ในห้วง 2 ปีที่ผ่านมาเราเกิดวิกฤตการเมืองเพื่อพลิกผืนแผ่นดินไทยให้ปราศจากทุจริตคอร์รัปชันควบคู่กับธำรงรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสืบต่อไปที่ส่อให้เห็นว่าความขัดแย้งทวีความรุนแรงจนอาจนำไปสู่สงครามการเมืองทั้งมีการดึงเอากองทัพเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่หลายครั้งเกิดจากระบอบทักษิณ และเป็นตัวแทนระบอบนี้พยายามจะทำลายฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ จึงเกิดการต่อสู้ขึ้นมีการใช้อาวุธสามัญข้างถนน พัฒนาเป็นปืน และอาวุธสงครามจนมีคนเจ็บคนตาย จนกระทั่งต้องยึดสถานที่สำคัญของรัฐ และท่าอากาศยานฯ อันเป็นโครงสร้างเศรษฐกิจของชาติให้เป็นการประท้วงรัฐบาลขั้นรุนแรงที่สุดที่มีคนนับหมื่นๆ คนต้องชะตากรรมเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ด้วย การมองวิกฤติของความขัดแย้งเป็นการช่วงชิงอำนาจกับผลประโยชน์เหล่านั้นอยู่ "เป็นการต่อสู้ทางความคิด" ถ้าเพียงแค่คู่กรณีเล่นกันเองมันไม่ลุกลามเป็นวิกฤติขนาดนี้ แต่วันนี้มันมี "มวลชน" และ "ประชาชน" ซึ่งไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆโดยตรงแต่ก็ถูกทำให้ต้องเลือกข้างมาต่อสู้กันคนที่มาชุมนุมพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้เป็นเป็นคนที่มาสนับสนุนให้บ้านเมืองถอยหลัง ไม่เป็นประชาธิปไตยหรือเป็นอำมาตยาธิปไตยนั้นแต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่หรือในทางกลับกันคนที่สนับสนุนทักษิณบางคนจะเป็นคนที่อยากได้ใคร่ดีและได้รับการปูนบำเหน็จเขาก็มีความเชื่อของเขาจริงๆ ว่า ประเทศจะเดินไปได้ดีกว่า ถ้ามีรัฐบาลที่ทำอะไรรวดเร็ว ไม่ต้องยึดติดอยู่กับกฎกติกา แม้จะมีการคอร์รัปชั่นบ้างก็ไม่เป็นไร... ถ้าเรามีวุฒิภาวะเพียงพอสังคมของเราก็จะสามารถก้าวขึ้นไปอีกระดับหนึ่งโดยสังคมไทยกำลังต้องการการบังคับใช้กฎหมาย รักษาระบบนิติรัฐและผลประโยชน์ส่วนรวม และแต่จะต้องตอบสนองความต้องการและแก้ปัญหาให้ประชาชน ชาวบ้านก็จะไม่ยึดติดกับตัวบุคคล ไม่ต้องทำให้ใครคนหนึ่งคนใด
“สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจ คนทั้งประเทศเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้การเมืองเปลี่ยนขั้ว อยากให้ “อภิสิทธิ์” เป็นนายกฯ กว่าร้อยละ 40 แต่หากไม่ติดเงื่อนไขรัฐธรรมนูญต้องการ “อานันท์ ปันยารชุน” เป็นมากที่สุด หวังรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้องชาวบ้านเป็นอันดับ 1
คุณสมบัติของ “นายกรัฐมนตรี” ที่ประชาชนต้องการ คน กทม.ต้องการ คน ตจว.ต้องการ ภาพรวมต้องการ
----------------------------------------------- ---------------- ---------------- ----------------
เป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต/เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม 44.08% 35.49% 39.79%
เป็นคนเก่ง/มีความรู้ความสามารถ/มีความรับผิดชอบ 21.05% 22.58% 21.82%
ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน 9.87% 20.97% 15.42%
มีความเป็นผู้นำ/กล้าคิดกล้าตัดสินใจ ทำงานรวดเร็ว 17.11% 8.06% 2.58%
มีความเป็นกลาง ยุติธรรม /ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว 7.89% 12.90% 10.39%
ปัญหาเร่งด่วนที่ประชาชนอยากให้ “รัฐบาลใหม่” แก้ไข คน กทม.ต้องการ คน ตจว.ต้องการ ภาพรวมต้องการ
----------------------------------------------- --------------- ---------------- ----------------
ปัญหาเศรษฐกิจ /คนตกงาน /ปัญหาปากท้องประชาชน 48.98% 37.17% 43.08%
การปฏิรูปการเมืองให้เป็นระบบอบประชาธิปไตย /ขจัด
คอร์รัปชัน 24.24% 33.63% 28.93%
การท่องเที่ยว /สร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับ
นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย /เพิ่มจำนวนนัก
ท่องเที่ยวให้มากขึ้น 10.63% 12.39% 11.51%
การศึกษาไทย /การให้ทุนสนับสนุน /ยกระดับการศึกษา
ไทยให้ได้มาตรฐาน 6.56% 11.50% 9.03%
สภาพสังคม / ความแตกแยก /สภาพจิตใจของคนไทย 9.59% 5.31% 7.45%
คนไทยทั้งประเทศกำลังเฝ้ารอความหวังจากรัฐบาลชุดใหม่หลังจากที่บ้านเมืองที่เพิ่งรอดพ้นการนองเลือดและสงครามกลางเมืองทั้งจากวิกฤติความแตกแยกในชาติ ยังไม่พ้นปีสภาพัฒน์ชี้ปี52ว่างงานพุ่ง9แสนคนสปส.เตรียมทุ่ม1หมื่นล.ปล่อยลูกจ้างกู้ดบ.ต่ำ ภารกิจท้าทายอันดับแรกคลี่คลายวิกฤติความแตกแยกในชาติ รัฐบาลชุดใหม่ต้องยึดถูกต้องชอบธรรม เที่ยงธรรม ตรงไปตรงมาอย่างเคร่งครัด บรรเทาผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกเพื่อประคองวิกฤติเศรษฐกิจให้ผ่านไปได้ด้วยดี เร่งเรียกความเชื่อมั่นและเกียรติภูมิของประเทศไทยในสายตาชาวโลกให้กลับคืนมาโดยเร็ว และสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและความสงบเรียร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง การปฏิรูปสื่อ ต้องรีบเร่งสลายขบวนการ “ล้มทุน ล้มปืน ล้มเจ้า” ทั้งในเชิงองค์กรและเครือข่ายให้หมดพิษสงไปโดยเร็ววัน เพราะนี่คือต้นตอของ “ฝันร้าย” ของประเทศในวิกฤติเศรษฐกิจของโลกครั้งใหญ่ ทุกฝ่ายจะต้องเห็นแก่บ้านแก่เมืองและช่วยกันประคอง ละทิฐิและยึดผลประโยชน์เพื่อตัวเองโดยไม่คำนึงถึงหายนะ คำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามคาดที่ให้ยุบ 3 พรรคร่วมรัฐบาลกลายเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญ แม้ว่าสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคาร ซึ่งมองการณ์ไกลเล็งเห็นสัญญาณอันตรายในอนาคตจึงมีมติเสนอข้อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นการส่งสัญญาณกดดันอย่างสำคัญและเป็นลางต่อระบอบทักษิณที่เป็นรากเหง้าต้นเหตุที่แท้จริง แต่ทักษิณผู้นำตัวจริงพรรคเพื่อไทยซึ่งกำลังจนแต้มทางการเมืองพยายามดิ้นสุดฤทธิ์หวังพลิกฟื้นสถานการณ์กลับคืนมาจนมีข่าวว่าทักษิณลงทุนโทรอ้อนวอนขอร้องบรรหารและเนวินแต่ทั้งคู่ยันที่จะหันไปจับมือเปลี่ยนขั้วด้วยเหตุผลพิเศษบางประการ ทักษิณฉุนขาดทวงบุญคุณ เนวินหลังไม่ทำตามคำสั่ง“ทุกอย่างจบแล้วครับนาย” เพื่อไทยพยายามแก้เกมถึงกับยอมทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจรัฐไว้ในมือแม้กระทั่งยอมเสนอเก้าอี้นายกรัฐมนตรีล่อแต่คนเขารู้ทันกันไปทั่วแล้วว่าเป็นเพียงหมากเป็นเครื่องมือเพื่อรักษาอำนาจของระบอบทักษิณเท่านั้นหากระบอบทักษิณยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไปบ้านเมืองก็จะเกิดวิกฤติไม่รู้จบ พันธมิตรฯก็จะกลับมาชุมนุมอีกครั้งอย่างเข้มข้นกว่าเดิมเพราะมีจุดยืนชัดเจนรับไม่ได้หากรัฐบาลชุดใหม่จะมีนายกฯหุ่นเชิดระบอบทักษิณ เพื่อไทยเองมันก็ส่งสัญญาณปลุกม็อบเสื้อแดงหวังตีรวนป่วนเมืองย่อมสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ว่าไม่ได้เคารพหลักการประชาธิปไตยตามภาพที่สร้างมาตลอด แต่พร้อมทำเพียงเพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองของนายใหญ่ผู้นำตัวจริงโดยไม่คำนึงถึงอนาคตและความหายนะใดๆ ที่จะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง เพียงเพื่อหาโอกาสพลิกฟื้นสถานการณ์ฟอกผิดคดีทุจริตให้กับทักษิณ และทวงทรัพย์สินที่ถูกฟ้องยึด มูลค่า 76,000 ล้านบาท คืน และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือปูทางให้ทักษิณกลับมาใหญ่อีกครั้ง
ที่ผ่านมาทักษิณ ชินวัตร สามารถรวบอำนาจทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และบริหารเข้ามาด้วยกันก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 แทรกแซงองค์กรอิสระได้ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 อาจกล่าวได้ว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับโปรดเลยก็ว่าได้ แต่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามแทบทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกประหลาดใจใดเลยที่ “ตัวแทน” ของเขาคนแล้วคนเล่าที่พยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ด้วยข้ออ้างต่างๆนาๆ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจึงเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการกลับมาสู่อำนาจอีกครั้งของ ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ ผู้ที่อาสาเป็น พระยาจักรี ผู้เปิดประตูเมืองให้พม่าคือ เหวง โตจิราการ ที่เสนอให้ “ล้มล้าง” รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550 , ฝันร้ายที่ผ่านพ้นกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (บทความของการคาดคะเนอย่างมีเหตุผล) 8 ธันวาคม 2551 http://202.57.155.203/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000144705
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น