แม้ว่าประชาธิปัตย์นิยมลงเป็นห่าฝนอย่างไม่กลัวอดีตหลอนรัฐบาลทุ่ม 325 ล้านแก้ภาพลักษณ์ประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจชนิดเอาเงินไล่แจกชาวบ้าน หวังเอาการจับจ่ายใช้สอยเป็นตัวผลักดันภาคการผลิตตามกลยุทธ์ Dual Track หรือตะเกียบ ๒ ขาเพื่อกระตุ้นรากหญ้ากับกระตุ้นการส่งออกและท่องเที่ยววนเวียนอยู่ในรูปแบบประชานิยมตามทฤษฎีเคนส์ที่ว่าที่ไหนๆเขาก็ทำกันทั้งโลก คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้งบกลางแจกจ่ายเงินให้พนักงาน ราชการ ลูกจ้างราชการ ข้าราชการที่มีรายได้ไม่เกิน 14,999 บาท จำนวน 1.3 ล้านคน และผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวน 8,138,815 คน คนเหล่านี้จะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินคนละ 2,000 คน แต่เกษตรกร ชาวไร่ชาวนา พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอย คนขับแท็กซี่ ขับวินมอเตอร์ไซค์ ช่างดัดผม ช่างตัดผม ฯลฯ 40-50 ล้านคน จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทำนองนี้จากรัฐบาลแต่อย่างใด ทั้ง "ลด-แลก-แจก-แถม" ที่ประชาธิปัตย์เคยค่อนแคะรัฐบาลทักษิณมาทั้งหมดว่าไม่ก่อประโยชน์ในระยะยาวกับประชาชน ทำให้ประชาชนอ่อนแอ วันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์เดินตาม-สานต่อทั้งหมดแถมล้ำหน้าโอ๋สังคมแบบ "เลี้ยงลูกให้เสียคน" ในสังคมทุนนิยมคือสังคมแห่งการบริโภคคือสังคมแห่งการจับจ่ายใช้สอย ลืมได้เลยจริยธรรมในการออม เท่าที่ออกอาวุธมาห่วงอยู่แต่ว่าชาวบ้านเขาจะนินทา "แนวทางบริหารรัฐบาลอภิสิทธิ์วันนี้ คือการรับรองผลงานรัฐบาลทักษิณเมื่อวานนี้" (คำป๋าเปลว)
ประชาธิปัตย์บอกว่าเมื่อคาดหวังตลาดต่างประเทศไม่ได้ ก็ต้องหันมาดูตลาดในประเทศ ทำอย่างไรให้เงินในกระเป๋าประชาชนเพิ่มขึ้นและลดค่าใช้จ่ายพร้อมเสริมมาตรการช่วยเหลือเข้าไป สร้างงาน ทำโครงการ สนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ ท่องเที่ยวและจะต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่น ดูแลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ กำหนดมาตรการต่างๆที่ทำให้กับคนทั้งประเทศเพื่อให้ฟันฝ่าวิกฤติไปได้ การปรับลดค่าธรรมเนียมลงจอดเครื่องบินเป็นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวมาตรการหนึ่งของรัฐบาลประชาธิปัตย์โดยปรับลดค่าธรรมเนียมเที่ยวบินเช่าเหมาลำไป 50% แล้วส่วนเที่ยวบินปกติจะพิจารณาอีกครั้งประมาณ 15-20% รวมทั้งจะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมการใช้สนามบินด้วย กระทรวงการคลังใจป้ำเปิดทางนำเงินต้นค่าผ่อนบ้านหักลดหย่อนภาษีเงินได้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ทุ่มงบ 20 ล้านบาทจัด 3 โครงการเสริมทัพ ดึงนักท่องเที่ยวอาเซียนเข้าไทย ไทยเราต้องผ่านครึ่งปีแรกที่สถานการณ์หนักที่สุดไปให้ได้ ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้หลังจากนั้นพอเข้าสู่งบประมาณประจำปี ซึ่งเริ่มต้นเดือนตุลาคมที่จะใช้จ่ายประชาธิปัตย์ก็จะหันมาดูในส่วนอื่น ๆ ใช้ในลักษณะ "สารตั้งต้น" แล้วปรุงด้วยส่วนผสมตามสูตรของประชาธิปัตย์เองให้สอดคล้องกับสภาพสังคม สภาพปัญหาของประเทศขณะนั้นแล้วประชาธิปัตย์น่าจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจได้
ประชาธิปัตย์ต้องอย่าลืมว่าอาร์เจนตินาชาวบ้านรวยแบบบานปุ๊บปั๊บแล้วก็หุบเฉาจนถาวรทั้งประเทศด้วยเหตุประชานิยมไม่ลืมหูลืมตามาแล้ว ดังนั้นประชาธิปัตย์ต้องแข่งขันกับตัวเองเพื่อพิสูจน์ไม่ใช่การตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพื่อผลทางการเมือง อย่าให้คนจนหมดไปจากประเทศไทยด้วยการอดตายเลย ที่สำคัญประชาธิปัตย์ต้องระวังพวกองค์กรช่วยเหลือในเครือข่ายสหรัฐที่ตั้งขึ้นมาหลอกประเทศด้อยพัฒนาให้ติดเบ็ดเศรษฐกิจทุนนิยมไว้ด้วย อย่าไปถูกหลอกให้ฮุบเบ็ดทุนเงินกู้ซ้ำอีก แรกๆ ก็แค่กำหนดเงื่อนไขวางกรอบธุรกิจให้ปฏิบัติเฉพาะธุรกิจ เมื่อถลำไปทั้งตัว มันจะออกกฎ-กติกาบังคับให้เป็นนโยบายขายประเทศอย่างเช่นกฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ ที่ไอเอ็มเอฟมันทำกะเรามาแล้วเมื่อปี ๒๕๔๐ สังคมเกษตรด้วยวิถีเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานรากเท่านั้น จึงจะทำให้ไทยเป็นการลอกคราบสู่มิติใหม่ชนิดขุดรากถอนโคนสู่ความรุ่งเรืองที่เสถียรของไทย
นอกจากนี้ปัญหาปตทที่หมักหมมอยู่แล้วนั้น ตัวตนและความคิดของผู้บริหาร ปตท. คำก็ขาดทุน สองคำก็แบกรับภาระ ทำให้เราคิดได้ว่า ประชาชนประเทศนี้เป็นหนี้บุญคุณ ปตท.มากมายเหลือเกิน ปตท.ช่างเป็นองค์กรผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่พึ่งด้านพลังงานของคนทั้งชาติ ขณะเดียวกันก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่ตอบแทนผลประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นอย่างดียิ่ง หลายคนคงไม่ได้กลัวว่า ปตท.ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่จะล้มละลายไปต่อหน้าต่อตาหากแผนก๊าซสะดุด เป็นการแสดงให้เห็นว่าปตท.คำนึงแต่กำไร-ขาดทุนมากกว่าความมั่นคงทางพลังงานของรัฐและประชาชน น้ำมันและก๊าซหุงต้มส่วนใหญ่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ไม่ใช่ของรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรหนึ่งองค์กรใด ดังนั้นประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของสมบัติร่วมกันควรมีสิทธิที่จะได้ใช้ทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้มในราคาที่ถูกลงนอกจากนี้ประชาธิปัตย์จะต้องรีบเร่งนำกลับมาสู่รัฐอย่างเดิมให้ได้คาดว่ากำไรของปตท.โดยรวมจะลดลงต่ำกว่าแสนล้านไม่เท่าไรกระมัง
อีกทั้งกรณีการบินไทยซึ่งถ้าไม่ใช้รัฐเข้าไปอุ้มการบินไทยเจ๊งแน่ๆ หลังจากที่เหลือบที่รัฐบาลก่อนๆส่งคนไปรุมกินโต๊ะมานานแสนนาน สุดท้ายรัฐบาล "ของประชาชน" โดยประชานิยมเลอะเทอะนั่นแหละต้องรับผิดชอบ รัฐบาลจะต้องเร่งตรวจสอบค่าใช้จ่ายการบินไทย ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยฝ่าวิกฤติ สั่งตัดสิทธิ์ประโยชน์บอร์ด ผู้บริหาร พนักงาน ทั้งตั๋วฟรีทั้งครอบครัวไม่จำกัดเที่ยวบิน หรือ สิทธิประโยชน์ที่บอร์ดการบินไทยและครอบครัวรวมทั้งผู้ติดตามได้รับ เช่น บัตรโดยสารชั้นหนึ่ง ในเส้นทางบินต่างประเทศและในประเทศ สูงสุดเส้นทางบินละ 15 ใบต่อปี, อดีตกรรมการบอร์ดและบุคคลในครอบครัว รวมถึงผู้ติดตาม จ่ายค่าโดยสารเพียง 25% โดยเป็นเส้นทางบินต่างประเทศ 12 ใบต่อปี และเส้นทางในประเทศ 6 ใบต่อปี, ค่าตอบแทนคณะกรรมการสูงลิ่ว ส่วนค่าตอบแทนบอร์ด ได้รับคนละ 20,000 บาทต่อเดือน และเบี้ยประชุมคนละ 30,000 บาทต่อเดือน หากเป็นประธานจะได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก 25% รองประธานบอร์ดจะได้เพิ่มจากกรรมการอีก 12.5% อย่างไรก็ตาม สิทธิพิเศษของฝ่ายบริหารตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไปจะได้รับค่าน้ำมันจำนวน 75,000 บาทต่อเดือนด้วย บุคคลภายนอกที่ได้รับเชิญมาเป็นอนุกรรมการหรือคณะทำงาน จะได้รับเบี้ยประชุมอีกครั้งละ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนเงินค่ารับรองของประธานบอร์ด จะมีเงินค่าใช้จ่ายได้ 50,000 บาทต่อเดือน หากเกินวงเงินที่กำหนดสามารถใช้งบกลางของบริษัทได้ ส่วนรองประธานจะได้รับเงินรับรอง 40,000 บาทต่อเดือน และกรรมการ 30,000 บาทต่อเดือน
วันนี้ส.ส.กลุ่ม 16 เป็นผู้สร้างตำนานเอากระจงขาหักไปปล่อยภูเก็ตในวันที่นักการเมืองเหล่านี้พาสื่อมวลชนไปตรวจพื้นที่ส.ป.ก.จัดฉากวิ่งไล่ถ่ายกระจงกันจนป่าราบ ก่อนจะตบท้ายอธิบายว่าพื้นที่ป่าสมบูรณ์มีแม้กระทั่งกระจง ยังเอามาตัดแจกให้เกษตรกร แถมเป็นเกษตรกรตัวปลอมอีกต่างหากยังคงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา บรรดาอดีตแกนนำ สส.กลุ่ม 16 ซึ่งมี นายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำเงาตัวจริงกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นแกนนำคนหนึ่ง มีแผนที่จะกลับมารวมตัวผนึกกำลังกันเพื่อสร้างพรรคการเมืองขนาดกลางที่มีอำนาจต่อรองสูง พรรคนี้จะเรียกว่าพรรคสาขาก็ว่าได้อาจจะมีเป้าหมายเพื่ออนาคตทักษิณหรืออาจจะเป็นพรรคสู่ฝันวันใหม่ของนายเนวิน สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่หมายมาดในอนาคตหรือจะเป็นพรรคชอร์ตเซลล์ทำกำไรระยะสั้น ระหว่างนี้มีสส.พรรคเพื่อไทยจำนวนหลายสิบคนผละจากพรรค แหล่งทุนอันมั่งคั่งทั้งจากแหล่งซิโน-ไทย แหล่งทุนคิงเพาเวอร์และแหล่งm6oสุริยะ มุ่งสู่เป้าหมายก็คือพรรคภูมิใจไทยที่ได้วางแผนระยะยาวที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตัวเองด้วยการรวบรวมจำนวนสส.ให้เป็นพรรคขนาดกลางเพื่อเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาล แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต้องตกอยู่ในภาวะถูกกดดันและยอมตามข้อเรียกร้อง ถึงวันนี้ที่ดินส.ป.ก.ที่เหลืออยู่ 20 ล้านไร่ หากได้ส.ป.ก.มาช่วยประชาธิปัตย์ จับพลัดพับผลูเลือกตั้งใหม่ จะทำให้ได้ที่นั่งส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เพิ่มในภาคเหนือและอีสานบ้างกระมัง นักการเมือง ส.ส.กับที่ดินป่าสงวน ที่ดินต้นน้ำ ที่ดินสวยงาม ที่ดินภูเขา มักจะเป็นของคู่กันเสมอ มีเกษตรกรทั้งตัวจริงและตัวปลอมไปถือครองเต็มพื้นที่หมดแล้ว เป็นที่น่ากลัวว่ารัฐบาลจะเอาเงินงบประมาณไปซื้อที่ดินอีก 1 แสนไร่เพื่อนำมาตัดแจกส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่อยุ่ในภาคเหนือและภาคอีสานมันจะไหลเข้ากระเป๋าใครก็ไม่รู้ที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ประชาธิปัตย์ช่างกล้าแม้ว่าอดีตยังตามมาหลอกหลอน จน"เทพ(เทือก)ประทาน"ต้องร้องลั่นถูกสะกิดแผลเก่าส.ป.ก.ระบุไม่มีหน้าที่ดูแลอย่านำไปผูกโยง ปัดข่าว ส.ป.ก.แลกรถเมล์เช่าของกลุ่มเพื่อนเนวิน
ปัจจัยภายนอกจากการเคลื่อนไหวจ้องล้มรัฐบาลของฝ่ายค้านคือพรรคเพื่อไทยและม็อบเสื้อแดงแล้วถือว่าไม่ใช่ตัวแปรสั่นคลอนรัฐบาล แต่ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดชะตากรรมของรัฐบาลอย่างแท้จริงอยู่ที่ปัจจัยภายในรัฐบาลเอง โดยรัฐบาลต้องไม่สะดุดขาตัวเอง หรือปล่อยให้เกิดการทุจริตร้ายแรงขึ้นในรัฐบาล ถ้ารัฐบาลจะตาย จุดตายน่าจะอยู่ที่กระทรวงคมนาคมที่มีโสภณ ซารัมย์ตัวตายนายเนวิน ณ คิงเพาเวอร์นี่แหละและยิ่งตอนนี้นำเอาศรีสุข จันทรางศุมาเป็นขับเคลื่อนให้เลี้ยวซ้าย..เลี้ยวขวา แค่เรื่องเช่ารถเมล์ NGV ๔,๐๐๐ คัน ๑๐ ปีที่จะผลาญร่วมแสนล้าน เริงสำราญกันสี่พันล้านกว่านั้นก็นับว่าหนักหนา ยังจะส่งคนมาเก็บตก-ปกปิดทั้งเรื่องมิดชิดและไม่มิดชิดในสุวรรณภูมิชนิดซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ ในขณะนี้รัฐบาลก็จะต้องระมัดระวังตัวให้มากๆโดยเฉพาะเบรกข้อเสนอโครงการอื้อฉาวที่เสนอโดยกลุ่มเพื่อนเนวิน รัฐบาลอภิสิทธิ์ต้องใช้ความกล้าหาญมากโดยลดงบประมาณจากเมกะโปรเจ็คต์และการพัฒนาเฉพาะกรุงเทพฯ โดยทุ่มเทงบประมาณมาที่ชนบทและชุมชนเมืองอันเป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ที่ยากจนอาศัยอยู่และเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาทางการเมืองมากแล้วทุ่มเทให้เกิดนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง
การเมืองไม่ใช่ถั่วเขียวเพาะตอนเย็นแล้วตั้งเด่เป็นถั่วงอกตอนเช้า การเมืองภาคประชาชน คือการเมืองที่ประชาชนเป็นตัวแทนของตัวเอง ไม่มอบความเป็นตัวแทนให้กับใคร ประชาชนต้องปกป้องสิทธิ -ใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่และร่วมสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม พร้อมทั้งร่วมกันตรวจสอบลงโทษนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชันโกงชาติกินเมือง ให้ประชาชนในทุกอำเภอได้ตื่นตัวสนใจสถานการณ์บ้านเมืองและร่วมกันสร้างการเมืองใหม่ พอกันทีกับนักการเมืองสารเลว การเมืองภาคประชาชนที่แท้จริงต้องไม่อยู่ภายใต้การหลงเชื่อ แต่ต้องจัดตั้งองค์กรให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และรวมตัวกันเป็นเครือข่ายอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนทั้งในระดับชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัดและระดับชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดขึ้นของ พรรคการเมืองภาคประชาชน
2 ความคิดเห็น:
ขอบคุณนะค่ะ
ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดีๆ
แสดงความคิดเห็น