรีติดไว้กับหีบแล้วจับไปถ่วงน้ำทั้งเป็น ตามพงศาวดารระบุว่าพระยาจักรีนั้นพระเจ้าบุเรงนองเลี้ยงไว้ไม่นานก็หาความผิดเพื่อประหารชีวิตเพราะแม้แต่แผ่นดินเกิดยังกล้าทรยศ ก็ไม่ควรเลี้ยงไว้ ทรยศหักหลังได้แม้แผ่นดินเกิด คนอย่างนี้อยู่แผ่นดินไหนก็ไม่ควรเลี้ยงไว้ 5 ต.ค. 52 สุเทพ เทือกหลอกยำเฉลิม อยู่ทำไมถามคนไทยหรือเปล่า ระบุฮุนเซนเป็นผู้ใหญ่เป็นนายกฯมานานมากก็คงเข้าใจการเมืองดีคิดว่าคงแยกแยะได้