พฤติกรรมที่แตกต่างกันต้องควบคุมด้วยมาตรการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐนำมาปฏิบัติในการควบคุมฝูงชนและมาตรการในการดำเนินคดีต่อแกนนำเสื้อเหลืองกับเสื้อแดงที่แน่นอนต้องแตกต่างกัน ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปี 2549 และจากการชุมนุมอันยืดเยื้อยาวนานในรอบหลังอีกประมาณ 193 วันใน 2-3 รัฐบาลที่ผ่านมาของระบอบทักษิณถึงแม้จะได้ก่อความเดือดร้อนให้แก่สังคมส่วนหนึ่งมิใช่น้อยแต่สังคมส่วนใหญ่ก็ยังยอมรับได้ในพฤติกรรมและอุดมการณ์อันแน่วแน่เพื่อประเทศชาติ เป็นฝ่ายถูกกระทำ มีผู้ต้องล้มตายและบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย แต่แกนนำสามารถควบคุมผู้ชุมนุมให้อยู่ในขอบเขตและวินัยที่ดีตลอดเวลา ในขณะที่กลุ่มม็อบแดงมีผู้ชุมนุมไม่ได้มีหัวใจแดงเดือดตามพฤติกรรมที่แสดงออกโดยแกนนำและฮาร์ทคอร์บ้าเลือดเสียทั้งหมดแต่แน่นอนว่ามีคนอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาโดยต้องการให้เกิดความวุ่นวายรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง ปิดการจราจรในจุดสำคัญหลายแห่ง เพียงประมาณ 10 วันคนเสื้อแดงสร้างพฤติกรรมที่เสียหายร้ายแรงมากมายอย่างไม่น่าเชื่อประกาศไล่ล่านายกรัฐมนตรี มีการประกาศให้ค่าหัวเป็นเงินรางวัลในการทำร้ายนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในรัฐบาล รุมทุบทำลายรถประจำตำแหน่งคนสำคัญๆหลายต่อหลายคน ประกาศจะบุกปล้นธนาคารเอาเงินออกมาใช้จ่ายในการชุมนุม เตรียมระเบิดทำลายธนาคารสำคัญและบริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เผาทำลายรถเมล์ประจำทางหลายสิบคัน นำรถยนต์บรรทุกแก๊สเต็มถังถึง 3 คันไปจอดในที่ชุมนุมชนประกาศระเบิดรถแก๊สเผาเมือง ดังนั้นการควบคุมด้วยมาตรการที่ต่างกันสำหรับสองพฤติกรรมที่ต่างกันไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานแต่อย่างใด
สิ่งที่เรียกว่าสองมาตรฐานแท้จริงแล้วมันคืออะไร คนจน คนชั้นกลางหลายคนไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมี ทั้งทางการเงิน การเมืองก็ต้องติดคุก ติดตะรางโดยเร็วและฉับพลัน แต่ขณะที่ลูก ญาติ ตัวของนักการเมืองทำผิดกฏหมายไม่สามารถที่จะทำการเล่นงานได้เลย ยังมีหน้ามาถามอีกว่ารู้ไหมกูลูกใคร
ในความผิดการกระทำอันขัดกันในประโยชน์จากการรับทำหน้าที่พิธีกรรายการทำอาหารทางทีวีซึ่งสมัครรับค่าตัวเดือนละนับแสนบาทในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลับมาประกาศปาวๆว่า"ทำอาหารถูกปลด เป็นกบฏถูกปล่อย" (ดูมันโยนบาปให้คนอื่น) เพียงแค่ชาวบ้านร้านช่องแค่รับงานนอกองค์กรที่ตนทำงานอยู่ด้วยไปทำนอกเวลา ยังได้รับจดหมายตักเตือนจากองค์กรนั้นๆที่เขาสังกัดอยู่ให้ยุติการรับงานนอกเลย แต่นี่เป็นถึงนายกรัฐมนตรียังมีหน้าส่งลิ่วล้อมาร้องแรกแหกกระเฌออีก
คนที่ใช้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ เซ็นรับรองให้ภรรยาสามารถซื้อที่ดินผืนนั้นได้ แล้วตัวเองก็ประกาศเลื่อนวันหยุดโดยไม่จำเป็นไม่เหมาะสมและมีเจตนาฉ้อฉลทำให้ภรรยาไม่ต้องจ่ายเงินภาษีซื้อขายที่ดินส่งผลรัฐเสียรายได้นับสิบล้านบาทเพราะวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่กฏหมายที่ตัวเองแก้ไขไว้จะมีผล พอตัวเองถูกตัดสินจำคุกก็หลบหนีไป คนๆนี้ในวันนี้ให้ร่างทรงมาตำหนิศาลว่าใช้ศาลเดียวตัดสิน ขาดเลยแต่ในความเป็นจริงคนๆนี้ไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแม้กระทั่งการขออุทธรณ์ เพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ระบุว่าศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังเปิดโอกาสให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถอุทธรณ์ได้ในเวลาที่กำหนด น่าจะดีกว่ารัฐธรรมนูญ 2540 เสียอีกที่
พรรคพลังประชาชนโดนศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก็กล่าวหาว่าตุลาการศาลสูงแห่งนี้จงใจกลั่นแกล้งทั้งๆที่เกิดจากความผิดของยงยุทธ ตู้เย็นที่เป็นกรรมการบริหารฯทำความผิดทุจริตการเลือกตั้ง หากเป็นแค่ลูกจ้างขับรถยนต์เกิดเหตุเฉี่ยวชนทำความเสียหายแก่บุคคลอื่นนายจ้างที่ไม่ได้อยู่ด้วยหรือรู้เห็นร่วมการกระทำผิดของลูกจ้างแต่ต้องร่วมกันรับผิดในการกระทำของลูกจ้างผู้กระทำตามการที่จ้างนั้นด้วย อย่างนี้เรียกว่าสองมาตรฐานหรือไม่
หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงต้องมีอันพังพาบไปหลังจากสลายการชุมนุม แกนนำพยายามใส่ไข่ บิดเบือน พยายามยิ่งในการพลิกกลับมาเป็นผู้เสียหายเสียเอง กล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นผู้จัดฉากใส่ร้ายคนเสื้อแดง แต่กระนั้นก็ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนไม่น้อยพร้อมที่จะฟังแต่ในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อเท่านั้นเป็นมวลชนที่ยังอุตส่าห์ลากขาเดินตามแกนนำเสื้อแดงเหล่านี้ยังมีอยู่มากซึ่งแกนนำเองก็หวังจะปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่งรื้อฟื้นพลังเสื้อแดงกลับคึกคักขึ้นใหม่อีกครั้ง แม้ว่าแกนนำขี้เท็จ โกหกหน้าด้านๆครั้งแล้ว-ครั้งเล่า มวลชนที่ยากเอามากๆต่อการชี้แจง-ทำความเข้าใจยังคงออกมาขานรับความเท็จวันนี้จากแกนนำอีกต่อๆไป ทำไงได้...ในเมื่อบรรดากลุ่มคนเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพี่ๆน้องๆของเราทั้งนั้น จะไปจับตัวเอามาผ่ากะโหลกควักสมองออกมาขัดถูด้วยสกอตไบรท์แล้วยัดกลับเข้าไปในกบาลเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในแบบฉับพลันทันทีมันคงไม่ถึงกับง่ายขนาดนั้น ขนาดเอ็นจีโอของมอนเตเนโกรประเทศเล็กๆเกิดใหม่ในยุโรปยังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลสาธารณรัฐมอนเตเนโกรที่ให้พาสปอร์ตแก่ทักษิณเพราะไม่โปร่งใสในกระบวนการออกพาสปอร์ตของมอนเตเนโกรเอง
เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยจึงยกจักแร้ชูประเด็นเรียกร้องหยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ความรุนแรงเพื่อสร้างค่านิยมให้คนไทยได้ตระหนัก ตีขลุมกล่าวโทษขบวนการทางการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหวตามสิทธิ ชี้หน้าด่ากราดไปเสียทุกกลุ่ม เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยควรจะหยุดหลอกตัวองก่อนและเลิกรับจ้างคนอื่นได้แล้ว คนผิดต้องได้รับโทษและคนดีต้องได้รับการสนับสนุน ยกย่อง สรรเสริญ เครือข่ายหยุดทำร้ายประเทศไทยนั่นแหละที่ทำลายประเทศชาติด้วยการปิดหูปิดตาตัวเอง ไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก ยังแยกถูกแยกผิดไม่ได้ ไม่แม้กระทั่งจะบอกสังคมว่าถูกต้องเป็นถูก ผิดต้องเป็นผิด รณรงค์ให้ตายก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ตราบใดที่ยังโกหกและมีคนโง่เชื่อเรื่องโกหกนั้นอยู่ปัญหาก็จะไม่จบ ใครก็ตามที่ยังไม่กล้าประกาศว่า นช.ทักษิณและสมุนเป็นศัตรูของชาติก็อย่าหวังว่าจะพาประเทศออกจากวิกฤตความรุนแรงได้
รัฐธรรมนูญ 2550 ร่างขึ้นมา โดยเอาจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญ 2540 มาปรับปรุงแก้ไขใหม่ แล้วรัฐธรรมนูญ 2540 มีอะไรดีไดโนเหนาะและพวกจึงกระเหี้ยนกระหือรืออยากกลับไปใช้นักหนา ผู้อาวุโสที่เสนอให้นิรโทษกรรม พลิ้วไหว เคยทิ้งทักษิณ โดดขึ้นเวทีพันธมิตรฯ เปิดใจในหนังสือ คนรู้ทัน เปิดโปงพฤติกรรมซ่อนเงื่อนที่แฝงเร้นผลประโยชน์ของระบอบทักษิณก้มลงเลียน้ำลายตัวเองยังจำได้หรือไม่ว่าตัวเองเป็นตัวตั้งตัวตีในการคัดค้านรัฐธรรมนูญ 2540 มาก่อนจนได้ฉายาว่าเป็น“ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี”ติดตัวมาจนบัดนี้ ไดโนเหนาะพูดเหมือนกับว่าข้อกล่าวหาคดีทุจริตประพฤติมิชอบทั้งหลายของทักษิณเกิดจากการถูกกลั่นแกล้ง จนบัดนี้หลายคดีที่กล่าวหาก็ยังไม่เห็นตัดสินใจอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การที่หลายคดียังไม่ตัดสินเพราะต้องใช้เวลาในการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมโดยรอบคอบ แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไม่กล้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองทำให้ศาลต้องจำหน่ายคดีชั่วคราว หรือการเสนอขายทางเลือกพิเศษนายกฯคนกลางของไดโนเหนาะน่าจะเป็นแผนพิเศษให้ขั้วอำนาจใหม่เบียดแทรกเข้ามาหยิบชิ้นปลามัน
ถ้าเรากลับไปใช้รัฐธรรมนูญ 2540 อีกครั้ง... การซื้อตัวส.ส.ยกเข่ง ยกพรรคจะสามารถเกิดขึ้นได้อีกเพื่อยึดครองเสียงข้างมากอย่างผิดปกติในสภา ฝ่ายนิติบัญญัติจะสามารถตรวจสอบดุลและคานอำนาจฝ่ายบริหารได้ยากขึ้นจะต้องใช้ ส.ส. ถึง 2 ใน 5 ในการขออภิปรายนายกฯ และนักการเมืองจะอาจกลับไปใช้วิธีสลับเก้าอี้ปรับตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อหลบหนีการอภิปรายได้ด้วย คนใกล้ตัวนักการเมืองสามารถเป็นหุ้นส่วนหรือถือครองหุ้นบริษัทธุรกิจได้และไม่ต้องแจ้งทรัพย์สินที่ถือครองอยู่ในชื่อผู้อื่นอันจะทำให้ส.ส.หรือส.ว.โกงได้ง่ายขึ้น รัฐธรรมนูญ 2540 ไม่มีบทบัญญัติป้องกันและแก้ไขปัญหาจริยธรรมของผู้ที่มีตำแหน่งแห่งหนไว้ป้องกันภัย บรรดาส.ว.จะกลับไปเป็นสภาหมอนข้างหรือสภาผัวเมียหรือแม้แต่สภาทาสได้อีกเหมือนที่เคย องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลายที่มีจะถูกครอบงำแทรกแซงได้ง่ายๆ ประชาชนจะมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงน้อยลงการเข้าชื่อถอดถอนผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะยากขึ้นจาก 20,000 ชื่อเป็น 50,000 ชื่อ ไม่ต้องประเมินผลกระทบต่อประชาชนเสียก่อนก่อนดําเนินโครงการขนาดใหญ่ๆ หน่วยงานที่มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคไปอยู่ใต้อาณัติของนายทุนนักการเมือง รัฐธรรมนูญ 2540 ไม่บัญญัติให้มีสภาเกษตรกรที่จะใช้แก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร เอกชนบางรายสามารถเป็นเจ้าของผูกขาดกิจการสาธารณูปโภคได้ นักการเมืองสามารถเป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นผู้ถือหุ้นอันเป็นการครอบงำ แทรกแซง บิดเบือนการทำหน้าที่ของสื่อได้ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม การทำงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญจะยากลำบากขึ้น ประชาชนจะถูกปิดช่องทางในการฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยตรงและไม่สามารถฟ้องตรงต่อศาลฎีกา นักการเมืองจะสามารถซื้อเสียงกันแบบตัวใครตัวมัน คตส. และการดำเนินงานของคตส.จะถูกล้มล้างตามไปด้วย
รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงมีบทลงโทษพรรคการเมือง นักการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วยการให้ยุบพรรคการเมือง และลงโทษกรรมการบริหารพรรคที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งไม่ให้มีสิทธิในการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี บทลงโทษดังกล่าวนี้ไม่กระทบกระเทือนต่อพรรคการเมืองใดเลยหากพรรคการเมืองนั้นเล่นการเมืองด้วยความซื่อสัตย์ รัฐธรรมนูญไม่ได้มีความผิดอะไรเลยแม้แต่น้อย ปัญหาความแตกแยกขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวกับมาตราใดมาตราหนึ่งของรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ แต่นักการเมืองเขี้ยวลากดินหากินอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะเกิดนานกำลังทุรนทุรายกับกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ยาแรงที่ทำให้นักการเมืองเหล่านั้นทำมาหากินไม่สะดวก ถูกกักบริเวณ ชาวบ้านรู้เท่าทันนักการเมือง 111 คนรวมไปถึงอีก 109 คนรวมเบ็ดเสร็จ 220 คนเคลื่อนไหวกันอย่างเป็นขบวนการสอดคล้องกันแล้วว่ามีความพยายามเพราะต้องการกดดันแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จให้ได้ ต้องการการนิรโทษกรรมความผิดของนักการเมือง โดยเฉพาะต้องการฟอกผิดคดีทุจริตทั้งหมดให้กับทักษิณ ชินวัตรเป็นหลัก มีทั้งการเคลื่อนไหวจากคนเสื้อแดงและคนนอกสภาผสมโรงเข้ามา ทั้งๆที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่น่าจะเป็นวาระเร่งด่วนสำหรับชาติบ้านเมืองขณะนี้ อย่าไปเข้าใจผิดว่าถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วบ้านเมืองจะแตกแยก การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่ทำเพื่อฟอกคนผิดให้กลับมาถูกต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้นักการเมือง ต้องไม่ยุบองค์กรอิสระ ต้องไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ผลสำรวจออกมาแล้วว่าผู้ที่ทำร้ายประเทศไทยเรามากที่สุดคือนักการเมืองซึ่งถ้าไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญก็อย่าสมัครลงเลือกตั้งเสียก็หมดเรื่อง อย่ามาอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 มาจากเผด็จการทหารเพราะไม่ว่าจะฉบับไหนๆมันก็มาจากผู้ที่ทำการปฏิวัติทั้งสิ้น ดังนั้นการยุบทิ้งรัฐธรรมนูญปี 2550 ไปทั้งฉบับเพื่อกลุ่มนักการเมืองเลวจะได้กลับมารุมปล้นบ้านกินเมืองเหมือนอย่างที่ผ่านมา
ถ้านักการเมืองอาชีพที่ได้อาสาเข้ามาบริหารประเทศตามกระบวนการประชาธิปไตยสามารถกระทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ได้หาเสียงกับประชาชนว่าจะเป็นตัวแทนเข้าไปในสภาเพื่อกำกับดูแลผลประโยชน์ของประชาชนโดยรวมนั้น ประเทศไทยคงไม่ต้องเผชิญกับชะตากรรมถูกทำร้าย กระทำชำเราต่างๆนานาครั้งแล้วครั้งเล่าจากอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างแน่นอน "ปัญหาหลายอย่างก็มาจากการเมือง เมื่อมาจากการเมือง นักการเมืองก็เป็นผู้ก่อ แต่ว่ากรุณาอย่าไปสรุปว่าแปลว่านักการเมืองทุกคน หรือแม้แต่จะไปสรุปว่านักการเมืองส่วนใหญ่ ทุกวงการก็มีคนที่สร้างปัญหา นักการเมืองสร้างปัญหาผลไปตกอยู่กับประชาชนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น ก็เป็นหน้าที่ของพวกเรานักการเมือง แต่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจดีที่จะไม่ให้เกิดปัญหา ก็ต้องมาช่วยกันแก้ไข เน้นถึงเรื่องการใช้ทางสายกลางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะว่าหลายปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกในปัจจุบันนั้น ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาซึ่งเกิดขึ้นจากความสุดโต่งทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความขัดแย้ง หรือเรื่องอื่นๆ" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าว
คลิ๊กอ่าน - เมื่อเอาประชาชนมาทะเลาะกัน ในการเมืองของชาติ - โดย ขวัญสรวง อติโพธิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น