08 พฤศจิกายน 2551

มั่นคงของชาติ / Thailand Security (No english version)

คนใดใช้ชื่อไทยอยู่ กายก็ดูเหมือนไทยด้วยกัน
ได้อาศัยโพธิทองแผ่นดินของราชันย์ แต่ใจมันยังเฝ้าคิดทำลาย
คนใดเห็นไทยเป็นทาส ดูถูกชาติเชื้อชนถิ่นไทย
แต่ยังฝังทำกินกอบโกยสินไทยไป เหยียดคนไทยเช่นทาสของมัน
คนใดยุยงปลุกปั่น ไทยด้วยกันหวังให้แตกกระจาย
ปลุกระดมมวลชนให้สับสนวุ่นวาย เพื่อคนไทยแบ่งฝ่ายรบกันเอง

*=*=*หนักแผ่นดิน คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน *=*=*

-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

บทสรุปอย่างง่ายในการจัดงานที่สนามกีฬาราชมังคลาฯที่ใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมหาศาลนั้นก็เพื่อ       
       1. สร้างภาพทั้งในประเทศและต่างประเทศว่ามวลชนยังรักในตัวนักโทษหนีอาญาแผ่นดินคนนี้อยู่       
       2. แก้ตัวสร้างภาพใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรม เสมือนว่าตัวเองเป็นคนดีที่ถูกรังแกอย่างน่าสงสาร และ
       3.ส่งสัญญาณว่าต้องการกลับมาเมืองไทยโดยเร็วแบบไม่ต้องติดคุกตะราง 
คำกล่าวที่ว่าไม่มีใครนำผมกลับประเทศได้นอกจากพระบารมีที่ทรงเมตตา “หรือ” ไม่ก็พลังของพี่น้องประชาชนเท่านั้น     ถ้าน.ท.ช.ทักษิณหวังจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่ตัวเองกลับไม่มีความสำนึกว่าตัวเองได้ทำผิดแม้แต่น้อย แล้วจะขอพระราชทานอภัยโทษได้อย่างไร?  น.ท.ช.ทักษิณยังไม่ได้ติดคุกจริงๆ ตามโทษที่ได้รับแม้แต่คดีเดียวอีกทั้งยังมีคดีที่ยังไม่สิ้นสุดอีกมากที่กำลังรอการกลับมาของน.ท.ช.ทักษิณเพื่อพิสูจน์ตัวเองซึ่งไม่สามารถพระราชทานอภัยโทษล่วงหน้าได้    ประการสำคัญที่สุดปัญหาของน.ท.ช.ทักษิณและพวกกำลังยกระดับปัญหาของตัวเอง ให้กลายเป็น “ปัญหาความมั่นคงของชาติ” เพราะกำลังสั่นคลอนและท้าทายต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งศาลเป็นหนึ่งในสามอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย ที่พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นตามมาตรา 3 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 

บทบาทของสตช.ที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสงสัยมาตลอดถึงความเป็นรัฐตำรวจรับใช้ใต้อุ้งเท้าระบอบทักษิณตั้งแต่ยุคระบอบทักษิณเรืองอำนาจมาจนถึงขณะนี้โดยมีการถ่ายเลือดแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจที่รับใช้ระบอบทักษิณเข้าไปยึดกุมตำแหน่งสำคัญในสตช.จนหมดสิ้น  จึงไม่แปลกที่ผลงานโบดำอีกชิ้นหนึ่งของสตช.ภายใต้ยุครัฐตำรวจก็คือ การปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณในเหตุการณ์ 7 ตุลาทมิฬที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีกเกือบ 500 ราย โดยที่ไม่ได้มีการหารือกองทัพแม้แต่น้อย  ดังนั้นการที่คณะกรรมการของสตช.รีบฟันธงว่าน.ท.ช.ทักษิณไม่ผิดกรณีโฟนอินจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร แต่ที่ทำให้ผู้คนทั่วบ้านทั่วเมืองเคลือบแคลงก็คือก่อนหน้านี้กองทัพเพิ่งจะแถลงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าคำพูดโฟนอินของน.ท.ช.ทักษิณบางตอนเป็นเรื่องมิบังควรเพราะเหมือนเป็นการกดดันสถาบันเบื้องสูง เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าผลสรุปของคณะกรรมการรัฐตำรวจสวนทางกับจุดยืนของกองทัพอย่างสิ้นเชิง ทำให้เกิดข้อสังเกตว่าหรือรัฐบาลหุ่นเชิดระบอบทักษิณกำลังใช้กองทัพตำรวจเพื่องัดข้อคานกับกองทัพทหารเหมือนที่เคยเกิดมาแล้วในอดีต 

แต่พันธมิตรฯ ไม่สามารถเป็นผู้เปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐด้วยตัวเองได้! ทั้งๆที่ได้ชุมนุมยึดทำเนียบรัฐบาลยืดเยื้อมาเป็นเวลา 6-7 เดือนนี้แล้ว รัฐบาลก็หน้าด้านบริหารประเทศย้ายสำนักงานและทำงานต่อไปได้ ชุมนุมหน้ารัฐสภาเพื่อคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาลก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน จนแขนขาขาด บาดเจ็บ และล้มตายลง ดังที่ปรากฏ และรัฐบาลก็ยังหน้าด้านทำงานต่อไปอีก    พันธมิตรฯ จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้ด้วยตัวเองเพียงลำพัง ยกเว้นว่าจะจับอาวุธขึ้นสู้ฟาดฟันยึดอำนาจรัฐด้วยตัวเอง หรือสามารถชุมนุมขัดขวางการทำงานของรัฐบาลโดยฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอาวุธคอยให้การสนับสนุนและไม่ยับยั้งการขัดขวางการทำงานของรัฐบาลนั้นซึ่งดูจากผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้สูงวัยแล้ว   แนวทางนี้จึงย่อมเป็นไปได้ยาก   นอกเสียจากว่ามียุทธวิธีปาฏิหาริย์ที่ทำให้ข่าวสารการชุมนุมของพันธมิตรฯ หรือการจัดรายการของ ASTV ผ่านทางอินเตอร์เน็ต (mms://broadcast.manager.co.th/11news1?wmcontentbitrate=120000) คลื่นดาวเทียม คลื่นวิทยุ 97.75 (http://www.managerradio.com/) ที่มีพันธมิตร 98.25 และ 99.25 กระจายไปทั่วประเทศทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์เพิ่มมากขึ้นอย่างฉับพลันจนประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลือกตั้งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้อีกช่นกัน    ในช่วงระยะเวลานี้ คน 3 กลุ่มต่างหาก ที่จะเป็นตัวจริงในการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้โดยตรง คือ กลุ่มนักการเมือง, กลุ่มตุลาการ, และกลุ่มทหาร
       
       1. เปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐด้วยกลุ่มนักการเมืองมีทางเลือกในการ พลิกขั้ว, ลาออก, ยุบสภาฯ ซึ่งทั้ง 3 แนวทางที่ว่านี้ เป็นการชะลอบรรยากาศความร้อนแรงทางการเมืองเป็นการชั่วคราว แต่ถ้าการเลือกตั้งยังคงปล่อยให้มีการโกงและใช้เงินเป็นใหญ่ภายใต้ระบบที่เป็นอยู่นี้ การเมืองไทยก็จะกลับมาสู่วังวนที่เป็นวิกฤตเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิมในที่สุด
       
        2. เปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐด้วยกลุ่มตุลาการ ศาลสถิตยุติธรรม สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้เหมือนกันด้วยการเร่งรัดคดีทุจริต และเร่งรัดคดีที่กระทำผิดกฎหมายของนักการเมืองทั้งหลาย ตลอดจนการยุบพรรคการเมืองที่โกงการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามขบวนการวิ่งเต้น ติดสินบน หลบ หลีก และหนี การลงโทษทางการเมืองของระบอบทักษิณ ก็สามารถเกิดซ้ำได้อีกผ่านนักการเมืองและพรรคการเมือหุ่นเชิดดังที่ได้เคยทำกันมาแล้ว และอาจทำให้คดีที่คั่งค้างอยู่ไม่สามารถส่งถึงการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้และหากการเมืองยังคงเป็นอย่างเดิมต่อไป แทนที่จะเกิดการเปลี่ยนอำนาจรัฐโดยตุลาการ ก็อาจจะกลับกลายเป็นการลดอำนาจตุลาการโดยกลุ่มการเมือง ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรม ซึ่งก็ไม่สามารถทำให้บ้านเมืองได้พ้นจากวิกฤตอยู่ดี       

       3. เปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐด้วยทหารไม่ว่าจะมีกฎหมายรองรับหรือไม่ก็ตาม หรือจะร่วมกับประชาชนในการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐหรือไม่ก็ตาม    การรัฐประหารคือการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐอย่างฉับพลันและรวดเร็วแต่ก็ยังมีความเสี่ยงว่าอาจจะทำไปเพื่อเอื้อต่อระบอบทักษิณก็ได้หรืออาจจะเข้ามาเพื่อใส่เกียร์ว่างก็ได้หรืออาจจะเข้ามาเป็นเผด็จการทหารที่แสวงหาประโยชน์ให้ตัวเองและพวกพ้องก็ได้หรืออาจจะเข้ามาปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐด้วยทหารนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือผลประโยชน์ส่วนตน 

“เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” คือคำขวัญของกองทัพและทหารมีหน้าที่พิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550  แต่จากคำสัมภาษณ์ของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาย้ำอยู่เสมอว่าจะไม่ทำรัฐประหารโดยอ้างว่านักธุรกิจ นักวิชาการ และชาวต่างชาติไม่ยอมรับซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย      พล.อ.อนุพงษ์มักจะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเป็นประจำว่าตัวเองไม่มีอำนาจทางกฎหมาย มีข้อจำกัดทางกฎหมาย จึงอ้างว่าทำหน้าที่ได้เพียงแค่เป็นผู้ช่วยพนักงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและส่งคดีความดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีเท่านั้น       ไม่น่าเชื่อว่าพล.อ.อนุพงษ์ผู้ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกทำได้เพียงแค่นี้เองหรือ? ในยุคที่ได้รับงบประมาณจากภาษีของประชาชนในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มากที่สุด   ทหารจะทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยพนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รอการร้องขอจากตำรวจเท่านั้นได้อย่างไร ยิ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคู่กรณีถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองให้มาเข่นฆ่าประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯอย่างโหดเหี้ยม? จะให้คนไทยที่ใช้สิทธิในการชุมนุมเพื่อปกป้องราชบัลลังก์และผลประโยชน์ของชาติล้มหายตายจากอีกกี่คน จากน้ำมือของอันธพาลและตำรวจของรัฐบาล  

ในโลกแห่งความจริงกองทัพมี “หน้าที่” ของทหาร ตามมาตรา 77 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่บัญญัติเอาไว้ว่า
              “รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งอำนาจรัฐ และต้องจัดให้มีกำลังทหาร ยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจำเป็นและเพียงพอ เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช อธิปไตย ความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเพื่อการพัฒนาประเทศ” 
ผู้นำเหล่าทัพและกองทัพจึงจะรู้สำนึกในหน้าที่พิทักษ์ความมั่นคงของรัฐ และผลประโยชน์ของชาติ   ผู้นำเหล่าทัพและกองทัพย่อมได้รับผลเสียหายต่อเกียรติภูมิอย่างใหญ่หลวงเมื่อผู้นำเหล่าทัพโดยเฉพาะอย่างยิ่งพล.อ.อนุพงษ์ผู้บัญชาการทหารบกที่ได้ประกาศออกทางโทรทัศน์ส่งสัญญาณให้นายกรัฐมนตรีลาออกเพราะสังคมไม่สามารถยอมรับรัฐบาลที่อยู่บนกองเลือดของประชาชน แล้วนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกและไม่มีอะไรเกิดขึ้น   เอาเฉพาะร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้ส่งเข้ามาบรรจุเข้าวาระการประชุมของสภาฯ ก็เห็นแล้วว่ามีการเตรียมความพร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง ทั้งมาตรา 190, 237, 68 และ 309 อีกทั้งยังไม่รองรับสถาบันองคมนตรีที่เป็นพระราชอำนาจโดยตรงของพระมหากษัตริย์อีกด้วย กองทัพกลับมองเฉยๆ แล้วบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร? ตอนนี้ดูเหมือนว่ากองทัพเพิ่งจะตื่นจากภวังค์ ทำหน้าที่ได้เพียงแค่พูดเตือนกลุ่มที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีกับแกนนำและแนวร่วมของกลุ่ม “นรกป่วนชาติ” (นปช.) และวิทยุชุมชนที่จาบจ้วงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นหรือ? ทั้งๆ ที่นายจักรภพ เพ็ญแข ยังคงลอยนวลต่อไปด้วยการโอบอุ้มจากตำรวจระดับสูง นายสุชาติ นาคบางไทร ก็ยังจับไม่ได้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้จัดรายการบนเวทีที่กลุ่มดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ กลายเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของรัฐบาล   ยังไม่นับเว็บไซต์ที่จาบจ้วงจำนวนมากที่ทำกันอย่างเป็นขบวนการโดยปราศจากการสนใจของกองทัพ ที่มักจะอ้างแต่เพียงว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัวเอง ไม่มีกฎหมายรองรับ ทั้งๆ ที่การดูหมิ่นล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นได้ทำกันเป็นขบวนการและให้ท้ายสนับสนุนจากคนในรัฐบาล    ยิ่งถ้าตั้ง ส.ส.ร. 3 โดยฝ่ายรัฐบาลขึ้นมาสำเร็จและนำร่างเหมือนที่รัฐบาลได้เตรียมเอาไว้ผ่านเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาได้สำเร็จจนไปลดโครงสร้างและพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ได้    รัฐบาลและรัฐสภาส่วนตัวของน.ท.ช.ทักษิณก็สามารถออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ความผิดทั้งหลายของน.ท.ช.ทักษิณได้     เช่นกันกองทัพยังสามารถจะคิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของทหารที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์อีกหรือไม่?   พล.อ.อนุพงษ์เคยพูดว่ากองทัพเน้นให้กำลังพลในความเป็นทหารของชาติ เป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในการพิทักษ์ปกป้องและธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ    ในยามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยบ้านเมืองและมีกระแสพระราชดำรัสว่า “บ้านเมืองใกล้ล่มจม เพราะรัฐบาลใช้จ่ายเกินตัว” กองทัพมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็นว่าอะไรคือภัยต่อความมั่นคงของชาติจนถึงขั้นใกล้ล่มจมกันแน่! อย่ามาพูดเลยว่ากองทัพบกไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะดำเนินการใดๆ เอาเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น วิทยุในเครือกองทัพบก และสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในวันนี้นำไปทำมาหากินอิ่มหมีพลีมัน ให้สัมปทาน ให้เอกชนเช่า จำนวนเท่าไร แทนที่จะนำไปใช้เพื่อสร้างจิตสำนึกแห่งความรักชาติเพื่อป้องกันภัยต่อความมั่นคงของชาติที่กำลังถาโถมเข้ามาต่อราชบัลลังก์?  กลับปล่อยให้สถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที บิดเบือนและขย่มทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมอยู่ทุกวัน     ถ้ากองทัพพิทักษ์รักษาหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญไม่เป็น และทำไม่ได้ ก็สมควรพิจารณาสำรวจตัวเองได้แล้วว่ายังคงเหลือศักดิ์ศรีของผู้บัญชาการกองทัพ ทหารเสือพระราชินี และทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไปได้หรือไม่? 

นักวิชาการต่างๆได้แนะทหารให้ใช้ “พ.ร.บ.ความมั่นคง” เพื่อปกป้องสถาบัน-เร่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ยันกองทัพสามารถตั้งกองกำลัง “กอ.รมน.” ที่ประกอบด้วย “ภาคประชาชน-องค์กรสิทธิฯ-นักกฎหมาย” เพื่อดูแลพื้นที่ที่มีการชุมนุมได้ ย้ำชัดหาก “ครม.-นายกฯ” ไม่อนุมัติ ต้องโดนข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง  กองทัพสามารถเข้าไปทำหน้าที่รักษาความมั่นคงทางการเมืองตามมาตรา 77 ในขณะนี้ว่า กองทัพสามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้ โดยใช้ร่างพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (พ.ร.บ.ความมั่นคง) ซึ่งเป็นกฎหมายที่เปิดให้มีการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองอย่างเป็นระบบมาเป็นเครื่องมือเพื่อปกป้องสถาบัน และรักษาความสงบสุขของบ้านเมืองโดยเฉพาะในมาตรา 3 ที่ให้กองทัพสามารถตั้งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาจักร (กอ.รมน.) ได้ ซึ่งทางกองทัพสามารถยื่นขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตั้งกอ.รมน.โดยหน่วยงานที่ว่านี้ จะต้องได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนที่ประกอบด้วย องค์กรสิทธิมนุษยชนและนักกฎหมาย ซึ่งหากทาง ครม. และนายกฯ อนุมัติ ก็สามารถจัดตั้งกองกำลัง โดยทางกองทัพจะต้องทำเรื่องไปขอกองกำลังจากทางตำรวจ เพื่อช่วยกันแบ่งกำลังคุ้มกันในพื้นที่ที่มีการชุมนุมของประชาชน   ส่วนกรณีที่ทาง ครม. และนายกฯ ไม่อนุมัติแล้วทางกองทัพจะทำอย่างไรนั้น    หากว่ากองทัพไม่ได้รับการอนุมัติจากทาง ครม.และนายกฯ แต่ถ้ากองทัพมีข้อมูลหรือมีหลักฐานว่าบ้านเมืองเกิดความไม่สงบสุข ทำให้เกิดความขัดแย้งซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปยื่นกับทางครม.และนายกฯ แต่หากยังไม่ได้รับอนุมัติอีกก็ถือว่านายกฯและครม.ทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ความมั่นคง   เนื่องจากที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลยุติบทบาทหรือไม่ก็ยุบสภาเพื่อไม่ให้รัฐบาลยืดเยื้ออำนาจอีกต่อไป แต่ทางรัฐบาลกลับไม่มีท่าทีที่อ่อนลง ดังนั้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงออกมาเรียกร้องให้ทหารเข้าไปมีบทบาทในสถานการณ์ปัจจุบันว่า กรณีดังกล่าวไม่มีความชัดเจนในเรื่องการเชื้อเชิญให้ทหารปฏิวัติ      อีกทั้งยังคนไทยมิได้อิจฉาคนที่ร่ำรวยเพราะความสุจริตและพร้อมให้อภัยคนที่โกงบ้านกินเมืองหากเขาผู้นั้นสำนึกผิดแล้วคืนของกลางให้แผ่นดิน       แต่โปรดจำใส่หัวไว้ว่าคนไทยไม่นิยมผู้เหิมเกริม หลงลืมตน แยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือบาป บุญ คุณ โทษ ขอให้ทบทวนให้ดีว่าจุดจบของคนจำพวกนี้คืออะไร 

06 พฤศจิกายน 2551

อาลัย และ กำลังใจแด่ …วีรชนคนกล้า 7 ตุลาคม 2551

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ครอบครัว “ระดับปัญญาวุฒิ” เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด ในวันพระราชทานเพลิงศพ 13 ต.ค. 2551 ทรงรับสั่งและชม ว่า ลูกสาวเป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์

รวมข่าวผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ (บางส่วน) จากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม 2551 ที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี สั่งให้ตำรวจนับพันนายเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณรัฐสภา ลานพระบรมรูปทรงม้า และหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 400 คน และเสียชีวิตแล้ว 2 คน
- “สมเด็จพระราชินี” พระราชทานเงิน 1 แสนบาท รักษาพันธมิตรฯ บาดเจ็บ 7 ต.ค. 2551
- "พระราชินี" พระราชทานเงินรพ.รามาฯ รักษาผู้ป่วย 1 แสนบาท 7 ต.ค. 2551
- สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานเงินให้ดูแลผู้ป่วยเพิ่ม 2 แสนบาท 8 ต.ค. 2551
- “พระราชินี” พระราชทานเงินแก่ผู้ป่วยราชวิถี 1 แสน- หมอเผยอาการ “รุ่งทิวา” น่าเป็นห่วง 9 ต.ค. 2551

- สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงชม “น้องโบว์” เป็นเด็กดี ช่วยชาติ ช่วยรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ 13 ต.ค. 2551
- สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระราชทานพวงมาลาวางหน้าศพ “น้องโบว์” 9 ต.ค. 2551
- คำไว้อาลัย แด่ “น้องโบว์” อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ จาก พ่อ แม่ น้อง ญาติและเพื่อนๆ 13 ต.ค. 2551
- อาลัยแด่ “อังคณา” เธอคนนี้จะไม่จางหายจากใจพันธมิตรฯ 8 ต.ค. 2551
- รับศพ “น้องโบว์” ตั้งวัดศรีประวัติ พ่อยกเงินบริจาคให้เอเอสทีวีทั้งหมด ฝากพันธมิตรฯ สู้ต่อ 8 ต.ค. 2551
- “อังคณา” วีรสตรีศรีไทย บทกวีแด่วีรชนผู้ล่วงลับ โดย ภู–ติ–รัก 9 ต.ค. 2551
- ประมวลภาพ หยาดน้ำตาผู้กล้า แด่...วีรชนผู้สูญเสีย 9 ต.ค. 2551
- ชัด ตร.ฆ่าประชาชน แพทย์รามาฯ ชี้ “น้องโบว์” เสียชีวิตจากแก๊สน้ำตาคุณภาพต่ำระเบิด 10 ต.ค. 2551
- ผู้ชุมนุมจุดธูปบริเวณที่เกิดเหตุนองเลือด ส่ง “น้องโบว์” สู่สุคติ 11 ต.ค. 2551
- “อังคณา” วีรสตรีศรีไทย บทกวีแด่วีรชนผู้ล่วงลับ โดย ภู–ติ–รัก 9 ต.ค. 2551


- “อานันท์” เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ “สารวัตรจ๊าบ” 14 ต.ค. 2551
- ญาติพี่น้องเศร้ารอรับศพ “พ.ต.ท.เมธี” - ภรรยาเผยสามีภาคภูมิใจใน “พันธมิตรฯ” มาก 8 ต.ค. 2551
- ญาติรอผล DNA “พ.ต.ท.เมธี” วีรชนผู้กล้าอีกรอบ - เผยจะติด “ธงกู้ชาติ” พธม.รอบวัด 9 ต.ค. 2551
- พันธมิตรฯ ร่ำไห้ ร้อยดวงใจอาลัยแด่ “สารวัตรจ๊าบ” 10 ต.ค.
- มอ.หาดใหญ่แต่งดำจุดเทียนไว้อาลัย 2 วีรชนคนกล้า - จี้ ตร.ต้องรับผิดชอบ 10 ต.ค. 2551
- ‘พ.ต.ท.เมธี’ วีรบุรุษกู้ชาติ บทกวีแด่วีรชนผู้ล่วงลับ โดย ภู–ติ–รัก 14 ต.ค. 2551


- ตี๋ - ชิงชัย อุดมเจริญกิจ ในวันที่มือมิอาจจับพู่กันเขียนภาพ 10 ต.ค. 2551
- “ตี๋-ชิงชัย” เหยื่อรัฐตำรวจชั่ว-สื่อไร้จรรยา 10 ต.ค. 2551
- “เนาวรัตน์” นำศิลปินเยี่ยม “ตี๋คนกล้า” ลั่นรับไม่ได้ ตร.ใส่ร้าย เตรียมระดมทุนช่วยครอบครัว 10 ต.ค. 2551
- "ตี๋"รู้สึกตัว เขียนหนังสือสื่อสารกับภรรยา "สนธิ" เข้าเยี่ยมอาการ 12 ต.ค. 2551


- “พระราชินี” พระราชทานเงินแก่ผู้ป่วยราชวิถี 1 แสน - หมอเผยอาการ “รุ่งทิวา” น่าเป็นห่วง 9 ต.ค. 2551
- ร่วมส่งกำลังใจ “รุ่งทิวา” ราชวิถีส่งตัวผ่าตัด รพ.จุฬาแล้ว! 10 ต.ค. 2551
- แพทย์จุฬาฯ ผ่าตัดสมอง "รุ่งทิวา" กว่า 7 ชม. อาการน่าห่วงติดตามใกล้ชิดวันต่อวัน 11 ต.ค. 2551





- ลูกชายการ์ดพันธมิตรฯขาขาดร้องขอความเป็นธรรม ลั่นพร้อมร่วมเคลื่อนไหวกับพธม.ต่อ 7 ต.ค. 2551
- “ธัญญา” ยังไม่รู้สึกตัว วชิรพยาบาลทำรายงานคนเจ็บส่งกองงานราชเลขาฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ 14 ต.ค. 2551


- “สนธิ” ลั่นพันธมิตรฯ ไม่ทิ้งกัน-พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บทุกคน 12 ต.ค. 2551
- พันธมิตรฯ ใจบุญ ประมูล 3 สุดยอดงานศิลปะ ได้เงินกว่า 6 ล.ช่วยผู้สูญเสียเหตุ 7 ตุลาทมิฬ 15 ต.ค. 2551
- อธิการฯ 2 ม.ให้ทุนลูกเหยื่อตร.ชั่ว เรียนฟรี 16 ต.ค. 2551

รายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น หากผู้ใดมีข้อมูล-ภาพ เพิ่มเติมสามารถส่งมาได้ที่ rid31@hotmail.com

05 พฤศจิกายน 2551

กับดักของ PPP / .Poor, Pressure and Prefer not tyran.

หลังจากมีมือปาระเบิดเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักอยู่ในทำเนียบรัฐบาลหลายต่อหลายครั้ง แต่ตำรวจไม่สามารถจับกุมใครได้พันธมิตรฯจึงนำป้ายมาติดประกาศว่าเป็นเขตห้ามปาระเบิด


"คนผู้หนึ่งที่แท้เป็นคนเยี่ยงไร


ที่แท้สมควรประพฤติตนอย่างไร


ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเอง"


(โกวเล้ง จากซาเสียวเอี้ย)




---------------------------------------------------------------------------------


ความเคลื่อนไหวของฝ่ายรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนที่จะเกิดขึ้นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการหาช่องทางช่วยเหลือน.ท.ช.ทักษิณทั้งทางตรงและทางอ้อม ลำดับแรกคือการหาทางลดแรงกดดันจากการเมือง
นอกสภาจากกลุ่มพันธมิตรฯและกลุ่มต่างๆให้ได้มากที่สุด ลำดับต่อมาหากย้อนกลับไปในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดส.ส.พรรคพลังประชาชนก็หาเสียงด้วยการชูกระแสว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อช่วยน.ท.ช.ทักษิณจน
สำเร็จมาแล้ว แต่ก็ยังปรากฏว่าในสังคมมีความคิดแตกต่างกันบ้างซึ่งฝ่ายพันธมิตรฯเองก็ได้ประเมินเกมและไม่ดึงดันอย่างสุดโต่งซึ่งกระแสต่อต้านจะเริ่มรุนแรงอีกครั้งเมื่อมีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะเสนอให้มีการ
แก้ไขในประเด็นใดกันทั้งกรณีที่มาของส.ส.ร.3 ชอบธรรมมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่สังคมเรียกร้อง"สานเสวนาเพื่อสันติ"ได้รับการตอบรับกล่าวขานไปทั่วก็เพราะหลักการประชาธิปไตยยอมรับความเห็นต่างและใช้
ความเห็นต่างในทาง "กำกับดูแล" และ "ตรวจสอบ" ความคิดกันโดยการเสวนาบน "ความจริง" แทนที่จะเป็นการปล่อยหรือกระพือ "ความแตกต่าง" จนเป็น "ความแตกแยก" ด้วย "ความเท็จ" สำคัญที่จะต้อง "สาน
เสวนา" ให้โปร่งใสให้ผู้คนเห็นมากมายเพราะถ้าไม่ "สานเสวนา"ให้โปร่งใสให้เป็นที่รู้กัน ด้วยผู้ที่เสวนาย่อมต้องพูดด้วยกันกับผู้ที่เห็นต่างไม่ใช่พูดคนเดียวเพราะเป็นที่รู้กันว่าคนเราอาจ "โกหก" ได้ แต่ยากที่จะโกหกต่อหน้า "คนรู้ทัน" ลำดับต่อมาคือการเคลื่อนไหวของส.ส.พรรคพลังประชาชนตั้งแต่หลังวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาโดยประสานกับเครือข่ายอย่างนปก.และแนวร่วมต่างๆเพื่อการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับน.ท.ช.ทักษิณที่ไม่เพียงคำปราศรัยของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวเท่านั้นที่เป็นการดึงฟ้าลงต่ำแต่ในการชุมนุมแสดงพลังม็อบเสื้อแดงครั้งนี้ยังมีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเพื่อรวบรวมเตรียมยื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษแก่น.ท.ช.ทักษิณและนายสมัครในคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ การเตรียมถวายฎีกาเพื่อขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่น.ท.ช.ทักษิณนอกจากจะเป็นการทำให้เกิดความสับสนว่าปัญหาทางการเมืองถูกกำหนดโดยสถาบันอันเป็นที่สักการะของปวงชนชาวไทยแล้วยังเป็นการทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทและทำให้ต้องหนักพระราชหฤทัยที่ต้องถูกดึงเข้ามาสู่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่จำเป็น ยิ่งกรณีของนายสมัครก็ยิ่งไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทเพราะเป็นคดีความส่วนตัว




โดยเนื้อแท้แล้วนั้นราชประชาสมาสัยที่แท้จริงย่อมไม่ใช่เรื่องที่นักโทษหนีคุกไปปลุกระดมมวลชนขึ้นมากดดันพระราชอำนาจเพื่อมุ่งหวังให้ตนเองรอดพ้นความผิด ไม่ใช่เรื่องที่นักการเมืองทรราชจะร่วมกับขบวนการ
ของคณะบุคคลที่มีประวัติโดดเด่นในการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ออกมาเคลื่อนไหวต่อรองทางการเมืองเพื่อล้มล้างอำนาจตุลาการในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การลงโทษนักการเมืองผู้กระทำผิดตามคำพิพากษาของศาลตลอดจนการใช้อำนาจตุลาการในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่างหากเล่าคือราชประชาสมาสัย ! ราชประชาสมาสัยเป็นเรื่องของพระราชอำนาจในการที่จะปกป้องคุ้มครองประชาชนร่วมกับประชาชนและอำนวยประโยชน์แก่ส่วนรวม ราชประชาสมาสัยสอดผสานอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งตรงกันข้ามกับระบอบทักษิณที่เป็นปฏิปักษ์ร้ายแรงโดยตรงต่อราชประชาสมาสัย !



ผู้ที่อยู่ตรงกลางและกลุ่มต้องการศานติเสวนาควรจะรู้ไว้ว่าเป้าหมายของท่านคือยุติความรุนแรงนั้นอาจจะทำได้หากเป็นการห้ามเด็กประถมตีกันแต่สำหรับการเมืองไทยเวลานี้จะเป็นแค่การพยายามซุกขยะไว้ไต้พรม
เพราะเงื่อนไขของความรุนแรงนั้นเป็นระดับโครงสร้างเพราะเงื่อนไขสำคัญ อาทิ การไม่ยอมรับการจำกัดอำนาจของฝ่ายการเมืองให้อยู่ในกรอบ, การไม่ยอมรับเงื่อนไขธรรมาภิบาล, การไม่ยอมรับมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ให้เท่ากับอารยะประเทศ, การยอมไม่รับว่าจะต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง, โครงสร้างการเมืองแบบใช้เงินเพื่อเข้าสู่อำนาจโดยไม่ตั้งอยู่บนฐานประชาชนก็ยังคงอยู่, การบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม, การไม่ยอมรับสิทธิเสรีภาพพื้นที่ฐานของประชาชนอย่างแท้จริง, การไม่เข้าใจเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน, การไม่เชื่อในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ฯลฯ ยังคงดำรงอยู่




รัฐบาลโดยพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมตกลงร่วมกันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 291 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.3 ในการประชุมครม.เบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนเวลาการยกร่างรัฐธรรมนูญของ ส.ส.ร.3 ที่เบื้องต้น
กำหนดไว้ถึง 240 วัน ประเด็นคือที่ผ่านมาพยายามจะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขข้อกำหนดบางอย่างก่อนจะต้องถูกยุบพรรครวมถึงการรับรองการกระทำของคปค. ในช่วงรัฐประหาร แต่ตอนนี้หลายๆอย่างดู
เหมือนจะไม่ทันแล้ว การตั้งส.ส.ร. จึงกลายเป็นการทอดเวลารัฐบาลให้นานออกไปซึ่งนอกจากจะสามารถแก้บทบัญญัติให้เป็นที่พอใจของตนเองแล้วอาจถูกมองว่ารัฐบาลพยายามซื้อเวลาต่ออายุให้ตนเอง เนื่องจากตอนนี้หลายฝ่ายต่างต่อต้านรัฐบาลที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน กระบวนการลดกระแสรวมถึงการเบี่ยงเบนประเด็นจึงถูกงัดมาใช้ทุกวิถีทาง





ยุทธศาสตร์หลักของพรรคพลังประชาชนเวลานี้เป้าหมายปลายทางอยู่ที่ป้องปรามการรัฐประหารลากสถานการณ์ไปถึงยุบสภาเลือกตั้งใหม่ให้ได้เพราะปฏิทินการเมืองกำหนดวันชี้ชะตาตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนใกล้เข้ามาทุกขณะ ระหว่างทาง หากสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ถือเป็นบำเหน็จติดมือ ละหากจูงให้สังคมยอมรับแนวทาง สสร. 3 ได้จะยิ่งเป็นผลดีเพราะสามารถลากสถานการณ์ให้ไกลออกออกอีกไปอย่างน้อย 5 เดือนแต่ที่สุดแล้วเป้าหมายขั้นต่ำเบื้องต้นก็คือการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในปลายปีนี้ ! โดยสร้างการเคลื่อนไหวของมวลชนเสื้อแดงภายใต้การนำของกุนซือสายเหนือทั้งแผงระยะสองสัปดาห์มานี้ อยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวทั้งสิ้นมีเป้าหมายเพื่อ




1. ตัดกำลัง/สกัดพลังของพันธมิตรประชาชนฯ รบกวนการสื่อสาร ASTV 97.75MHz 98.25MHz 99.25MHz ในก.ท.ม.ที่เป็นอาวุธหลัก ประกาศสงครามประชาชนที่แม้จะไม่มีสงครามเต็มรูปแต่ก็เริ่มปะทะประปรายเพราะรู้ว่าใช้มาตรการอื่นไม่เป็นผลต้องใช้ลูกตอบโต้แรงเพื่อที่จะหยุดหรือทำให้ชะงัก คนเสื้อแดงเหิมเกริมขนาดไปตบหน้าคนใส่เสื้อเหลืองเสียเฉยๆ ที่ตลาดสันป่าข่อย เชียงใหม่, ใช้วิธีอันธพาลถึงขนาดยกพวกไปยึดมือตบแม่ค้าที่ตลาดวโรรสแสดงท่าทีพร้อมรบแบบตาต่อตาให้สังคมรับรู้-กังวล – และสุดท้ายคือหน่วยรบจรยุทธ์ใช้กำลังน้อยแต่สร้างความเสียหายสูงไปรบกวนการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล




2. เสริมแนวรบด้านการสื่อสารเพราะที่ผ่านมาเป็นจุดบอดมีการลงทุนขยายเครือข่ายวิทยุชุมชนเสริมความเข้มข้นของรายการจากเดิมปล่อยดี.เจ.บ้านนอกให้พ่นน้ำลายแตกฟองก็เปลี่ยนมาใช้เทปเสียงรายการ
ความจริงวันนี้และสดจากคลื่น 105 ช่วงนายปลื้ม เทวกุล จัดรายการ ฯลฯ




3. รายการความจริงวันนี้เป็นฮับของการเคลื่อนไหวมวลชน การระดมคนแต่ละครั้งมีความหมายต่อเนื่องไปถึงแกนนำหัวคะแนนในพื้นที่ช่วงเลือกตั้งเป็นช่องทางหาเสียงล่วงหน้าก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา โดยเฉพาะการปล่อยอาวุธหนักการโฟนอินของน.ท.ช.ทักษิณก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ เพื่อฟื้นขวัญกำลังใจของมวลชนที่หดหู่อึดอัดที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้รายทางมาทุกสมรภูมิ 4. เกมทางการเมือง ประกาศสมานฉันท์ยุติความรุนแรง / เสนอแนวทาง สสร.3 / ซื้อเวลาด้วยเกมการเมืองวันต่อวัน เช่น ประกาศหนุนแนวทางของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองชิงความได้เปรียบ ฯลฯ พร้อมกันนั้นก็สร้างความได้เปรียบผ่านช่องทางระบบราชการโยกย้ายข้าราชการใกล้ชิดเข้าพื้นที่ปูฐานรองรับการเลือกตั้ง รวมไปถึงโครงการใหญ่เพื่อสะสมทุน ซึ่งแท้จริงแล้วพรรคพลังประชาชนหาได้มั่นใจเต็มที่ในการเลือกตั้งรอบต่อไปเลยใครที่บอกว่าเลือกเมื่อไหร่ก็ชนะอีกเมื่อนั้นเป็นพวกที่หลงอยู่กับความสำเร็จในอดีต




5. ขณะเดียวกันสามเกลอหัวขวดกล้าออกมาดับเครื่องชนท้าทายกองทัพแบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรีสะท้อนให้เห็นถึงความหน่อมแน้มของผู้นำกองทัพยุคนี้ที่ไร้บารมีและความเด็ดขาดเช่นในอดีต เข้าทำนอง "แข็งนอกอ่อนใน" คือชอบออกมาฮึ่มแล้วก็เงียบเป็นเป่าสาก เหมือนก่อนหน้านี้ที่ผู้นำเหล่าทัพนั่งเรียงหน้าออกทีวี.แถลงจุดยืนกดดันให้รัฐบาลทรราชหุ่นเชิดภายใต้การนำของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมเลือด 7 ตุลาทมิฬ แต่ นายสมชาย ซึ่งเชื่อว่าได้รับคำสั่งจาก "นายใหญ่ผู้นำตัวจริง" กลับดื้อตาใสเมินท่าทีกดดันของกองทัพอย่างไม่แยใสสนใจ ซึ่งจนบัดนี้กองทัพก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับรัฐบาลทรราชหุ่นเชิดชุดนี้ได้ แต่ที่ต้องจับตาต่อไปด้วยความระทึกก็คือข่าวที่กำลังลือสะพัดว่ามีความพยายามที่จะปลด พล.อ.อนุพงษ์ พ้นเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมทั้งจัดระเบียบกองทัพใหม่เพื่อปูทางไปสู่การฟื้นระบอบทักษิณได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามเดินเกมเชิงรุกของระบอบทักษิณที่หมดความยำเกรงกองทัพแล้วอย่างสิ้นเชิง เพราะเชื่อว่าตัวเองมีกองทัพเสื้อแดงที่ทรงประสิทธิภาพเหนือกว่า ขณะเดียวกันก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าศักดิ์ศรีและความเข็มแข็งของกองทัพยุคนี้เข้าลักษณะ"แข็งนอกแต่อ่อนใน"ที่นับวันมีแต่จะถูกท้าทายรุกไล่มากขึ้นทุกขณะ



อ่านเพิ่มเติมบทความ เจ้าหน้าที่หายหัวไปไหนหมด (วารินทร์ พูนศิริวงศ์)



หรือแท้ที่จริงแล้วความเคลื่อนไหวของระบอบทักษิณจะเกิดขึ้นและจบลงในเวลาอันสั้นเพียงแค่หวังเอาใจ"นายใหญ่"เท่านั้น...


---------------------------------------------------------------------------------


มีอยู่วันหนึ่งก็มี ท่านทักษิณ ท่านชวลิต และ ท่านเนวิน ได้นั่งเครื่องบินไปดูสถานการณ์ต่างจังหวัด ชั้น business class ซึ่งจะติดอยู่กับห้องบังคับเครื่องบินแล้วท่านเนวินก็พูดขึ้นมา




"เดี๋ยวผมจะโยนแบงค์พันลงไปหนึ่งใบคนที่เก็บได้จะได้มีความสุข"




ท่านชวลิตก็เลยจะเกทับแล้วบอกว่า




"เดี๋ยวผมจะโยนแบงค์ห้าร้อยลงไปสองใบคนไทยจะได้มีความสุขสองคน"




ท่านทักษิณไม่น้อยหน้าแล้วพูดทันทีว่า"เดี๋ยวผมจะโยนแบงค์ร้อยลงไปสิบใบคนไทยจะได้มีความสุขถึงสิบคน"




ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วมาจากห้องบังคับเครื่องบิน......




"เดี๋ยวกูจะโยน....สามตัวลงไป คนไทยทั้งประเทศจะได้มีความสุข"


---------------------------------------------------------------------------------

04 พฤศจิกายน 2551

เสมือนหนึ่งการยื่นคำขาด / Threatening our HM the king

นทช.ทักษิณไม่เคยคิดวางมือจากการเมืองและยังเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังทางการเมืองอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจที่คนรู้ทันนทช.ทักษิณจะย้ำตรงกันว่า นทช.ทักษิณคือผู้บงการผ่านรัฐบาลหุ่นเชิด สมัคร
สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์เพียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน ในความเป็นจริงนั้นนทช.ทักษิณไม่เคยหยุดการกระทำยิ่งถ้าการกระทำนั้นเป็นประโยชน์กับตัวนทช.ทักษิณเองและเกิดความเสียหายกับฝ่ายที่
นทช.ทักษิณเห็นว่าอยู่ตรงข้ามกับตนอีกทั้งยังบิดเบือน หลอกลวงผู้คนทั้งหลายว่า นทช.ทักษิณไม่ใช่คนผิด นทช.ทักษิณถูกใส่ร้าย และมีคนคอยจ้องจะกำจัดนทช.ทักษิณอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา นทช.ทักษิณพยายามซ่อนตัวอยู่หลังฉากการเมืองมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นว่ากลวิธีดังกล่าวไม่สัมฤทธิผลนทช.ทักษิณจึงออกแบบให้มีการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สนามกีฬาเมื่อ 1 พย.ที่ผ่านมาไม่มีอะไรที่จะต้องสงสัยอีกว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือนทช.ทักษิณนั่นเองท้งนี้ก็เพื่อให้เกิด

Prisoner Thaksin has never stopped his political activities, hiden himself from both local and international eyesights. Almost locals know him and understand that he has Samak's and Somchai's cabinet as his political "puppets". The prisoner does everything he got profits and destroys his enemies as much as he can. He also pretended and distorted his employed and deveiced people, that he is not fairly sentenced, he does not perform illegal, he was maligned and somebody orders for getting him disappeared. Since there were lots incidents' faults, he made up his day at the national stadium, on Nov 1st. The purpose is to encounter Thai's royal courts which work in the name of our high majesty the king and dare to negotiate our high majesty the king with his mentioned people.

1) การเผชิญหน้าโดยตรงกับศาลสถิตยุติธรรมที่ปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธย นทช.ทักษิณประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์ ไม่ยอมรับผิด ไม่ยอมรับโทษ ใส่ร้ายป้ายสี ลบหลู่ดูหมิ่นอำนาจตุลาการในพระปรมาภิไธย คำ
พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี แต่นทช.ทักษิณหลบหนี ไม่พอยังกระทำการใส่ร้ายป้ายสี ประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์ แสดงตนไม่ยอมรับ และพยายามบั่นเซาะทำลายความน่าเชื่อถือในระบบและกระบวนการยุติธรรม
ของประเทศไทย.. ซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้อน่าสังเกตก็คือ การที่นทช.ทักษิณ แสดงเจตนาต้องการขอพระราชทานอภัยโทษก็เท่ากับยอมรับว่า นทช.ทักษิณได้กระทำผิดในข้อหาทุจริตประพฤติมิชอบจริงตามที่ศาล
พิพากษาไปแล้วและกำลังจะพิพากษาในอีกหลายที่จ่อคิวยาวเหยียดซึ่งขัดแย้งกับคำพูดที่ตัวเองประกาศมาตลอดว่าไม่ได้ทำผิดพร้อมทั้งโจมตีศาลว่าไม่เป็นกลาง


2) การต่อรองที่นทช.ทักษิณนำประชาชนมากดดันต่อรองกับสถาบันสูงสุด ถ้าสถาบันสูงสุดไม่ช่วย ผู้คนทั้งหลายจะมาเผชิญหน้ากับสถาบันสูงสุด ในการยืมมือประชาชนเข้ามากดดันสถาบันสูงสุดเป็นเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่งแต่นทช.ทักษิณก็ช่างกล้าที่จะกระทำจาบจ้วงและป้ายสีสถาบันเบื้องสูงเปรียบเสมือนหนึ่งการยื่นคำขาดหรือประกาศกลายๆว่าตนเองต้องได้ในสิ่งที่ตนต้องการ เป็นทุรวาจาที่ไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะ
เป็นการโยนความรับผิดตามโทษทัณฑ์ของตนไปไว้ที่พระบารมี หากสุดท้ายยังต้องหลบหนีไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ จะอ้างว่าเป็นเพราะไม่มีพระเมตตาอย่างนั้นหรือ ขณะเดียวกันก็แฝงวาจาข่มขู่ อ้างพลังของพี่น้องประชาชนของตน (หรือที่นทช.ทักษิณเคยเรียกว่า ประชาชนของผม) เสมอพระบารมีและจะเป็นอีกหนทางที่จะเป็นพลังบันดาลให้ได้พ้นโทษกลับคืนสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะคำว่า "ราชประชาสมาสัย" คือการเสมอเท่ากัน "ระบอบทักษิณ" มี "พลังประชาชน"เสมอด้วยพระราชาแล้วหรือ ? หมายความว่าหากไม่มีพระเมตตา จะใช้พลังประชาชนของผมเข้าหักหาญอย่างนั้นหรือ ? หากนทช.ทักษิณเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตนแล้ว เหตุไฉนจึงไม่กล้าอยู่สู้คดีในแผ่นดินไทย เหตุใดจึงต้องหลบหนีความจริงไปอยู่บนแผ่นดินของชาติอื่น หรือว่านทช.ทักษิณจะเชื่อในคำพิพากษาของศาลก็ต่อเมื่อตนเองครอบครองอำนาจรัฐไว้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเท่านั้น การกระทำที่ไร้สติ สิ้นคิดปานนี้น่าจะร้ายแรงยิ่งกว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ ! เพราะการกระทำเช่นนี้ในหัวใจของประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ย่อมรู้สึกเสมือนว่ากำลังมีคนนำมวลชนไปปิดล้อมหรือกดดันพระราชอำนาจ ! นี่คือการกระทำอันมิบังควรอย่างที่สุด บังอาจที่สุดแล้ว !

It is not suitable to make any negotiation with our high majesty the king in which the prisoner made and never understood his faults. His weapon is people who are our high majesty the king's people originally. In facts, if he is a good man, why the prisoner has to get our high majesty the king's absolution. In addition to the absolution, he is trying to be in the same level of our high majesty the king who is always giving respect. Who is the f*ck prisoner to do that boldy behavior, tyran or what?

งานนี้ปิดท้ายด้วยคำร่ำลือว่าลงทุนไปหลายร้อยล้านบาท ผลที่ได้นอกจากเป็นการปลุกระดมพลพรรคเสื้อแดงให้มีความฮึกเหิมคะนองเดชแล้วยังเป็นผลดีในสายตาต่างประเทศผู้ไม่เคยตกอยู่ภายใต้ความชั่วร้าย
และอหังการของ "ระบอบทักษิณ" เห็นได้จากวันรุ่งขึ้นมีสื่อมวลชนต่างประเทศเผยแพร่ภาพการชุมนุมแดงเถือกไปทั่วโลกและลงข่าวยกย่องว่านทช.ทักษิณผู้นี้ยังเป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดในทางการเมืองไทย ส่วน
ความฮึกเหิมในประเทศเห็นได้จาก

1) การมีระเบิดเกิดขึ้นซ้อนๆ กัน 2 คืน ที่บริเวณชุมนุมของเหล่าพันธมิตรฯเสื้อเหลือง เช่นเมื่อ 4 พย.มีมือมืดลอบปาใส่บริเวณสะพานอรทัยหมายสังหารการ์ดพันธมิตรฯโชคดีไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย เศษ.แดงผวา
อนุพงษ์ร่อนคำสั่งพิเศษรีบสั่งสลายนักรบพระเจ้าตากเย้ยพันธมิตรฯรอดพ้นจากระเบิดเพราะกองทัพจัดสารวัตรทหารคุ้มกันรอบที่ชุมนุม ขู่ฟ่ออ้างพวกจองกฐินส่อใช้อาวุธสงครามร้ายแรงเตรียมยิงถล่มทำเนียบฯ โวสนั่นแก๊ง 47 โรนิน(ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นแก๊งซามูไรเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการไปตามล่าพวกนักการเมืองเลวและทุจริต จนประเทศญี่ปุ่นเจริญมาถึงทุกวันนี้)จ่อตามล่าแกนนำฯพันธมิตรฯ เศษ.แดงยังกล่าวอีกว่าจากที่มีการเตือนว่าให้ลูกๆชวนพ่อแม่กลับบ้านอย่ามาชุมนุมเพราะอันตรายนั้น ขณะนี้เริ่มได้ผลเพราะคนเริ่มกลัว ส่วนที่เหลือก็จะเป็นผู้หญิงแก่ ผู้หญิงเลิกจากไปเที่ยวบาร์หรือเลิกจากการไปเที่ยวผับก็มากันเยอะโดยมารับจ้างชุมนุมต่อ นอกจากนั้นก็มีพวกจรจัดแถวท้องสนามหลวงโดยไปจ้างให้มาใส่เสื้อเหลือง ดังนั้นตำรวจต้องกวาดล้างเพราะจำนวนคนที่มาชุมนุมจะได้น้อยลงไป

2) การนำพลพรรคเสื้อแดงไปปิดล้อมวงประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ที่เชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้น (2 พย.)
3) และมีการนำพลพรรคเสื้อแดงไปบุกยึดสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ศูนย์ข่าวภาคเหนือ เชียงใหม่ในวันต่อมา (3 - 4 พย.) เพียงเพราะมีเสนอข่าวว่ามีการรับเงินจากนักการเมือง มาร่วมงานการชุมนุมคนเสื้อแดง
เมื่อวันที่ 1 พย.ที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่องทั้งๆที่ผู้บริหารออกข่าวขอโทษแล้วก็ตามโดยพลพรรคเสื้อแดงยื่นคำขาดว่าขอให้สถานีฯออกมาแถลงข่าวขอโทษคนเชียงใหม่อย่างเป็นทางการตามสคริปต์ที่ได้ตกลงกันไว้
ผ่านทางโทรทัศน์ ดังนั้นสถานีโทรทัศน์ยังจะต้องปิดสถานีหนีหวั่นไม่ปลอดภัยกับจี้ให้นายกฯสากกะเบือสั่งเบรคเสื้อแดงคุกคามสื่อ

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในยุคสมัยที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ที่ทำตัวเป็นสากกะเบือไร้วุฒิภาวะผู้นำอย่างสิ้นเชิงเพราะเอาแต่ตีกรรเชียงหนีปัญหาอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นหากรัฐบาลเพิกเฉย ไม่จัดการอย่างหนึ่ง
อย่างใด ประชาชนรู้สึกได้ถึงว่ารัฐบาลสมชายนั้นก็มิใช่รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่เป็นรัฐบาลของทรราช รู้เห็นเป็นใจและรับใช้ทรราช ไม่มีอะไรที่จะต้องสงสัยว่าการชุมนุมคนเสื้อแดงที่สนามกีฬาอยู่
ภายใต้การสนับสนุนรู้เห็นเป็นใจของรัฐบาลสมชายผู้เป็นตัวแทนของนทช.ทักษิณซึ่งเป็นพี่เขย การถูกประณามว่าเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดจึงเป็นการประณามที่ไม่เกินความเป็นจริงในเรื่องนี้ ทั้งยังเป็นสิ่งยั่วยุผู้คนที่เข้าร่วมการชุมนุมอยู่ในทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ให้ต้องสาปแช่งรัฐบาลโดยเฉพาะตัวนายสมชายเองต้องหมดสภาพแห่งความเชื่อถือของประชาชนอย่างหมดสิ้นไปแล้ว อีกทั้งในขณะนี้ได้ปรากฏการนำเอาคลิปวีดีโอของคนหน้าเหมือนนายสมชายตอนพาลูกน้องผู้หญิงหลายต่อหลายนางเข้าม่านรูดออกมาเผยแพร่เป็นที่รับรู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมืองซึ่งถ้าไม่ใช่ต้องออกมาปฏิเสธหรือถ้าใช่สมชายก็ต้องแสดงความรับผิดชอบไปแล้วหาก"สมชาย"จริง


และในยุคสมัยที่มีมีผู้บัญชาทหารบกชื่อ"พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา" ที่ปล่อยให้มีการฆ่าพสกนิกรผู้จงรักภักดีในเขตพระราชฐาน ถ้ากองทัพนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อเทิดพระเกียรติและปกป้องพระ
ราชอำนาจ กองทัพนั้นก็มิใช่กองทัพภายใต้จอมทัพไทยคือพระเจ้าอยู่หัวหากแต่เป็นเพียงกองกำลังแนวร่วมของทรราชเท่านั้น ขบวนการที่กระทำต่อประเทศชาติอยู่ในขณะนี้ขณะที่บ้านเมืองวุ่นวาย ที่มีรัฐบาลไม่
เป็นรัฐบาล ที่มีสภาไม่เป็นสภา ฯลฯ เกิดขึ้นเพราะอะไร เพื่ออะไร เพื่อใคร กองทัพนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเอาชาติบ้านเมืองมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวย ก็เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำผิดคนเดียว เพื่อผล
ประโยชน์ของคนคนเดียว หากผู้มีอำนาจหน้าที่ในบ้านเมืองยังคงทำไม่รู้ไม่เห็น ปัดภาระความรับผิดชอบต่อไปอย่างนี้ย่อมจะถูกจารึกไว้ว่าเป็นแนวร่วมหรือผู้รู้เห็นเป็นใจกับทรราชอย่างแน่แท้ ขณะนี้บ้านเมืองเดิน
มาถึงจุดวิกฤติที่สุด ถ้าผู้มีอำนาจในบ้านเมืองไม่ทำอะไรเลยยังเอาแต่เล่นเกมอำนาจ เห็นแก่ตัว เดินหมากเพื่อจะเลี้ยงตัวให้ตนเองอยู่ในตำแหน่งอำนาจต่อไปนานๆ โดยปราศจากความกล้าหาญที่จะลงมือทำสิ่ง
หนึ่งสิ่งใดเพื่อให้สมกับคำถวายสัตย์ปฏิญาณ
ไม่กล้าเอาผลประโยชน์ส่วนตัวเข้าเสี่ยงเพื่อปกป้องรักษาประเทศชาติส่วนรวม ก็นับเป็นเวรกรรมของคนไทยที่ได้เกิดมาร่วมชาติกับคน...คนที่มีอำนาจแต่ปล่อยให้เกิดสิ่งเลวร้ายขึ้นในบ้านเมืองเยี่ยงนี้ ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกมีหน้าที่อะไร คอยให้คำปรึกษา กำหนดทิศทางของกองทัพบกหรือ หรือเป็นเพียงแค่ตำแหน่งลอยไปก็ลอยมาหรือมาอ่านหนังสือพิมพ์เช้าเสร็จก็กลับบ้านนอน นายพลบ้านเรามันเยอะเสียขนาดนั้นจะให้มีตำแหน่งให้ลงทุกคนได้หรือ คนๆนี้สร้างแต่ความเสื่อมเสียแก่กองทัพเปล่าๆนายพลกองทัพบกไทย รึนี่.. อนาถใจ เศร้าใจและน่าอายแทนจริงๆ สมองมีแต่อะไรคิดแต่ฆ่าแกงประชาชน หลุดมาจากนรกขุมไหนกัน นี่คือผู้ทรงคุณวุฒิของกองทัพหรือ นี่นะหรือทหารกล้าที่กระทำกับประชาชนที่ไม่มีอาวุธ เสียดายที่เป็นพวกเรียนเก่งและบอกว่ารักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ ทำไมกองทัพต้องเอาเงินภาษีประชาชนมาจ่ายให้ขยะกองทัพและวันๆสามารถที่จะขู่ทำร้ายประชาชนรายวันโดยไม่ต้องกลัวใครได้แบบนี้ หรือเพียงแค่ทำเพื่อหวังตำแหน่งรมต.กลาโหมแน่ถ้าทำผลงานชิ้นโบว์แดง
นี้สำเร็จ อยากจะให้เศษ.แดงเสียหน่อยใช้สมองคิดหน่อยคนที่มาชุมนุมที่ทำเนียบเป็นคนประเภทใด ลูกสาวของเศษ.แดงเองก็อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมมิใช่หรือ มาทุกวัน มาด้วยใจ ตากล้องโทรทัศน์มักจะจับภาพเธอไว้บ่อยๆนี่ลองหาดูกันเองก็แล้วกันและเธอยังบอกอีกว่านักรบพระเจ้าตากที่ว่าเป็นร้อยน่ะจริงๆแล้วแค่ยี่สิบแล้วยังมาคุยเป็นใหญ่เป็นโต โถเศษ.แดงเอย

หมายเหตุ - เมื่อไรจะมีการสั่งปิดเว็บไซต์เศษ.แดงเสียทีเพราะเข้าไปดูทีไรก็เจอแต่ความเท็จและบางครั้งก็เจอการจาบจ้วงลบหลู่สถาบันและการด่าประธานองคมนตรีโดยพวกนรกป่วนชาติ

The prisoner spent hundred millions baths for the deveicing show and his people aggressed ThaiPBS televesion who presents the fact to social, Democracy Praty meeting, and People Alliance for Democracy and other people. Today, Thai cabinet headed by Somchai W., Thaksin brother in law. The cabinet does nothing, gfloating itself above problems, for their sin prisoner. Ignorance to protect our nation and our high majesty the king. Somchai himself and some governors ordered police to kill people on Oct 7th, and have lots of paramour girls who work under his control since he was government officer. In Somchai's era, Anupong P., the tyran's military school friend, is the royal arm force's commander, who left Thais died on Oct 7th, without awareness. In case of RAF ignorance to protect mentioned significant institutes, some military always threaten Thais who see the danger of ignorance. So whoelse looks after the institutes.

สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้คือช่วงรอยต่อที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์ชาติไทยจากสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้เหมือนสังคมไทยกำลังวิปริตอาเพศเพราะทุรชนที่ถูกดำเนินคดีฐานโกงบ้านกินเมืองมูลค่านับแสนล้านบาทแล้วหนีความผิดอย่างลอยนวลไปเสวยสุขในต่างแดนในขณะเดียวกันก็ยังชักใยจุดชนวนทำลายบ้านเกิดเมืองนอนและยุให้คนในชาติทะเลาะเบาะแว้งฆ่าฟันกันเองและที่สำคัญส่อเจตนาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง แต่กลับได้รับการปกป้องเชิดชูสร้างภาพราววีรบุรุษจากคนกลุ่มหนึ่ง ใครจะปกป้องพระเจ้าอยู่หัว ? การปล่อยให้มีขบวนการจาบจ้วง กดดัน คุกคามสถาบันเบื้องสูง ในเขตพระราชอาณาจักร หากปล่อยไว้อย่างนี้ จะมีการกระทำสิ่งเลวร้ายกว่านี้ต่อไปอีกอย่างไร? ประเทศชาติและสถาบันหลักของชาติ จะได้รับผลกระทบเยี่ยงไร ?

Thais kill Thais, tyran cheats his home country for his profit and has fled to be comfortable, What is the effect(s) for our respectful institutes.

03 พฤศจิกายน 2551

ก้อนกรวดในรองพระยุคลบาท / Our HM the king gets grit in his shoes.

นทช.ทักษิณเป็นผู้มีบุคลิกถูกใจชาวบ้านกว่านักการเมืองใดๆที่เราเคยมีมา “ทัวร์นกขมิ้น”ที่นายกฯนุ่งผ้าขาวม้าลงไปห้องน้ำนั้น สื่อลงภาพทุกฉบับและเป็นภาพที่น่าประทับใจแก่ชาวบ้านว่าท่านนายกฯใช้ชีวิตปกติเหมือนตนเองแต่ภาพถ่ายนี้จะไม่ให้ใครถ่ายได้เลยก็ได้เพราะมีทหารตำรวจล้อมรอบอยู่แล้วแค่กันให้ถอยออกไปเสียก่อนก็ได้ฉะนั้นจึงเป็นภาพที่นทช.ทักษิณตั้งใจจะให้ถ่ายรูปและเผยแพร่ ยังไม่พูดถึงคำพูดคำจาและวัตรปฏิบัติอีกหลายอย่างที่น่าประทับใจแก่ชาวบ้านเช่น ชอปปิ้ง, กินก๋วยเตี๋ยว, รักลูกเมีย ซื้อของแล้วไม่ต้องทอน ฯลฯทั้งหมดนี้จะพูดว่านทช.ทักษิณเก่งด้านการตลาดก็ได้แต่เป็นตลาดการเมืองไม่ใช่ตลาดโทรศัพท์มือถือ การก้มลงกราบแผ่นดินแม่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเดือน ก.พ. 51 ที่ผ่านมาดูจะเป็นการสร้างภาพขั้นสุดยอดเพื่อเข้ามาสู้คดีที่ดินรัชดาฯพร้อมๆกับการบอกกับสาธารณชนว่าตัวเขาเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเวลาต่อมาก็คือนทช.ทักษิณกลับหนีคดีที่ศาลอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศเมื่อเร็วๆนี้ซึ่งดูจะขัดแย้งกับสิ่งที่นทช.ทักษิณได้แสดงออกมาก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน การตลาดกับการตลบตะแลงไม่ควรจะเป็นสิ่งเดียวกันและนทช.ทักษิณ ชินวัตรน่าจะมีคุณสมบัติในประเด็นหลังมากกว่าการเป็นนักการตลาด ยิ่งก่อนจะถึงวันจัดชุมนุม 1 พ.ย. 2551 หลายฝ่ายได้พยายามเตือนว่าการจัดให้ นทช.ทักษิณ ชินวัตรผู้ร้ายหลบหนีคำพิพากษาจำคุก โทรศัพท์สายตรงจากต่างประเทศเข้ามาให้สัมภาษณ์ ปราศรัยกับประชาชนผู้ชุมนุมที่ราชมังคลากีฬาสถานนั้นมีสุ่มเสี่ยงว่าจะมีการพูดจาให้ร้ายดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมและศาลยุติธรรมในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมุ่งหมายให้เกิดการปลุกระดมประชาชนเพื่อผลประโยชน์ของตนเองจนอาจจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม


อาจจะนึกไม่ถึงว่า คนระดับอดีตนายกรัฐมนตรีจะกระทำการเลวร้ายอันใดมากไปกว่านั้น นทช.ทักษิณ ก็กระทำการไปไกลยิ่งกว่านั้น! นทช.ทักษิณไม่ทำเพียงเท่านั้นแต่ "เหิมเกริม"อย่างหนัก"บังอาจ"ถึงขนาดรุกคืบขึ้นไปกระทบกระเทือนถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างโจ่งแจ้งพยายามจะกดดัน ข่มขู่ และล่วงละเมิดต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างต่อเนื่องและหนักข้อขึ้นทุกที นทช.ทักษิณกำลังพยายามชี้นำให้ประชาชนเข้าใจหรือสงสัยว่าสถาบันชั้นสูงสามารถสั่งการศาลยุติธรรมให้พิพากษาคดีของตนไปในทางหนึ่งทางใดอย่างบิดเบือนโดยอ้างว่า"เขาใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ"และ"เขาต้องการเอาผมไว้เมืองนอก 10 ปี"(ตามอายุความของคดี) นั้น แท้ที่จริงแล้วคำพิพากษาต้องการให้นทช.ทักษิณเข้ามารับโทษจำคุกในประเทศไทยเป็นเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นแต่นทช.ทักษิณเลือกที่จะหนีคดีหนีความรับผิดก็เลยต้องอยู่ต่างประเทศ 10 ปี ด้วยตัวเอง นทช.ทักษิณกำลังบอกว่าสถาบันเบื้องสูงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีของนทช.ทักษิณ หรือไม่ ? นอกจากทำให้ประชาชนเข้าใจผิดแล้ว นทช.ทักษิณกำลังต้องการให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงช่วยเหลือให้รอดพ้นความผิดจากคดีต่างๆ และ/หรือพระราชทานอภัยโทษให้เพื่อให้ทักษิณสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องรับผิดในคดีต่างๆ ? อีกทั้งการกระทำในครั้งนี้ควรหรือที่จะประกาศ"การที่ตนอยากได้จากราชา"ผ่านทางสาธาระชนมีลักษณะกดดันอย่างมิบังควร ประชาชนอาจจะอาจสำคัญผิดไปได้ว่าหากไม่ทรงช่วยทักษิณให้รอดพ้นจากความผิดในคดีต่างๆที่นทช.ทักษิณ รอดพ้นจากการกระทำความผิดของตนเอง แล้ว หมู่ประชาชนลูกน้องในพรรคการเมืองของนทช.ทักษิณ หรือบริวาร ผู้ที่จงรักภักดีต่อระบอบทักษิณ ก็อาจจะช่วยให้นทช.ทักษิณ รอดพ้นความผิดได้เอง อย่างนั้นหรือ ? นอกจากนี้...ในวันงานยังได้มีการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนทช.ทักษิณ ชินวัตร และนายสมัคร สุนทรเวช


คดีทุจริตประพฤติมิชอบอีกหลายคดีของนทช.ทักษิณเองก็ยังคงคั่งค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาฉะนั้นการจะไปขอพระราชทานอภัยโทษระหว่างคดีอยู่ในศาลจึงไม่บังควรอย่างยิ่ง นอกจากนี้แล้วนทช.ทักษิณยังบังอาจคิดจะขอพระราชทานอภัยโทษต่อกรณีนายสมัคร สุนทรเวชซึ่งถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกนั้นเป็นคดีความผิดส่วนบุคคลอันเกิดจากการกระทำผิดส่วนตัวของนายสมัครเองซึ่งได้ไปกระทำผิดโดยพูดจาให้ร้ายหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ทำให้เขาได้รับความเสียหายร้ายแรงเมื่อศาลพิพากษาว่านายสมัครกระทำผิดจริงจึงต้องได้รับการลงโทษเพื่อรักษาไว้ซึ่งความเป็นธรรมต่อผู้เสียหาย ตามธรรมเนียมการปกครองที่มีมาดังนั้นการขอพระราชทานอภัยโทษกรณีคดีนายสมัครเป็นการบังควรหรือไม่


คำพูดดังกล่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวซึ่งขณะนี้มีสถานะเป็นผู้ร้ายข้ามแดนที่หลบหนีคดีทุจริตไปพำนักอยู่ในต่างแดนนับเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งเพราะเป็นที่ทราบกันว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นทรงอยู่เหนือการเมืองและเป็นประมุขสูงสุดอันเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนชาวไทย แต่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวกลับพยายามที่จะดึงฟ้าลงต่ำให้ลงมาเกลือกกลั้วกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่กำลังแตกแยกเกิดการเผชิญหน้าของคนในชาติอย่างรุนแรงและที่สำคัญพฤติกรรมดึงฟ้าลงต่ำเช่นนี้เป็นการทำเพื่อตัวเอง


หาก"ข้าราชการ"ปล่อยขบวนการเหล่านี้เอาไว้ต่อไป"พสกนิกรคนไทยผู้จงรักภักดี"จะรู้สึกอย่างไรในเมื่อการพูดในลักษณะนี้ย่อมนำมาซึ่งความไม่พอใจของพสกนิกรผู้จงรักภักดีซึ่งเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนืออำนาจฝ่ายการเมืองและอิทธิพลของนักการเมือง การถวายฎีกาฯควรจะเป็นการกระทำของตัวนักโทษเองเท่านั้นมิใช่โดยการล่ารายชื่อจากประชาชนทั่วไป ธรรมเนียมปฏิบัติต่อกรณีนักโทษที่เคยได้รับการพระราชทานอภัยโทษซึ่งจะต้องถูกจำคุกตามคำพิพากษาก่อนที่จะถวายฎีกาฯทั้งสิ้นและไม่เคยปรากฏว่ามีกรณีพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้กระทำผิดในคดีความผิดส่วนบุคคลและไม่สมควรกระทำการใดๆให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทและทำให้ต้องหนักพระราชหฤทัยที่ต้องถูกดึงเข้ามาสู่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่จำเป็น เมื่อมีเหตุอันควรเมตตา เช่น ผู้กระทำความผิดได้สำนึกในความผิดและจะกลับตัวเป็นคนดีองค์พระประมุขแห่งรัฐ หรือ "ราชา"จึงอาจให้ความเมตตาต่อผู้กระทำผิดได้โดยไม่กระทบต่อความเป็นธรรมของเอกชนผู้เสียหาย ขนาดเวลานี้เหตุการณ์บ้านเมืองเราอยู่ในสภาพที่อาจจะเกิดการปะทะเข่นฆ่ากันอย่างไร้เหตุผลระหว่างคนไทยกันเองเพียงเพราะความคิดแตกต่างกันทางการเมือง แล้วทำไมข้าราชการที่มีหน้าที่ดูแลกฎหมายและความสงบสุขของประชาชนไม่ออกมาทำหน้าที่ให้เกิดความสงบสุขให้บ้านเมืองปราศจากข่าวลือของการต่อสู้ของกลุ่มต่างๆเพื่อผู้คนจะได้หายอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่ตลอดเวลาเสียที ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายจับติดคุกติดตารางไปเสีย อย่าปล่อยให้รัฐบาลหุ่นเชิดลอยหน้าลอยตานั่งกินเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่นของโครงการบ้าๆ บอๆ ที่พวก ครม.แอบอนุมัติอยู่ตลอดเวลา ปล่อยไว้ได้อย่างไรทำให้ประชาชนสับสนและเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สมบัติของชาติตลอดเวลา ปล่อยให้พวกโจรการเมืองที่มีตำแหน่งโกงกินอยู่ได้ยังไงขนาดมีหลักฐานปรากฏชัดแต่ก็ไม่เห็นมีข้าราชการที่มีหน้าที่ในการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายออกมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างจริงจัง ด้วยความบริสุทธิ์ใจปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมบ้างเลยทั้งที่สมควรจะต้องดำเนินการจับพวกโจรเหล่านี้เข้าคุกเสียทีแทนที่จะปล่อยให้หลบหนีไปอยู่ต่างแดนได้อย่างสบาย


หากนทช.ทักษิณและขบวนการเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งหลายมีความจงรักภักดีและเห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมืองอย่างแท้จริงก็จะต้องยุติและไม่ควรมีการกระทำอันเป็นการดึงฟ้าลงต่ำอีกต่อไป บ้านเมืองของเราจะผ่านพ้นความรุนแรงไปได้อย่างไรและ"สถาบันพระมหากษัตริย์"จะดำรงอยู่ในสถานะใดและถ้าปล่อยไว้เราคนไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินที่คุ้นเคยอีกต่อไป...






เรียบเรียงจากข้อเขียนของดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทองศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิตเมื่อวันที่ 3/11/2008 กับบทบรรณาธิการชองแนวหน้าและผู้จัดการ


===================================================================
He was a great political marketter from the past until now, it appears that Thais has to wait longly to get the new one. He went to upcountry to promote his daily action with locals. In addition to his family images in several times, the example is his action when he first returned Thailand at the airport in photographers' eyesights from several presses. Since his wife has been sentenced, he hid his family and himself from Thailand.

He complaint Thailand's Judical system as much as he has had his occasions . The system works for our high majesty the king. On Nov 1st, almost people worried about the possible problem(s) and warned him in which he would give his speech in his employed and did-cheat people meeting. The speech pretended people our high majesty the orders to sentence him and his. If the king does not help him, he can not have a chance to get back Thailand. He needs his mentioned people to ask the king for helping him.

Usually our high majesty the king always give his people chances in several times and better reasons, e.g. the people know their wrong, significant royal occasions and etc. By process, the people who would like our high majesty the king's help for their case, have to get sentenced and accepted thier own case result, e.g. getting in jail, social service operation. and etc. before.

However His case got sentenced for only 2 years but he decides not to fight, if he is clean. The cases's age is at 10 years old, and he chose the time by himself and why he complaint others about his faults. Lots of his cases are waiting for his return, by judical process which both parties have to present the court for real facts' investigation.

It apeears that he can not give his responsibility on his faults about 200000 million baths ( as much as the possible witnesses/documents/investigation can help), thousands of killed lifes by his orders when powered, and so on.

02 พฤศจิกายน 2551

การประกาศสงครามพร้อมต่อรองในตัว / Our high majesty the king was put into pressure

Our high majesty the king was put into pressure, on what Taksin advertised his goal on Nov 1st.
1) our High majesty the king can not prohibit politics, Thais can get his high majesty the king's help through our royal courts, and submitted documents ( Deeka in Thai ).
2) Thailand's courts are complaint on Taksin think unfair, of course only when he lose his goal
3) Taksin people are to ask for collecting their signature to drive the document done.

What does this mean? He is complaining our high majesty the king, ordered him sentenced. He and his family get poor, terrible to life.

Facts, Thais official loan per head was reported +120% from the past (3000.- ThB to 120000.- ThB) , started from Taksin's era. He lives in comfortable, millionaire life and his people get poor and more poor. He can fly around the world everyday, yes he has freedom. He wants to be back to power again, and never stopped his polictical operation at all. His goal is putting our monarchy onto shrine's shelf with his first great president position.

-=-=-=-=-=-

นาทีนี้บอกได้คำเดียวว่าการสัปยุทธครั้งสำคัญกับ “ระบอบทักษิณ” กำลังเดินมาจนใกล้ถึงฉากสุดท้ายเต็มที ขณะเดียวกันเราก็จะได้เห็นธาตุแท้ หรือตัวตนของคนพวกนี้ได้ชัดเจน ชนิดที่เรียกว่า “ล่อนจ้อน” กันแล้ว เหมือนกับหนังไทยยุคเก่าที่ตอนแรกคนดูนึกว่าเป็นพระเอกแต่พอดูไปเรื่อยๆก็เริ่มจับได้ว่านี่มันผู้ร้ายที่สร้างภาพหลอกล่อให้เข้าใจผิดและในที่สุดถ้าไม่ถูกชาวบ้านขับไล่ก็

จะหักหลังแล้วฆ่ากันเองอะไรประมาณนี้ เพราะยิ่งทอดเวลานานออกไปเท่าใดคนในสังคมยิ่งรู้ทันการโฆษณาชวนเชื่อหรือมุกเก่าๆก็ใช้ไม่ได้ผล แต่เมื่อเดิมพันมันสูงก็ต้องเดินหน้าลุยถั่วกันไป

เรื่อยแต่ก็อย่างว่าเมื่อยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งเสี่ยงเข้าคุกเข้าตะรางหรือฉิบหายป่นปี้เข้าไปทุกที ปฏิเสธไม่ได้ว่าการชุมนุมอย่างปักหลักพักค้างของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมานานกว่า 5 เดือนและเดินหน้าแฉโพยระบอบทักษิณอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังสามารถกดดันให้กลไกทางกฎหมายอำนาจรัฐ ต้องดำเนินการเอาผิดทางกฎหมายตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ แต่ถูกละเลย ถูกครอบงำให้กลับมาเดินหน้าทำงานอย่างได้ผล
จากคำพิพากษาของศาลไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลอาญา ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ และคำตัดสินขององค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในหลายคดียิ่งสร้างความสั่นสะเทือนให้กับ ทักษิณ และเครือข่ายอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่ว่าจะเป็นคดีโกงภาษีหุ้นชินวัตรฯ ที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ถูกศาลอาญาประเดิมตัดสินจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา และแสบสันต์ไปกว่านั้นก็คือในคำพิพากษาได้อบรมสั่งสอนให้ได้อายแทบแทรกแผ่นดินก็คือ “คนที่มีสถานะทางสังคมสูงเป็นภริยาของผู้บริหารประเทศแต่กลับไม่ทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี” และยังมีเนื้อหาสำคัญก็คือจำเลยมีทรัพย์สินมากมายแต่เงินภาษีแค่ไม่เท่าไหร่กลับหลีกเลี่ยงไม่ยอมเสีย คดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาภิเษกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเวลา 2 ปีโดยไม่รอลงอาญาและในคำพิพากษาก็ได้อบรมบ่มนิสัยอีกรอบทำนองทำตัวไม่สมกับที่สังคมไว้วางใจเป็นผู้บริหารประเทศ ยังมีอีกหลายคดีที่ทยอยค้างคาอยู่ในศาลอีกเพียบเช่น คดีทุจริตหวยบนดิน กล้ายาง เงินกู้เอ็กซิมแบงก์ให้พม่า 4 พันล้านบาท เป็นต้นและยังไม่นับหมายจับอีกไม่ต่ำกว่าอีก 4-5 คดี คดืความต่างๆสรุปความเสียหายโดยคตส.ไว้โดยประมาณเท่าที่มีหลักฐานไว้สูงถึงประมาณสองแสนล้านบาท นอกจากนี้บรรดาเครือข่ายทั้งหลายต่างก็ร่วงผลอยกันเป็นพรวนไม่ว่าจะเป็นหุ่นเชิดรุ่นแรกอย่างนายสมัคร สุนทรเวชที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ความผิดกรณีทำรายการชิมไปบ่นไป ล่าสุดมาถึงยุค “น้องเขย” สมชายวงศ์สวัสดิ์ ก็มีชะตากรรมทรามไม่แพ้กันและต้องรับผลพวงมาจากรัฐบาลก่อนทั้งในฐานะที่ร่วมอยู่ในขบวนการเครือญาติหรือร่วมในคณะรัฐบาลมาตั้งแต่ต้นกำลังเผชิญวิบากไล่หลังเข้ามาทุกที คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญและศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้มติครม.ที่เห็นชอบรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาผิดกฎหมายกำลังถูกคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ตั้งอนุกรรมการสอบสวนเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีกรณีถือหุ้นบริษัทล็อกอินโฟร์ เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงเมื่อครั้งเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรมกรณีค่าธรรมเนียมศาลธัญญบุรี 70 ล้านบาทแถมล่าสุดยังโดนถล่มเรื่องคลิป “คนหน้าเหมือนสมชาย” ควงสาวไม่ซ้ำหน้าเข้าโรงแรมม่านรูดในเวลาราชการท้าทายจริยธรรมเข้าไปอีก

หลายฝ่ายสรุปตรงกันว่าจะทำให้ระบอบทักษิณสั่นคลอนและพังทลายลงในที่สุดก็คือกรณีเครือข่าย “กลุ่มเสื้อแดง” ในสารพัดชื่อที่มีแกนนำหลายคนขึ้นเวทีสนามหลวงแล้วกระทำการบังอาจจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่ปรากฎมาก่อนและต่อมาเมื่อถูกกดดันจากสังคมโดยเฉพาะจากกลุ่มพันธมิตรฯส่งเสียงโวยวายทำให้เจ้าหน้าที่ต้องออกหมายจับกันหลายคนบางคนได้รับการประกันตัว บางคนก็หลบหนีเตลิดเปิดเปิง ขณะเดียวกันยังมีเว็บไซต์ นิตยสาร ใบปลิว วิทยุชุมชนผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเมื่อสืบสาวต้นตอก็ล้วนมาจากกลุ่มเดียวกัน คนเหล่านี้เมื่อเชื่อมโยงลึกลงไปอีกล้วนเคลื่อนไหวสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น
ประกอบกับไม่รู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกออกคำสั่งฐานะรองผู้อำนายการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)ให้ทุกหน่วยขึ้นตรงคุมเข้มและจับตากลุ่มที่จาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพร้อมทั้งทำหนังสือไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาดประเภทเจอที่ไหนจับที่นั่น หูตาเหลือกกันไปหมดแม้เป็นปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวที่มาช้าแต่ก็ถือว่าได้ผลชะงัด หยุดกึกกันเป็นแถว เมื่อสถานการณ์เลยเถิดถูกต้อนเข้ามุมมาถึงขั้นนี้แล้วมันก็ต้องดิ้นรนเพราะอย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่ามันเดิมพันสูงหมายถึงคุกและทรัพย์สินกำลังจะถูกริบเข้าหลวงมันก็ต้องทำทุกวิถีทาง
งานนี้เปิดหน้าเห็นตัวตนแล้วและต้องทุ่มทุนสร้างกันเต็มที่ แต่เมื่อสถานการณ์มันเริ่มเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อนกุมสภาพไม่ได้ส่วนใหญ่ต้องสั่งผ่านนายหน้าซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาต้องมีรายการ “แปลงสาร” อมหัวคิวผลงานไม่ค่อยคุ้มราคาแถมสมุนลิ่วล้อเริ่มถอยฉากเพราะกลัวติดร่างแหไปด้วยเหลือแต่ระดับฮาร์ดคอร์ลูกคู่ของแท้ถึงไหนถึงกัน

-- ศาลฮึ่ม"แม้ว"หมิ่นฯเจอแน่
-- ทักษิณ คุณหนีไปเอง...ไม่มีใครอุ้มคุณขึ้นเครื่องทั้งครอบครัว...และไม่มีใครบังคับให้คุณไปด้วย...แต่คุณเลือกที่จะหนีเองเพราะรู้ว่าเงินไม่สามารถซื้อศาลได้ทั้งหมด...แล้วจะมาโอดครวญ
-- สันติอหิงสาใช้กับไอ้นี่ไม่ได้หรอก คนสันดานมันชั่วสุดๆ เจ้าคิดเจ้าแค้น ต้องเอาคืน ถ้ามันยังอยู่ มันก็ป่วนประเทศเรื่อยๆ เรื่องคงไม่ได้บง่ายๆ หรอก เอาให้หายไปจากโลกนี้เพียงคน
-- เราต้องการ นายก และรัฐมนตรี เป็นคนดีมีศีลธรรม มีจริยธรรม อยากจะเห็น ข้าราชการไทย ตำรวจไทย ทหารไทย นักการเมืองไทย มีจริยธรรมและศีลธรรม เลิกโกงกินคอรัปชั่น มุ่งหน้ามาช่วยกันทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองสมเป็นเมืองของไทย พวกเราชาวไทยเกิดเมืองไทยและตายเพื่อไทย เรากลัวไปว่าจะไม่มีประเทศไทยให้หลงเหลือเพื่ออยู่อาศัย
-- ใครไปห้ามทักษิณไม่ให้กลับประเทศไทยไปไหนมาไหนไม่เห็นใครมีอำนาจไปห้ามได้เลย การที่สามารถไปไหนมาไหนได้นี้เองจึงได้กล้ากระทำต่อประเทศชาติตนเองได้ถึงเพียงนี้ เพราะหากกระทำไปแล้วมีคนจับได้ก็หนีไปประเทศอื่นได้อย่างสะดวกสบาย การขอให้ไนหลวงช่วยให้กลับประเทศ จึงเป็นเพียงการเล่นลิ้นเพื่อเรียกความสนใจหรือเพื่อเรียกน้ำตาจากประชาชนหางแดง ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ก็กลับมาเมืองไทยก็ได้เหมือนคนไทยทุกคน แต่ก็ต้องกลับมาสะสางคดีเหมือนกับคนไทยทุกคนที่เมื่อกระทำผิดแล้วก็ต้องรับผิด ไม่ใช่ถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่นทำผิดแล้วแต่ไม่ยอมรับโทษ
-- คำพูดของแม้วแสดงจิตใจที่ยังไม่สำนึกผิดแม้แต่น้อยยังคิดกลับมาเอาชนะ แม้ทำบ้านเมืองจะพินาศย่อยยับคนคนนี้อันตรายใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองและคนไทยจริง ถ้าเป็นคนปกติจะคิดทบทวนและสำนึกแต่นี่ยังหน้าด้านและคำพูดยังซ่อนรหัสทำลายล้าง มุ่งให้มีการมาชนกัน วีระมาแอบอ้างแนวคิดราชประชาสมาสัยในมุมกลับ พี่น้องต้องพิจารณาให้รู้เท่าทันเจตนาชั่วมุ่งให้ขัดแย้งกัน คนโรคจิตอันตรายทำลายชาติตนเองแบบสองคนนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
-- “อดีตโฆษก คตส.” ตอกย้ำ “นช.แม้ว” คือผู้ที่ก่อกรรม ส่วนศาลเป็นผู้ชี้กรรม เปรียบอดีตผู้นำผู้ร้ายปากแข็งตัวจริง สวนกลับหากศาลไม่ยุติธรรมทำไมยังใช้กระบวนการยุติธรรมฟ้องคนอื่นได้
-- ทักษิณระบุว่าคนที่จะสามารถเอาตัวเองกลับมาเมืองไทยได้คือสถาบันสูงสุดและประชาชนนั้น นายอุดม เฟื่องฟุ้งกล่าวว่ามวลชนไม่สามารถมีสิทธิอยู่เหนือศาล
-- “สนธิ” แฉขบวนการ “ปีศาจแม้ว” แก้ รธน.-นิรโทษคืนอำนาจ
-- “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” วิเคราะห์คำพูด “ทักษิณ” โฟนอินระบุละเมิดศาล-เบื้องสูง เป็นการประกาศสงครามพร้อมต่อรองในตัวโดยใช้มวลชนเป็นเครื่องมือ ชี้ความแตกต่างม็อบพันธมิตรฯ–นปก.8 ประการโดยเฉพาะประเด็นเรื่องภารดรภาพและที่มาของเงินสนับสนุนอัดนักวิชาการ-สื่อที่ออกมาขู่ว่าคำพูดของแกนนำทำให้คนน้อยลง ยันพันธมิตรฯมาเมื่อมีภัยและกลับไปทำงานเมื่อสถานการณ์สงบเพื่อนำเงินมาหนุนต่อ “ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเรียกขานประชาชนว่า ‘พสกนิกรของพระองค์’ ถ้าเป็นระบอบทุนนิยาสามานย์เรียกว่า ‘ประชาชนของผม’ อย่างเช่นแถลงการณ์ของทักษิณวันที่ 22 แล้ววันนี้มาอ้อนประชาชนของผมว่าพี่น้องประชาชนของผมจะเก็บผมไว้เมืองนอกสิบปีเชียวหรือ”
-- โฆษกพรรค ปชป.ตอกแผน “แม้ว” ใช้พลังมวลชนดึง 2 สถาบันเผชิญหน้าหวังแก้ปัญหาตัวเอง ชี้เหตุสัมภเวสีต่างแดนไม่เกี่ยวกับรัฐประหารเย้ยให้ยอมรับโทษก่อนขอพระราชทานอภัยโทษ " พรรคเห็นว่า ทักษิณสมควรได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกับคนไทยทุกคนรวมไปถึงทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่ได้มาโดยทุจริตก็สมควรได้รับคืน ส่วนการขอพระเมตตาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นการกระทำที่พยายามแสดงออกถึงความจงรักภักดีแต่การขอพระราชทานอภัยโทษนั้นต้องเกิดขึ้นหลังจากยอมรับโทษก่อนต้องยอมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเพราะสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ในคดีที่ดินรัชดาฯได้ภายใน 30 วันตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ... เราต้องดูคำพูด สิ่งที่อยู่ในใจและพฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้ และเครือข่ายระบอบทักษิณว่ามีความจริงใจที่จะให้บ้านเมืองสงบสุขหรือไม่ ขบวนการปลุกระดมสร้างความวุ่นวายโจมตีสถาบันให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามและใช้ความรุนแรงกับฝ่ายตรงข้ามรัฐ", นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเนื้อหาการโฟนอินของทักษิณว่าเป็นความคิดเห็นที่เห็นแก่ตัวโดยดึงสถาบันลงมา ตามกระบวนการยุติธรรมทักษิณสามารถกลับประเทศไทยได้ทุกเวลาเพื่อต่อสู้คดี ทักษิณรู้ดีว่าได้ทำอะไรไว้บ้างและสังคมไทยอยากให้ท่านกลับมาต่อสู้คดีโดยเร็วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะสู้คดีความในชั้นศาลและที่ผ่านมาก็เคยฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในคดีที่คนอื่นหมิ่นประมาทเป็นหมื่นล้านบาท พอศาลสั่งจำคุกกลับไม่กล้าที่จะกลับมาต่อสู้คดีทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าทำเรื่องระคายเคืองให้พระองค์ท่านแล้วยังไม่สำนึกผิด
-- แกนนำพันธมิตรฯ ประณาม “สมชาย” วางเฉยปล่อย “นักโทษแม้ว” โฟนอินกลางฝูงชนเปิดทางใช้สื่อรัฐเป็นกระบอกเสียงดึงสถาบันเบื้องสูง-ดิสเครดิตศาล แฉแผน “แม้ว” ขอถวายฎีกา-อภัยโทษ จี้จริยธรรมแสดงความรับชอบคลิปฉาวสะท้านเมือง
-- "ผมขอฝากไปถึงนายวีระ มุสิกพงศ์ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ออกมาเรียกร้องให้ร่วมกันต่อต้านรัฐประหาร ควรไปกระซิบบอกทักษิณ ให้หยุดท้าทายศาลและสถาบันเบื้องสูง ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขในการรัฐประหาร" นายสุริยะใสกล่าว การที่ทักษิณ พูดว่าจะกลับประเทศไทยได้เพราะพระบารมี ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรมองว่าถือเป็นประเด็นที่อันตรายเพราะประชาชนรากหญ้าอาจจะเข้าใจสับสน และตีความว่าทักษิณมีความขัดแย้งกับสถาบันเบื้องสูงจนถูกขับออกจากประเทศ ทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก ร่างกายทรุดโทรม ดังนั้นการสานเสวนาจึงเกิดไม่ได้ เพราะหัวขบวนของ นปช.ยังใส่ร้ายป้ายสีกระบวนการยุติธรรม การโฟนอินของทักษิณเป็นความพยายามแสดงพลังให้สังคมโลกเห็นว่าตัวเขามีมวลชนศรัทธาและนับถือซึ่งจะทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยจะมีความขัดแย้งคุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง
-- นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงท่าทีของทักษิณ ที่ระบุในการโฟนอินว่าจะกลับไทยได้ด้วยพระบารมีและพระเมตตาว่า ท่าทีของ ทักษิณชัดเจนว่าจะใช้กระบวนการราชประชาสมาสัยให้การช่วยเหลือให้ตัวเองพ้นผิดคือการให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากแล้วเรียกร้องให้ขอพระราชทานอภัยโทษ แต่โดยหลักกฎหมายแล้ว การขอพระราชทานอภัยโทษนั้นผู้นั้นต้องได้รับโทษอยู่ก่อนแล้วจึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ หรืออีกกรณีหนึ่งคือเรียกร้องให้รัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ทักษิณแต่แนวทางนี้ก็ขัดรัฐธรรมนูญเพราะการจะนิรโทษกรรมจะทำเพื่อคนคนเดียวไม่ได้
-- นายโคทม อารียาผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าจากการจับใจความเนื้อหาก็พอรับได้ แต่ก็ค่อนข้างไปทางลบไม่ได้ช่วยให้เกิดการคลี่คลายสถานกรณ์ความรุนแรงในประเทศได้เลย

ถ้าเป็นแบบนั้นจริงงานนี้นอกจากเราจะได้เห็นตัวตนที่ชัดเจนของเขาแล้วยังต้องมีคนที่รับผิดชอบเต็มๆแน่นอนไล่ไปตั้งแต่นายกรัฐมนตรีตรีลงไปกันกราวรูดแน่