08 กรกฎาคม 2552

พระเจ้าอยู่หัวฯทำได้แค่เพียงหวังให้พวกคุณทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาท









บรรดาลิ่วล้อขบวนการเครือข่ายเพื่อแม้วทั้งหลายต่างฉวยโอกาสออกมากดดันจี้ให้นายกฯอภิสิทธิ์ให้ปลดนายกษิต ภิรมย์พ้นเก้าอี้รมว.ต่างประเทศหลังจากที่นายกษิตถูกฝ่ายตำรวจตั้งข้อหาร้ายแรงและถูกออกหมายเรียกในความผิดฐานก่อการร้ายกรณีร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสนามบินทั้งสองเมื่อปลายปีที่แล้ว
การไม่มีนายกษิตจะทำให้
ทักษิณตกลงผลประโยชน์กับฮุนเซนได้ง่ายขึ้นดังนั้นหากนายกษิตลาออกเท่ากับรัฐบาลยอมถอยในทางนโยบายต่อเขมรและถือว่าเพลี่ยงพล้ำในทางยุทธวิธี ที่น่าจับตามากที่สุดในเวลานี้เป็นเรื่อง
ผลประโยชน์อันมหาศาลในเรื่องปราสาทพระวิหารพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร และดินแดนอธิปไตยของไทย 1.5 ล้านไร่ ตลอดจนผลประโยชน์ทางพลังงานในพื้นที่อ่าวไทยที่ฝ่ายกัมพูชากำลังรุกล้ำอย่างหนัก ซึ่งเชื่อว่าไม่สามารถที่จะเจรจากับนายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ยินยอมในเรื่องเหล่านี้ได้ ในวันนั้นนายกษิต ภิรมย์คราวที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาชุมนุมอยู่บนสะพานชมัยมรุเชฐเสนอทางออกเรื่องปราสาทพระวิหารว่า“ให้ทำหนังสือยกเลิกแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาส่งให้ประเทศกัมพูชาและคณะกรรมการมรดกโลก”ซึ่งถึงวันนี้รัฐบาลก็ยังไม่ได้ทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ช่างบังเอิญว่านายกษิต ภิรมย์ในช่วงหลังไม่ได้เป็นผู้เจรจากับฮุนเซนในเรื่องปราสาทพระวิหารและผลประโยชน์ในอ่าวไทยอีกต่อไป แต่กลับเป็นนายสุเทพ เทือกฯไม่เจรจาเรื่องปราสาทพระวิหารและการรุกล้ำอธิปไตยไทยของเขมรแต่กลับไปเจรจาอย่างขะมักเขม้นในเรื่องผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทยซึ่งดูเหมือนว่าจุดยืนจะไม่เหมือนกับนายกฯอภิสิทธิ์ แต่ทะลึ่งเป็นเป็นความคิดที่เหมือนเป็นพวกเดียวกันกับนพดล ปัสสาวะและสมัคร สุนทรราชไม่ผิดเพี้ยน ฝ่ายกัมพูชามีแต่ได้กับได้มีแต่โอกาสที่จะได้ดินแดนทางบกและทางทะเลตลอดจนพลังงานในอ่าวไทยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ฝ่ายไทยได้แต่นับวันมีแต่ความเสี่ยงที่เสียดินแดนทั้งทางบกและทางทะเลตลอดจนสูญเสียพลังงานในอ่าวไทยเพิ่มมากขึ้นทุกวันเพราะคนที่อยู่ในตำแหน่งหน้าที่คำนึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตนแต่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติตัวเอง คนอย่างนายกษิต ภิรมย์จึงย่อมไม่เป็นที่พึงปรารถนาของคนเสื้อแดงและระบอบทักษิณไม่เป็นที่ต้องการในการเจรจาของฝ่ายกัมพูชาและคนขายชาติยังต้องการกำจัดอีกด้วย

สมัยรัฐบาลเป็นฝ่ายค้านก็เคยเห็นดีเห็นงามในการคัดค้านขึ้นทะเบียนเขาวิหาร ก่อนนี้รัฐบาลเองก็เคยคัดค้านการขึ้นทะเบียนมาตลอดและกัมพูชามันผิดกฎหมายอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกต้องไม่กระทบกับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของอีกประเทศหนึ่ง ไม่มีเขตุกันชน ไม่มีเขตพัฒนา ไม่มีแผนบริหารจัดการ ผิดหลักการคุ้มครองมรดกโลก กัมพูชาจะทำได้จะต้องได้รับการสนับสนุนจากไทยอย่างแรงกล้า กัมพูชาจะไม่ผิดหลักการถ้ารัฐบาลไทยจะขึ้นร่วมจดทะเบียนให้กัมพูชา รัฐบาลไทยจะยื่นแผนที่ของรัฐบาลไทยตอนนี้มันไม่ทันกรรมการมรดกโลกจะดูแผนที่ทั้ง 2 ถ้ารัฐบาลไทยจะเข้าไปจดทะเบียนร่วมตั้งแต่แรกแล้วบอกว่าแผนที่ไม่เหมือนกันกลับไปตกลงกันก่อนถึงจะต้องยื่นพร้อมกัน

ถ้ารัฐบาลไทยคัดค้านจริงไทยต้องไม่เข้าประชุมตามข้อ 14 คือการไม่ไปสเปญของสุวิทย์ คุณกิตติแล้วออกมาบอกคนไทยว่าได้ประโยชน์อย่างโน้นอย่างนี้เป็นเรื่องเก่ามีอยู่แล้วในคำตัดสินของคณะกรรมการในการประชุมมรดกโลก การขึ้นทะเบียนของกัมพูชาจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ส่งเอกสารคำยืนยันทั้งหมดต่อศูนย์มรดกโลกในเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 การเลื่อนขึ้นทะเบียนจึงไม่ใช่การไปแสดงจุดยืนหรือคัดค้าน แต่กลับพยายามออกข่าวว่ามีการคัดค้าน เหตุการณ์ทางชายแดนเขาวิหารก็ตึงเครียดที่สุดก็ออกมาบอกว่าท่ามกลางความขัดแย้งอย่างนี้เรามาขึ้นทะเบียนร่วมกันดีกว่า

การขึ้นทะเบียนร่วมกับกัมพูชาไม่เป็นไฟท์บังคับ ถ้ายอมรับการขึ้นทะเบียนร่วมกันหรือไม่ก็ตามก็เท่ากับยอมรับแผนที่ที่กัมพูชาใช้อ้างอิงจะทำให้ไทยเสียดินแดนอีก 1.5 ล้านไร่ตามมาเพราะเราถือแผนที่คนละฉบับกัน การกระทำของรัฐบาลปัจจุบันจึงเป็นการพยายามทำให้กัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนเขาวิหารได้โดยไม่ผิดหลักการจริงๆแล้วรัฐบาลไทยโดยข้าราชการไทยและนักการเมืองไทยหัวใสมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อยแล้วแต่ไม่ได้บอกความจริงเรื่องนี้ต่อประชาชนโดยมีการแอบร่างทีโออาร์ให้เอกชนมาเซ็นสัญญาแล้วเพื่อดำเนินโครงการสมัยรัฐบาลสมัครสุนทรราชในการพัฒนาพื้นที่รอบเขาพระวิหารเป็นหมื่นๆ ไร่เป็นแสนๆ ไร่ให้เป็นไปตามเงื่อนไขของมรดกโลกนี่คือขบวนการปล้นชาติปล้นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

แต่เมื่อรัฐบาลไทยยอมรับตรงนี้ไปแม้ว่าตอนที่ฝรั่งเศสคืนดินแดนให้ไทยเขายอมรับแผนที่ฉบับของเราเกาะกูดเป็นของเราทั้งเกาะจนกระทั่งทักษิณมาเป็นนายกได้แอบเจรจาผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในอ่าวไทยกับฮุนเซนโดยไปยอมรับอย่างไม่เป็นทางการว่าแผนที่ที่เขมรใช้อ้างอิงเรื่องเขาพระวิหารนั้นถูกต้อง วันดีคืนดีลูกฮุนเซนอาจยื่นข้อเรียกร้องว่าเมื่อประเทศไทยยอมรับแผนที่ตามที่เสนอมรดกโลกเพราะไปร่วมจัดการลงทะเบียนร่วมจัดการพื้นที่รอบๆเขาอาจจะขอลากแผนที่ต่ออีก 7 แห่งใน 3 จังหวัด 1.5 ล้านไร่ในอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ลากเส้นลงไปอ่าวไทยจากหมุด 73 ที่กำลังดำเนินการวางจุดกันอยู่มีผลกระทบต่อเกาะกูดโดยแบ่งเกาะกูดออกไปครึ่งหนึ่งกับพื้นที่ทางทะเลที่มีน้ำมันและแก๊สธรรมชาติให้เป็นของเขมรแต่ผู้เดียว

นายกษิตอาจจะไปขัดผลประโยชน์ของใครในเรื่องกรณีปราสาทพระวิหารที่มีผลประโยชน์มากมายรวมถึงเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพราะเห็นได้ว่านายกษิตถูกลดบทบาทลงอย่างชัดเจนในเรื่องความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา แทนที่จะเป็นนายกษิตในฐานะ รมว.ต่างประเทศดำเนินการเจรจานี้กลับเป็นสุเทพเทือกรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ดูเหมือนว่าท่าทีการแก้ปัญหาเรื่องปราสาทพระวิหารของนายกฯอภิสิทธิ์และสุเทพในเรื่องนี้มีความแตกต่างกันและเป็นทิศทางที่ไม่เหมือนกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลจึงควรทบทวน หยุดพฤติกรรม และ คำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติมากกว่าแห่งตน

ขบวนการคนเสื้อเหลืองจะยึดหลักสันติวิธีและความชอบธรรมในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอดไม่เคยใช้วิธีการแบบถ่อยดิบเถื่อนอันจะเป็นการทำร้ายประเทศ อันที่จริงหากพิจารณาความผิดของขบวนการเสื้อแดงที่เผาบ้านป่วนเมืองช่วงสงกรานต์ด้วยการบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำชาติอาเซียน(อาเซียนซัมมิต)แล้วก่อจลาจลทั่วเมืองหลวงช่วงสงกรานต์แดงเดือดที่ผ่านมาจนสร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองอย่างยับเยินแล้วขบวนการเสื้อแดงสมควรที่จะถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้ายมากกว่าด้วยซ้ำและยิ่งไปเทียบกับพฤติกรรมของนักโทษชายแม้วที่กำลังหลบหนีโทษจำคุก 2 ปีหัวซุกหัวซุนแล้วบรรดาแกนนำลิ่วล้อขบวนการเพื่อแม้วทั้งหลายน่าจะถามหาจิตสำนึกและความรับผิดชอบจากนายใหญ่ของตัวเองมากกว่า

ตามมาตรา 182 (3) ของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ว่า "ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวเมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุกแม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษเว้นแต่เป็นกรณีที่คดียังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทความผิดลหุโทษหรือความผิดฐานหมิ่นประมาท" แม้จะเป็นเพียงในขั้นตอนของศาลชั้นต้นก็ตาม เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งนายกฯอภิสิทธิ์ก็บอกแล้วว่าจะตัดสินใจตามกฏเหล็กเมื่อถึงตอนนั้นหากนายกฯอภิสิทธิ์ไม่ทำตามที่พูดก็จะถือว่าล้มละลายทางความน่าเชื่อถือและสูญเสียวุฒิภาวะความเป็นผู้นำรวมทั้งจะเกิดผลเสียต่ออนาคตของรัฐบาลแน่นอน

การตั้งข้อหานายกษิตครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือนายตำรวจใหญ่บางคนที่ทำไปเพื่อหวังรับใช้นายหวังแลกกับตำแหน่งช่วงฤดูกาลโยกย้ายนายตำรวจประจำปีนี้แว่วมาว่ามีกระบวนการเสนอชื่อพล.ต.ท.เจ้าของสำนวนคนหนึ่งให้เลื่อนยศ กระนั้นการตั้งข้อหาด้วยข้อหาร้ายแรงถึงขั้นก่อการร้ายที่มีโทษประหารชีวิตพนักงานสอบสวนกลับแค่ออกหมายเรียกผู้ที่ถูกตั้งข้อหาว่าก่อการร้ายทั้งหลายเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยยาวนานถึง 9 เดือนโดยไม่จับกุมแต่แรก ขบวนการเสื้อแดงเคลื่อนไหวกดดันเริ่มก่อจลาจลป่วนเมืองอีกครั้ง ทีมทนายความพันธมิตรฯอาจร้องต่อศาลว่าพนักงานสอบสวนตั้งข้อหาเกินความเป็นจริง การชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยมีนายกษิตไปร่วมการชุมนุมในฐานะวิทยากร ที่ผ่านมาเคยมีการตั้งข้อหาพันธมิตรฯเกินสมควรโดยเมื่อผู้ถูกกล่าวหาไปร้องต่อศาลศาลได้วินิจฉัยลดข้อกล่าวหาลงหลายต่อหลายครั้ง กระบวนการยุติธรรมยังต้องผ่านการตรวจสอบอีกหลายชั้นทั้งการวินิจฉัยของอัยการและศาลต้องยึดหลักกฎหมาย

กฎหมายอาญาระบุลักษณะความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายและยังระบุด้วยว่าการกระทำในการเดินขบวน ชุมนุม ประท้วง โต้แย้ง หรือเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐช่วยเหลือหรือให้ได้รับความเป็นธรรมอันเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไม่เป็นการกระทำความผิดฐานก่อการร้าย ก็ในเมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ชุมนุมได้ไปทำลายระบบขนส่งทำลายระบบการบินโดยการเข้าไปยึดรันเวย์ขึ้น-ลงหรือทำลายระบบเรดาร์หรือคอมพิวเตอร์การบินใดๆ หรือแม้กระทั่งไปทำร้ายข่มขู่ผู้โดยสารเห็นมีแต่การถ่ายรูปกับตำรวจและนักท่องเที่ยวอย่างชื่นมื่น เพียงแค่วันเดียวหลังการส่งมอบสนามบินคืนธุรกรรมต่างๆก็ดำเนินต่อไปได้ตามปรกติทันทีดดยไม่มีการซ่อมแซมใดๆ สันติ พร้อมพัฒน์รักษาการ รมว.คมนาคมขณะนั้นบอกว่าไม่มีอะไรเสียหาย ใช้ได้เลย ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ใครเป็นคนรวบรัดตัดตอนปิดสนามบินเพียงเพราะตั้องการโยนบาปให้ผู้ชุมนุมที่อยู่รอบๆทั้งๆที่ผู้โดยสารพร้อมออกเดินทางไม่ได้มีใครไปขัดขวางกระบวนการบินนั้นๆ คำตอบคือในวันนั้นที่พันธมิตรฯ ไปมีกลุ่มคนขับแท็กซี่ชุมนุมอยู่ก่อนแล้วและมาไล่ตีพันธมิตรฯบางส่วน แล้วหลังจากนั้นเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ประกาศปิดสนามบินทันทีอ้างว่ากลัวความวุ่นวายและผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย เสรีรัตน์สั่งหยุดทำงานหมด ผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องแล้วก็สั่งให้ลง ผู้โดยสารบนเครื่องที่อยู่บนท้องฟ้าก็ไม่มีที่ลงไม่วางแผนอะไรรองรับ แต่ไม่เคยมีใครให้เสรีรัตน์ต้องรับผิดชอบ

"ผมทำอะไรผิด ขณะนี้เป็นข้อกล่าวหาเท่านั้นเอง การก่อการร้ายคืออะไร ตีความว่าก่อการร้าย ไปเอามาจากไหน ผมไปร่วมงานอภิปรายกับพันธมิตรฯ มีอยู่ 2 อย่างคือ ปากกับปากกา ผมไม่ได้มีอาวุธไปนี่ครับ"

น่าสังเกตตำรวจได้ตั้งข้อหากับบรรดาแกนนำและผู้ที่เข้าร่วมจำนวน 25 คนมี กษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งไม่ได้นำชุมนุมไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติการไม่ได้เป็นผู้สั่งการเพียงแค่เป็นผู้ปราศรัยให้ความรู้กับผู้ชุมนุม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์เป็นถึงสส.สัดส่วนของประชาธิปัติย์เป็นถึงแกนนำนำการชุมนุมแต่ไม่มีขบวนการเสื้อแดงกล่าวถึงเลยเพราะอะไร ก็ในเมื่อตุ๊ดตู่แกนนำขบวนการเสื้อแดงที่แม่คิดถึงมากกับอัยการสิ้นคิดมานิต จิตตกต่ำแกนนำอีกตัวก็เป็นสส.สัดส่วนของเพื่อทุย การตีคุณสมเกียรติก็คือการตีควายสองตัวที่นำแผนอุบาทว์ขอถวายฎีกาด้วยนั่นเอง อย่าช่วยกันสร้างบรรทัดฐานผิดๆต่อสังคมเพราะอีกหน่อยใครอยากจะให้นักการเมืองลาออกก็ไปตั้งข้อกล่าวหากันหมด อย่าให้สื่อมวลชนรับจ้าง นักวิชาเกินหน้าเงินมาชี้นำสังคมสร้างบรรทัดฐานผิดๆถูกๆ ในส่วนของพันธมิตรฯนั้นมีหลายต่อหลายคดีที่ผู้ร้องเป็นตำรวจ ดังนั้นการสร้างฐานแบบนี้อาจจะเป็นการสร้างรัฐตำรวจได้ในอนาคต

คำยืนยันจากทนาย-อดีตอธิบดีตำรวจ


หลังจากที่เสื้อแดงกำลังเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรองถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษช่วยทักษิณให้รอดพ้นความผิด เรียกคะแนนสงสารจากประชาชน ตอกย้ำว่าเสื้อแดงเป็นผู้ถูกกระทำ และจะนำรายชื่อที่ตั้งเป้า 1 ล้ายรายชื่อไปเป็นฐานในการเคลื่อนไหวต่างๆในอนาคตเหมาเอาว่าการเคลื่อนไหวนั้น ๆ มีคนทั้งประเทศเห็นด้วย พฤติกรรมในการถวายฎีกามีเจตนาเพื่อกดดันพระเจ้าอยู่หัวก้าวล่วงพระราชอำนาจที่มิบังควรอย่างยิ่งคนพวกนี้ก็ไม่สำเหนียกยังคงเดินหน้าและอ้างหน้าตาเฉยว่าเป็นความประสงค์ของชาวบ้าน นับตั้งแต่มีประเทศไทยมาไม่เคยมีสามัญชนคนใดใช้ท้องสนามหลวงจัดงานฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้บรรดาลิ่วล้อขบวนการเครือข่ายเพื่อแม้วเหิมเกริมจะจัดงานวันเกิดทำพิธีทางศาสนาจัดเลี้ยงอาหารแล้วจัดคอนเสิร์ตสลับการปราศรัยที่ท้องสนามหลวงใน 26 ก.ค. มีเจตนาส่งสัญญาณตีตัวเสมอเจ้า

ประวัติศาสตร์ชาติไทยในทศวรรษที่ผ่านมามีเรื่องโชคร้ายที่สุดเพราะดันมีมหาเศรษฐีคนหนึ่งสร้างภาพหลอกผู้คนว่าเป็น “เทพ” แต่เนื้อแท้คือ “วรนุช” ชั่วร้ายได้ก้าวขึ้นมาบริหารชาติอย่างอธรรม ฉ้อฉลโกงกินบ้านเมืองอย่างตะกละตะกลาม ไร้คุณธรรมจริยธรรม ฯลฯ ที่สำคัญบังอาจจาบจ้วงล่วงเกิน ทำร้ายทำลายต่อองค์ราชันย์ ผู้ทรงทศพิธราชธรรมและปวงชนชาวไทยเคารพเทิดทูนอย่างต่อเนื่องชนิดที่ไม่อาจให้อภัยได้อีกต่อไป การจาบจ้วงทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเกิดขึ้นมากมายเป็นขบวนการในยุคเสื่อมโดยประดาคนชั่วเหล่านั้นบังอาจกระทำการประสงค์ร้ายต่อสถาบันสำคัญของชาติโดยที่รัฐบาลวรนุชนั้นมิได้ดำเนินการลงโทษทางกฎหมายอย่างจริงจัง ยิ่งไปกว่านั้นวรนุชตัวลูกที่ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์เหล่านั้นคือคนที่วรนุชตัวพ่อได้ชุบเลี้ยงเป็นลูกน้องทั้งลับและเปิดเผย วรนุชตัวลูกของมันก็ช่วยกันโฆษณาชวนเชื่อปลุกปั่นให้เกิดการต่อต้านสถาบันด้วยวิธีการค่อยทำลายล้างสถาบันมาตลอด

หลังจากที่ผ่านมาวรนุชตัวพ่อนี้ก็ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยในพฤติการณ์ที่ไม่บังควรอาทิ การทำบุญวัดเกิดในอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม การเดินทางไปต่างจังหวัดโดยมีประชาชนใช้ธงที่มีคำว่าทรงพระเจริญโบกสะบัดต้อนรับรวมทั้งพฤติกรรมของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงที่ส่อเจตนาจาบจ้วงเบื้องสูงซึ่งหลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพขณะที่หลายคนหลบหนีความผิดออกนอกประเทศ หลบไปหลบมาอยู่ที่ชายแดนไทยมาเลย์แค่คืบนี่เอง หลังรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย. 49 วรนุชตัวพ่อได้ใช้เงินมหาศาลซื้อเสียงและโกงการเลือกตั้งจัดตั้งรัฐบาลนอมินีถึง 2 รัฐบาล วรนุชตัวพ่อจึงได้ลงเหยียบแผ่นดินไทยจนแผ่นดินถึงกับเอียงกระเท่เร่แล้วค่อยมาปะหน้าสื่อมวลชนเกิดเป็นลมก้มลงจูบพื้น จูบดินแล้วเลียต่อไปอีก 3 เมตรเกิดไหวตัวทันเวลาที่ศาลแผนกคดีอาญานักการเมืองใกล้จะตัดสินก็เผ่นเตลิดเปิดเปิงไปไกล ปฏิเสธไม่ได้ว่าจริงๆแล้วการนำเข้าวรนุชตัวนี้จากต่างประเทศตลอดมานั้นไม่ได้มีใครขัดขวางเลยแม้แต่น้อย เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันภายใต้การบริหารชาติของรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ วรนุชตัวพ่อและพวกพ้องอหังการยิ่งขึ้นจาบจ้วงทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นทำให้บ้านเมืองก้าวเข้าสู่วิกฤตในทุกด้านแต่นายกฯ อภิสิทธิ์ยังคงบริหารบ้านเมืองราวกับสถานการณ์ปกติ เรากำลังมีนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ไม่รู้จะทันเกมนี้หรือไม่ก็ทองไม่รู้ร้อน ยังปล่อยให้สื่อมวลชนต่างๆนั่งเงียบอยู่ พระเจ้าอยู่หัวฯไม่สามารถจะพูดอะไรได้พระองค์ทำได้แค่เพียงหวังให้พวกคุณทำงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาทให้ถูกต้อง ในการกระบวนการถวายฎีกานั้นทำไม่ได้ทักษิณไปเป่าหูประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ว่าสถาบันกษัตริย์นั้นรังแกทักษิณใครจะลุกขึ้นมาปกป้องพระเจ้าอยู่หัวฯ ถึงแม้ว่ายังไม่เสียพื้นที่อีก 1.5 ล้านไร่บริเวณปราสาทเขาพระวิหารตอนนี้แต่การกระทำของรัฐบาลแบบนี้ก็ทำให้เหมือนกับเสียไปแล้ว การปล่อยให้ฮุนเซนมาถ่มถุยข่มขู่ รัฐบาลไทยไม่กล้าปกป้องอธิปไตยชาติ

เทพเทือกไม่เคยคิดตรงนี้บ้างหรือ การเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงแตกต่างจากการเป็นกำนันบ้านนอกมากมายนักจึงไม่ควรสับสนในบทบาทเหล่านั้น หรือต้องให้ตัวเองและพรรคพวกมั่นคงก่อน เหนือสิ่งอื่นใด

ไม่มีความคิดเห็น: