เมื่อรัฐบาลทักษิณเติบโตขึ้นมากจนรู้สึกว่าตัวเองได้รับความนิยมสูงสุดรัฐบาลทักษิณเองก็ไปเชื่อว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริง - believe in his own propaganda มองข้ามสถาบันอื่นๆ ที่เป็นที่นิยม เคารพ ศรัทธาของประชาชนไป เพราะฉะนั้นความคิดที่บอกว่าระบอบนี้เขาจะทำให้สถาบันเป็นเพียงสัญลักษณ์ก็เริ่มออกมาโดยในช่วงต้นๆ ไม่มีใครเอะใจแม้จะมีหนังสือเรื่อง The King Never Smile ของพอล แฮนด์ลีย์ (Paul Handley) ที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเยล สาเหตุที่ทักษิณ ชินวัตรต้องถูกปฏิวัติล้มล้างอำนาจนอกจากพฤติกรรมเหลิงอำนาจและวางตัวไม่เหมาะสมแล้วยังมีสาเหตุหนึ่งมาจากความเชื่อที่ว่าเขาคือพระเจ้าตากสินฯกลับชาติมาเกิดจึงมีการเขียนชื่อ THAKSIN เป็น TAKSIN ระหว่างรัฐบาลทักษิณนั้นได้มีผู้กำกับชื่อดังมีแผนที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่อง "พระเจ้าตากสินฯ" ที่จะให้โอ๊คพานทองแท้แสดง อีกหนึ่งความเชื่อที่ว่าในชาติภพหนึ่งทักษิณก็เคยเกิดเป็นกษัตริย์พม่าซึ่งเคยก่อกรรมกับคนไทยในสมัยอยุธยาไว้จนทำให้ทักษิณต้องไปแก้กรรมที่อยุธยาโยงกับสายสัมพันธ์ที่ดีของทักษิณกับผู้นำทหารพม่าในเชิงประโยชน์ ทั้งการปล่อยเงินกู้ 4 พันล้าน และการทำธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมกับพม่า หรือแม้แต่ข่าวลือในเมืองเหนือถึงพิธีเชือดไก่บนดอยสุเทพที่ไม่มีใครรู้ว่าจริงหรือไม่แล้วใครเป็นคนลงมือทำพิธีแต่ก็มีความพยายามจะโยงกับการแก้เคล็ดไสยศาสตร์ของทักษิณด้วยนั่นเอง กอรปกับเคยมีการเปิดประเด็นโจมตีทักษิณเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไปทำพิธีทำบุญประเทศในวัดพระศรีรัตนศาสดารามและปราสาทพระเทพบิดรซึ่งถูกมองว่าเป็นการปราบดาภิเษก แต่ก็มีอดีตโหรแย้งว่าทักษิณไม่ใช่พระเจ้าตากสินฯ กลับชาติมาเกิดและเชื่อว่าพระองค์ท่านได้กลายเป็นพระสยามเทวาธิราชที่คอยปกป้องดูแลชาติบ้านเมืองแล้ว ไม่ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกแล้ว
การครอบงำสื่อโดยทางตรงและทางอ้อมของระบอบทักษิณในช่วง 8 ปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของโดยรวมของประเทศชาติ,สังคมไทย,สถาบันกษัตริย์ อิทธิพลของการประชาสัมพันธ์หรือการทำ Propaganda (โฆษณาชวนเชื่อ) ของทักษิณหลังจากวันที่ 19 กันยายน 2549 มีอิทธิพลบ้างในแง่ของความคิด ในแง่ของความรู้ ในแง่ของข้อมูลที่ได้มา ธรรมดาในสภาพการณ์ปรกติทุกครั้งที่มีการตั้งรัฐบาลหรือมีงานเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศเขียนถึงพระราชกรณียกิจอันงดงามของในหลวง แต่หลังการก่อกำเนิดระบอบทักษิณก็จะมีบางส่วนที่เสริมเนิ้อความบางส่วนอ้างอิงจาก The King Never Smile ใส่เข้าไปในคอลัมน์มากน้อยต่างกันไป เช่นนิตยสารดิอีโคโนมิสต์ ที่แทบจะยกออกมาทั้งหมดเลย วันที่ 6-12 ธ.ค. 2551 มีการเผยแพร่บทความเรื่อง “The king and them” และ “A right royal mess” ยิ่งเมื่อมีการยึดอำนาจ 19 กันยาฯ ก็เริ่มออกมาถล่มทันที เบื้องหลังการยึดอำนาจในประเทศไทยคืออะไรเป็นการปฏิวัติโดยคณะนั้นคณะนี้ เป็นเรื่องแปลกที่ในหลวงทรงรับรองในทันทีและคนที่นำเข้าไปคือพลเอกเปรม ทำไมต้องปฏิวัติ? ก็เพราะว่ารัฐบาลทักษิณเป็นที่นิยมมากในประเทศไทย มันไปเป็นภัยคุกคามต่อสถาบัน ทำให้ความนิยมของสถาบันเสื่อมถอยลง แต่ว่าทั้งหมดสำนักข่าวเหล่านั้นจะตัดตอน จะไม่เขียนว่าทักษิณถูกข้อหาคอร์รัปชันอย่างไร ถูกข้อหาโกงอย่างไร ถูกข้อหาล่วงละเมิดสถาบันอะไรอย่างไร นานเข้า ๆ ได้เขียนถึงการปฏิวัติรัฐประหารและแง่ลบของสถาบัน ที่เดิมๆ นักข่าวต่างประเทศมีอคติต่อสถาบันมองแบบไม่ศรัทธาอยู่แล้ว สำนักข่าวเหล่านี้เขาไม่คิดว่าวิจารณญาณของคนไทยกับคนฝรั่งมันไม่เหมือนกัน การศึกษา วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี จึงมีการเอาข้อมูลของระบอบทักษิณที่เป็นเชิงบวกทั้งหมดป้อนเข้าไป
จากกรณีเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ ม็อบเสื้อแดงหลายต่อหลายครั้งมีการจงใจกระทำการจาบจ้วงสถาบันทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ละเลยเพิกเฉยในการละเมิดสถาบัน การนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์มาติดด้านข้างข้อความอภิสิทธิ์ชนโจรมีเพียง ASTV ผู้จัดการรายวัน ไทยโพสต์ และแนวหน้า 3 ฉบับ เท่านั้นที่นำเสนอภาพอภิสิทธิ์ชน โจรและการกระทำจาบจ้วงดังกล่าว ขณะที่หนังสือพิมพ์ไทยหัวสี-หัวขาวดำ อื่นๆ ต่าง “เพลย์เซฟ” ด้วยการแสร้งหลับตาข้างหนึ่ง โดยทำนิ่งเงียบเป็นเป่าสาก - การปราศัยของนางดา ตอ(ตีน)ปิ๊โด่, สหายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำนปช., วีระ มุสาพงษ์จนก่อให้เกิดการจับกุมในข้อหาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 - ปล่อยให้มีธงชาติไทยที่มีข้อความพ่อก็ไม่รักแม่ก็ลำเอียงปรากฏในที่ชุมนุมที่สนามศุภฯ - ทำฉากเวทีที่มีรูปไดโนเสาร์สวมแหวนเพชรบลูไดมอนด์ - การปรากฏขึ้นของเว็บไซต์มนุษยดอทคอม (www.manusaya.com) ในปี 2547 โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือ ลิดรอนพระราชอำนาจโดยทำให้สถาบันกษัตริย์ไทยเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ ปัจจุบันเว็บไซต์เหล่านี้มีมากมายเช่นฟ้าเดียวกัน ประชาไท - การสัมนาทั้งนอกและในประเทศของอีเพ็ญ - การเผยแพร่ภาพธงชาติสาธารณรัฐสยามที่ปราศจากแถบสีน้ำเงินในเว็บไซต์บางแห่ง - สื่อวิทยุ วิทยุชุมชนไกลปืนเที่ยง โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ตเกิดเว็บไซต์ที่กล่าวร้ายหรือชักชวนเชิงวิชาการให้การแสดงความคิดเห็นเพื่อต่อต้านสถาบันและมีนิตยสารเชิงอนาธิปไตยเสรีคติที่อุดมด้วยบทความเชิงวิชาการเปรียบเทียบระบอบประชาธิปไตยลักษณะต่างๆ ที่มีในสากลและชี้จุดอ่อนจุดด้อยของสถาบันพระมหากษัตริย์ในต่างประเทศผุดจากใต้ดินขึ้นมาบนดิน อย่างไม่เกรงกลัวแสงแดดอีกต่อไป - ใจลล์ ใจ อึ๊งภากรณ์ ( ผมไม่ใช่ “คนไทย” ภูมิใจเป็นจีนปนอังกฤษ สุนัขที่มีบิดาเป็นพยัคฆ์อย่างคุณป๋วย อึ้งภากรณ์ ) อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ผกก.สน.ปทุมวันและพ.ต.ท.อุดม เปี่ยมศักดิ์รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวันหลังจากถูกออกหมายเรียกในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112 กรณีเขียนหนังสือเรื่อง A Coup for the Rich มีเสื้อแดงประหยัดน้ำเลี้ยงขนป้ายเดิมที่เคยใช้เชียร์จักรภพมาก่อนคอยยกให้กำลังใจ - ใจ อึ๊งภากรณ์เป็นแกนนำคนสำคัญในการรณรงค์ล่ารายชื่อชาวไทยและชาวต่างประเทศ (นิธิ เอียวศรีวงษ์ สุชาดา จักรพิสุทธิ์ ผส. ดร. สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ พล.ต.ต.ฌรงค์ วิทยารัก และอื่นๆ http://www.newskythailand.com/board/index.php?topic=4660.0)เป็นกลุ่มหนึ่งที่ดำเนินการจัดสัมมนาที่คณะศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในหัวข้อเรื่อง“ยุติการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับผู้รักษาประชาธิปไตย” (แก้กันที่ปลายเหตุ http://mblog.manager.co.th/demontee/th-46478/)โดยมีการเชิญชวนให้ลงชื่อให้มีการยุติกฎหมายฉบับนี้ การวิพากษ์วิจารณ์ของผู้สื่อข่าวบีบีซีนายโจนาธาน เฮด (Jonathan Head) และนายแฮรี่ นิโคไลส์ (Harry Nicolaides) ผู้สื่อข่าวและวิทยากรชาวออสเตรเลียที่ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี แต่สารภาพลดครึ่งหนึ่ง การให้ร้ายสถาบันทั้งทางตรงและทางอ้อมทั้งหมดทั้งปวงนั้นเป็นการกระทำอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายปีแล้ว และ ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากวันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมาในช่วงพันธมิตรชุมนุมและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชทานเพลิงศพน้องโบว์เรียกกันว่าวันตาสว่างแห่งชาติ
ใจ รัญ เอ้ย ใจ อึ๊งภากรณ์กล้าเขียน A Coup for the Rich กล้าวิจารณ์ แต่ไม่กล้ารับผิดไม่กล้าสู้คดีหมิ่นฯ เดินตามรอยทักษิณหนีไปกบดานที่อังกฤษอ้างกลัวถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรมแต่กล้าเชิญร่วมลงชื่อ ยุติการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กับผู้รักประชาธิปไตยและให้พวกมันได้ติดคุกไปพร้อมๆกันได้ที่ http://www.thaingo.org/prboard_1/view.php?id=7949 ถ้าเห็นด้วยกรุณาส่งชื่อจริงและนามสกุลจริงมาที่ : giles.lessemajeste@gmail.com เพราะกฎหมายบทนี้ไม่สมควรยกเลิกอย่างยิ่งขนาดมีบทนี้มีไว้เพื่อมิให้ผู้ใดล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี และรัชทายาทพวกมันช่างกล้านัก
“การหนีไปของ รศ.ใจ ไม่แฟร์ ในเมื่อ รศ.ใจ มีแถลงการณ์ออกมา แล้วคนที่ร่วมลงรายชื่อก็เห็นด้วย เพราะเชื่อใจว่า รศ.ใจ เป็นนักวิชาการที่บริสุทธิ์ ... " รศ.สมเกียรติ ตั้งนโม คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ร่วมลงชื่อด้วยถึงกับร้องจ๊าก
ทักษิณที่มักจะระบุว่าเขาถูกเลือกใช้กระบวนการยุติความเป็นธรรมแต่กลับยิ่งฟ้องคนโน้นคนนี้ในศาลเมื่อถูกกล่าวถึง ทีอย่างนี้กลับเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมขึ้นมาทันที หรือว่าเราจะต้องรอให้สถาบันปี้ป่นไปกับคำวิจารณ์ วิพากษ์ ให้ร้ายที่พวกมันสร้างสรรค์จรรโลงขึ้นโดยไม่มีมาตรานี้อยู่ พ้นจากนี้มาตราต่อๆไปเกี่ยวกับสถาบันก็จะค่อยๆทะยอยถูกถอดไปจนสถาบันเป็นตรายาง สัญลักษณ์เท่านั้น คนที่จะได้ประโยชน์จากความอ่อนแอในเมืองไทยก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มนิยมทักษิณกับชาวต่างประเทศที่ไม่ต้องการเห็นประเทศไทยแข็งแกร่งจึงจ้างนักรบไซเบอร์ นักวิชาการทางสังคมศาสตร์ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วแพร่ความคิดประชาธิปไตยที่มีความซับซ้อนในตัวของมันเองอยู่แล้ว ภาพต้นไม้ใหญ่ต้นระบบทุนนิยมสามานย์มีทักษิณชายผู้น่าอิจฉาที่สุดในโลก (-- http://mblog.manager.co.th/kingkoon/th-49214/) เป็นรากคอยลำเลียงอาหารเลี้ยงลำต้น กิ่ง ก้านและใบลำต้นมีการต่อกิ่ง ทาบกิ่งหลากหลายสายพันธุ์กิ่งพันธุ์นักวิชาการแนวมาร์กฯ ...กิ่งพันธุ์ซ้ายตกขอบหลงยุค...กิ่งพันธุ์กาฝากสอพลอทุกกิ่งพันธุ์มีจุดมุ่งหมายคล้ายกัน...และทำหน้าที่คล้ายกันสังเคราะห์แสงสีแดง...ให้เติบใหญ่ เอ๊ะหรือภาพกบฏ งงๆ อยู่
หมายเหตุ
กบฏหมายถึงประทุษร้ายต่อราชอาณาจักรทรยศต่อความเป็นชาติหรือหวังที่จะทำลายรากฐานของความเป็นชาติ เช่นการคิดล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองของชาติที่เมื่อหากกระทำการไม่สำเร็จก็เป็นกบฏ เช่น เมื่อใครก็ตามทำรัฐประหารหรือปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองและถูกต่อต้านจนพ่ายแพ้กระทำการไม่สำเร็จก็เป็นกบฏไปทันที หลายครั้งที่คณะทหารร่วมกับนักการเมืองหรือนักการเมืองร่วมกับคณะทหารทำการรัฐประหารโค่นล้มอำนาจฝ่ายบริหารแต่ล้มสภานิติบัญญัติไม่สำเร็จก็กลายเป็นกบฏไป เช่นนี้ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนเกิดเหตุการณ์กบฏ รศ. 130 ที่กลุ่มนายทหารชั้นผู้น้อยร่วมกับพลเรือนคิดประทุษร้ายและล้มล้างระบบกษัตริย์เพราะความน้อยใจและคับแค้นใจเลยคิดกบฏแต่ล้มเหลวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาไม่ได้ใช้พระราชอำนาจตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขจัดศัตรูการเมืองของพระองค์คงให้มีการไต่สวนและลงโทษตามกระบวนกฎหมายในสมัยนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น