09 ตุลาคม 2552

กระบวนการประชาภิวัฒน์

สังฆทานพิสดาร -- PhraPaisal เช้าวันนี้ก็เหมือนกับวันอื่น ๆ ของหลวงพ่อ มีโยมผู้หญิงมาถวายสังฆทาน แต่หลวงพ่อสังเกตว่าในถังมีนิตยสาร ๔ สีหลายเล่มเสียบอยู่ด้วย เมื่อหลวงพ่อรับสังฆทานเสร็จ โยมก็ขอให้หลวงพ่อเปิดดูนิตยสารเหล่านั้น ท่านทำตามที่โยมขอจึงรู้ว่าเป็นนิตยสารปลุกใจเสือป่า มีภาพโป๊เปลือยเต็มไปหมด ท่านจึงรีบปิดหนังสือทันที แต่โยมก็ขอให้เปิดดูต่อไป พร้อมกับอธิบายว่าหลายวันก่อนไปบนศาลพระพรหม โดยอธิษฐานว่าหากได้ตามที่ขอจะแก้ผ้ารำแก้บนถวายท่าน ปรากฏว่าเธอได้ตามที่ขอ แต่ไม่กล้าทำอย่างที่บนเอาไว้ คิดหาทางออกอยู่หลายวัน สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการถวายหนังสือโป๊ให้หลวงพ่อ เธอขอร้องให้หลวงพ่อดูภาพเหล่านี้แล้ว “ส่ง”ภาพเหล่านี้ไปให้พระพรหมด้วย พระพรหมคงไม่ว่าอะไรหากได้เห็นภาพเหล่านี้แทนของจริงแล้ว เธอคงมองเห็นพระราวกับบุรุษไปรษณีย์ ที่สามารถส่งถ่ายอะไรให้ใครต่อใครได้ แต่ก่อนก็เห็นว่าพระเป็นตัวกลางที่สามารถส่งบุญให้คนตายได้ แต่เดี๋ยวนี้ถึงกับคิดว่าท่านสามารถส่งภาพโป๊เปลือยให้พระพรหมชื่นชมได้ด้วย นับเป็นนวัตรกรรมแปลกใหม่ เห็นแบบนี้แล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่เดี๋ยวนี้คนไทยนอกจากมีวิธีการ “ทำบุญ” แบบแปลก ๆ ซ้ำยังมีวิธีแก้ปัญหาชีวิตแบบพิสดาร เช่น ตัดกรรม สแกนกรรม ฯลฯ ซึ่งล้วนเป็นวิธีการที่สวนทางกับพุทธศาสนา ซึ่งเน้นการพึ่งความเพียรของตน การฝึกฝนพัฒนาตน และการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท แม้เมืองไทยจะพัฒนาไปในหลายเรื่อง แต่เรื่องธรรมะหรือพุทธศาสนา ดูจะถอยหลังไปไกลทีเดียว ------------------------------------------------------------------------------------------- เมื่อ 13 - 14 ปีก่อนมีหลงจู๊ที่ผันตัวเองมาเป็นนักการเมืองคนหนึ่งไปบนบานไว้กับหลวงพ่อในโบสถ์วัดป่าสำคัญที่จังหวัดของตนว่า "หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะทำบุญปฏิสังขรณ์มุงหลังคาโบสถ์ให้ใหม่" ต่อมาไม่นานมันก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ และหลังคาโบสถ์ก็ได้ทำใหม่จริงๆ แต่แทนที่มันจะใช้เงินส่วนตัวตามที่ท่านได้บนบานเอาไว้กลับใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งจ่ายงบกลางสำหรับใช้แก้ปัญหาน้ำท่วมไปมุงหลังคาโบสถ์แก้บนเป็นงบประมาณผูกพัน 2 ปีถึง 15 ล้านบาทผันเอางบแก้น้ำท่วมไปมุงหลังคาโบสถ์แถมข้างโบสถ์มีป้ายใหญ่โตประกาศไว้ให้ทราบว่าเป็นงบประมาณสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีตนนี้เท่ากับได้ทั้งแก้บนได้ทั้งผลงาน ผู้รับเหมาที่ได้งบประมาณไปทำงานนี้ก็คือบริษัทในเครือของมันเอง แต่ถึงจะเป็นบริษัทในเครือก็ยังมีเงินทอนให้เป็นการส่วนตัวด้วย แถมเงินทอนถูกเม้มไปใช้นอกบ้านไม่ได้ส่งมอบให้บ้านใหญ่ตามประเพณีปฏิบัติสุดท้ายแม่บ้านบ้านใหญ่รู้เข้าเกิดเป็นเรื่องสิ หลังคาโบสถ์เพิ่งจะสร้างเสร็จแต่หลังคาบ้านแทบเปิงเพราะแรงอาละวาดของแม่บ้าน ภายใต้ระบอบทักษิณการเมืองฝ่ายบริหารก็จะใช้อำนาจรัฐโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมไม่ตระหนักถึงความถูกต้องแต่จะสนใจเพียงที่มาของการเข้าสู่อำนาจโดยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนชนะเลือกตั้ง ทุจริตเลือกตั้ง ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ซื้อตัว สส. ฯลฯ และเมื่อชนะเลือกตั้ง ได้อำนาจรัฐแล้วจะทำอย่างไรกับบ้านเมืองก็อาจกระทำได้แม้แต่จะใช้อำนาจรัฐไปรับใช้บุคคลคนเดียวกลุ่มเดียวก็กระทำได้เพราะถือว่าประชาชนได้มอบอำนาจให้ตนอย่างเด็ดขาดผ่านการเลือกตั้ง อาศัยอำนาจนิติบัญญัติและบริหารที่มีอยู่เช่นออกกฎหมายอันมีผลให้อำนาจตุลาการไม่สามารถพิจารณาคดีของทักษิณและพวกได้หรือออกกฎหมายเพื่อให้คำพิพากษาของศาลไม่มีผลใช้บังคับกับทักษิณและพวกเป็นต้น หรือแม้แต่การสุมหัวกันแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองของพวกนักการเมือง ปัญหาและภารกิจเหล่านี้เร่งด่วนและยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พรรคการเมืองใดๆ จะแบกไว้เพียงลำพัง นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2548 หลังจากที่สนธิ ลิ้มกัดฟันต่อสู้กับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยและระบอบทักษิณอย่างโดดเดี่ยวมาเกือบ 5 เดือน ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ถือกำเนิดขึ้นภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของประชาชนเกือบทุกภาคส่วนโดยในเวลาต่อมากลุ่มพันธมิตรฯ ก็มีมติเอกฉันท์เลือกแกนนำขึ้นมา 5 คนเพื่อขับเคลื่อนกลุ่มการเมืองภาคประชาชนที่อาจเรียกได้ว่า เข้มแข็ง แข็งแรงและครบเครื่องที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยโดยมีการชุมนุมต่อเนื่อง 193 วันซึ่งยาวนานที่สุดในโลกเป็นหลักฐาน นับเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการประชาภิวัฒน์ของสังคมไทยในเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ที่ผ่านมาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นการเคลื่อนไหวของการเมืองภาคประชาชนที่มีพลังที่สุดโดดเด่นที่สุดและสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการต่อสู้ทางการเมืองด้วยพลังอำนาจของภาคประชาชนสมัยใหม่ ผู้คนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรฯ มีทั้งคนต่างจังหวัด คนกรุงเทพฯ และชนทุกระดับชั้น ทุกสาขาอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงโดยที่ทุกคนมีจุดร่วมกันตรงที่เป็นผู้ที่มีความตื่นตัวสนใจติดตามข่าวสารบ้านเมือง มีความรู้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศ นอกจากจะยอมสละเวลามาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ แล้วยังสละเงินทองบริจาคให้กับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ อีกด้วย แม้จะมีความแค้น ความเจ็บปวดรวดร้าวจากการที่เพื่อนร่วมอุดมการณ์ถูกทำร้ายถูกฆ่าตายไปต่อหน้า แต่ประชาชนก็ยังครองสติและยึดมั่นในสันติอหิงสาต่อไป สะกดจิตใจมิให้ใช้ความรุนแรงแก้แค้น หรือเอาคืนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน คนพวกนี้กลับถูกสังคมตำหนิ รุนแรงเกินกว่าเหตุ หยาบคาย มีวาระซ่อนเร้น คนพวกนี้ถูกป้ายสี ถูกเหยียดหยามสารพัด ท่านนายกฯอภิสิทธิ์หอบช่อกุหลาบฮอลแลนด์ราคาสามพันบาทไปคารวะไปเชิญผีดิบที่คนไทยน่าจะภูมิใจถึงบ้านให้เข้ามาร่วมรัฐบาลเทพประทานโดยมีหลงจู๊ตนนี้พาไป ผีดิบที่สามารถไล่จับกระจงขี้ยาและขาหักด้วยมือเปล่าได้กับเพื่อนๆนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่เทือกเขานาคเกิดจังหวัดภูเก็ตเมื่อสิบกว่าปีก่อนเพื่อแสดงว่าที่เขานาคเกิดเป็นป่าสมบูรณ์ที่ยังมีแม้แต่กระจงเป็นเรื่องราวกล่าวหากันใหญ่โตยืดเยื้อจนรัฐมนตรีผู้ออกส.ป.ก.ต้องไปเดินแจกคำชี้แจงประชาชนเหมือนเด็กขายหนังสือพิมพ์ตามป้ายรถเมล์สุดท้ายรัฐมนตรีต้องลาออกและนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นต้องยุบสภา ตัวหลงจู๊เองก็เคยถูกผู้จัดการรัฐบาลอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างรุนแรงในสภาจบด้วยคำตะเพิดเสียงลั่นสภาว่า ออกไป ! .. ออกไป .. ส่วนไอ้พวกนักการเมืองกลุ่มนั้นที่ร่วมกันสร้างเรื่องกล่าวหารัฐมนตรีวันนั้นบัดนี้คนหนึ่งมีภรรยามาเป็นรัฐมนตรีว่าการร่วมรัฐบาลเทพประทาน คนหนึ่งมีกิ๊กมาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ อีกคนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ผู้จัดการคนที่ถูกกระจงขาหักเตะจนคว่ำข้าวเม่าไปต้องพานายกรัฐมนตรีพร้อมช่อกุหลาบราคาถึงที่พำนักเพื่อเชิญมาร่วมรัฐบาลแล้วปรากฏภาพกอดรัดกันกลมอยู่ในที.วี.ทุกช่องกับหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ นี่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ทุ่มเทใจและฝากความหวัง ฝากอนาคตของประเทศชาติไว้กับนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเพราะเชื่อว่าจะสามารถนำพาประเทศชาติให้รอดพ้นวิกฤติต่างๆนานาได้ เพราะเมื่อนายกรัฐมนตรีอาสาเข้ามารับใช้ประชาชนแล้วประชาชนก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะคาดหวังและตั้งตาคอย ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีด้วยใจอันสุจริตและเป็นธรรม หากเห็นว่าพฤติกรรมใดๆ ของผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหารจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ได้แล้วถ้ายิ่งแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลทำท่าจะเข้ารกเข้าพง ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยก็ยิ่งมีสิทธิ์คัดค้านและต่อต้านได้ทุกกรณี นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะคือความหวังอันเรืองรองของสังคมไทยในยามที่ประเทศชาติกำลังตกอยู่ในสภาวะซึ่งไม่น่าไว้วางใจอย่างสุดๆเพราะถูกรุมเร้าจากปัญหาใหญ่นานัปการทั้งภายในและภายนอก ในระหว่างการชุมนุมอันยาวนานของพันธมิตรนั้นกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ได้ทำให้ระบอบทักษิณและตัวแทนพังพาบไปหลายๆ ครั้ง นักการเมืองน้ำเน่าถูกตัดสิทธิ์ไป ร่วมร้อยๆตนแต่ก็ยังคงมีบางตนที่สามารถแคล้วคลาดรอดพ้นจากเงื้อมมือของกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ไปได้ แต่กระนั้นถึงแม้หลงจู๊ ผีดิบและนักการเมืองพวกนี้จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หรือ 10 ปีแต่กลับก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองอย่างชัดแจ้งไม่ว่าจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล การแต่งตั้งรัฐมนตรี การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง การแต่งตั้งบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ทว่ากระบวนการยุติธรรมและตุลาการกลับไม่สามารถดำเนินการใดๆ อีกทั้งยังปราศจากกฎหมายและบทลงโทษอันเป็นเครื่องมือที่ใช้กำราบคนเหล่านี้ที่ประพฤติตัวละเมิดอาญาแผ่นดิน สังคมต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันพึงกระทำโดยฉับไว ใช้อำนาจการบริหารโดยชอบธรรมที่มีอยู่จัดการกับปัญหาสำคัญของบ้านเมืองให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว สังคมไทยก็ไม่ต้องการเห็นนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดต้องประสบกับความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่านายกฯคนปัจจุบันกับอดีตนายกฯนักโทษหนีคดีมีความแตกต่างกันหลายประการอาทิ ความสุขุมรอบคอบ ความกล้าได้กล้าเสียทางการเมือง ความซื่อสัตย์สุจริต ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นต้น แต่แล้วด้วยการกระทำของอดีตนายกฯซึ่งแปรสภาพเป็นนักโทษผู้จงใจจุดไฟเผาบ้านเผาเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แล้วสังคมไทยก็ต้องผิดหวังและเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพราะหลายเดือนที่ผ่านมานี้คนในสังคมเริ่มพบว่านายกฯเป็นคนดีก็จริงแต่มีความเด็ดขาดและความกล้าหาญทางจริยธรรมไม่เพียงพอ การมีอำนาจโดยชอบธรรมแล้วไม่สามารถใช้มันได้อย่างเหมาะสมนับเป็นสิ่งน่าเสียดายและยิ่งเมื่อมีโอกาสแล้วกลับไม่ใช้ก็อย่ามีเสียดีกว่าเพราะมีก็เหมือนไม่มี ท่าทีของนายกฯเขมรในวันนี้ย่อมจะสร้างความฮึกเหิมและกระตุ้นคะแนนนิยมทางการเมืองของตัวเขาเองในหมู่ประชาชนคนเขมรได้ไม่น้อย แต่ท่าทีเช่นนี้ทำให้คนไทยแทบจะทุกคนรู้สึกเสมือนถูกข่มขู่ คุกคาม อาฆาตมาดร้าย หมายมุ่งเอาชีวิต จากเพื่อนบ้านที่ไม่เป็นมิตร ช่างไม่ให้เกียรติกันเอาเสียเลย คนไทยมีความผิดอะไรหรือหากเข้าไปในบริเวณที่ราชการไทยยืนยันต่อคนไทยทั้งประเทศเองว่าเป็นเขตดินแดนราชอาณาจักรไทยจึงต้องถูกยิงทิ้งโดยกองกำลังต่างชาติ ? ไม่ต้องรู้สึกรักชาติมากมายอะไรหรอกเพียงเหมือนกำลังถูกกุ๊ยข่มขู่เท่านี้มันก็ทำให้รู้สึกอ้างว้าง หดหู่ในใจพอแล้วในบ้านตัวเอง จะดีเพียงไรหากผู้นำประเทศของเราออกมาแสดงท่าทีบางอย่าง พูดคำบางคำ สื่อความรู้สึกและความหมายเพื่อกอบกู้ความรู้สึกของคนไทยขึ้นมาบ้าง สังคมไม่สามารถใช้กระบวนการทางกฎหมายหรือข้อกฎหมายมาจัดการนักการเมืองที่ทุจริต คอร์รัปชัน ได้อย่างเด็ดขาด ดังที่ประชาชนหลายคนแสดงทัศนะด้วยความคับแค้นต่อนักการเมืองโกงชาติออกมาว่า “ขายชาติ ขายแผ่นดิน คอร์รัปชัน รอลงอาญา ปรับแค่ 2 หมื่นบาท ลักเล็กขโมยน้อยโดนจับติดคุกติดตะราง” ในขณะที่ส.ส.และส.ว.ที่กำลังจะเข้าชื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญเป็นลักษณะของวรนุสที่ดิ้นพล่านเพราะรัฐธรรมนูญนี้เหมือนยาที่ถูกกับโรค ดังนั้นคนพวกนี้จึงต้องเคลื่อนไหว ส.ส.ร.ไม่ใช่จงอางหวงไข่ แก้รัฐธรรมนูญแก้ได้แต่ต้องถามว่าแก้อะไร เพื่อใคร แก้เมื่อไหร่ ต้องพิจารณาประกอบกันไปและไม่เพียงเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ได้ข่าวว่ามี ส.ส.พรรคหนึ่งเข้าชื่อยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อถอดถอนป.ป.ช.อย่างที่น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริอยากจะใช้คำว่า “เลวระยำ” เพราะในเมื่อป.ป.ช.ชุดนี้ทำผลงานไว้หลายต่อหลายเรื่องโดยเฉพาะการชี้มูล 2-3 เรื่องที่ผ่านมา แม้บางเรื่องจะช้าไปบ้างแต่เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อบ้านเมืองที่ทุกวันนี้หาพึ่งพาอะไรไม่ได้ ในเมื่อทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติมัวแต่ยุ่งกันแค่ 3-4 เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ คลิปนายกฯ มีเท่านี้ ไม่มีกฎหมายที่เป็นประโยชน์ซักฉบับ และในเมื่อวันนี้คนระยำมันครองเมือง หากกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ถึงทางตันเมื่อใดการชุมนุมอันยาวนานของพันธมิตรก็ย่อมสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่อนั้น ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่เสียชีวิตไปในการสลายการชุมนุมวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตและบาดเจ็บไปในระหว่างการชุมนุมอันยาวนานของพันธมิตร รวมกว่า 600 คและชีวิตวีรชนก็ย่อมสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เมื่อนั้น การต่อสู้ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องไม่สูญเปล่า ดังนั้นกระบวนการประชาภิวัฒน์หรือการเมืองใหม่จึงจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นและตรวจสอบให้ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติหยุดกระทำในการคอร์รัปชันโครงการต่างๆเช่นรถเมล์ NGV 4,000 คัน การแทรกแซงองค์กรอิสระและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการตั้งพรรคการเมืองใหม่ของแกนนำพันธมิตรส่วนหนึ่งแต่สิ่งที่ต้องมั่นคงอยู่เหมือนเดิมคือปณิธานร่วมกันของประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาสู้เพื่อส่วนรวมก็แล้ว เสียสละเพื่อส่วนรวมก็แล้ว ญาติมิตรเพื่อนฝูงล้มหายตายจากไปก็แล้ว ประชาชนแต่ละคนจะต้องกลับไปกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ในประเทศอย่างผู้อาศัยไม่ใช่เจ้าของที่จะสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางบ้านเมืองของตนได้อีก จะปล่อยให้ระบอบทักษิณกลับมาครองเมืองอีกครั้งในรูปพรรคการเมืองอื่นหรือส่วนผสมใหม่อย่างนั้นหรือ

ไม่มีความคิดเห็น: