04 มิถุนายน 2554

“5 เพราะ” และ “5 เพื่อ”

 นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าว
...
เรามีสาเหตุที่ทำให้ต้องโหวตโน 5 สาเหตุ และมีวัตถุประสงค์ในการโหวตโน 5 ข้อ ไม่ใช่โหวตโนแล้วเอาไปทิ้งน้ำ
       
       นายพิชายกล่าวต่อว่า 5 สาเหตุที่เราโหวตโนเพราะ 1.ระบบการเมืองไทยปัจจุบันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เป็นระบบที่ไม่สามารถกีดกันคนเลวไม่ให้เข้าสู่สภาและมีอำนาจได้ และไม่สามารถป้องกันคนเลวในสภาไม่ให้ไปโกงกินและฉ้อฉลได้ 2.นักการเมืองและพรรคการเมืองที่เสนอตัวเข้ามาให้เราเลือกประมาณร้อยละ 80-90 หรือบางคนอาจบอกว่าร้อยละ 99 เป็นนักการเมืองที่ไร้ปัญญาและฉ้อฉลอย่างสิ้นเชิง เป็นนักการเมืองที่ดูถูกประชาชนอย่างร้ายกาจ และไม่มีคนใดพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าจะสร้างชาติหรือทำตัวเป็นรัฐบุรุษนำประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองปราศจากคอร์รัปชั่นได้ มีแต่โกหกตอแหลทั้งสิ้น
       
       3. เราจะไม่สร้างความชอบธรรมให้นักการเมืองพวกนี้อีกต่อไป ถ้าเราไปโหวตให้เราก็ไปสร้างความชอบธรรมให้ระบบที่เลวให้อยู่ต่อไป หรือให้นักการเมืองเลวนั่งชูคอต่อไป 4.ประชาชนที่โหวตโนจะสร้างกระบวนทัศน์ใหม่ทางการเมือง มีวิธีคิดใหม่ที่จะไม่ให้นักการเมืองมาครอบงำเราอีกต่อไป เป็นการเปลี่ยนแปลงความเชื่อใหม่ ใครที่ตามไม่ทันแปลว่าตกอยู่ในกระบวนทัศน์เดิม งมงายกับนักการเมืองชั่วแบบเดิม และ
       
       5.เราเป็นพลเมืองที่ตื่นแล้ว ไม่ตกอยู่ในมายาภาพของนักการเมืองที่พูดไปวันๆ สร้างภาพไปวันๆ อย่างนักการเมืองไทยขณะนี้ และล่าสุดมีบางคนเสนอตัวเป็นตัวเลือก คนหนึ่งบอกว่าจะต่อต้านคอร์รัปชั่น ทั้งที่ในอดีตเคยทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้สินบาดคาดสินบนทั้งนั้น และไม่มีประวัติต่อต้านคอร์รัปชั่นมาก่อน ใครเลือกคนคนนี้ก็สิ้นคิด
       
       นายพิชายกล่าวต่อว่าที่บางคนวิเคราะห์ว่าการโหวตโนจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้พันธมิตรฯ นั้น เป็นการวิเคราะห์ที่เลยเถิด เพราะภาคประชาชนยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ไม่ได้ยิ่งใหญ่ด้วยปริมาณ แต่ยิ่งใหญ่ด้วยปัญญาและเหตุผลที่จะต่อสู้ เพราะฉะนั้นวัตถุประสงค์ 5 ข้อที่เราจะโหวตโนคือ 1.เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของเราว่าต้องการให้โหวตโนเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาของของชาติ แก้ปัญหาการเมือง การโหวตโนนั้นเราได้ใส่เจตจำนงทางการเมืองเข้าไปเต็มเปี่ยม ไม่ใช่โหวตโนเฉยๆ
       
       2.เราขยายความคิดเรื่องโหวตโนเพื่อทำให้พลังของภาคประชาชนมีมากขึ้น แล้วเราเอาพลังนั้นมาตรวจสอบถ่วงดุลนักการเมือง ซึ่งปัจจุบันการเมืองมี 3 ขั้วหลัก คือ ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย และภาคประชาชน เราต้องเลือกขั้วภาคประชาชนเพื่อให้ประชาชนเข้มแข็ง 3.เราโหวตโนเพื่อเป็นกุญแจเปิดประตูไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างทรงพลัง และมีรากฐานจากประชานที่มีเจตจำนงทางการเมืองอย่างเปี่ยมล้น เพราะรัฐสภาไม่สามารถสร้างความหวังให้เราได้ว่าจะมีการปฏิรูปการเมืองหรือขจัดคอร์รัปชั่น ส่วนการรัฐประหารเราก็ไม่เอาอีกต่อไป เราจะใช้พลังของประชาชนเป็นกุญแจที่ทรงคุณค่าทรงพลัง
       
       4.หลังเลือกตั้งเราจะเชิญตัวแทนประชาชนทุกกลุ่มมาสร้างสถาปัตยกรรมทางการเมืองใหม่ จัดสรรอำนาจในสังคมเสียใหม่ สร้างระบบการเมืองที่มีธรรมาภิบาล ให้อำนาจทางการเมืองกระจายไปอยู่กับทุกกลุ่ม แทนที่จะอยู่กับการเมืองและนายทุนพรรคเท่านั้น และ 5.เราจะโหวตโนเพื่อไม่ให้นักการเมืองหยิ่งผยองอีกต่อไป หรือเรียกว่าโหวตโนเพื่อตีคางคก ให้มันสำนึกว่าประชาชนไม่ใช่บันไดไปสู่อำนาจ ไม่ใช่บันไดไปสู่การใช้อำนาจฉ้อฉลอีกต่อไป
       
       นายพิชายกล่าวต่อว่า คนที่ไม่เข้าใจโหวตโนนั้น บางคนแกล้งไม่เข้าใจ เพราะมีผลประโยชน์กับการเมืองปัจจุบัน อยากจะถามว่า ยังทนอยู่กับการเมืองที่สกปรกอยู่ได้อย่างไร เมื่อไหร่จะปลดแอกจากการเมืองเหล่านี้เสียที นักการเมืองที่กำลังเสนอตัวลงเลือกตั้งอยู่ขณะนี้คิดแต่นโยบายที่ไร้ปัญญา ดูถูกประชาชน เมื่อดูนโยบายทุกพรรคที่ใช้หาเสียงอยู่ขณะนี้ สามารถสรุปออกมาได้ 4 อย่าง คือ “แจกขนมหวาน สร้างปราสาททราย ทำลายนิติรัฐ และกำจัดคู่แข่งทางการเมือง”
       
       “แจกขนมวาน”คือการใช้นโยบายประชานิยม เพราะสิ้นคิด ไร้ความสามารถวิเคราะห์ปัญหาอย่างลึกซึ้งแล้วคิดนโยบายออกมาแก้ จึงคิดออกอย่างเดียวคือแจกขนม คิดอะไรซับซ้อนไม่เป็น “สร้างปราสาททราย” ก็คือทำเมกะโปรเจกต์วาดวิมานในอกาศ เป็นช่องทางทำมาหากินกับงบประมาณและสร้างหนี้สินให้ประเทศ “ทำลายนิติรัฐ”คือออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับพรรคพวกตัวเอง ซึ่งไม่มีนักการเมืองในประเทศประชาธิปไตยทำกัน มีแต่คณะรัฐประหารเท่านั้นที่ออกกฎหมายนิรโทษให้ตัวเอง และ “กำจัดคู่แข่งทางการเมือง” คือการปราบปรามยาเสพติดในอดีตที่ฆ่าคนที่ไม่เกี่ยวข้องไป 2 พันกว่าคน หลายคนเป็นหัวคะแนนพรรคคู่แข่ง เลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์บอกว่าตั้งกองกำลังปราบยาเสพติด ส่วนพรรคเพื่อไทยจะทำสงครามยาเสพติดอีกครั้ง ซึ่งน่ากลัวว่าจะมีคนบริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่ออีก
       
       นายพิชายกล่าวเพิ่มเติมว่า คนที่พูดว่าโหวตโนเป็นแนวร่วมของทักษิณนั้นขอให้เข้าใจว่าคนที่พูดแบบนี้เป็นพวกประชาธิปัตย์ เพราะเขาอยากให้พวกเราโหวตให้ประชาธิปัตย์จึงพูดแบบนั้น อยากจะบอกว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากได้คะแนนให้ไปหาเอาเอง อย่าเอาความกลัวทักษิณมาหากิน ให้เอาฝีมือตัวเองไปหากินดีกว่า และขอให้พวกเราอย่าเอาคะแนนไปทิ้งลงน้ำเน่าให้พวกที่ดีแต่พูด ให้พวกฉวยโอกาสทางการเมือง ไม่โหวตให้ใครทั้งสิ้น เราต้องโหวตโนเท่านั้น

...

ไม่มีความคิดเห็น: