17 กรกฎาคม 2554

กกต.สร้างเงื่อนไขความตึงเครียด-วุ่นวาย

       
       กลายเป็นเรื่องเกิดความตึงเครียดขึ้นมาจนได้หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้แขวนผู้สมัคร ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งจำนวนเพียงแค่ 358 คนทำให้ไม่ครบจำนวน 95 เปอร์เซ็นต์จึงเปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไม่ได้ อีกทั้งว่าที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมไปถึงนักการเมืองคนสำคัญอื่นๆอีกหลายคน หรือแม้แต่แกนนำคนเสื้อแดงถึง 11 คนก็ยังถูกแขวนรวมกันไปด้วย
       
       แม้ว่าเป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้งที่ต้องมีการทุจริต ซื้อเสียง ทำผิดกฎหมายสารพัด มีทั้งการร้องเรียนการจับได้คาหนังคาเขา ก็ต้องดำเนินการกันไป แต่กรณีที่เกิดขึ้นกับ กกต.เที่ยวนี้มันคนละเรื่องและต้องบอกว่า กกต.นี่แหละที่เป็นต้นเหตุของการสร้างปัญหาทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่ทำหน้าที่รักษากฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดนั่นเอง
       
       หากพิจารณาเริ่มตั้งแต่วันที่รับสมัคร ส.ส. กกต.ก็ได้รับรองคุณสมบัติของผู้สมัครที่มีปัญหาไปก่อน แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นช่วงฉุกละหุกมีงานอื่นที่ต้องทำ ยุ่งจน “มือเป็นระวิง” ต้องปล่อยไปก่อนเพื่อให้ทันเปิดประชุมสภาภายใน 30 วัน แต่ระหว่างการหาเสียงที่มีเวลาเป็นเดือนก็ไม่ทำอะไรจนกระทั่งมีการประกาศผลคะแนนจึงค่อยมีการประกาศ “แขวน”
       
       นี่ไม่ได้พูดถึงกรณีสำคัญทั้งที่เป็นกรณีของว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ และว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ รวมไปถึงพวกแกนนำคนเสื้อแดงอีก 11 คนที่ถูกแขวนพร้อมกันอันเป็นผลมาจากเรื่องการถูกร้องเรียน ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งสารพัด ซึ่งมาประกาศเอาในช่วงเข้าได้เข้าเข็ม เป็นอีกอารมณ์หนึ่งไปแล้ว กลายเป็นว่า กกต.กำลังตกเป็นเครื่องมือของ “อำนาจภายนอก” เพื่อขัดขวางไม่ให้พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล ทั้งที่ได้รับเลือกจากชาวบ้านอย่างท่วมท้น ซึ่งจริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น
       
       การที่บอกว่าจะมีการประกาศชี้ขาดในรอบต่อไปวันที่ 19 กรกฎาคม หรือรอบที่ 3 ในเดือนสิงหาคม มองอีกมุมหนึ่งมันก็เหมือนกับการแก้เกี้ยวเท่านั้น เพราะหลายคนมองออกว่าพวกที่ถูกแขวนก็จะได้รับการรับรองจนกระทั่งสามารถเปิดสภาได้ตามกฎหมาย กลายเป็นถูกมองว่านี่คือ “การยื้อ” สร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านโดยไม่จำเป็น เพราะหากพิจารณาอีกมุมหนึ่งในเมื่อพิจารณาไม่ทัน อ้างว่ามีหลักฐานต้องพิจารณาให้รอบคอบรัดกุม แต่คำถามก็คือทำไมไม่ปล่อยไปก่อนทั้ง 500 คนแล้วค่อยมาสอยกันภายหลัง เพราะไหนๆ ก็ทำอะไรไม่ทันอยู่แล้ว ที่สำคัญเป็นการถูกด่าว่า “ห่วยแตก” พร้อมกันรอบเดียว
       
       นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าการทำงานของ กกต.เข้าข่ายไร้มาตรฐาน ไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้นก็เห็นจะได้แก่การ “ตัดสิทธิ” ชาวบ้านกว่า 2 ล้านคนกรณีเคยลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขตเมื่อปี 2550 แต่ที่ผ่านคนเหล่านั้นก็ไม่ได้ไปแจ้งเปลี่ยนแปลงแก้ไข ขณะที่ กกต.ก็ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นที่เข้าใจ กลายเป็นว่าเมื่อถึงวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 พวกเขาก็ใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ได้ ซึ่งจำนวนกว่า 2 ล้านคนมันก็มีจำนวนไม่น้อยสามารถเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งได้อย่างมีนัยสำคัญ
       
       นี่คือปัญหาที่หากมีการบริหารจัดการที่ดีก็น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที อย่างไรก็ดีเรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นปัญหาตามมา อาจส่งผลถึงสถานะของ กกต.รวมไปถึงมีผลต่อการเลือกตั้งที่มีปัญหาตามมาก็เป็นได้
       
       เมื่อกล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งก็ต้องบอกว่าในครั้งนี้ถือว่า “ห่วยแตก” ขาดความน่าเชื่อถือเท่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าภาพโดยรวมจะออกมาในทางสงบเรียบร้อยก็ตาม แต่เท่าที่เห็นปรากฎว่าเต็มไปด้วยการทุจริตซื้อเสียงกันอย่างมโหฬาร แต่กลายเป็นว่าไม่มีผู้สมัครที่ซื้อเสียง หรือคนที่ถูกร้องเรียนว่าทุจริตการเลือกตั้งสักคนเดียวที่ถูก กกต.ชูใบเหลืองและใบแดงสักคนเดียว มันเป็นไปได้อย่างไร (เพิ่งมาชูใบเหลืองให้กับผู้สมัคร ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย)
       
       ทั้งที่น่าจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม แม้ว่าอาจเป็นการทำลายบรรยากาศไปบ้าง แต่ถ้ามีหลักฐานการทุจริตอยู่ในมืออย่างพร้อมมูลอยู่แล้วมันก็สามารถ “ตัดเกม” ไปก่อนล่วงหน้า เพราะในเวลานั้นยังไม่รู้ผลคะแนนเลือกตั้ง ข้อกล่าวหาทำนองว่าเป็นการ “ขัดขวาง” ของพวก “อำนาจภายนอก” จะมีน้ำหนักน้อยลงไป 
       
       การประกาศแขวนว่าที่ ส.ส.อีก 142 คน ซึ่งในจำนวนมีบุคคลที่สำคัญเป็นที่จับตามอง ที่สำคัญเป็นการสร้างเงื่อนไขจนทำให้เกิดความวุ่นวายตามมาได้ทุกเมื่อ ทำนองว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” แม้ว่าคนพวกนี้จะมีความผิดชัดเจน แต่กลายเป็นผิดเพี้ยนไปอีกอารมณ์หนึ่งกันไปแล้ว ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่คนไม่น้อยต้องมองออกมาแบบนั้นจริงๆ ซึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นแบบนี้มันก็โทษใครไม่ได้นอกจาก กกต.เท่านั้น
       
       เพราะในที่สุดแล้วคนที่ถูกแขวนพวกนี้ในที่สุดก็ต้องปล่อยไป แต่ก็จะถูกมองอีกว่าเป็นเพราะถูกกดดันจากภายนอก เท่าที่เห็นก็เริ่มมีการข่มขู่จากคนเสื้อแดงออกมาแล้วทำนองว่าถ้ายังยื้ออีกก็มีเรื่องแน่ ซึ่งมันก็เป็นไปได้ เพราะเป็นการทำงานที่ไร้มาตรฐานของ กกต.ที่ไม่กล้าตัดสินใจมาตั้งแต่แรก ปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนกระทั่งเกิดความตึงเครียดรวมไปถึงอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายตามมาภายหลัง!!

ไม่มีความคิดเห็น: