11 มกราคม 2553

กดเด็ก 9 ข้อ


กดเด็ก 9 ข้อ

พลันที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเมื่อกว่าขวบปีที่ผ่านมา  กฎเหล็ก 9 ข้อของนายกฯอภิสิทธิ์ก็ได้ถูกประกาศให้บรรดาคณะรัฐมนตรียึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติตั้งแต่เมื่อเริ่มเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินอย่างเคร่งครัด  มีอยู่ข้อหนึ่งระบุว่า รัฐมนตรีทุกคนจะต้องมีมาตรฐานสูงกว่าประชาชนทั่วไปทั้งทางด้านจริยธรรมและด้านกฎหมายโดยจะต้องแสดงความรับผิดชอบโดยไม่จำเป็นต้องรอใบเสร็จหรือถูกบังคับให้ลาออกในกรณีที่ถูกตรวจสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริต  ก่อนหน้านี้นายวิฑูร นามบุตรจากพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีพม. นายวิทยา แก้วภราดัยจากพรรคประชาธิปัตย์เช่นกันก็ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีสธ.ทันทีเพื่อแสดงสปิริตความรับผิดชอบ

นพ.บรรลุ ศิริพานิชรายงานผลสรุปการสอบสวนต่อนายกรัฐมนตรี  ทั้งๆที่ผลการสอบสวนระบุว่านายวิทยาเพียงบกพร่องในหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้นแต่นายวิทยาก็สร้างบรรทัดฐานแบบอย่างอันดีงาม  เป็นการปฏิบัติตามกฎเหล็ก 9 ข้อของนายกOอย่างเคร่งครัด    แต่นายมานิต นพอมรบดีรัฐมนตรีช่วยถูกคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯชี้มูลความผิดที่ร้ายแรงกว่านายวิทยากลับยังไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบ หนำซ้ำบรรดาแกนนำพรรคภูมิใจใครอันป็นพรรคต้นสังกัดได้ออกมาปกป้องนายมานิตให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปทั้งๆที่นายกOได้ส่งสัญญาณมายังพรรคภูมิใจใครให้ยึดถือกฎเหล็ก 9 ข้อและฟังกระแสของสังคม  ปัญหาของนายมานิตเป็นเรื่องภายในของพรรคภูมิใจใครย่อมแสดงให้เห็นว่ากฎเหล็ก 9 ข้อไร้ความศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงและวุฒิภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีกำลังถูกท้าทายจากพรรคร่วมรัฐบาล

นายมานิตเขาสังกัดพรรคภูมิใจใครก็ในเมื่อพรรคบอกว่าไม่ต้องออก เขาก็ลอยหน้าเป็นรัฐมนตรีอยู่ต่อไป นายกฯอภิสิทธิ์ผู้เป็นหัวหน้ารัฐบาลมีน้ำยาอะไรมาบัญชาสังกัดประชาธิปัตย์ใหญ่ให้ได้จริงกับแค่คนในพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือว่าเก่งแล้ว เดินผ่านไม่ถุยน้ำลายรดด้วยนึกว่าเจว็ดริมทางก็บุญถมแล้วไอ้ที่จะถือดีในอำนาจนายกฯ โดยไม่มีบารมีเป็นที่ยอมรับมาทำใหญ่ข้ามพรรคยุคมารเริงเมืองอย่างนี้เชอะ....เมินเสียเถิด   ไอ้ตลกเฒ่าร้อยเล่ห์จากพรรคเดียวกันนี่ก็ให้สัมภาษณ์ขยำกฎเหล็กโบ้ยใช้เฉพาะรัฐมนตรีประชาธิปัตย์ห้ามก้าวก่ายพรรคอื่น  ตลกเฒ่าร้อยเล่ห์ถือเป็นสิทธิของบุคคลของกลุ่มพรรคการเมืองนั้นๆ แถมเย้ยนายกฯซ้ำอีกว่า นายมานิตคงมีทีเด็ด เพราะเขาไม่ได้โกง ไม่ได้คอรัปชั่นเงินทุกบาทของโครงการไทยเข้มแข็งมีการจ่ายหรือไม่ เพราะการอภิปรายในสภาหากใครมีเหตุมีผลมีหลักฐานแน่ชัดรัฐมนตรีอยู่ไม่ได้

นายมานิตต้องโร่มาขอพบนายกฯเพื่อเรียนถึงมติของพรรคภูมิใจใครในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา  นายมานิตมายื่นใบลาราชการเป็นเวลา 30 วันแต่นายกฯอภิสิทธิ์ไม่ยอมเซ็นอนุมัติ เพราะต้องการให้ลาออกมากกว่า   ในการขออนุมัติลาราชการนั้นขอลาพักเป็นเวลา 30 วันอ้างว่าเพื่อให้กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในชั้นต่อไปเป็นไปอย่างมีอิสระ ป้องกันข้อครหาการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายนโยบายอย่างแท้จริง หากป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตก็พร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกทันที   การลาพักนี่ก็ไม่เคยมีเยี่ยงมีอย่างที่ไหนมาก่อนนะมานิต   ขนาดนายกฯ ก็ยังไม่เห็นด้วยจึงไม่อนุมัติให้ลาออก แถมส่งสัญญาณกดดัน  หากยังมั่นใจว่าตัวเองไม่มีความผิดหรือทุจริตก็ให้“ด้าน”นั่งทำงานสู้หน้ากับสังคมและตอบคำถามสื่อมวลชนต่อไปก็แล้วกัน

ป.ป.ช.ก็ฉับไวตั้งอนุฯ สอบโกงใครเข้มแข็งแล้วลั่นถึงยังไม่อนุมัติงบแต่พบเจตนาทุจริตก็ถือว่าผิดแล้ว  ไหงสุเทพเทือกรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และผู้จัดการรัฐบาลกลับออกมาขัดขานายกฯบอกนายกฯ ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลได้กำหนดกฎกติกาได้กำหนดไว้ให้ทุกคนปฏิบัติตาม   ซึ่งรัฐมนตรีที่รับทราบเห็นดีงามด้วยและยอมรับในกฎดังกล่าวแต่กฎดังกล่าวก็มีแง่มุมที่สามารถโต้แย้งได้ สุเทพเทือกสงสารมานิตว่าถ้าออกไป ก็จะไม่มีโอกาสชี้แจงในสภา อืมมมม รธนฯปี 50 เขาเปิดช่องให้เรียกมาสอบได้เท่าที่ต้องการเลย สุเทพเทือกรู้บ้างไหมนี่  ภูมิใจใครหักดิบสวนกลับปชป.ด้วยการมีมติปกป้องมานิตได้นั่งเก้าอี้รมช.สธ.ต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้านต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมและการสร้างแบบอย่างอันเป็นบรรทัดฐานจริยธรรมที่ดี  เนวินก็ซื้อใจหุ้นส่วนใหญ่ของพรรคอย่างสมสัก เทพสุดตีนด้วยการออกมติพรรคเป็นเกราะให้มานิต  ถือได้ว่าเป็นคำสั่งจากสองลูกพี่ผู้บารมีของพรรคสั่งให้ยื้อ    คนพวกนี้ไม่เคยเปรียบเทียบมาตรฐานความรับผิดชอบของมานิตกับนายวิทยา แก้วภราดัย

ภูมิใจใครและบรรดาแกนนำหลายคนต่างออกมาปกป้องมานิตกันแบบไม่สนใจความรู้สึกของสังคมใดๆทั้งสิ้น ฟังเหตุผลของแต่ละคนไล่ลงมาตั้งแต่หัวดำยันหัวหงอกไม่ว่าจะเป็น ตลกเฒ่าร้อยเล่ห์หรือชวรัตน์ ชาญวีระกูลที่อ้างกันแบบตะแบงๆข้างๆคูเพื่อ“ชำเรา”ประเทศกันต่อไป    ภูมิใจใครไม่สนใจคำว่าจริยธรรมและสปิริต ด้าน อ้างเหตุผลข้างๆ คูๆเพื่อกอดเก้าอี้แน่น เมินกฏเหล็ก ท้าทายภาวะผู้นำ ท้าทายแกนนำพรรคร่วมฯ ฉุดภาพลักษณ์ของรัฐบาล เป็นระเบิดเวลาอีกลูกที่จะรอให้รัฐบาลจมดิ่งสู่ความเสื่อม    มานิตคงลงทุนไปเยอะ จะออกง่ายได้อย่างไร เขายังไม่ได้ทุนคืนเลย    ได้ยินว่าไปกราบสมสักถึงบ้านเพื่อขออยู่ต่อมาแล้ว สมสักเองก็โดนเด็กดื้อทั้งทุบทั้งถอง  ไล่ตั้งแต่นายกฯ รองนายกฯ กอร์ปศักดิ์ไปกระทั่งรมช.พาณิชย์ที่ขวางลำในการโกงระหว่างบริหารงานในกระทรวงพาณิชย์ได้ราบรื่นแต่เนวินถึงรู้ก็วางเฉยมาตั้งนานจนเหมือนต่างคนก็ต่างอยู่กันไป    ส่วนงานนี้ที่เนวินต้องออกโรงช่วยสมสักก็เพราะกลัวไฟลามทุ่งไปถึงเก้าอี้ในโควตาของตัว  ประชาธิปัตย์จ้องจะยึดคืนเก้าอี้ใหญ่ รมว.มหาดไทยอยู่

นายกฯอภิสิทธิ์แข็งแล้วยื่นคำขาดมานิตต้องออกสถานเดียว ระบุแม้ไม่ใช่กฎหมายแต่เป็นกติกายกระดับมาตรฐานทางการเมืองใหม่    เจอลูกนี้เข้าตลกเฒ่าร้อยเล่ห์ ปากสั่น ขาซีดบอกไม่ได้พูดว่าใช้เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์แต่ว่าเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเขียนให้ชัด ภูมิใจใครร้องจ๊ากบอกหากนายกฯ ปรับครม.ต้องมาคุยกับหัวหน้าพรรคก่อน  คณะกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมมาภิบาล วุฒิสภาออกมาบอกข้าราชการการเมืองไม่สามารถลาในลักษณะดังกล่าวได้  งานนี้นายกฯอภิสิทธิ์จะใช้อำนาจปลดมานิตแน่   อาการกร้าวของนายกฯอภิสิทธิ์ถือว่าได้น้ำได้เนื้อพอสมควรพร้อมๆไปกับการส่งสัญญาณพร้อมยุบสภา   จริงๆแล้วไม่ว่าพรรคไหนๆต่างก็ไม่กระสันเลือกตั้งใหม่กันนักหรอกในเวลานี้แม้กระทั่งปชป.เองก็ตาม   โครงการใหญ่ๆที่ลงทุนล๊อบบี้ไปนั้นยังไม่ได้เริ่มเลย ขืนถอนตัวออกหรือยุบสภาก็อดแดกละ


ให้ไปดีๆไม่ยอมไป ก็ต้องโดนตะเพิดไล่เก็บผ้าผ่อนข้าวของออกจากกระทรวงทั้งน้ำตาตกใน หลังทนกระแสสังคมได้แค่ 5 วันมานิตออกกฎ 9 ข้ออุ้มตัวเองประกาศลาออกจากรมช.สธ.แล้วโดยมีผลทันที  อ้างไม่ได้ถูกกดดัน หวังสร้างบรรทัดฐานการเมืองใหม่ อ้างว่ามีการสร้างกระแสกดดันให้ตนลาออก   มานิตอย่าไปโทษกระแสเลย สังคมเขาจ้องดูอยู่และทองแท้มันก็ไม่กลัวไฟเสียด้วย กินมูมกินมามเลอะเทอะผู้ดีเก่าผู้ดีใหม่ก็ไม่ชอบทั้งนั้น    ประศาสตร์ ทองปากน้ำผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุขอาจได้รับเลือกจากกรรมการบริหารพรรคภูมิใจใครให้ดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุขแทนมานิต  ทั้งเนวินและสมสักคงเกลียด“เด็กดื้อ”ขึ้นอีกเป็นกอง  ลองของทีไรเจ็บตัวทุ๊กที  เป็นบาดแผลคาใจกับเด็กดื้อ  ทั้งคู่คงต้องรอทวงแค้นเอาคืนเมื่อมีโอกาสแน่   คู่นี้หากได้หันไปจูบปากกันดูดดื่มอีกครั้งระหว่างลูกพี่-ลูกน้องเก่าอย่างหลงจู๊เติ้งในความต้องการที่ตรงกัน ปชป.อาจจะต้องเหนื่อยอีกครั้ง  พวกมันคงจะจับมือกันป่วนต่อรองนายกฯ อภิสิทธิ์ อย่างหนักหน่วงนับแต่บัดนี้

วันนี้รัฐบาลได้มีการดำเนินการผลสรุปของคณะกรรมการการตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการใช้งบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งในสธ.ที่มีนพ.บรรลุ ศิริพานิชเป็นประธานส่งเรื่องไปยังป.ป.ช.แยกออกเป็น 2 ส่วนในการตรวจสอบทางวินัยกับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว และ ยังไม่เกษียณฯรวม 12 คนเกี่ยวข้องและข้าราชการการเมือง 4 คน   ชมรมแพทย์ชนบทออกมาถามภูมิใจใครว่า  ไม่มีคนอื่นอีกแล้วหรือเพราะทั้งมานิตและประศาสตร์ก็มีความเชื่อมโยงกันในการดำเนินงานที่มีปัญหานี่ เคยนั่งเป็นผู้ช่วยเลขานุการรมช.สธ.ช่วยงานมานิตที่ติดบ่วงกรรมงบฯ ไทยเข้มแข็งมาหมาดๆ

วันนี้ธรรมาภิบาลบ้านเรามันมีแต่เปลือกเพราะคนไปเขียนกฎกันเอง เขียนมาเพื่อกำกับดูแลตัวเอง ในการสร้างกลไกหลักด้านธรรมาภิบาลที่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญนั้นไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่ารัฐธรรมนูญของเราจะยาวที่สุดและดีที่สุดในโลกแต่ก็น่าจะต้องเพิ่มเติมเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินให้มีความชัดเจนกว่าปัจจุบัน   ขนาดระบุไว้ชัดเจนในบางเรื่องคนพวกนี้ก็สามารถ  ไหลไปได้เรื่อยๆ   หากรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนยิ่งขึ้นก็น่าจะต้องเพิ่มการเขียนกฎข้อบังคับเกี่ยวกับเรื่องธรรมาภิบาล หรือจริยธรรม หรือกฎของการกระทำเพิ่มเข้าไปด้วยและการควบคุมก็จะง่ายขึ้น

จากการชุมนุมต่อเนื่องยาวนานของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยความมุ่งมั่น อดทน หาญกล้าของพี่น้องประชาชนถึง 193 วัน เป็นการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ที่แลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนจำนวนมากจนสามารถคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จทำให้คดีการทุจริตคอร์รัปชันของนักการเมืองและคดีทุจริตการเลือกตั้งได้ถูกพิพากษาโดยกระบวนการยุติธรรมส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันนี้   จากการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาที่ผ่านมาเรามิได้ต้องการแลกมาเพื่อให้นักการเมืองหุ่นเชิดในระบอบทักษิณกลับฟื้นคืนมาอีกและเราก็มิได้ต้องการเพียงแค่เปลี่ยนขั้วทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เรามีความปรารถนาที่จะสะสางปัญหาทางการเมืองในอดีตคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องประชาชนและร่วมกับประชาชนปฏิรูปสร้างการเมืองใหม่เพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตทางการเมืองกลับคืนมาอีก แต่ใน 1 ปีที่ผ่านมาพบว่า

1)  ขบวนการดูหมิ่นและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งหมด เว็บไซต์  และวิทยุชุมชนยังคงมีการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง

2) ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อการทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ และการยกเลิกโครงการที่ไม่โปร่งใสในทางตรงกันข้ามการจัดซื้อจัดจ้างและการจัดทำโครงการขนาดใหญ่ยังคงอนุมัติต่อไปโดยมติคณะรัฐมนตรีโดยเห็นแก่ผู้มีอิทธิพลของพรรคร่วมรัฐบาลมากกว่าประชาชน

3) รัฐบาลยังคงแสดงจุดยืนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องผลประโยชน์ของตัวเองต่อไป

4) รัฐบาลได้นำนักการเมืองหรือข้าราชการที่มีมลทินไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมมีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ในตำแหน่งหน้าที่หรือมีพฤติกรรมที่จะแสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบมาร่วมบริหารราชการแผ่นดิน   มีนักการเมืองในรัฐบาลหลายคนยังทำงานเหมือนรัฐมนตรีหุ่นเชิดทำงานให้กับบุคคลที่มีอิทธิพลนอกรัฐบาล  นักการเมืองและข้าราชการยังมีการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก   ตราบใดที่รัฐบาลยังอุ้มโจรไว้กับตัวตลอดเวลาแล้วรัฐบาลก็จะเป็นดังเช่นที่เป็นมาตลอด 1 ปีที่ผ่านพ้นไป

5) นายกษิต ภิรมย์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามเร่งรัดในการติดต่อและประสานงานกับต่างประเทศอย่างชัดเจนจนทำให้พื้นที่การเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณลดน้อยลง

6) สำนักงานอัยการสูงสุดยังดึงเรื่องส่งคืนเรื่องให้กับป.ป.ช. เพื่อสอบเพิ่มเติมในการดำเนินคดีความและลงโทษผู้ที่ถูกชี้มูลโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมาธิการในวุฒิสภาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าประชาชนเช่นสมชายกระโปรง, อดีตนายกฯหน้าปลาตีนและเจ้าหน้าที่รัฐและยังไม่ดำเนินการเอาผิดกับอันธพาลการเมืองของรัฐบาลที่ทำร้ายและเข่นฆ่าผู้ชุมนุมจนถึงที่สุด นอกจากนี้ยังมีคดีเพิ่มเติมเช่นการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลที่ยังไม่มีความคืบหน้า  หนำซ้ำการยิงระเบิด M-79 ทำร้ายประชาชนและองค์กรอิสระยังคงอยู่ต่อไปโดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้

7)  สื่อของรัฐยังไม่มีการปฏิรูปไม่ทำงานเชิงรุกและทำงานไม่เป็น ประชาชนไม่สามารถได้รับข้อเท็จจริงความเลวร้ายของระบอบทักษิณได้ดีพอเป็นผลทำให้เกิดความขัดแย้งและการเติบโตของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง

8) รัฐบาลสร้างโครงการที่ใช้จ่ายเกินตัวและมีส่วนที่จะทำให้ชาติล่มจมทุกโครงการเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ใช้จ่ายเกินตัวและไม่โปร่งใส ที่จะทำให้ชาติล่มจม เช่น โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ฯลฯ

9) รัฐบาลยังไม่มีการปฏิรูปและพัฒนา รัฐวิสาหกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดของคนในชาติและนำเอารัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปแล้วกลับคืนมาเป็นของรัฐดังเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปตท.

10) รัฐบาลยังไม่ได้ส่งเสริม สนับสนุนประชาชนในการสร้างการเมืองใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมอย่างแท้จริง



ไม่มีความคิดเห็น: