คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
| |
ศรีสะเกษ - ทหารไทย “ผามออีแดง” จับตาเขมรเข้ม หลังศาลโลกสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ถอนทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ขณะทหารเขมรซุ่มเงียบ มีเพียงเสียงโห่ฮาดังขึ้นที่บริเวณชุมชนทางขึ้นปราสาท ขณะ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ รุดตรวจพื้นที่เชื่อเขมรไม่กล้าก่อสงครามขัดคำสั่งศาลโลก ส่วนผู้นำท้องถิ่น“กันทรลักษ์”ไม่ต้องการให้ไทยถอนกำลังพ้นเขาวิหาร ระบุไทยเสียเปรียบหนักสูญพื้นที่มหาศาลลึกเข้ามาถึง “ผามออีแดง” เขตอุทยาน ชี้ ศาลโลกวินิจฉัยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงตามภูมิประเทศที่ต้องยึดสันปันน้ำ ระบุ ควรให้เขมรถอนทหารพร้อมพลเรือนและรื้อชุมชนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขาวิหารด้วย วันนี้ (18 ก.ค.) เมื่อเวลา 16.15 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ภายหลังศาลโลกมีคำวินิจฉัยออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในคดีปราสาทพระวิหาร โดยให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ล่าสุด พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.กันทรลักษ์ และคณะ ได้ขึ้นไปตรวจติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เขาพระวิหารที่บริเวณผามออีแดงดังกล่าว ซึ่งเป็นจุดตรวจการณ์ที่สามารถมองเห็นบริเวณตัวปราสาทพระวิหารได้อย่างชัดจน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 มาคอยอำนวยความสะดวกและให้การต้อนรับ ซึ่งบรรยากาศโดยทั่วไป พบว่า สถานการณ์บริเวณเขาพระวิหารยังคงปกติ โดยทหารไทยและทหารกัมพูชายังตรึงกำลังอยู่ที่บริเวณเขาพระวิหารตลอดแนวเช่นเดิม และไม่มีความเคลื่อนไหวทางทหารแต่อย่างใด มีเพียงเสียงโห่ฮาของทหารกัมพูชาอยู่ที่ชุมชนชาวกัมพูชาบริเวณเชิงบันไดทางขึ้นปราสาทพระวิหารด้านทิศตะวันตก ซึ่งทหารไทยได้เฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาอย่างใกล้ชิด พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนเขาพระวิหารโดยภาพรวมยังคงปกติ ไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังทหารของฝ่ายกัมพูชาแต่อย่างใด ซึ่งมั่นใจว่า ในห้วงระยะเวลานี้ทางฝ่ายกัมพูชาคงไม่กล้าที่จะก่อสงครามกับฝ่ายไทย เนื่องจากจะขัดต่อคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลกที่ให้ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร “ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ จะได้ร่วมกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทำการซักซ้อมแผนการอพยพชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารไปอยู่ในที่ปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา” พล.ต.ต.เสริมสุข กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกัน ที่บริเวณสามแยกบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีชาวบ้านภูมิซรอลพากันมาจับกลุ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์เขาพระวิหาร ซึ่งชาวบ้านส่วนมากมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น เนื่องจากเชื่อว่าการที่ทหารไทยและทหารกัมพูชาต่างต้องถอนกำลังออกมาจากบริเวณเขาพระวิหารตามคำสั่งของศาลโลก อย่างน้อยจะทำให้ไม่มีการปะทะกันขึ้นในห้วงระยะเวลานี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่จากหลายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้มาสังเกตการณ์ดูความเคลื่อนไหวบริเวณบ้านภูมิซรอล ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณปราสาทพระวิหาร แต่สถานการณ์ยังคงปกติ นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ฝ่ายไทยถอนกำลังทหารออกมาจากบริเวณเขาพระวิหาร แม้ว่าจะมีคำสั่งของศาลโลก ทั้งนี้เนื่องจากขณะนี้ฝ่ายกัมพูชารุกคืบเข้ามาในเขตแดนไทยมาก ตนอยากให้ศาลโลกพิพากษาโดยยึดความเป็นจริงของสภาพภูมิประเทศที่ขณะนี้ทหารกัมพูชาและชาวกัมพูชาขึ้นมาอยู่บนเขาพระวิหาร โดยที่ตามความเป็นจริงของการปักปันเขตแดนต้องยึดสันปันน้ำเป็นหลัก ฉะนั้นกัมพูชาจะต้องลงไปอยู่ด้านล่างของเขาพระวิหารหลังเขตสันปันน้ำเขาพระวิหารจึงจะถูกต้องตามความเป็นจริง นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ในทางปฏิบัติหากยึดตามคำสั่งมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก ดูตามความเป็นจริงแล้ว พบว่า ตามพื้นที่ที่ให้มีการถอนกำลังทหารออกมานั้น ฝ่ายไทยค่อนข้างเสียเปรียบมาก เนื่องจากต้องสูญเสียพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผามออีแดง ออกไปมากกว่าครึ่ง รวมทั้งบริเวณสถูปคู่ด้วย ซึ่งตามแผนที่ของกัมพูชาจะลากยาวไปถึงช่องตาเฒ่าและถึงภูมะเขือ ซึ่งทำให้ไทยเสียดินแดนไปจำนวนมาก จึงน่าจะมีการคำนึงถึงข้อเท็จจริงและอยากให้รัฐบาลไทยแย้งในส่วนของแผนที่กัมพูชาที่ให้ถอนกำลังทหารออกไป เนื่องจากไทยเสียเปรียบและเสียดินแดนหรือพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทางด้าน นายทิวา รุ้งแก้ว ประธานคณะกรรมการเพื่อพัฒนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ศาลโลกให้ทหารไทย และทหารกัมพูชา ถอนกำลังออกจากบริเวณเขาพระวิหารนั้น ทหารกัมพูชาควรถอนเอาพลเรือนที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่บริเวณพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ออกไปด้วย เนื่องจากบรรดาพลเรือนชาวกัมพูชาเข้ามาสร้างชุมชน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ยึดครองในพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ถือว่าเป็นการสร้างวัดของกัมพูชา ดังนั้น จึงควรรื้อถอนออกไป พร้อมกับกำลังทหารของกัมพูชาด้วย ไม่เช่นนั้นถือว่ากัมพูชาเล่นเล่ห์ในการใช้โล่มนุษย์เข้ายึดครองเขตแดนที่บริเวณเขาพระวิหารอยู่ต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า แม้ว่าศาลโลกจะมีคำวินิจฉัยออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร แต่ปรากฏว่า ฝ่ายกัมพูชาได้มีการเสริมรถถังเข้ามาไว้ที่ตลอดแนวเขาพระวิหาร เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเกรงว่าอาจเกิดการปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทยได้ตลอดเวลา
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น