01 เมษายน 2552

สถาบันเบื้องสูง

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนสงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ และการที่กล่าวหาว่าคนรอบวังที่ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัวจับมือทำการปฏิวัติล้มอำนาจตนเองนั้น เป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณมีความพยายามโจมตีทำลายความน่าเชื่อถือ ของคนรอบข้างพระมหากษัตริย์ และเพื่อโดดเดี่ยวสถาบันเบื้องสูงใช่หรือไม่ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ และคนรอบข้างที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงเปรียบเสมือนต้นไม้เล็ก เรียงรายล้อมรอบต้นไม้ใหญ่อยู่ เมื่อสามารถโค่นล้มต้นไม้เล็กให้หมดไปแล้ว ต้นไม้ใหญ่ย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน “พ.ต.ท.ทักษิณกำลังหลงตัวเองฝันเฟื่องว่า ตัวเองเป็นผู้วิเศษที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ พยายามขายความคิดว่าตนเองมีเหมืองทองคำที่แอฟริกาหลายแสนล้าน ทำตัวเป็นนักมายากลขายฝันให้คนไทย จะเสกหรือเนรมิตรถไฟฟ้า 10 สาย เนรมิตแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร หรือเนรมิตระบบการศึกษาให้ลูกหลานคนไทย จะทำให้ประเทศไทยแซงหน้าชาติอื่นไป 10 ปี อยากถามว่าถ้าตนเองเป็นผู้วิเศษทำอะไรได้อย่างที่คุย ที่ผ่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีมา 6 ปี ทำไมไม่แสดงฝีมือในตอนนั้น แต่กลับทำตัวเป็นต้นเหตุให้ชาติถอยหลังเข้าคลอง ถูกปฏิวัติรัฐประหารในที่สุด” มนุษย์เราแต่ละคนต่างบทบาท ต่างวาสนา ต่างชะตาชีวิตกันออกไปนั่นก็เพราะบุญทำกรรมเก่าและวันนี้แห่งการกระทำก็จะเป็นหางเสือนำเรือชีวิตแต่สุดท้ายต่างก็กลับไปสู่ความว่างเปล่า น่าสงสารประเทศไทยและสงสารพี่น้องไทยทุกคนซึ่งขณะนี้ต่างติดกับดักมนุษย์บาปที่สร้างวิบากกรรมแก่บ้านแก่เมืองไปแล้ว ในภาวะบ้านเมืองที่ผู้คนแตกแยกคล้ายไร้จุดจบเช่นนี้ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ธ ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมอันเป็นที่ประจักษ์ทั้งภายในราชอาณาจักรและนอกราชอาณาจักรมาโดยตลอดจะทรงโทมนัสพระราชหฤทัยขนาดไหนที่ทรงเห็นบ้านเมืองไร้สุขพสกนิกรจะแตกกระซานซ่านเซ็นไปเช่นนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จบไปนั้นโหวตบอกผลการทำงานว่าควรอยู่หรือควรไปไม่ได้เลยเพราะคะแนนเหล่านั้นไม่ได้มาจากดุลยพินิจผลงานก่อนโหวตแต่มาจากอคติส่วนตัว มีบรรดาข้าราชการประพฤติตนเป็นหนอนบ่อนไส้ให้ฝ่ายค้านใช้ตวามลับทางราชการประหารฝ่ายรัฐบาล เป็นธรรมดาเมื่อทักษิณและระบอบทักษิณครอบงำกระบวนการราชการไทยฝังรากแห่ง ผลประโยชน์ลาภยศอำนาจและวาสนา ลุ่มลึก มา กว่า 8 ปีเทียบกับรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่เพิ่งมาบริหารเพียง 3 เดือน ข้าราชการเหล่านี้ได้ชินชาและชื่นชอบระบอบทักษิณยังคุ้นเคยกับวงจรอุบาทว์อาจจะเสื่อมประโยชน์-เสื่อมลาภ-เสื่อมยศ-เสื่อมอำนาจ-เสื่อมตำแหน่งแล้วเผลอๆ สิ่งอสัตย์ต่อระบบราชการที่ทำไว้ในสมัยทักษิณจะถูกเช็กบิลถึงคุก-ตะราง การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จบไปนั้นเป็นกระสุนด้านที่ฝ่ายค้าน-แค้นแพ้ยับเยิน สาธารณชนก็ไม่เอาด้วย อภิสิทธิ์กลับได้คะแนนนิยมของประชาชนมากขึ้นแถมอภิสิทธิ์ยังได้รับการขานรับจากนานาประเทศผิดกับยุคของทักษิณ ทำให้นับวันพรรคเพื่อไทยจะแสดงบทบาทเป็นพรรคฝ่ายแค้นมากกว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านชัดเจนและแข็งกร้าวรุนแรงมากขึ้นทุกขณะโดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับม็อบกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ-กลุ่มคนเสื้อแดงต้องประกาศยกระดับการต่อสู้ให้เข้มข้นขึ้นด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกแล้วพวกเขาก็จะสลายการชุมนุมอันถือได้ว่าเป็นเดิมพันอันยิ่งใหญ่ชนิดที่ทักษิณเจ้ามูลเมืองหรือที่สื่อบางแขนงตังฉายาให้เป็นเจ้ามูมมามทุ่มหมดหน้าตักกันเลยฉิบหายเท่าไหร่เท่ากันเพื่อที่จะไม่ต้องหนีคุกหนีตะราง ได้ทรัพย์สินอันมหาศาลที่ถูกอายัดไว้กลับคืนและเผลอๆ ก็จะได้เข้าสู่อำนาจอีกครั้ง เส้นทางข้างหน้ามันชักตีบตันเข้าไปทุกทีทักษิณถูกกลืนหายบนนลัยแน่ถ้าขืนปล่อยให้เด็ก 2 คนกินรวบหัวรวบหางไปเรื่อยๆ ทักษิณมองเห็นแล้วว่าปล่อยเอาไว้ไม่ได้ก็เลยต้องแตกหัก ทั้งๆที่ในความเป็นจริงทักษิณไม่ติดขี้ตีนอภิสิทธิ์ทั้งในเรื่องบุคลิกและทัศนะบนเวทีโลกอุตส่าห์จ้างพีอาร์ระดับโลกชิงพื้นที่ข่าว ทักษิณจึงเลยเตะตัวเองเป็นหมูเข้าปากหมาให้ลิ่วล้อหลอกแดกได้ระดมพลจากทุกภาคให้ไปล้อมทำเนียบไม่ได้หวังยึดประเทศไทยแต่หวังเตะตัดแข้ง-ตัดขารัฐบาลอภิสิทธิ์ไว้ คนเสื้อแดงพยายามเลียนแบบพันธมิตรฯ แต่คนเสื้อแดงถ่อยอย่างไรก็ยังถ่อยเหมือนเดิม ความบัดซบ ความเป็นอมนุษย์ยังมีเหมือนเดิมและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ แกนนำเสื้อแดงทำแนวร่วมอย่างชาญฉลาดได้ทั้งเงินและมวลชนหวังก่อสงครามกลางเมืองขึ้นมาใหม่ ปลุกระดมเพิ่มดีกรีกันมาอย่างต่อเนื่อง แกนนำมักพูดจาจาบจ้วงให้ร้ายสถาบันเบื้องสูงแล้ว ยังมีทั้งข้อความและภาพปรากฏในเชิงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างชัดเจนประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างเปิดเผยกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นบรรดาองคมนตรี ศาล รัฐบาล และผู้มีอำนาจในกองทัพ ปลุกระดมมวลชน จนสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นชาติอย่างต่อเนื่องจนไม่น่าให้อภัย เร่งเร้ามวลชน เพิ่มความเกลียดชังใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มกำลัง โหมหนักขึ้นจนน่าเป็นห่วงว่าคนเสื้อแดงจะถูกชักนำไปสู่ความรุนแรงได้ทุกเมื่อ น่าจับตาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ต่อกลุ่มคนเสื้อแดงต่างจากการดำเนินคดีต่อพันธมิตรฯที่เร่งรีบเป็นพิเศษ เจตนาของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเจตนาที่ต้องการทำเพื่อคนๆ เดียวที่ทักษิณหลุดออกมาเองที่บอกว่าให้เลิกแล้วต่อกันและมาเริ่มกันใหม่แล้วก็ขอทรัพย์คืน ยกเลิกคดีต่างๆ ที่ยังค้างคากันทุกฝ่ายเป็นการต่อรองเพื่อเสนอทางออกของประเทศของทักษิณที่ลากเอาประเทศเป็นเดิมพันไม่ต่างอะไรจากอันธพาลในระบอบประชาธิปไตยเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองด้วยการมุ่งโค่นล้มรัฐบาลชุดใหม่โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง หลายฝ่ายมองเห็นตรงกันว่ามีเจตนาหรือเป้าหมายสูงสุดคือทำลายสถาบันอย่างชัดเจน แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นเป็นไปได้มากที่ฝ่ายรัฐการต้องปฏิบัติการโต้ตอบเพื่อหยุดยั้งแต่บางครั้งเจ้าหน้าที่ก็อาจทำรุนแรงเกินขอบเขตทั้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และโดยมีเจตนาแอบแฝงอันอาจทำให้ฝ่ายรัฐบาลซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบไปด้วยและหรือและอาจถูกอีกฝ่ายนำขึ้นฟ้องร้องดำเนินคดีจนทำให้ฝ่ายรัฐบาลจำเป็นต้องเลือกที่จะต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมในที่สุด ทำให้เข้าทางโจร ถ้าเป็นไปตามกลยุทธ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงวางไว้นับจากวันที่ 26 มีนาคมไปอีกประมาณ 10 วัน 20 วันจะมาบรรจบวันที่ 6 เมษายนวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯปฐมบรมราชจักรีทรงรับอัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ โดยที่ผ่านมาการพาดพิงสถาบันก็จะเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอดตราบเท่าที่ความขัดแย้งทางด้านการเมืองยังไม่ยุติ ภายหลังความพ่ายแพ้อย่างยับเยินในสภาพรรคเพื่อไทยจึงพยายามผลักดันร่างกฏหมายว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรเมื่อเร็วๆนี้ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีเป้าหมายแฝงเร้นทางการเมืองเพื่อฟอกโทษและความผิดคดีทุจริตทั้งหมดของทักษิณโดยมีสาระสำคัญที่กำหนดให้มีการนิรโทษกรรมความผิดทั้งหมดอันเป็นผลพวงของการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จนกระทั่งถึงวันที่ 5พฤษภาคมที่จะถึงนี้ส่อเจตนาวางแผนนิรโทษกรรมความผิดล่วงหน้าให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงสอดรับกันอย่างแนบแน่น ดังนั้นในความจริงแล้วจึงเป็นเพียงการออกกฏหมายเพื่อฟอกล้างความผิดให้กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นคือการทำลายความศักดิ์สิทธิ์แห่งสถาบันศาลอย่างยับเยินหากมีการนิรโทษความผิดและจะเป็นชนวนจุดไฟวิกฤติความแตกแยกให้กลับมาลุกโชนและลุกลามรุนแรงยิ่งขึ้น โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงทักษิณต้นตอหมิ่นเบื้องสูงเหตุทักษิณฟาดหัวฟาดหางเพราะสูญเสียอำนาจ อย่าลืมนะว่าทักษิณนี่เองที่เป็นนายกฯแล้วทำให้ชาวบ้านมีหนี้ครัวเรือนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์รายได้ไม่เพิ่ม เพิ่มแต่หนี้ในขณะที่คนในครอบครัว เครือญาติ และพรรคพวกกลับรวยขึ้นกันทั้งโคตร ไม่เคยยอมรับการตรวจสอบของรัฐสภา หลบเลี่ยงหลีกหนี บิดเบือน ครอบงำการตรวจสอบทุกวิถีทาง ขณะนี้ได้พิสูจน์และปรากฏให้เห็นโดยปราศจากข้อกังขาอีกต่อไปแล้วว่ามีการดำรงอยู่จริงของขบวนการล้มเจ้าในการปราศรัยของนักโทษหนีคุกในกลุ่มคนเสื้อแดงมิใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเพลงร้อยเนื้อหนึ่งทำนองเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ทักษิณยกระดับความรุนแรงทางคำพูดมากขึ้น นายแน่มาก สาดน้ำลายข้ามชาติใส่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีและองคมนตรีอีกหลายต่อหลายท่าน รวมทั้งอดีตประธานศาลฎีกาประธานศาลปกครองคนปัจจุบัน และศาลอีกแทบทุกศาลยกเว้นศาลพระภูมิกระเซ็นเปียกต่อไปถึงคุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อ.ปราโมทย์ นาครทรรพ กษิต ภิรมย์ และนายทหารใหญ่น้อยที่ได้ทำรัฐประหารรวมทั้งไอ้ป๊อกซื่อบื้อคนนั้นด้วย คนเหล่านี้ล้วนมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่าทักษิณมากนัก น่าเชื่อถือกว่าทักษิณมาก หน้าที่การงานเป็นหลักเป็นฐานแน่นอนอยู่ในประเทศไทย อยู่ภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมไทย มีอุดมการณ์ทำงานเพื่อสังคมส่วนรวม จึงนับได้ว่าเป็นการกระทำของทักษิณที่มุ่งทำลายความมั่นคงแห่งชาติ ทักษิณตอนเป็นนายกฯ นั้นเกลียด พล.อ.เปรมที่ท่านทำหน้าที่สนองเบื้องพระยุคลบาทอย่างเคร่งครัดมากเพราะติดที่ พล.อ.เปรม ไม่เช่นนั้นเขาจะทำอะไรกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้ จะเสนอเรื่องโดยตรงก็ได้โดยไม่ผ่านองคมนตรีซึ่งมีหน้ากลั่นกรองเรื่องราวต่างพระเนตรพระกรรฐ์ องคมนตรีจึงเป็นผู้โต้แย้งส่งเรื่องให้พิจารณาใหม่ทำให้ทักษิณไม่พอใจ ทักษิณพยายามยกประเด็นที่อ่อนไหว วิพากษ์ให้ร้ายองคมนตรีแต่เชิดชูสถาบัน ตีวัวกระทบคราด ใส่ความคนโน้นคนนี้ตลอด ฉวัดเฉวียน จาบจ้วงสถาบันตรงๆไม่ได้ก็ไปตีเอาองคมนตรี ตุลาการที่ล้วนแต่กระทำการภายใต้พระปรมาภิไธยที่มองให้ลึกลงไปอีกก็คาดเดาได้ว่ามีเจตนาจะทำลายสถาบันที่อยู่เหนือไปกว่านั้นแน่นอน โดยใช้ทหารแก่ๆ ไปสมอ้างเพื่อจาบจ้วงบุคคลที่เป็นองคมนตรีหรือคนใกล้ชิดกับสถาบันทางอ้อม อ้างว่าทักษิณถูกคนเหล่านี้กลั่นแกล้งและเปิดประเด็นใหม่ ประเด็นที่มันแหลมคม ประเด็นที่มันอ่อนไหว ออกมาเรื่อยๆแต่ทุกครั้งที่ทักษิณพูดจะยิ่งทำลายตัวเอง อย่างคำพูดล่าสุดของนักโทษชายทักษิณจากเดิมพุ่งเป้าไปที่บุคคลสำคัญในบ้านเมือง ล่าสุดได้หันมาเน้นโจมตีเฉพาะรัฐบาลทั้งนอกสภาและในสภาไม่ว่าจะเป็นประเด็นที่มาของรัฐบาลส่อให้เห็นว่ามีเจตนามุ่งมาที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกล่าวหาว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ทำเศรษฐกิจแย่ บริหารประเทศโดยเด็กสองคนที่ไม่มีความสามารถ และกองทัพว่ามีผู้ใหญ่หนุนหลังการจัดตั้งรัฐบาล โจมตีให้ร้ายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาเมื่อความคิดเห็นประชาชนจากเอแบคโพลออกมาว่าไม่เห็นด้วยกับการจาบจ้างให้ร้ายป๋า ล่าสุดพลิกกลับมาเน้นอธิบายในเรื่องความจงรักภักดีมากเป็นพิเศษ กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่อ่อนไหวในเรื่องสถาบันเบื้องสูงดังนั้นเมื่อทักษิณถูกกล่าวหา ถูกเปิดโปงในเรื่องความไม่จงรักภักดีบ่อยครั้ง ซ้ำไปซ้ำมามันก็ต้องหยุดคิดได้เหมือนกัน ทักษิณและทาสสร้างเรื่องแบบชุ่ยๆ เอาเปรียบ ฉวยโอกาส พูดข้างเดียว พูดเอาแต่ได้ พูดไม่ฟังใคร แต่ไม่พูดถึงความจัญไรของตน ตีไข่ใส่สี กล่าวหาคนอื่นข้างเดียว พูดอะไรเป็นตุเป็นตะ เรียกร้องให้กลุ่มคนเสื้อแดงขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ที่เชื่อว่ามีทหารหนุนหลังออกไปหรือยุบสภาแล้ว ล้างไพ่มาเล่นกันใหม่ คิดเอาแต่ได้ อะไรเป็นประโยชน์ต่อตนก็จะพูดให้ดำกลายเป็นขาว-ขาวกลับกลายเป็นดำได้ตลอด ปลิ้นปล้อนด่าศาลกลับใช้ศาลที่ตัวเองด่าสาดเสียเทเสียนั่นแหละเที่ยวฟ้องร้องอริทางการเมืองมากมายหลายสิบคดี จ้องมองคนอื่นว่าผิดตลอด ทำแต่เรื่องสามานย์ โกงกินสารพัด สร้างรัฐตำรวจ เป็นเผด็จการรัฐสภา จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง แยกแยะถูก-ผิดไม่ออก ผิดแล้วผิดอีก คนอื่นเลวหมด โง่หมด ตนเองเก่งและดีอยู่คนเดียว .หากพูดอย่างไม่เกรงใจ ปัญหาบ้านเมืองทุกวันนี้เกิดจากอดีตนายกฯ คนนี้เริ่มตั้งแต่ให้พักก็ไม่พักมีผลประโยชน์ทับซ้อนมากมายจนในที่สุดก็โดนทำรั้ฐประหารในการออกมาพูดแต่ละครั้งไม่เคยพูดถึงปัญหาที่ตนเองเคยทำไว้พูดแต่ผลกระทบที่ตัวเองได้รับและพูดแต่ในสิ่งที่ตัวเองถูกต้องเท่านั้น.อดีตประธานสภาฯท่านหนึ่งกล่าวในรายการเสวนา ทักษิณพยายามที่จะเอาทรัพย์สินคืนถึงขั้นเคยให้ทนายความไปติดต่อ คตส.ขอต่อรองยอมให้ยึด 2 หมื่นล้านส่วนที่เหลือก็ขอคืน ในเวลาต่อมานายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศได้ยืนยันว่าไม่ใช่ไม่ชอบทักษิณเป็นการส่วนตัวแต่เป็นเรื่องความต่างของอุดมการณ์ ตนเห็นว่าระบอบทักษิณไม่มีธรรมาภิบาล ตอนนี้ทักษิณไม่มีไพ่จะเล่นแล้ว นอกจากพยายามจะขุดคุ้ยทำตัวเป็นหนอนอยู่ในโคลนตมในสิ่งที่เน่าเฟะ จะดูว่ามีอะไรในกอไผ่เกี่ยวกับตนอีกที่จะกระทืบตนลงแผ่นดิน รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวว่า “ทักษิณหมดปัญญาแล้วหรือ ไม่เป็นนักเลงพอแล้วหรือ ถึงให้ลิ่วล้อทั้งหญิงชายพยายามขุดคุ้ยเรื่องของตน เปียโนของตนอยู่บ้าน ซื้อมือสองจากเยอรมัน ราคาแสนเศษเท่านั้น แล้วมันหนักกบาลหรือหนักหัวใครหรือ ตนก็พร้อมจะสอนเล่นเปียโนด้วย แล้วถ้าคิดว่าเปียโนนี้ไม่ได้กรอกไว้ในใบแสดงทรัพย์สิน จะให้ถูกลงโทษก็ยอม ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปกปิด อยู่ทาวเฮ้าส์สภาพไหนไม่เคยปิดบัง ไม่ได้เป็นอีแอบซ่อนความร่ำรวยไว้ อยากรู้อะไรชี้แจงได้ ไม่อย่างนั้นไม่มาเล่นการเมือง เป็นรัฐมนตรี และไม่มาโต้เถียงกับคุณ ทักษิณในที่แจ้ง” ... “การที่ทักษิณจะมาข่มขู่ประชาชนว่ามีกองกำลัง มีกำลังตร. กองทัพเสื้อแดง... อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเตรียมทหารรุ่น 10 แล้วจะมาบงการสังคมไทยได้ หรือจะใช้กองกำลังที่เป็นกุ๊ยทั้งหลาย หรือคนไทยที่ไม่รักชาติ สถาบัน มาข่มขู่สังคมไทย หรือข่มขู่ผมได้” คนไทยที่รักชาติ อย่าให้หลงประเด็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นปัญหา และสมควรที่จะต้องแก้ไขโดยอาศัยฉบับปี 2540 เป็นตัวตั้งเหมือนเช่นที่หมอเหวงได้ยื่นร่างแก้ไขไว้ในวาระการประชุมของสภาฯ แล้ว เพราะร่างดังกล่าวไม่มีการรับรององคมนตรีซึ่งเป็นการลิดรอนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ผู้บริหารพรรครับผิดชอบถูกยุบพรรคเมื่อมีการซื้อเสียง รัฐบาลไม่ต้องขออนุญาตกับประชาชนก่อนการทำสัญญาผูกพันกับต่างประเทศ อย่าให้หลงประเด็นในเรื่องกฎหมายปรองดองแห่งชาติเพราะการนิรโทษกรรมเพื่อบุคคลบางกลุ่มจะทำลายนิติรัฐของประเทศทำให้บ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป อย่าให้หลงประเด็นว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์มีที่มาอย่างไม่ถูกต้องทั้งๆ ที่ก็อาศัยสภาชุดเดียวกับที่เลือกสมัคร หรือสมชายมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี บรรดารัฐมนตรีที่ต้องออกไปมิใช่เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับนายกฯ แต่เพียงเหตุเดียวหากแต่ทำงานไม่ได้ก็ควรออกไปเช่นกันเพราะเรื่องบ้านเมืองเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ มิใช่เป็นเรื่องต่างตอบแทนหรือเพื่อศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลแต่เพียงอย่างเดียว ทำไมหลายคนในวันนี้ดูถูกดูแคลนที่คนอยู่บนกระดาษที่ใช้หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวซึ่งคนที่ทำเพื่อเรามากว่า 60 ปี ทั้งๆที่ไม่เคยเรียกร้องอะไรตอบแทน โดย Lil' Whiney - http://mblog.manager.co.th/whiney/th-55908/

ไม่มีความคิดเห็น: