24 กันยายน 2554

ตอนมีอำนาจมั๊นก็เฉย กว่าอดีต รมว.ต่างประเทศจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร มันก็ปลดนายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และปลดนายวีรชัย พลาศรัย ออกจากที่ปรึกษาไปแร้วเพราะบุคคลทั้งสองมีความรักชาติ

“กษิต” ย้ำ “ฮุนเซน” ทำผิดกฎบัตรอาเซียนแทรกแซงกิจการภายใน ไม่เคารพกฎหมายประเทศเพื่อนบ้าน คบ “ทักษิณ” ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี เย้ยจะคุยเพื่อไทย ญาติดี “แม้ว-ปู” คงไม่ได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลตามที่ต้องการ เพราะยังมีรัฐสภาและคนไทยอีก 60 ล้านคอยปกป้อง ไม่ใช้สมบัติของ 2 ครอบครัวที่จะมาปู้ยี่้ปู้ยำได้ 
      
       นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ประณามตนให้อยู่บ้านดูแลตัวเอง และปฏิเสธไม่ได้แทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยว่า พฤติกรรมที่สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ทำมาตลอดเป็นการแทรกแซงกิจการภายใน และถือหางกลุ่มการเมืองอีกฝ่ายหรือไม่นั้น ตนอยากให้สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ไปดูกฎบัตรอาเซียนและปฏิบัติตามด้วย เพราะสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นผู้ลงนามและผูกมัดตัวเองต่อประชาคมอาเซียนอีก 9 ประเทศ
      
       “การที่สมเด็จฯ ฮุนเซนจะคบหากับคนไทย โดยเฉพาะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือบางคนที่มีข้อหาคดีอาญา ก็อยากให้กลับไปอ่านกฎบัตรของอาเซียนว่า ผู้นำประเทศต้องเคารพซึ่งกฎหมายเป็นสำคัญ การคบโจรเป็นสิ่งที่ผู้นำของประเทศที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนพึงกระทำหรือไม่ เพราะเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับประชาชนคนไทย เป็นการไม่เคารพกฎเกณฑ์ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทย อยากให้สมเด็จฯ ฮุนเซนได้ปรับตัวเสียใหม่ด้วย”
      
       นายกษิตยังกล่าวอีกว่า การที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาล การเตะบอล หรือการเชิญอดีตนายกฯ ไปกล่าวสุนทรพจน์ ให้คำแนะนำว่าจะพัฒนาระบบเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งหมดไม่ได้นำไปสู่การจะได้มาโดยมิชอบเป็นอันขาด การจะให้ได้พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลกเมตรไปฟรีๆ ไม่ใช่ว่าญาติดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือพ.ต.ท.ทักษิณแล้วจะได้พื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวตามความปรารถนา เพราะในรัฐสภาเรามีฝ่ายค้าน นอกสภาก็มีประชาชนชาวไทยอีกกว่า 60 ล้านคน หากสมเด็จฯ ฮุนเซนคิดเช่นนั้นก็คงจะเป็นความเข้าใจผิด ทรัพย์สมบัติของประเทศไทยก็เป็นของคนไทย ไม่ใช่เป็นทรัพย์สมบัติของ 2 ครอบครัวที่จะมาปู้ยี่ปู้ยำกันได้ ส่วนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล สมเด็จฯ ฮุนเซนก็ไม่ควรจะเพ้อฝันที่ดินบนบกและทางทะเลของไทย



======================================================
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลดนายอัษฎา ชัยนาม ออกจากประธานคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) และปลดนายวีรชัย พลาศรัย ออกจากที่ปรึกษาว่า รู้สึกประหลาดใจเพราะบุคคลทั้งสองมีความรักชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของชาติและยืนยันว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของไทยอย่างชัดเจน ที่สำคัญเป็นบุคคลที่ทางกัมพูชาไม่ชอบที่จะเจรจาด้วย
      
       “การที่นายสุรพงษ์บอกว่าสาเหตุการเปลี่ยนตัวเพราะงานไม่คืบหน้า อยากถามว่าที่ว่าไม่คืบคือ การขายชาติให้กัมพูชาหรือไม่ ผมไม่ทราบว่าทำไม่ถึงต้องโยกทั้งสองออกจากคณะกรรมาธิการ ทั้งที่รู้เรื่องเขตแดนที่สุด หรือเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องยากที่ทั้ง 2 คนจะทำเพื่อประโยชน์ของกัมพูชา”
      
       นายชวนนท์กล่าวว่า กรณีของนายวีรชัยเคยมีปัญหาไม่เห็นด้วยกับจ๊อยคอมมูนิเก้ สมัยนายนพดล ปัทมะ เป็น รมว.ต่างประเทศ จนต้องถูกโยกออกจากอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ทำให้คนในกระทรวงต่างประเทศร่วมลงชื่อ เรียกร้องให้โยกนายวีรชัยกลับมา ซึ่งในที่สุดนายวีรชัยสามารถกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิมได้ และในวันนี้กลับมีการถอนนายวีรชัย ออกจากคณะกรรมาธิการร่วม ทั้งที่ศาลโลกยังให้ทำงานอยู่ อีกทั้งนายวีรชัยดูเรื่องที่เกี่ยวพันกันอยู่แล้ว จึงมองเป็นทางอื่นไม่ได้นอกจากไปรับคำสั่ง คำบัญชาการมาจากพนมเปญหรือไม่
      
       “การเอาคนมีความรู้ความสามารถ รักชาติรักแผ่นดินออกมาจากการทำหน้าที่สำคัญ ทั้งที่นายสุรพงษ์ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ ไม่ทราบว่าต้องการทำอะไร หรือเป็นเพราะว่ากระบวนการขายชาติ ปล้นแผ่นดินจะกลับมาอีกครั้งหนึ่งหรือไม่”

ไม่มีความคิดเห็น: