โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ถ้าจะเปรียบภารกิจของ “น้องปู” คงเหมือน “ขี้เปี้ยลุกขึ้นฟ้อน” ตามคำเปรียบเปรยของคนเมืองเหนือ เป็นการตอบสนองความอยากโดยไม่มองขีดจำกัดของตัวเอง! “ขี้เปี้ย” คือคนมีแข้งขาง่อยเปลี้ย อยากลุกขึ้นฟ้อนรำ
แผนของเหลี่ยมร้ายมุ่งล้างแค้นแผ่นดินเกิดผ่านตัวแทนหุ่นเชิดรุ่น 3 ใกล้เริ่มฉากใหม่ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดไฟเขียวให้ “น้องปู” เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ให้ตระกูลชินวัตรว่าพี่น้องท้องเดียวกันได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ตัวแทนนอมินีรุ่นแรกคือ “เสี่ยหมัก” ผู้วายชนม์ ตามมาด้วย “ชาย ตู้เย็น” ทั้งคู่ประสบเคราะห์กรรมการเมืองลงจากเก้าอี้แบบไม่สวย แต่ประเทศไทยต้องจารึกในประวัติศาสตร์ว่า ใครก็มีโอกาสเป็นนายกฯ ถ้าเหลี่ยมดันหลัง
“น้องปู” เป็นนอมินีรุ่น 3 มีประสบการณ์ในชีวิตด้อยกว่าทั้งคู่ เมื่อ 4-5 เดือนก่อนเธอเป็นเพียงตัวชูในกลุ่มบริษัทครอบครัว อีกไม่นานจะเดินกระทบไหล่ผู้นำโลก เจรจาความเมือง บริหารประเทศมีงบ 2 ล้านล้านบาทต่อปี
ตอกย้ำให้คนทั้งโลกได้รับรู้อีกครั้งว่าการเป็นนายกฯ ประเทศไทยนั้นง่ายกว่าโอกาสถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แน่นอน! “เหลี่ยม” คือตัวกำหนดชะตากรรม วางเส้นทางอนาคตของคนบนแผ่นดินไทย ตราบที่ยังมีลมหายใจ
เหลี่ยมสะใจ และสาแก่ใจซ้ำซาก เมื่อตัวแทนนอมินีได้เป็นผู้นำรัฐบาลไทย ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนล้างแค้น ตราบใดที่นอมินีเหลี่ยมกุมอำนาจ บ้านเมืองไม่มีโอกาสได้สงบสุข มีแต่เรื่องวุ่นวายผสมกับทุจริต งาบคำโต
มีทรัพย์สินเงินทองกี่แสนล้านบาท เหลี่ยมยังมองแผ่นดินไทยเป็นขุมทรัพย์ขุดไม่มีวันจบสิ้น เลือดคนจนหอมหวาน สูบเท่าไหร่ไม่มีวันหมด เจ้าตัวเต็มใจให้สูบ ผ่านมือเครือข่ายขบวนการเหลี่ยม จ่าย 1 พันบาทต่อหัว
จ่ายครั้งเดียว ได้สิทธิ์กุมอำนาจแปลงทรัพย์สินแผ่นดินเข้ากระเป๋า!
การให้ “น้องปู” เป็นตัวแทนนอมินีรุ่น 3 ถือว่าเป็นเดิมพันสุดท้าย ก่อนจะลงไปสู่นอมินีรุ่นลูก หลาน หรือทายาทผ่านสาแหรกชินวัตรและเครือญาติ
การให้คนไม่ประสีประสาทางการเมืองมาเป็นผู้นำประเทศมีพลเมืองกว่า 65 ล้านคนได้สำเร็จ ถือเป็นผลสุดยอดของการล้างแค้น และเหลี่ยมจะบรรลุถึงจุดนั้นผ่านกระบวนการรัฐสภา โดยนักซื้อเสียงพร้อมใจยกมือให้
จากนั้น บ้านเมืองจะจมปลักในวิบากกรรม ชาวบ้านเผชิญทุกข์เข็ญอย่างไร เหลี่ยมและเครือข่ายไม่รับรู้ เมื่อจ่ายเงินซื้อสิทธิ์ หัวจะ 1 พันบาทแล้ว
กระบวนการล้างแค้นของเหลี่ยมร้าย ผ่านศึกเลือกตั้ง ป่วนเมือง เป็น “เกมบีบหัวใจ” วิญญูชนอย่างแท้จริง! ไม่ใช่กกต. ยื้อเปิดไฟเขียวให้พวกเดนคุก นักเผาบ้านเผาเมือง ก่อการร้ายให้เป็น ส.ส. ยกระดับจากไพร่ให้เป็นอำมาตย์
แผนของเหลี่ยมร้ายได้นำการก้าวย่างตามจังหวะของ “น้องปู” สู่เก้าอี้นายกฯ! มาถึงขั้นนี้ ต้องยอมรับว่าไม่น่าจะเหลืออุปสรรค ขวากหนามปิดกั้น
ต่อให้เธอประกาศว่า “ดิฉันตัดสินใจไม่ขอรับตำแหน่งนายกฯ ไม่สามารถจริงๆ” คงไม่ได้ พี่เหลี่ยมร้ายไม่ยอมแน่! หลังจากลงทุนมาถึงขั้นนี้
เพียงแต่ว่า “น้องปู” ถูกมองว่าไม่ประมาณตน ประเมินศักยภาพตัวเองสูงเกินไป! ภารกิจของผู้นำชาติ ไม่ใช่งานบริหารงานประชาสัมพันธ์ เจ๊าะแจ๊ะ แนะนำโครงการบ้านจัดสรร โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เอาใจลูกค้า ผู้บริโภค
ถ้าจะเปรียบภารกิจของ “น้องปู” คงเหมือน “ขี้เปี้ยลุกขึ้นฟ้อน” ตามคำเปรียบเปรยของคนเมืองเหนือ เป็นการตอบสนองความอยากโดยไม่มองขีดจำกัดของตัวเอง! “ขี้เปี้ย” คือคนมีแข้งขาง่อยเปลี้ย อยากลุกขึ้นฟ้อนรำ
ต่อให้พยายามอย่างไร ร่างกาย สังขาร คงฟ้อนรำตามจังหวะให้ดูสวยงามไม่ได้! “น้องปู” คงอยู่ในสภาพนั้น ประเทศไทยไม่ใช่ชาติกระจอก! กองทัพมีศักยภาพอันดับที่ 19 ของโลก ไม่ใช่ตัวโจ๊กปลายแถวนะโว้ย!
แต่ผู้นำรัฐบาลไทยมีความอดทนเป็นเลิศ ยอมให้ฮุนเซนเขมรต่ำหยามน้ำหน้าซ้ำซาก! ยอมให้ไอ้กุ๊ยกัมพูชาคนเดียว คนอื่นอย่าแหยม! ฮุนเซนเจ๋งแค่ไหน ดูได้จากการจ้างเหลี่ยมร้ายเป็นที่ปรึกษา สั่งให้ทรยศต่อชาติก็ยังได้
การเมืองน้ำเน่าต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ ต้องหน้าด้าน! “เสี่ยหมัก” จอมเก๋าลายคราม ยังเอาตัวไม่รอด! “เสี่ยชาย ตู้เย็น” ลวดลายสับหลีกเวลาซื้อตู้เย็นเข็นขึ้นคอนโด ยังหมดท่า ทั้งๆ ที่ได้เหลี่ยมติวหนัก เมียคุมเข้ม
“น้องปู” มีสามีก็เหมือนไม่มี จะปรับทุกข์ ปรึกษาหารือ ยามร่วมเรียงเคียงหมอนค่ำคืนกับใครได้ มองทางไหนมีแต่คนจ้องเอาผลประโยชน์! หรือจะทำตัวเป็นหุ่นยนต์ไขลาน พี่เหลี่ยมร้ายบงการให้ทำอะไรก็ตามใจ
การเป็น “ขี้เปี้ยลุกฟ้อน” จะเป็นไตรภาคของแผนใช้นอมินีตอบสนองความสะใจ “น้องปู” จะทำได้ดีเพียงใด อย่าหวังมาก! เหลี่ยมร้ายไม่เห็นคนอื่นมีค่าถ้าไร้ประโยชน์ เมียรักคู่ทุกข์คู่ยาก ยังเลิกราเพราะตัณหาการเมือง
“ขี้เปี้ย” จะก้าวย่างสวยงาม หรือทุลักทุเล น่าเวทนาอย่างไร เหลี่ยมร้าย และเครือข่ายไม่สนใจ แต่คนไทยทั้งแผ่นดินนอกสังกัดเหลี่ยมร้ายต้องทนอดสู
ไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่ต้องชมการแสดงของ “ขี้เปี้ย” นานาชาติจะเฝ้าดูว่าการเมืองสไตล์นอมินีแบบสุดโต่งจะทำเมืองไทยให้อยู่ในสภาพเช่นใด
ถ้าฟ้อนรำมีจังหวะก้าวสวยงาม ถูกใจผู้ชม รักษาคำมั่นสัญญาช่วงหาเสียง คงไปได้สวย! ถ้า “น้องปู” ฟ้อนสลับกับล้มลุกคลุกคลานมีแต่คำแก้ตัว น่ากลัวว่าจะเผ่นลงเวทีหนีเสียงโห่ไล่ ท่อนไม้ ก้อนอิฐ ไม่ทันนะดิ! อิอิอิ!!!
เพื่อบรรลุถึงการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยการเผยแพร่ให้ความรู้ที่แท้จริงแก่ส่วนรวม
22 กรกฎาคม 2554
19 กรกฎาคม 2554
เมื่อคนที่มีอำนาจเกือบทั้งหมดไม่สนใจใยดี แล้วจะให้ประชาชนกลุ่มเล็กๆสองมือเปล่าไปแบกรับแทน
|
|
18 กรกฎาคม 2554
คอยดูอัปรีสิทธิ์จะทำให้ไทยเสียดินแดนได้คามือหรือไม่
|
|
17 กรกฎาคม 2554
กกต.สร้างเงื่อนไขความตึงเครียด-วุ่นวาย
กลายเป็นเรื่องเกิดความตึงเครียดขึ้นมาจนได้หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แขวนผู้สมัคร ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งจำนวนเพียงแค่ 358 คนทำให้ไม่ครบจำนวน 95 เปอร์เซ็นต์จึงเปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ได้ อีกทั้งว่าที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมไปถึงนักการเมืองคนสำคัญอื่นๆอีกหลายคน หรือแม้แต่แกนนำคนเสื้อแดงถึง 11 คนก็ยังถูกแขวนรวมกันไปด้วย
แม้ว่าเป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้งที่ต้องมีการทุจริต ซื้อเสียง ทำผิดกฎหมายสารพัด มีทั้งการร้องเรียนการจับได้คาหนังคาเขา ก็ต้องดำเนินการกันไป แต่กรณีที่เกิดขึ้นกับ กกต.เที่ยวนี้มันคนละเรื่องและต้องบอกว่า กกต.นี่แหละที่เป็นต้นเหตุของการสร้างปัญหาทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ทำหน้าที่รักษากฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดนั่นเอง
หากพิจารณาเริ่มตั้งแต่วันที่รับสมัคร ส.ส. กกต.ก็ได้รับรองคุณสมบัติของผู้สมัครที่มีปัญหาไปก่อน แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นช่วงฉุกละหุกมีงานอื่นที่ต้องทำ ยุ่งจน “มือเป็นระวิง” ต้องปล่อยไปก่อนเพื่อให้ทันเปิดประชุมสภาภายใน 30 วัน แต่ระหว่างการหาเสียงที่มีเวลาเป็นเดือนก็ไม่ทำอะไรจนกระทั่งมีการประกาศผลคะแนนจึงค่อยมีการประกาศ “แขวน”
นี่ไม่ได้พูดถึงกรณีสำคัญทั้งที่เป็นกรณีของว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ รวมไปถึงพวกแกนนำคนเสื้อแดงอีก 11 คนที่ถูกแขวนพร้อมกันอันเป็นผลมาจากเรื่องการถูกร้องเรียน ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งสารพัด ซึ่งมาประกาศเอาในช่วงเข้าได้เข้าเข็ม เป็นอีกอารมณ์หนึ่งไปแล้ว กลายเป็นว่า กกต.กำลังตกเป็นเครื่องมือของ “อำนาจภายนอก” เพื่อขัดขวางไม่ให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ทั้งที่ได้รับเลือกจากชาวบ้านอย่างท่วมท้น ซึ่งจริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น
การที่บอกว่าจะมีการประกาศชี้ขาดในรอบต่อไปวันที่ 19 กรกฎาคม หรือรอบที่ 3 ในเดือนสิงหาคม มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการแก้เกี้ยวเท่านั้น เพราะหลายคนมองออกว่าพวกที่ถูกแขวนก็จะได้รับการรับรองจนกระทั่งสามารถเปิดสภาได้ตามกฎหมาย กลายเป็นถูกมองว่านี่คือ “การยื้อ” สร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านโดยไม่จำเป็น เพราะหากพิจารณาอีกมุมหนึ่งในเมื่อพิจารณาไม่ทัน อ้างว่ามีหลักฐานต้องพิจารณาให้รอบคอบรัดกุม แต่คำถามก็คือทำไมไม่ปล่อยไปก่อนทั้ง 500 คนแล้วค่อยมาสอยกันภายหลัง เพราะไหนๆ ก็ทำอะไรไม่ทันอยู่แล้ว ที่สำคัญเป็นการถูกด่าว่า “ห่วยแตก” พร้อมกันรอบเดียว
นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานของ กกต.เข้าข่ายไร้มาตรฐาน ไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นก็เห็นจะได้แก่การ “ตัดสิทธิ” ชาวบ้านกว่า 2 ล้านคนกรณีเคยลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขตเมื่อปี 2550 แต่ที่ผ่านคนเหล่านั้นก็ไม่ได้ไปแจ้งเปลี่ยนแปลงแก้ไข ขณะที่ กกต.ก็ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นที่เข้าใจ กลายเป็นว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พวกเขาก็ใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งจำนวนกว่า 2 ล้านคนมันก็มีจำนวนไม่น้อยสามารถเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งได้อย่างมีนัยสำคัญ
นี่คือปัญหาที่หากมีการบริหารจัดการที่ดีก็น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที อย่างไรก็ดีเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นปัญหาตามมา อาจส่งผลถึงสถานะของ กกต.รวมไปถึงมีผลต่อการเลือกตั้งที่มีปัญหาตามมาก็เป็นได้
เมื่อกล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งก็ต้องบอกว่าในครั้งนี้ถือว่า “ห่วยแตก” ขาดความน่าเชื่อถือเท่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าภาพโดยรวมจะออกมาในทางสงบเรียบร้อยก็ตาม แต่เท่าที่เห็นปรากฎว่าเต็มไปด้วยการทุจริตซื้อเสียงกันอย่างมโหฬาร แต่กลายเป็นว่าไม่มีผู้สมัครที่ซื้อเสียง หรือคนที่ถูกร้องเรียนว่าทุจริตการเลือกตั้งสักคนเดียวที่ถูก กกต.ชูใบเหลืองและใบแดงสักคนเดียว มันเป็นไปได้อย่างไร (เพิ่งมาชูใบเหลืองให้กับผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย)
ทั้งที่น่าจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม แม้ว่าอาจเป็นการทำลายบรรยากาศไปบ้าง แต่ถ้ามีหลักฐานการทุจริตอยู่ในมืออย่างพร้อมมูลอยู่แล้วมันก็สามารถ “ตัดเกม” ไปก่อนล่วงหน้า เพราะในเวลานั้นยังไม่รู้ผลคะแนนเลือกตั้ง ข้อกล่าวหาทำนองว่าเป็นการ “ขัดขวาง” ของพวก “อำนาจภายนอก” จะมีน้ำหนักน้อยลงไป
การประกาศแขวนว่าที่ ส.ส.อีก 142 คน ซึ่งในจำนวนมีบุคคลที่สำคัญเป็นที่จับตามอง ที่สำคัญเป็นการสร้างเงื่อนไขจนทำให้เกิดความวุ่นวายตามมาได้ทุกเมื่อ ทำนองว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” แม้ว่าคนพวกนี้จะมีความผิดชัดเจน แต่กลายเป็นผิดเพี้ยนไปอีกอารมณ์หนึ่งกันไปแล้ว ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่คนไม่น้อยต้องมองออกมาแบบนั้นจริงๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นแบบนี้มันก็โทษใครไม่ได้นอกจาก กกต.เท่านั้น
เพราะในที่สุดแล้วคนที่ถูกแขวนพวกนี้ในที่สุดก็ต้องปล่อยไป แต่ก็จะถูกมองอีกว่าเป็นเพราะถูกกดดันจากภายนอก เท่าที่เห็นก็เริ่มมีการข่มขู่จากคนเสื้อแดงออกมาแล้วทำนองว่าถ้ายังยื้ออีกก็มีเรื่องแน่ ซึ่งมันก็เป็นไปได้ เพราะเป็นการทำงานที่ไร้มาตรฐานของ กกต.ที่ไม่กล้าตัดสินใจมาตั้งแต่แรก ปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเกิดความตึงเครียดรวมไปถึงอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาภายหลัง!!
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)