เพื่อบรรลุถึงการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยการเผยแพร่ให้ความรู้ที่แท้จริงแก่ส่วนรวม
18 ธันวาคม 2552
การบินไทย ถูกลักจนหมดฟ้า : พุกกะณะสุต
วัลลภ พุกกะณะสุตผู้บริหารระดับสูงของบมจ.การบินไทยแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยการใช้อภิสิทธิ์ในการบินในชั้นเฟิร์สคลาสสำหรับตัวเองและภรรยาขนกระเป๋าส่วนตัวกว่า 40 ใบ น้ำหนักกว่า 600 กิโลกรัมขึ้นเครื่องโดยไม่เสียภาษีนำเข้า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยเคยได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวทั้งจากพนักงานและบัตรสนเท่ห์ คณะทำงานสอบสวนกรณีข่าวอื้อฉาวดังกล่าวจึงได้ทำการตรวจสอบและพบความจริง คนภายในการบินไทยช่วยปกปิดความดีของทั้งวัลลภและจารุวรรณ พุกกะณะสุต พนักงานทุกคนก็รู้สึก และ ต้องออกมาส่งข้อมูลมาให้ว่าน้ำหนักกระเป๋าของคนดีทั้งคู่ที่ชั่งจริง 520 กิโลกรัมแต่มีการรายงานเพียงแค่ 170 กิโลกรัม ส่วนกระเป๋าอีกประมาณ 10 ใบไปฝากให้กับพฤทธิ์ บุปผาคำรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ให้ช่วยถือกลับมาให้โดยน้ำหนักชั่งจริงสูงถึง 113 กิโลกรัม แต่บันทึกไว้เพียง 51 กิโลกรัมเท่านั้น เจ้าหน้าที่บริษัทการบินไทยที่ญี่ปุ่นต่อหน้าผู้บริหารก็มีการเกรงใจจึงลงน้ำหนักไว้น้อยกว่าที่เป็นจริงแต่เมื่อเครื่องใกล้ออกเดินทางจึงมีการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเนื่องจากถ้าไม่แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องเครื่องบินก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ผู้โดยสารทั่วไปสามารถขนส่งกระเป๋าได้ไม่เกิน 40 กิโลกรัม หรือเต็มที่ไม่เกิน 45 กิโลกรัมเท่านั้นในชั้นเฟิร์สคลาส ในชั้นประหยัดขนส่งได้ไม่เกินคนละ 20 กิโลกรัม และในชั้นธุรกิจประมาณ 25-35 กิโลกรัม กระเป๋าดังกล่าวถูกลำเลียงไปไว้ในส่วนกระเป๋าหาย (Lost and Found) และถูกขนออกนอกสนามบินโดยไม่ผ่านการเสียภาษี พฤทธิ์ บุปผาคำรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ที่ช่วยวัลลภและภรรยาขนสัมภาระนั้นเดิมทีมีกำหนดการต้องเดินทางไปประชุมที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษแต่กลับเดินทางมาช่วยขนกระเป๋าดังกล่าวแทน แถมตั๋วดังกล่าวที่พฤทธิ์ใช้เป็นประเภทตั๋วสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งบริษัทการบินไทยต้องจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้หมดไม่ว่าจะเป็น ค่าตั๋ว ค่าเบี้ยเลี้ยง รวมถึงค่าโรงแรมด้วย วัลลภออกมาอ้างและออกมาต่อสู้ข้อกล่าวหาด้วยการห่มจีวรออกมาสู้ว่า "ผู้ใหญ่ฝากสัมภาระมาถวายพระวัดปากน้ำภาษีเจริญ" ประธานบอร์ดที่ชื่ออำพน กิตติอำพนสามารถออกมาป้องวัลลภ พุกกะณะสุตได้อย่างไม่ต้องคิด "...เท่าที่ทราบมานั้นไม่ใช่ของหนีภาษี แต่เป็นของฝากกันเข้ามา..."
อำพน กิตติอำพนเป็นถึงเลขาธิการ สภาพัฒน์และประธานบอร์ดการบินไทย พูดอย่างนี้ได้อย่างไรหรือเป็นเพราะพูดเช่นนี้จึงได้เป็นเลขาสภาพัฒน์และประธานบอร์ดการบินไทย และเป็นเพราะการบินไทยได้มีประธานบอร์ดแบบนี้ ถึงได้พินาศแบบนี้ มีการศึกษาระดับสูงขนาดนี้ มีหน้าที่สำคัญที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีคุณสมบัติสำคัญที่สุดที่ผู้บริหารควรจะมี ไม่มีความสำนึกเรื่องความถูกต้อง หน้าที่ คุณธรรม จริยธรรม คนแบบนี้ขี้ขลาดไม่กล้าหาญ ไม่รับผิดชอบ ปกปิดความจริง ส่งเสริมความไม่ถูกต้อง ไม่คิดถึงสังคมรวม ชาติต้องการความสามารของคนที่มีความสามารถแต่ก็ไม่ใช่แค่นั้นคุณธรรมความดีและจริยธรรมต้องมีติดตัวเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ขาดไม่ได้ การออกมาพูดแบบนี้ของกบถ้าไม่คิดมากก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าคิดก็เหมือนกับจะออกตัวว่าเป็นเรื่องที่นายปิยะสวัสด์ ชงขึ้นมา ไม่รู้ว่าต้องเกรงอกเกรงใจอะไรกันนักหนากับวัลลภ หรือว่าไก่เห็นตีงู งูเห็นนมกบ
การที่ผู้บริหารระดับสูงคนนี้ของการบินไทยขนของยังไม่จ่ายค่าขนส่งแถมยังหนีภาษีเพื่อเอามาขายในร้านของภรรยาที่อยู่แถวซอยละลายทรัพย์มาซูเมะร้านเลขที่ 117 ทั้งๆที่การบินไทยมีผลการดำเนินการขาดทุนอีกทั้งพนักงานก็ไม่ได้โบนัสและไม่ได้ขึ้นเงินเดือนและคนทั่วไปซื้อตั๋วแสนแพงน้ำหนักกระเป๋าเกินนิดหน่อยก็ต้องถูกปรับไม่ค่อยอะลุ้มอะล่วย ผู้บริหารกลับมีพฤติกรรมสวนทางปืนที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์กรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ได้ประกาศไว้ตอนเข้ารับตำแหน่ง เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดครั้งแรก วัลลภคนนี้ได้ใช้อำนาจการเป็นบอร์ดบริษัทขนสัมภาระน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดสร้างความวุ่นวายให้กับพนักงานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนายสถานีนาริตะ พนักงานระดับล่างและตม.บางคนอย่างเช่นหวานที่เพิ่งจะมีภรรยาเป็นพนง.การบินไทยหมาดๆ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ต้องมาให้ความร่วมมือในการรับผิดชอบกระเป๋าที่ไม่ต้องผ่านไปยังสายพานลำเลียงกระเป๋าแต่มีการจัดการให้ไปเข้าระบบ Lost and Found (LL) หรือแผนกกระเป๋าหาย ซึ่งเลี่ยงภาษีได้ทั้งหมด หากไม่ร่วมในขบวนการก็จะถูกสั่งย้าย
พฤติกรรมดังกล่าวของผู้บริหารคนนี้และคนใกล้ชิดมีมานานแล้วจนกระทั่งพนักงานของบริษัทที่โตเกียวอดรนทนไม่ไหวอีกแล้วจึงต้องแจ้งเรื่องมายังกรรมการผู้จัดการใหญ่ พนักงานของการบินไทยที่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นรำคาญและพยายามรายงานมายังบริษัทแม่มา 2 ปีแล้วว่าผู้บริหารคนดังกล่าวพร้อมภรรยามีพฤติกรรมแบบนี้ผลาญงบประมาณของบริษัทไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้ว จากเดิมที่การบินไทยขายตั๋วโดยสารในประเทศผ่านระบบ Royal แต่มีการปรับแก้สัญญาให้ต้องสั่งซื้อผ่านอามาดิอุสแบบผูกขาด ระบบการจองตั๋ว E-Ticket ผ่านระบบอามาดิอุสทำให้มีเม็ดเงินตกหล่นถึง 2,000 ล้านบาทก็มีผู้บริหารคนนี้เกี่ยวข้องอยู่ด้วย สุดท้ายก็มีพนักงานผู้กล้าหาญไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเถื่อนไม่สามารถทนนิ่งให้เหลือบและเห็บตัวใหญ่กัดกินและดูดเลือดบริษัทได้ต่อไปจึงนำข้อมูลลับเปิดเผยต่อสาธารณะจนกลายเป็นเรื่องลือลั่น .บุคคลพวกนี้ได้ใช้เงินของการบินไทยในการไปรับรองหรือเอาไปใช้จ่ายเพื่อตัวเองและมาอยู่ที่โตเกียวบ่อยๆ ร่วมกับภรรยาของเขา ภรรยาได้ทำธุรกิจร่วมกับนางพิมพ์ใจ มัตสุโมโตเป็นบุคคลที่มีร้านอาหารไทยและมีซูเปอร์มาเก็ตและขายตั๋วที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยเมียของเขาพร้อมกับพิมพ์ใจสามารถขนกระเป๋าน้ำหนักเกินเท่าไหร่ก็ได้ในทุกครั้งที่มีการเดินทาง แล้วพิมพ์ใจสามารถซื้อตั๋วที่ถูกที่สุดในชั้นอีโคโนมีแต่แล้วก็สามารถอัพไปนั่งชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นธุรกิจได้แล้วสามารถขนสัมภาระน้ำหนักเกินได้ เอาเงินเอาทองไปใช้อย่างไรทำให้ทางสตาฟท้องถิ่นขาดเงินที่จะเอาไปใช้เลี้ยงรับรองดูแล ทั้งๆ ที่สาขาโตเกียวเคยทำรายได้สูงที่สุดให้กับการบินไทยมาแล้ว แต่ปัจจุบันนี้ตกพินาศเลย. “การที่บุคคลที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ได้กลับเข้ามามีอำนาจเป็นบอร์ดบริษัทและยังเป็นถึงประธานบอร์ดบริหารที่มีอำนาจมาก เป็นคนที่บริหารงานในช่วงที่การบินไทยยังไม่มี ดีดี.ตัวจริง ผลประกอบไตรมาส 3 จึงออกมาขาดทุนถึง 5,200 ล้านบาทและยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่เปิดบินเส้นทาง โจฮันเนสเบอร์ก และนิวยอร์ก แบบขาดทุนย่อยยับทั้งยังร่วมกันกระบวนการจัดซื้อแอร์บัส A340ด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
ตั้งแต่เปิดให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพฯ-นิวยอร์กเป็นระยะเวลา 3 ปี ผลการดำเนินงานการบินไทย "ขาดทุน" ถึงปีละ 1,000-3,000 ล้านรวมระยะเวลา 3 ปีมีการขาดทุนสะสมจากเส้นทางนี้เกือบ 7,000 ล้านผู้บริหารคนนี้คิดได้อย่างไร โอแม่เจ้า การบินไทยเตรียมจะเปิดให้บริการเส้นทางบินกรุงเทพฯ-นิวยอร์กอีกครั้งหลังจากได้ทำการยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.51 เหตุผลเพราะการบินไทยไม่สามารถขายเครื่องบินแอร์บัส A340-500 กับ A340-600 ที่ใช้บริการในเส้นทางดังกล่าวได้เป็นไอเดียวัลลภ พุกกะณะสุต น่าสงสัยว่าที่ผ่านมายังประสบปัญหาต้นทุนการดำเนินงานเสียหายไม่หนักพอโดยเฉพาะต้นทุนรายจ่ายน้ำมัน
หลังเกิดเรื่องดังกล่าว สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยได้ยื่นหนังสือต่อนายกฯอภิสิทธิ์ นายกรณ์ จาติกวณิชรมต.คลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่การบินไทย โสภณ ซาเล้งร.ม.ต.คมนาคมในฐานะผู้กำกับดูแลและอำพน กิตติอำพนประธานคณะกรรมการการบินไทยเพื่อให้จัดการเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะบอร์ดคนดังกล่าวขาดจริยธรรมมีการใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวใช้อำนาจหน้าที่ประพฤติมิชอบและยังมีพฤติกรรมส่อไปในทางกระทำผิดกฎหมาย วัลลภในฐานะประธานกรรมการบริหารควรทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงานและฝ่ายบริหารในการทำตามกฎเกณฑ์ที่ถูกต้องโปร่งใสและรักษาประโยชน์ของบริษัท สิ้นหิริโอตตัปปะสิ้นเชิง จงใจ ทั้งๆที่รู้ว่าผิดก็ยังทำ
การบินไทยเป็นของคนไทย การบินไทยมิใช่บริษัทส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่งแต่เป็นทรัพย์สินของประเทศของคนไทยทั้งหมดเนื่องจากเวลาไปเจรจาสิทธิทางการบินนั้นบริษัทการบินไทยก็ต้องอาศัยชื่อของประเทศไทย สิทธิของคนไทยทั้งประเทศไปเจรจา แต่ไหนแต่ไรการบินไทยไม่เคยใด้ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ หรือ ผู้ที่มีความสามารถที่จะทำงานได้เข้ามาทำงานให้องค์กรเลย นักการเมืองและนักธุรกิจใจสกปรกรวมถึงทหารบางกลุ่มเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบมาโดยตลอด ชอบเอาพวกคนขายพริกไทย อัยการสูงสุดที่มาตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัยมาใช้งานแล้วกรรมการของการบินไทยโยนเศษเนื้อให้เยอะๆพวกมันจะได้ซื่อสัตว์ จงรักภักดี คนพวกนี้จึงมุ่งมั่นที่จะกัดกิน ทำลายล้างการบินไทย ต้องถูกกัดถูกแทะจนถึงแกนใน การบินไทยได้ถูกคนกลุ่มหนึ่งตั้งแต่บอร์ด ฝ่ายบริหารและพนักงาน(ยังไม่รวมนักการเมือง)รุมทึ้งกันมานานราวกับเป็นสมบัติส่วนตัว ใครจะทำอะไรกันตามใจชอบ ไม่ว่าขนของน้ำหนักเกินเกินสิทธิเศษที่ได้รับในฐานะพนักงาน/ฝ่ายบริหารหรือบอร์ด อัพเกรดที่นั่งให้แก่พรรคพวกของตนเองฯลฯการกระทำเช่นนี้ทำให้การบินไทยเสียหายอย่างมาก อย่าชะล่าใจแม้จะว่าสอบผ่านเน(วิน)แล้วจะอยู่ยงคงกระพัน ทำไมผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยรวมถึงกระทรวงการคลังและผู้ถือหุ้นใหญ่การบินไทยจึงปล่อยให้ฝูงผีปีศาจและฝูงเหลือบฝูงเห็บรุมดูดเลือด รุมโกงกินและรุมประทุษร้ายการบินไทยได้ถึงเพียงนี้หรือคิดแค่เพียงว่าการได้โอกาสเข้ามาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรเป็นการได้โอกาสเข้ามากอบโกยและโกงกิน ทั้งๆที่ผู้โดยสารทั้งไทยและเทศต่างรับรู้ตรงกันว่าราคาตั๋วของการบินไทยนั้นแพงแสนแพง แพงกว่าสายการบินอื่นจนน่าตกใจ
การตัดสินของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบินไทยสรุปออกมาว่า ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) การบินไทยและภรรยา ใช้สิทธิตั๋วพิเศษ ขนกระเป๋าที่มีน้ำหนักเกินกว่ากำหนด ไม่มีการแจ้งขอตามขั้นตอนและไม่มีหลักฐานในการได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจ ในขั้นตอนการโหลดสัมภาระและการนำสัมภาระออกจากสนามบินแสดงให้เห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การที่วัลลภให้สัมภาษณ์ว่าการขนกระเป๋าน้ำหนักเกิน คนการบินไทยถือเป็นเรื่องปกติ ทำให้สหภาพฯและพนักงานการบินไทยทุกคนมองว่าวัลลภไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดต่อไปเพราะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย นายกรณ์ จาติกวณิชรมต.คลังรับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและอยากให้บอร์ดดำเนินการทางใดทางหนึ่งต่อไป ที่ผ่านมาการบินไทยกำหนดให้พนักงานทำอะไร ไม่ทำอะไร ในยามที่บริษัทมีวิกฤตเมื่อพบพฤติกรรมของกรรมการที่กระทำไม่ชอบเองแล้วฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องตัดสินใจว่าควรจะดำเนินการอย่างไร
เพียงวัลลภออกมาจ่ายค่าขนสัมภาระเกินก็จบนับเป็นการตัดสินที่ขัดใจเจ้าของภาษีที่การบินไทยจับจ่ายไปในการทุจริตเชิงนโยบายเป็นอย่างยิ่ง คณะกรรมการที่ลูบหน้าไปก็ปะจมูกน่าจะย้อนกลับไปดูถึงพฤติกรรมของวัลลภและผู้ที่เกี่ยวข้องตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมารวมทั้งการนำงบจากตรงโน้นตรงนี้ที่การบินไทยในโตเกียวต้องถูกนำไปใช้ไปจ่ายโดยมิชอบเพราะผู้บริหารคนนี้อีกทั้งยังมีการอัพเกรดตั๋วของนางพิมพ์ใจที่แทบทุกครั้งพนักงานการบินไทยในท้องถิ่นต้องถูกวัลลภตำหนิหรือบีบเค้นให้คนๆนี้ได้สำเร็จความใคร่ในการอัพเกรดตั๋วเพื่อความสะดวกสบายของตัวเองถ่ายเดียวโดยมิได้คำนึงถึงผลกระทบใดๆต่อผู้อื่นหรือการบินไทย
ตั๊น ภิรมย์ภักดีที่ได้นำปฏิทินวาบหวิวของเบียร์ลีโอไปแจกในทำเนียบ ฮือฮาไปทั้งบ้านทั้งเมือง จะโดยมารยาหญิง จะโดยการโฆษณาแฝง ขึ้นหน้า 1 โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาสักบาทหรือจะอะไรก็ตาม แม้การกระทำครั้งนี้จะเป็นความพลาดพลั้งเนื่องจากรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็จะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวด้วยการลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมือง หญิงสาว อายุ 24 การศึกษาดีแต่ไม่เพียงเท่านั้น เธอมีดี ดีกว่า หน้าหนาไม่เท่า ชายอกสามศอกสูงวัยใจปลาสร้อยรุ่นปู่ของน้องตั๊นอย่างวัลลภ ยิ่งวัลลภออกมาบอกว่านี่เป็นเพียงแค่ข้อกล่าวหาจึงไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆรวมทั้งการลาออกเพราะที่ผ่านมาสส. สว.หลายคนก็ไม่เป็นต้องลาออก ทุกวันนี้บางคนยังนั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆเสียอีก ก็ยิ่งสะท้อนจิตสำนึกของทั้งวัลลภและตระกูลของเขาที่เลี้ยงลูกๆของพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่วัลลภตนเดียวเท่านั้นที่เปิดเผยตัวตนให้สังคมเป็นอย่างชัดเจน นิพัทธ์อดีตปลัดคลังบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เพิ่งจะโดนศาลตัดสินคดีทุจริตรับเงินสินบนที่ดินรถไฟฟ้าบีทีเอสและยังถูกศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ชดใช้เงินให้กับธนาคารออมสินจำนวน 500 ล้านบาทสมัยเป็นประธานธนาคารออมสินแล้วนำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นธนาคารกรุงเทพพาณิชยการจนเกิดความเสียหาย คนในตระกูลนี้รับราชการจนมีตำแหน่งสูงๆหลายคน ดังนั้นกรณีวัลลภนั้นคงจะยากที่จะเรียกร้องให้เขาสำนึกได้แล้วลาออกไปเอง
ไม่ใช่แค่ให้ออกจากบอร์ดการบินไทยเท่านั้นรัฐบาลต้องดำเนินคดีตามกฏหมายศุลกากรฐานลักลอบนำสินค้าเข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี ต้องดำเนินคดีตามกฏหมายสรรพากรข้อหาหลบเลี่ยงภาษีรายได้ทั้งผังทั้งเมีย ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ปปช และปปท ข้อหาคอรัปชั่น หากไม่ดำเนินการทางกฏหมาย นายกรณ์จะต้องมีความผิดในฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียนประธานคณะกรรมการตรวจสอบอำนาจของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยและผู้ถือหุ้นบมจ.การบินไทยได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯอภิสิทธิ์ให้ดำเนินการตรวจสอบวัลลภ พุกกะณะสุตที่มีผิด มาตรา 6 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดชอบพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปีหรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 40,000บาท หรือประหารชีวิต
นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบมจ.การบินไทยในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระบุสหภาพฯ เตรียมทำหนังสือถึงบอร์ดเพื่อขอให้สอบสวนนายวัลลภด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่มีบอร์ดรายใดกล้าขนสัมภาระจำนวนมากเกินกว่าที่ระเบียบปฏิบัติกำหนดไว้
"ยืนยันว่าคนการบินไทยไม่เคยมีใครมีอำนาจขนสัมภาระได้ถึง 520 กิโลกรัม การที่นายวัลลภให้สัมภาษณ์ว่าการขนกระเป๋าน้ำหนักเกินของคนการบินไทยถือเป็นเรื่องปกติทำให้สหภาพฯ และพนักงานการบินไทยทุกคนมองว่า นายวัลลภไม่ควรนั่งเป็นบอร์ดต่อไปเพราะทำให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย" นางแจ่มศรีกล่าว สหภาพฯได้เรียกร้องให้พนักงานการบินไทยแต่งชุดดำส่วนพนักงานที่แต่งเครื่องแบบก็ใช้วิธีการนำผ้าดำมาผูกที่แขนแทนเพื่อแสดงออกและเรียกร้องให้บอร์ดและฝ่ายบริหารบริษัทการบินไทยกล้าตัดสินใจในการดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องในการรักษาผลประโยชน์และชื่อเสียงของบริษัทในวันนี้ 18 ธ.ค. 52 ก่อนการประชุมบอร์ด
โสภณ ซาเล้งได้ออกมาจี้ต่อมสำนึกวัลลภต้องเคลียร์ตัวเองโดยยอมรับการตรวจสอบในกรณีอื้อฉาวนี้ ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องพิสูจน์ตัวเอง เราเรียกร้องให้ใครต่อใครปฏิบัติตามกฎและรัดเข็มขัด ผู้บริหารต้องเป็นแบบอย่างและต้องมีความเท่าเทียมกันไม่มีการเลือกปฏิบัติ
บอร์ดการบินไทยมีมติตั้งกรรมการสอบวัลลภโดยให้เวลาตรวจสอบ 3 สัปดาห์ใน 2 ประเด็นว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ทำให้การบินไทยต้องสูญเสียรายได้จากการเสียโอกาสจากการขนส่งสินค้าทางคาร์โก้ประมาณ 200,000 บาทหรือไม่ ซื้อเวลาไปได้อีก 3 สัปดาห์หรือที่ไม่กล้าไล่ออกวัลลภเพราะทำกันทั้งบอร์ดเหมือนกัน สหภาพแรงงานรัฐวิสากิจจึงได้เรียกร้องให้วัลลภ พุกกะณะสุตลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อคณะกรรมการแต่หากว่าหากตั้งผลที่คณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบพฤติกรรมมีผลสรุปออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจสหภาพฯ จะมีมาตรการบางออกมาอย่างแน่นอน ขออนุโมทนาบุญอย่างแรงที่นำผลไม้ 40 กระเป๋าไปถวายพระที่ท่านบอกว่าไม่ได้รับก็ตาม
“การบินไทย ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล หรือหลักการกำกับดูแลที่ดีอันประกอบด้วย การยึดมั่นในความถูกต้อง ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ จริยธรรม ฯลฯ โดยมุ่งปลูกฝังหลักดังกล่าวในสำนึกและพฤติกรรมของคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน
การยึดมั่นในความถูกต้อง หมายความรวมถึง ความซื่อสัตย์ของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ในการปฏิบัติหน้าที่ และการไม่ยอมให้เกิดความไม่สุจริตหรือความไม่ถูกต้องชอบธรรมเกิดขึ้นในส่วนที่ตนรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ หมายความรวมถึงคณะกรรมการบริษัทฯ ผู้บริหาร และพนักงานต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อผลการปฏิบัติหน้าที่ของตนและชี้แจงอธิบายการตัดสินใจและการกระทำของตนต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเฉพาะต่อผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน
จริยธรรม หมายความรวมถึงการมีจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีตามกรอบจริยธรรมธุรกิจและจรรยาบรรณที่ดีในการประกอบธุรกิจโดยมีความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร”
17 ธันวาคม 2552
คนไทยทุกคนมีความสุขที่ได้เห็นฮุนเซนมีความทุกข์
ว่าจะ ไม่ จะไม่แล้วเชียว จำไม จัมมัย คนประเภทไหนกันพอฝนตกทีมั๊นก็ไหลมารวมกัน ยอมเป็นไส้ศึกให้คนขายชาติและฮุนเซนใช้งาน คอยรับลูก-รับสัญญาณคนใจรันมาบ่อนทำลายประเทศชาติตัวเองให้เรือหาย ฮุนเซนชอบบอกว่าไม่เคยมีปัญหากับประเทศไทยหรือคนไทยแต่มีปัญหากับผู้นำบางคนในรัฐบาลนี้ซึ่งก็คือนายอภิสิทธิ์และนายกษิต แต่จะมีใครบอกฮุนเซนบ้างไหมนี่ว่าคนไทยทุกคนมีความสุขที่ได้เห็นฮุนเซนมีความทุกข์ ขอบอก! ไอ้การที่จะให้ให้นายอภิสิทธิ์ลาออกหรือยุบสภานั่นมันหน้าที่ของเราชาวไทยทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของคนจัญไรหนักแผ่นดินอย่างพวก ...
เมื่อศาลในพนมเปญพิพากษาจำคุกคนไทยศิวรักษ์ ชุติพงษ์ 7 ปีและปรับ 10 ล้านเรียลมีข้อน่าสังเกตว่าไม่เคยปรากฏว่ากำหนดการการบินเข้า-ออกเขมรถือเป็นความลับมาก่อน สมาชิกสหประชาชาติทุกประเทศไม่มีใครบ้าบัญญัติกฎหมายระบุถึงการเดินทางเข้า-ออกประเทศของบุคคลสำคัญเป็นความลับในราชการ เขมรก็คงฉาวทั่วโลกและอาจถูกขับออกจากสหประชาชาติได้ง่ายๆ ในคำพิพากษามีแค่คำกล่าวกว้างๆ อย่างเลื่อนลอย อัยการและทนายจำเลยจะต้องนำสืบให้ศาลทราบว่าการได้มาซึ่งข้อมูลเป็นภัยต่อความมั่นคงของเขมรอย่างไร ทนายคนใหม่ของศิวรักษ์ทำแค่ตามความต้องการของผู้มีอำนาจรัฐในระบอบเผด็จการของเขมร ความช่วยเหลือจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยแต่ต้นถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลเขมรได้ข้อมูลมากล่าวโทษศิวรักษ์โดยทางมิชอบด้วยการดักฟังโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของรัฐสภาไทยและองค์กรเอกชนที่ทำงานส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในไทยไม่ควรนิ่งเฉยในเรื่องนี้ ในคำพิพากษาศาลเขมรมีข้อความอยู่ท่อนหนึ่งที่น่าสนใจ "พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นคนของรัฐบาลเขมร ดังนั้นจึงย่อมต้องมีพันธะคุ้มครองชีวิต"
วิงวอนให้ศิวรักษ์ตั้งสติก่อนสตาร์ทด้วยเหตุและผลลองคิดก่อนจะไปแสดงอาการโมโหโกธาใครต่อใคร ไม่มีใครว่าศิวรักษ์ต้องรู้เห็นเป็นใจในการจัดฉาก น่าเห็นใจและน่าสงสารอย่างยิ่งที่ศิวรักษ์ก็ต้องมาเป็นเหมือนบรรดาวีดีโอคลิปแอบถ่าย นักวิชาการและชาวบ้านหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ไว้ตั้งหลายประเด็น ศิวรักษ์จะนึกสงสัยหรือไม่ว่าทำไมแม่ของตนจึงไม่ยอมประกันตัวศิวรักษ์ไม่ต้องนอนอยู่ในที่คุมขังระหว่างการต่อสู้คดีกระทรวงการต่างประเทศของไทยพยายามดำเนินการให้แล้วด้วย ถ้าคุณเป็นพ่อ-แม่แล้วลูกถูกจับในเขมรคุณจะรีบประกันตัวลูกหรือไม่ ทำไมรัฐมนตรีของเขมรต้องมาต้อนรับดูแลพาคุณไปเยี่ยมลูกในเรือนจำ ทำไมผู้นำเขมรจับได้ว่ามีสายลับที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของเขมรจัดงานต้อนรับอดีตผู้นำประเทศของสายลับและจัดพิธีส่งตัวกลับให้ยิ่งใหญ่ คุณควรมีท่าทีเช่นไรกับคนที่คิดทำร้ายนายใหญ่ของคุณ ทำไมคุณถึงจะต้องยินดีและเต็มใจช่วยเหลือคนที่คิดทำร้ายนายใหญ่ของคุณให้พ้นคดีอย่างเต็มที่
แรกที่ศิวรักษ์ถูกเขมรจับนางสิมารักษ์ ณ นครพนมเปญแม่ของจารชนคร่ำครวญว่าลูกชายเป็นหอบหืดและเกรงว่าจะหยุดหายใจตายเสียในคุกเขมร พ่อของจารชนที่เสียชีวิตไหลตายเพราะโรคนี้เช่นกัน แม่ของจารชนผู้นี้ร่ำร้องให้นายตักขี้ กินชะมัดใช้ความสัมพันธ์ที่สนิทแน่นแฟ้นเป็นพิเศษกับสมเสร็จฮุนเซนช่วยเหลือให้ปล่อยตัวนายจารชนศิวรักษ์ ด้วยความช่วยเหลือของ ส.ส.และผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยแม่ของจารชนผู้นี้ได้รับการประสานให้ไปพบจารชนแพะได้ ฮุนเซนส่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกไปคอยดูแลต้อนรับแม่ของจารชนเป็นอย่างดี แม่ของจารชนเริ่มร้องกับพรรคเพื่อทุยจะไปเขมรๆโดยไม่ต้องการพึ่งพาความช่วยเหลือของกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่แม่ของจารชนตำหนิว่าทำงานล่าช้า อ้างว่าเพราะเกรงใจกระทรวงการต่างประเทศของไทยก็เลยมาแถ ลงว่าเลยจะให้พรรคเพื่อทุยช่วยเหลือแทนและขอบคุณฮุนเซนที่ได้จับลูกจารชนอย่างศิวรักษ์ไว้อีก แต่พอรัฐบาลไทยจะยื่นขอประกันตัวจารชนคนนี้ออกมาก็ปรากฏผู้เป็นแม่กลับขอให้รัฐบาลไทยถอนประกันโดยไม่เกรงว่าลูกชายจะหยุดหายใจหรือเสียชีวิตในคุกแค่ต้องการขอพระราชทานอภัยโทษเพียงอย่างเดียวระหว่างรอผลคำตัดสินคดีโดยไม่ยื่นอุทธรณ์ ทั้งพรรคเพื่อทุย พลพรรคเสื้อแดง อดีตนายกฯหน้าปลาตีนและนายตักขี้ กินชะมัดต่างดูแลแม่ของจารชนอย่างดีเยี่ยม ออกข่าวใหญ่โต ผู้เป็นแม่ได้ขอเปลี่ยนตัวทนายความมาเป็นทนายที่ตนเองก็ไม่เคยพบ แทนทนายที่รัฐบาลไทยช่วยจัดหาทนายสิทธิมนุษยชนระดับแนวหน้าในเขมรซึ่งมีความกล้าต่อกรกับฮุนเซนอย่างนายเกา โสภา และออกค่าใช้จ่ายให้ด้วยอีกต่างหาก ทั้งสิมารักษ์และโฆษกพรรคเพื่อทุยจึงให้สัมภาษณ์เหมือนล่วงรู้คำพิพากษาล่วงหน้าก่อนคำตัดสินของศาลหลายวันและได้เตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ แม่วิศวกรไทยระบุว่าจากนี้คงไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้ว อยากวิงวอนขอความช่วยเหลือจากนายตักขี้ กินชะมัด อดีตนายกฯหน้าปลาตีนรวมทั้งพรรคเพื่อทุยให้ช่วยศิวรักษ์ให้ได้รับอิสรภาพในเร็ววันโดยขอให้ดำเนินเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้ จู่ๆพอศิวรักษ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษทั้งแม่ของจารชนและโฆษกพรรคเพื่อทุยกลับไปยื่นหนังสือกับสถานทูตเขมรในประเทศไทยไม่ทัน แถมฮุนเซนส่งมอบตัวจารชนให้กับแม่ด้วยตนเองแถมยังให้ทำงานที่เดิมได้อีก แถมยังทำพิธีปล่อยศิวรักษ์เหมือนพิธีปล่อย-ไถ่ชีวิตโค-กระบือตามงานวัดไม่ผิดเพี้ยน แม่ของจารชนยังออกมายืนยันไม่ขอรับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องให้เลขานุการเอกสถานเอกอัครราชทูตไทยในเขมรออกมารับผิดชอบอีก
หากนายกรัฐมนตรีอย่างฮุนเซนเป็นคนมีเหตุมีผล ไม่กลับกลอก นางสิมารักษ์ เป็นคนรักลูก ห่วงลูก พลพรรคเพื่อทุยเป็นผู้จงรักภักดีกับนายตักขี้และมีเหตุมีผล อดีตนายกฯหน้าปลาตีนอดีตผบ.ทบ. ผู้รักชาติบ้านเมืองไม่เลอะเทอะและนายตักขี้ กินชะมัดก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีผู้หวังดีต่อประเทศไทย คนไทยตาแดงๆอย่างเราก็จะเห็นว่าเหตุการณ์ข้างต้นนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ยกเว้นแต่ว่าทั้งหมดที่เห็นและเป็นไปมีบทมีตอน ให้ตัวละครหลักคือสิมารักษ์ ณ นครพนมเปญเป็นตัวหลักในการเดินเรื่อง นพดล ปัสสาวะ 'เด็ดพี่พร้อมพงศ์เป็นตัวประกอบหลักเพื่อเสริมบทและแย่งซีนชิงบทกันเอง มีฮุนเซน - อดีตนายกฯหน้าปลาตีน - นายตักขี้ กินชะมัดเป็นตัวประกอบและผู้ผลิตรายการอยู่หลังฉากโดยความช่วยเหลือของอีแดง ซาลาเปาที่ลึกซึ้งกับสามารถฯต้นสังกัดของ cats ทั้งหมดทำให้ลูกชายของนาง ณ นครพนมเปญติดคุกฟรีหลายวันแถมมีประวัติอาชญากรรมติดตัวไปตลอดชีวิต ทั้งๆที่พ่อของศิวรักษ์เคยมีบุญคุณกับนายตักขี้ กินชะมัดสมัยที่ยังวิ่งขายหนังในต่างจังหวัด นายตักขี้ กินชะมัดทำเช็คเด้งเป็นว่าเล่นแต่สุวิทย์กลับช่วยหานายทุนมาต่อลมหายใจให้นายตักขี้ กินชะมัดโดยที่ไม่เคยทวงบุญคุณ
ส่วนใหญ่พนักงานไทยที่ทำงานใน CATS จะมีอายุ 50 ปีขึ้น ศิวรักษ์เป็นเพียงพนักงานในระดับหัวหน้างานที่มีอายุน้อยที่สุดแค่ 30 ต้นๆ แข็งแรง เล่นแบดมินตันและชอบย่ำราตรี ศิวรักษ์จึงโดนเลือกที่จะเป็นเหยื่อโดยที่ตัวเองอาจจะไม่รู้หรือรู้เรื่องเกมการเมืองครั้งนี้ ชาวบ้านเขารู้กันทั่วว่าสิมารักษ์ ณ นครพนมเปญเป็นแกนนำเสื้อแดงคนหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ดังนั้นชื่อของสิมารักษ์ต้องอยู่ในแถวหน้าอยู่ในมือของผู้บริหารพรรค ตั้งแต่วันแรกที่ศิวรักษ์โดนจับ จนถึงวันนี้นางแสดงหลายบทบาทแต่ละตอน ตั้งแต่แม่ที่รักลูกจนถึงบทนางมารร้ายที่ยอมให้ลูกชายติดคุก สามารถกับชินขอบแข่งขันกันมานาน นานจนสามารถรู้ว่าคงไม่สามารถสู้กับเหลี่ยมทางธุรกิจและอำนาจของนายตักขี้ กินชะมัดจึงไม่แข่งขันในธุรกิจ หลบไปรับสัมปทานจากรัฐบาลในงานที่ชินขอบไม่ถนัด ส่วนในเขมรนั้นใครก็ตามที่ต้องการได้สัมปทานต้องเข้าถึงตัวผู้นำ มีความสามารถในการจ่ายเงินใต้โต๊ะอย่างมหาศาล โดยในช่วงที่สามารถฯได้สัมปทานงานควบคุมการจราจรทางอากาศในเขมรดป็นจังหวะที่นายตักขี้ กินชะมัดกำลังมีปัญหากับรัฐบาลฮุนเซน สามารถจึงได้สัมปทาน ฮุนเซนก็รู้ว่าการบริหารการจราจรทางอากาศสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล ทำไมจะต้องให้รายได้ส่วนนี้ตกอยู่ในมือคนอื่นและหาทางที่จะยึดสัมปทานงานจราจรทางอากาศคืนแล้วจะให้ลูกสาวเข้าดำเนินการแทน รายได้อันมหาศาลต่อเดือนย่อมทำให้ฮุนเซนน้ำลายไหลย้อยได้โดยง่าย ส่วนสามารถเองก็ยังมีธุรกิจอื่นพอเลี้ยงตัวต่อไปได้อีกจึงจำต้องยอม ยอมเข้าร่วมการเล่นละคร ยอมเสียพนักงานเพื่อความอยู่รอด
นาง ณ นครพนมเปญมีความซื่อสัตย์และความจริงใจอย่างน่าชื่นชม แต่ถ้าความซื่อสัตย์และความจริงใจนั้น นาง ณ นครพนมเปญเปลี่ยนจากนายตักขี้ กินชะมัดและจิ๋วอดีตนายกฯหน้าปลาตีนมาเป็นประเทศไทยแล้วเมื่อนั้นประเทศไทยคงเบาตัวขึ้นอีกเยอะ ลูกชายไม่ได้ผิด แต่แม่คนนี้ไม่เคยแสดงความเชื่อมั่นในสิ่งถูก - ไม่เคยแสดงความจริงใจที่จะพยายามพิสูจน์ - อ้างความรักของแม่ที่มีต่อลูกขึ้นเหนือความผิด-ถูก-ศักดิ์ศรี - ยอมทุกอย่าง อะไร-แบบไหนได้ทั้งนั้น เพียงขอให้ลูกพ้นคุกเป็นใช้ได้ - ใครเลยจะเชื่อว่าชีวิตจริงคนเราจะถูกนำมาล้อเล่นสามารถสร้างเป็นละคร(ลวงโลก)ทั้งผู้สร้างและผู้แสดงเล่นไม่สมบทบาทอย่างแรง สิมารักษ์ ณ นครพนมเปญระบุใครจะเอาลูกชายไปเป็นตัวประกันเพื่อแลกข้อเสนออะไรบางอย่างทั้งย้ำชัดถ้อยชัดคำว่า “เอาลูกไปติดคุกเพื่ออะไรแค่คิดก็ถือว่าเลวสุดๆแล้ว" ในระหว่างที่ละครเรื่องนี้ค่อยๆดำเนินและพัฒนาเนื้อเรื่องอย่างต่อเนื่องแล้วสิ่งที่ดูจะผิดหูผิดตาซึ่งเสมือนเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่หากใครมองข้ามก็จะมองไม่เห็นจุดผิดสังเกตตรงนี้ ยอดคุณแม่ทาเล็บ - ทาตาด้วยสีที่เข้ากับเสื้อผ้าทุกชุดเลยนี่ขนาดลูกติดคุกอยู่เห็นๆ ความสวยสะพรั่งและไฮโซโก้หรูที่แม่ของจารชนซึ่งเป็นครูชำนาญการณ์พิเศษวิทยาลัยเทคนิคนครราชสีมาปรากฏเด่นชัดขึ้นทุกวันผ่านทางเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอางค์หรือแม้กระทั่งเครื่องประดับที่ล้วนแล้วแต่มียี่ห้อและเป็นของแบรนด์เนมชื่อดังจากต่างประเทศ ข่าวว่านี่เพิ่งจะถอยแคมรี่ป้ายแดงมาใหม่ไม่นานมานี้เอง คงเอาชีวิตลูกติดคุก 32 วันไปแลกมานั่นเองไอ้ที่หลุดนั่นไม่ได้พ้นผิดแต่เพราะได้รับการอภัยโทษ ความผิดติดตัวลูกไปทั้งชีวิตยังไง่อยู่อีก ลูกชายนอนคุกเขมรเป็นเดือนๆแล้วออกมาหน้าตาผ่องใส แก้มยุ้ยเป็นพวงเชียว
16 พย. 2009 ชุดสไบเฉียง เธอคือแม่พิมพ์ของชาติ
17 พย. 2009 ชุดลายจุดพร้อมมือถือ เธอมาในมาดเซลขายประกันที่เร่งปิดยอดเป็นการด่วน
1 ธค. 2009 ชุดชมพูคว้านคอ เธอมาในชุดงานหมั้นก่อนวิวาห์เป็นที่เสน่หาของคู่หมั้นยิ่งนัก
7 ธค. 2009 ชุดดำทมึน เธอเปลี่ยนบทมาเป็นเจ้าแม่แห่งหนังฮ่องกงที่ต้องเร่งรีบขึ้นเครื่องบินไปดูงานในต่างประเทศ
8 ธค. 2009 ชุดม่วงลายดอก เธอเปลี่ยนเป็นบทแม่ที่แสนอาภัพที่ลูกน้อยถึงคราวเคราะห์ช่างน่าสงสารยิ่งนัก
11 ธค. ถึงปัจจุบัน ชุดพร้อมเครื่องประดับแบรนด์เนม เธอได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ
'เด็ดพี่โฆษกพรรคเพื่อทุยไปยื่นหนังสือที่กระทรวงการต่างประเทศเรียกร้องในคุณกษิตและนายคำรบแสดงความรับผิดชอบโดยให้ลาออกจากตำแหน่งสอดรับกับที่นาง ณ นครพนมเปญที่พุ่งเป้าไปที่นายคำรบ "ถ้านายคำรบไม่โทรศัพท์ไปหาลูกชายเขา นายศิวรักษ์ก็ต้องไม่มีวันนี้" คล้ายต้องการประจานว่าประเทศไทยโจรกรรมข้อมูลลับผ่านนายคำรบฉะนั้นทั้งนายคำรบก็ดี คุณกษิตก็ดีต้องรับผิดชอบ คุณกษิตก็อย่าอยู่เฉยๆสมควรลงโทษให้นายคำรบขึ้นเป็นตำแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิมในประเทศเกรดเอแล้วอย่าเอาเขาไปวางในประเทศถ่อยๆแบบนั้นอีก เข้าใจอะไรผิดกันหรือเปล่านี่ว่าไม่แปลกเลยเลยที่นายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชยจะโทรสอบถามตารางการบินกับศิวรักษ์ ถ้าเลขานุการทูตเอกบกพร่องต่อภาระหน้าที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ-ประชาชนไทยที่ไม่เอาใจใส่ปล่อยปละให้นายตักขี้ กินชะมัดเข้าเขมรแล้วมีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานทั้งภาพ-ทั้งข่าวไปทั่วโลกโครมๆอย่างนี้ต่างหากที่'เด็ดพี่พร้อมพงศ์ควรทำหนังสือยื่นให้กระทรวงการต่างประเทศรีบไล่นายคำรบออกไปเลย ส่วน'เด็ดพี่(ทิ้งไป)นั้นรอรับการตรวจได้เลยเพราะการได้ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยโดยพรรคเพื่อทุยจากการดักฟังโทรศัพท์ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งของไทยและของเขมร ยิ่งนายตักขี้ กินชะมัดออกพูดเองว่ารู้เรื่องโทรศัพท์ เข้า-ออก สถานทูตไทยในเขมร รัฐบาลไทยจะต้องมีการตรวจสอบต่อไปเพราะเรื่องดักฟังการสนทนาโทรศัพท์ของสถานทูตไทยถือว่าละเมิดอธิปไตยของไทย
" ดังนั้นเหตุที่เขมรยุติคดีนี้และมีการให้อภัยโทษอย่างเร็วนั้น ผมตั้งข้อสังเกตว่าเขมรต้องรีบจบเรื่องดังกล่าวเพราะกลัวว่าฝ่ายไทยจะจุดประเด็นเรื่องการดักฟังโทรศัพท์ขึ้นมาโจมตีซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายที่ดักฟังข้อมูลในสถานทูตประเทศอื่น" อดีตผอ.กอง 2 ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กล่าว
นาง ณ นครพนมเปญยังแถย้ำไม่รู้จักนายตักขี้ กินชะมัดมาก่อนและศิวรักษ์เองก็ไม่สบายใจที่พ่อโดนคุ้ย มีแต่คนชื่นชมที่ผัวเธอเคยช่วยนายตักขี้ กินชะมัดเรื่องธุรกิจแล้วยังถูกนายตักขี้ กินชะมัดมันเบี้ยวหนี้ รู้ทั้งรู้ว่าลูกต้องมานอนคุกแล้วลำบากทำไมไม่ประกันตัวลูกชายเล่าตัว ส่วนเรื่องอดีตนายกฯหน้าปลาตีนที่เธอบอกว่าไม่รู้จัก แต่อ้ายส.ส.เพื่อทุยมันบอกว่าเธอเคยช่วยงานการเมืองอดีตนายกฯหน้าปลาตีนไม่ใช่หรือ
สมรังสีผู้นำฝ่ายค้านที่กำลังลี้ภัยฮวยเซ็งในต่างประเทศระบุว่าฮุนเซนกำลังเล่นกับไฟเพิ่มความตึงเครียดยั่วยุไทย เหตุการณ์การจับกุมศิวรักษ์เป็นTheater Playsที่เตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบหวังคะแนนนิยมของทั้งฮุนเซนเองกับพรรคเพื่อทุย "ท่านกำลังพูดว่า การจับกุมกับการอภัยโทษเป็นการสมรู้ร่วมคิดกัน?" พิธีกรสโรชาถาม
สส.พรรคเพื่อทุยแบไต๋ส่งสัญญาณว่าเขมรขอคืนดีในความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเขมร ในเมื่อกษัตริย์เขมรยังใจกว้างพระราชทานอภัยโทษให้แล้วทำไมพระมหากษัตริย์ไทยถึงไม่นิรโทษกรรมให้กับนักโทษชายหนีคดีบ้างเล่า การที่พรรคเพื่อทุยและคนเสื้อแดงพยายามเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่ทุกวิถีทางเพื่อให้พ้นคดีทุจริตนั้น ทั้งดูองค์ประกอบและพฤติกรรมการกระทำของผู้ที่จะร้องขอทำเรื่องขออภัยโทษ หากนักโทษผู้นั้นยังไม่สำนึกในความผิดที่ทำขึ้นและยังคงจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ปลุกปั่นให้คนในชาติเกิดความแตกแยกสามัคคี ก็คงจะไม่มีใครที่คิดจะขอพระราชทานอภัยโทษให้กระมัง
"ณ เมืองลุง" ได้เขียนเรื่อง "ความจริงที่เราควรรู้ว่าทักษิณมาเขมรทำไม" ลงในบล็อกโอเคเนชั่น http://www.oknation.net/blog/kongplod แค่ต้องการชี้ให้เห็นว่าหากเรานำเรื่องราวทั้งหมดมาปะติดปะต่อกัน การมาของนายตักขี้ กินชะมัดเป็นฮีโร่มาทำพิธีปล่อยเต่า ... เอ้อ ... ปล่อยตัวศิวรักษ์เองที่เขมร คนอย่างนี้ คนผู้ซึ่งได้ไปอยู่ที่ไหน...ฉิบหายที่นั่นไม่น่าจะคิดเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว มันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้นแน่นอน หรือนายตักขี้ กินชะมัดไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ไม่มีที่ไป เพราะพื้นที่ให้เคลื่อนไหวก็เหลือน้อยเหลือเกิน คงจะมีเพียงแต่ เพื่อนชั่ว.........นิรันดรอย่างฮุนเซนนี่เองที่ยังพอจะพึ่งพาได้
เป้าหมายสำคัญที่แท้จริงมีอยู่ 2 ประการ คือ บ่อนทำลายรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศของไทย และ ชูภาพ นักโทษชายหนีคุกอย่างนายตักขี้ กินชะมัดและพรรคเพื่อทุยให้เป็นฮีโร่ เป็นการมุ่งเป้าที่แยบยลกะจะยิงนัดเดียวได้นกทั้งท้องฟ้า ปรากฏว่า ไอ้การดักฟังโทรศัพท์การสนทนาของ 2 หนุ่มสุดซวยนั่นเป็นการจารกรรมเสียเอง และยังเป็นการทำผิดกฎหมายทั้งระหว่างประเทศและในประเทศอีก เจ้าตัวที่ถูกดักเองก็รู้แต่แทนที่พรรคเพื่อทุย ศิวรักษ์ และ สิมารักษ์ ณ นครพนมเปญจะคำนึงถึงความเป็นคนไทยซึ่งแทนที่จะต้องปกป้องเกียรติภูมิชื่อเสียงของแผ่นดินเกิดของตัวเองกลับจะมาขยายผลให้เรื่องบานปลายและเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อทำลายบ้านตัวเอง คณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนฯเองก็แร้ง...แรง ทำตัวเป็นคนในรัฐสภาเขมรเสียอย่างนั้น สงสัยว่านายคำรบกระทำการเองจริงหรือไม่หรือมีไอ้โม่งที่ไหนสั่งการหรือไม่และไอ้โม่งที่ว่ากินเงินหลวงอยู่หรือไม่หรือเป็นคนนอกราชการ ทั้งคนในพรรคเพื่อทุย แพะ คนในกรรมาธิการ และ แม่แพะ ณ นครพนมเปญพวกนี้สมควรถูกตราหน้าว่าพวกกายเป็นไทยแต่ใจเป็นเขมรซึ่งคนที่ทำได้แม้กระทั่งชักศึกเข้ามาเผาบ้านตัวเองเช่นนี้ต้องใช้คำว่าชั่วเกินจินตนาการ
การแก้ไขปัญหาให้ได้ผลนั้น-ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ต้นตอของปัญหาความสัมพันธ์ไทย-เขมรมาจากการที่ผู้นำรัฐบาลเขมรเป็นฝ่ายที่เลือกดำเนินการแทรกแซงกิจการภายในของไทยและดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของไทยซึ่งเริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2552 ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในประเทศไทยและต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)