27 สิงหาคม 2552

ขบวนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

บ้านเมืองของเราอยู่รอดปลอดภัยมาถึงวันนี้ก็้พราะเรามีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นหลักชัยและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทุกหมู่เหล่า แต่ในขณะนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯกำลังตกเป็นเป้าของการลบหลู่การให้ร้ายของคนบางพวกโดยเฉพาะมีเว็บไซต์เถื่อนเกิดขึ้นมากมาย บ้านเมืองเพิ่งมาวุ่นวายก็ยุคที่มีทักษิณ ชินวัตรมาเป็นนักการเมือง เพราะคนๆ นี้ไม่เคยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยเอาผลประโยชน์อันน้อยนิดไปหว่าน ไปแจกพี่น้องแต่พวกพ้องตัวเองกลับฮุบผลประโยชน์ก้อนใหญ่แล้วยังมีหน้าไปโทษ พล.อ.เปรม ว่า อยู่เบื้องหลังปฏิวัติทำให้ตัวเองต้องลงจากอำนาจ คนๆนี้พยายามโทษคนอื่นตลอด ไม่เคยดูว่าตัวเองทำผิดอะไรต่อบ้านเมืองมาบ้าง สังคมไทยเริ่มมีความรับรู้และรู้สึกว่ามีขบวนการทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องการให้เกิดสงครามประชาชนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแบบถอนรากถอนโคนซึ่งขบวนการดังกล่าวได้ขยายเติบโตเรื่อยมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐบาลของทักษิณต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ในยุคนี้ได้มีเว็บไซต์หมิ่นสถาบันเบื้องสูงผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด มีการบิดเบือน ให้ร้ายอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังใช้วิธีแจกจ่ายใบปลิวรวมไปถึงกล่าวโจมตีทางวิทยุชุมชนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไม่เฉพาะรัฐบาล กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ และทุกผู้ทุกคนต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถที่ได้ทรงปฏิบัติราชกรณียกิจให้กับประชาชนได้มีความสุขอยู่ทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องทำหน้าที่ดูแลปกป้องนี้ให้ถึงที่สุด เราต้องปลูกฝังค่านิยม สำนึกและอุดมการณ์ที่ถูกต้องให้กับคนรุ่นใหม่ ให้แก่พี่น้องประชาชนให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติที่ได้ยึดโยงให้คนไทยทั้งหลายได้อยู่เป็นชาติเป็นประเทศอยู่ในขณะนี้ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้เกิดการแตกแยกเป็นก๊ก เป็นเหล่า ใช้สีเป็นเครื่องหมายแทนความคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง ข้าราชการตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองอ้างว่าทำตามหน้าที่อ้างว่ากฎหมายให้อำนาจแท้จริงก็ทำตามคำสั่งของนักการเมือง เหตุการณ์รุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่าในรอบเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ประจานตัวเองให้เป็นที่อับอายขายหน้าชาวโลกว่าคนไทยแตกความสามัคคีอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน การขัดแย้ง แตกแยกไร้ซึ่งความรักความสามัคคีของคนไทยที่ร้าวลึกมากขึ้นทุกทีซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนเป็นสภาวะที่น่าวิตกอย่างยิ่งจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังถึงกับมีพระราชดำรัสว่า "บ้านเมืองกำลังล่มจม"

อย่างไรก็ดีหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้มีกลุ่มคนไทยที่จงรักภักดีและเห็นภัยร้ายจากกลุ่มขบวนการที่คิดทำร้ายทำลายสถาบันได้พยายามเปิดโปงแผนการร้ายดังกล่าว มีการเปิดเผยให้เห็นถึงตัวตนและแผนการของคนเหล่านี้ตั้งแต่ในเรื่องของปฏิญญาฟินแลนด์และกลุ่มซ้ายอกหักที่เคยผิดหวังหลังจากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยล่มสลายซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวก็ได้เปลี่ยนแปลงบทบาทใหม่เข้ามาเป็นมันสมองและกำหนดการเคลื่อนไหวให้กับทักษิณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ หากสังเกตให้ดีจะพบว่าในการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงมักมีการกล่าวถ้อยคำจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอยู่ตลอดเวลา หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่น ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ “ดา ตอร์ปิโด” ชูชีพ ชีวสุทธิ์ จักรภพ เพ็ญแข วีระ มุสิกพงศ์ ใจ อึ้งภากรณ์ ฯลฯ หรือแม้แต่พฤติกรรมและคำพูดของทักษิณเองก็มักออกมาในทำนองไม่เหมาะสม ถูกมองว่าอาจเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นการเข้าไปเป็นประธานทำพิธีในวัดพระแก้วหรือคำพูดที่ว่า “ถ้านายกฯ ไม่จงรักภักดีแล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดีวะ” หรือ “ถ้าพระเจ้าอยู่หัวมากระซิบข้างหูให้ลาออกก็จะกราบพระบาทลาออกทันที” หรือแม้กระทั่งยังพูดว่า หากเขาจะกลับเมืองไทยก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นซึ่งเหมือนกับว่าเป็นการ “ตีตนเสมอ” ฯลฯ ล่าสุดยังมีพฤติกรรมที่ไม่บังควรด้วยการล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษทั้งที่ในทางกฎหมายแล้วเป็นไปไม่ได้เพราะไม่ได้เข้าเงื่อนไขแต่การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการบิดเบือน ชักจูงให้ประชาชนหลังเข้าใจผิด เป็นการกดดันและก้าวล่วงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แม้แต่การเสนอข่าวสารที่เป็นการปลุกปั้นยุยงให้เกิดความรู้สึกไม่ดีแก่สถาบันกษัตริย์ช่อง 11ก็ทำมาแล้วคงจำกันได้จากสารคดีเรื่องกษัตริย์เนปาลและฝรั่งเศสในยุคที่นายจักรภพ เพ็ญแข อีเพ็ญเป็นคนคุมและก็มีนายเผชิญเป็นอธิบดีกรมประชาฯที่นำมาออกอากาศฉายแล้วซ้ำอีกอย่างมีนัยสำคัญ หรือการจัดเวลาให้กับกลุ่มสามเกลอหัวขวดทำรายการในช่อง 11 ก็ทำการตอกลิ่มประเทศไทยให้เกิดความแตกแยกจนวันนี้รอยร้าวปรากฏไปทุกหย่อมหญ้า เหล่านี้คือผลพวงของช่อง 11 ที่เกิดจากผู้บริหารชุดปัจจุบันทั้งสิ้นแต่ทุกคนก็ยังมีอำนาจวาสนาอยู่ได้ไม่ว่าจะสุริยงค์ก็ดี เผชิญก็ดี ยังอยู่ดีมีสุข มิหนำซ้ำยังคอยแผลงฤทธิ์ให้สะเทือนรัฐบาลอภิสิทธิ์อยู่เรื่อยๆ ตามแต่สถานการณ์ และจะมี “ใบสั่ง”ออกมาเมื่อไร ที่ต้องตั้งข้อสังเกตว่า เหตุจอดับ 3 ครั้งที่เกิดขึ้นกับอภิสิทธิ์ในระหว่าง 8 เดือนก็เพราะด้วยแต่ละครั้งนั้นมีสถานการณ์การเมืองกำลังมีประเด็นร้อนทุกครั้ง แม้จะทางนิตินัยอยู่ในอำนาจของรมต.สาทิตย์แต่อำนาจบารมีที่แท้จริงกลับไปอยู่ในมือของคนคนหนึ่งในพรรคภูมิใจไทย

ส่วนในพื้นที่ภาคอีสานเป็นภาคที่ทักษิณพยายามวางหมากในการเคลื่อนไหวล้มสถาบันมากที่สุดเลยสั่งให้มีการดำเนินการ 2 รูปแบบจาบจ้วงสถาบันอย่างเปิดเผยและบิดเบือนข้อมูลต่างๆ ทั้งด้วยเอกสารและแจกเงินโดยใช้ผู้นำท้องถิ่นนำเอกสารเนื้อหาจาบจ้วงไปให้ประชาชนในพื้นที่อ่านทำให้เกิดความเข้าใจผิด ดูทักษิณว่าเป็นเช่นไรเมื่อวานได้มีการส่งข้อความมายังทวิสเตอร์เพื่ออวยพรวันเกิด พล.อ.เปรมแต่วันนี้กลับให้ลิ้วล้อบุกหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์แต่งชุดดำไปทำพิธีเผาพริก เผาเกลือแช่งคนแบบนี้ถือเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคน เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ การกระทำและคำพูดของทักษิณมันขัดกันในตัวเองมาตลอด ปากก็บอกตนเองรวยมาตั้งแต่ก่อนเล่นการเมืองแต่ขณะนี้กลับถูกหลวงคอรัปชั่นเพราะถูกอายัดทรัพย์สินไว้ 70,000 กว่าล้านบาท ช่างพูดได้ไม่อายปากก็ก่อนเข้ามาเป็นนายกฯ รวยอยู่สักกี่พันล้านเป็นนายกฯ มาไม่กี่ปีกลับรวยกระโดดขึ้นไปอีกหลายหมื่นล้าน ในขณะที่ประชาชนพากันเป็นหนี้เพิ่มขึ้นทุกหย่อมหญ้าทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน นับจากนี้ก็จะเห็นว่าทักษิณจะออกมาเขย่ารัฐบาลเป็นระยะๆเพื่อให้ทำงานลำบาก รัฐบาลหลงทางหรือเป๋เมื่อไหร่ก็ยิ่งเข้าทาง

ขณะที่ปฏิกิริยาอีกด้านหนึ่งจากฝ่ายรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐกลับนิ่งเฉยดูเบาหรือทำเป็นหูทวนลมส่วนหนึ่งยังอ้างหน้าตาเฉยว่าไม่สมควรนำเอาเรื่องสถาบันมากล่าวพาดพิงเนื่องจากเห็นว่าจะเป็นการดึงฟ้าต่ำ ผู้บริหารระดับสูงในกองทัพที่ได้สร้างความผิดหวังให้คนไทยจำนวนมากที่ตั้งความหวังไว้ว่าอย่างน้อยต้องมีข้าราชการทหารออกมาตอบโต้หรือมีท่าทีแข็งกร้าวต่อใครก็ตามที่ทำให้กระทบต่อพระบรมเดชานุภาพ แต่นี่กลับดูเหมือนว่าผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้นิ่งเฉย ตรงกันข้ามไม่แสดงท่าทีในทางสาธารณะให้เห็นว่าเป็นการป้องปรามแต่อย่างใด เว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ผ่านมาจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเซิร์ฟเวอร์หรือเปิดในต่างประเทศแทบทั้งหมดส่งผลให้การดำเนินการตรวจสอบจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอและติดตามอย่างใกล้ชิดประกอบกับการเปิดเว็บไซต์ใหม่สามารถทำได้ง่ายในทั่วทุกมุมโลกฉะนั้นเมื่อมีการปิดกั้นเว็บไซต์ไปก็อาจจะมีเว็บไซต์เกิดขึ้นมาใหม่อีกทันที ที่ผ่านมากระทรวงไอซีทีได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันไปแล้วถึง 9,600 URL และในปัจจุบันไอซีทีได้รับเรื่องร้องเรียนพบเห็นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯถึงวันละ 100 URL เช่น www.arkomsydney.com แต่ในการรับร้องเรียนว่ามีข้อความจาบจวงในทั้งเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกันและเว็บไซต์ประชาไทนั้นไอซีทีไม่สามารถดำเนินการปิดกั้นได้เพราะข้อความที่อยู่ในเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ระบุชื่อชัดเจนแต่ใช้นามแฝงซึ่งการส่งฟ้องศาลจำเป็นจะต้องมีการระบุชื่อหรือขึ้นภาพถ่ายที่ชัดเจน ทำให้ประชาชนยังสามารถเข้าดูทั้งบอร์ดฟ้าเดียวกันและเว็บไซต์ประชาไทได้ตามปกติเหมือนไม่มีการปิดกั้นใดๆ

ขั้นตอนการทำงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการปิดกั้นเว็บไซต์หมิ่นสถาบันที่ผ่านมาเมื่อพบเว็บไซต์ที่มีข้อความหรือรูปภาพหมิ่นสถาบัน ไอซีทีจะส่งเรื่องไปถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตรายย่อย (ไอเอสพี) ดำเนินการปิดกั้นหรือบล็อกเว็บไซต์นั้นก่อนหลังจากนั้นไอซีทีก็จะดำเนินการส่งเรื่องฟ้องศาลเพื่อขอคำสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าวเป็นการถาวรทันทีโดนขั้นตอนการฟ้องศาลจะใช้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น เพื่อให้การดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึงจึงได้จัดตั้งโทรศัพท์สายด่วน 1212 จำนวน 5 คู่สายและยังจัดทำอีเมล์รับแจ้งข้อมูลผ่านทางอินเทอร์เน็ต 1212@mict.mail.go.th


ฝนตก
แกนนำเสื้อแดง - "ฟ้าร่วมยินดีกับเราแล้วพี่น้อง"
ฟ้าร้อง
แกนนำเสื้อแดง - "ฟ้าส่งเสียงยินดีกับเราแล้วพี่น้อง"
ฟ้าผ่า
แกนนำเสื้อแดงรุ่น2 - "ฟ้ามารับแกนนำรุ่น1ขึ้นสวรรค์แล้วพี่น้อง"
(เสียงร้องไห้เสียงโดวยวายระงม...แล้วตรูจะเบิกตังกับใครวะ มาเสียเที่ยวแน่ ฮือๆๆๆ)
===========================================================================

การไม่มีมารยาทหักหน้านายกรัฐมนตรีอย่างรุนแรงในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติอันเรื่องสำคัญที่ถือว่าเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีทีเดียวนั่น ปัญหาสำคัญไม่ได้อยู่ที่การยกมือคัดค้านของกรรมการแต่อยู่ที่การยกมือคัดค้านชวรัตน์ ชาญวีรกูลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ด้วย นอกจากได้ความสะใจในพรรคแล้วทั้งในทางกฎหมายในทางการเมืองก็เป็นสิ่งที่ไม่พึงปฏิบัติต่อกัน ที่ผ่านมาในรัฐบาลนี้สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลยังไม่เคยมีการลงมติต่างกันในสภาผู้แทนราษฎรถึงแม้จะเคยมีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง ตัวอย่างจากการลงมติของหัวหน้าพรรคการเมืองแบบนี้จะต้องไม่มีใครไปถือเป็นแบบอย่างสำหรับการลงมติในสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีพรรคเดียวกันนี้เคยปรารภให้หัวหน้าพรรคร่วมฯมาเมื่อเกือบสิบปีมาแล้วว่าทำอย่างนี้ไม่ได้หรอกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและอยู่ในระบอบรัฐสภา ผมจำเป็นต้องรักษาหลักการไว้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเสียใจ พี่ไปพิจารณาเองเถอะว่าจะเอาอย่างไรจะลาออกเองหรือให้ผมเอาออก และหัวหน้าพรรคร่วมฯพรรคนั้นก็เดินออกจากรัฐบาล ในวันนี้เราจึงได้เพียงแค่หว้งว่าหัวหน้าพรรคร่วมฯพรรคนี้จะมียางหรือไม่

ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลสุเทพ เทือกจะต้องซักซ้อมกันในคณะกรรมการเสียก่อนและในเมื่อผลออกมาเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะมองในแง่ดีอย่างไรสุเทพ เทือกก็จะต้องตระหนักว่า สมควรที่จะไล่ชวรัตน์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีในทันที และเอาวิชัยพ้นไปจากตำแหน่งปลัดกระทรวงด้วย ผู้ใหญ่หลายคนในพรรคก็ยังคงจับตามองอยู่ห่างๆ ส.ส.หลายคนในพรรคเองก็ยังไม่หายคลางแคลงใจกับท่าที บทบาทการทำงานของสุเทพ เทือกในเรื่องผลประโยชน์แอบแฝงของบางกลุ่ม โดดเดี่ยวนายกฯและหันไปดันฝ่ายตรงข้ามแทน ถึงขั้นที่ว่ากันว่างานนี้สุเทพ เทือกอาจจะเป็นผู้ล้มรัฐบาลชุดนี้ สุเทพ เทือกหักหลักคนกันเอง "แทนที่จะคอยทำหน้าที่แบ่งเบาภาระ เป็นมือเป็นไม้ หรือเป็นมันสมองให้กับนายกฯ แต่กลับมาเพิ่มภาระหนักอึ้ง" ผู้ใหญ่หลายคนในพรรคห่วงใยต่อการบริหารงานภายใต้การให้น้ำหนักกับพรรคร่วมรัฐบาลมากเกินไปซึ่งจะยากต่อการบริหารควบคุมให้อยู่ในร่องในรอยได้ ประชาชนหลายคนก็คงคิด-คิดว่านายกฯอภิสิทธิ์คงจะไม่ได้คิดจะปลดรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยออกจากตำแหน่งหรอกเพราะไม่มีเขาก็ไม่มีเราหรือก็เท่ากับปลดตัวเองจากตำแหน่งด้วยนั่นเอง แต่กระนั้นเราคงเบาใจได้ในระดับหนึ่งเมื่อได้ยิน “ผมเห็นใจท่านสุเทพ ที่ต้องทำงานหนัก ทั้งเป็นรองนายกฯ ดูแลความมั่นคงของชาติและดูแลความมั่นคงภายในพรรค สิ่งที่ท่านทำคือการรักษามารยาท ประคับประคองการเป็นรัฐบาลผสม แต่เราต้องไม่ลืมผลประโยชน์ของประเทศชาติซึ่งภาวะแบบนี้ทำให้ทำงานลำบาก .....” นัยยะคำพูดของอภิสิทธิ์กลางโต๊ะกินข้าวที่บ้านพักสุเทพ เทือกเหมือนเป็นการย้ำเตือนว่าไม่ว่าจะผลประโยชน์ที่ได้จากการบริหารงานจากโครงการหรืองบประมาณต่างๆก็ยืดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

พวกที่หน้าด้านหน้าหนาก็ยิ่งไม่มีความเกรงอกเกรงใจเพราะฉะนั้นก็ต้องเจออย่างนี้และอาจจะเจออีกต่อไปเรื่อยๆ หลายสถานการณ์ที่เป็นการขบเหลี่ยมกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ไล่เรียงกันมาตั้งแต่การเสนอโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน การประมูลขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การประมูลขายข้าว 2.6 ล้านตัน หรือแม้แต่วาทะของศักดิ์สยาม ชอบชิดที่ว่า"ยังไงพรรคร่วมรัฐบาลต้องทนเป็นรัฐบาล ทนบริหารเงิน 8 แสนล้านบาท เพื่อรองงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ก็ต้องทนกันต่อไป" การคัดค้านโครงการการจัดสรรที่ดินสาธารณะให้คนจนเช่าทำกิน การไม่เซ็นวาระตั้งยรรยงอธิบดีกรมการค้าภายในให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ การตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย มาจนถึงการเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าสู่สภาฯอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยนึกอยากเสนอก็เสนอเพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติโดยไม่ได้มีการปรึกษาหารือพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก่อน

ไม่ว่าใครจะอยู่เบื้องหลังอย่างไรแต่ภูมิหลังก็คือภูมิใจไทยมาจากพรรคไทยรักไทยมาจากพรรคพลังประชาชนและอุตส่าห์ยอมทรยศนายใหญ่ไม่ไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยก็เพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ให้ตัวเองได้อยู่ในอำนาจก็ย่อมรู้และตระหนักดีว่าแม้ร่างกฎหมายนี้จะผ่านสภาฯ ก็ไม่ได้ทำให้บรรดาขี้ข้าสมุนซ้ายขวาของทักษิณหยุดการเคลื่อนไหว ภูมิใจไทยยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวหวังได้คะแนนนิยมและยังเป็นการช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกับขั้วอำนาจใหม่อำนาจ-บารมีของตท.6 เสื่อมของคู่แข่งของสนธิบัง การถ่ายทอดสดรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ก็เกิดอุบัติเหตุจอดับหลังการเสนอตั้งผบ.ตร.ที่ต้องล้มไปกลางวงประชุมกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ จอมบงการคนหนึ่งใหญ่ในช่อง 11 ก็คนคนเดียวกับที่คอยงัดข้อกับนายกฯอภิสิทธิ์ทุกเรื่องที่ผ่านมาแม้แต่ที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลังแม้จะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินเกมคัดค้านตั้งผบ.ตร.ก็ตามใครจะเชื่อ หรือว่านี่จะเป็นการทวงบุญคุณและประกาศตัวเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์ของพรรคภูมิใจไทยว่าอย่าได้มาแตะต้องอาณาจักรของพวกเขา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคภูมิใจไทยมีวาระซ่อนเร้น ช่วยเหลือผู้มีอำนาจ พัชรวาท และสมาชิกบ้าน 111 ของพรรคไทยรักไทยซึ่งรวมถึงเนวินและทักษิณ กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถจะเป็นเครื่องมือของความสมานฉันท์ได้ แล้วถ้าหากจุมพล มั่นหมายรอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นนรต.26 ร่วมรุ่นทักษิณได้รับการสนับสนุนจากซีกเสื้อสีน้ำเงินก็ชวนให้คิดไปได้เช่นกันว่าหรือจะเป็นจริงว่าเนวินจะช่วยชุบชีวิตระบอบทักษิณให้ฟื้นคืนมากอรปกับสุเทพ เทือกต้องพยายามให้นายกฯอภิสิทธิ์เป็นลูกไก่ในกำมือ พรรคประชาธิปัตย์ที่ขึ้นชื่อว่าเขี้ยวเกมการเมืองแล้วเผลอทีไรก็ยังถูกพรรคภูมิใจไทยเสียบหลังทุกที รัฐบาลอ่อนแอเมื่อไหร่ ทักษิณก็เข้มแข็ง บ้านเมืองก็วุ่นวาย

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พวกทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เท่ากับไม่รักชาติ ไม่รักแผ่นดินบ้านเกิด รู้หรือไม่กษัตริย์เป็นผู้กอบกู้เอกราชผืนแผ่นดิน ให้เราได้อยู่กันทุกวันนี้ ดังนั้นคนพวกนี้ไม่สมควรอยู่บนผืนแผ่นดินไทย