11 พฤศจิกายน 2551

เหตุการณ์ที่ถูกก่อกวน และลอบทำร้ายมาอย่างต่อเนื่อง

Updated on Loikrathong day --
**"เสธ.แดง"พูดเหมือนลงมือระเบิดเอง

ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงเหตุระเบิดบริเวณสถานที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เมื่อกลางดึกวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า เหตุระเบิดเมื่อเวลา 03.30 น.นั้น ตนบอกแล้วว่า เคยแจ้งเตือนและจะคอยรายงานข่าวสารให้พันธมิตรฯทราบ เรื่องแรกต้องขอบคุณลูกๆ ที่พาพ่อแม่ออกจากพื้นที่พันธมิตรฯ ภาพเมื่อคืนเห็นได้ว่า คนที่โดนเป็นสาวกของพระโพธิรักษ์ เป็นคนของสันติอโศกทั้งนั้น ส่วนคนที่โดนเริ่มเป็นผู้หญิงเริ่มเป็นประชาชน เพราะนักรบศรีวิชัยเป็นการ์ด เอาตัวรอดไปอยู่ในหลุมในบังเกอร์ หนีไปนอนนอกทำเนียบฯกันหมด

พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ความจริงผู้ชุมนุมที่เวทีพันธมิตรฯมีไม่ถึง 20 คน แต่เอาภาพตัดต่อ ทำให้ตัดภาพเห็นเป็น 100 คนจะเห็นได้จากภาพตอนที่ระเบิดลงแล้ววิ่งหนีกันมีคนไม่ถึง 20 คน ต่อไปขอให้พันธมิตรฯเห็นว่า แม้แต่สารวัตรทหาร (สห.) ซึ่งเป็นทหารจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ โดยเฉพาะกองทัพบกใส่เสื้อเกราะลายพรางทุกคน ส่วนนักรบศรีวิชัย อยู่ในบังเกอร์ ส่วนสารวัตรทหารที่ไปรักษาการอยู่รอบพื้นที่ 200 เมตร ก็ใส่เสื้อเกราะ เห็นได้ว่าไม่มีความปลอดภัยอะไรเลยในที่นั้น ทำให้โดนลูกยาวยิงเข้าไป

"เสธ.แดง ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายให้ออกไปจากทำเนียบรัฐบาลก่อนวันที่ 14 พ.ย.ซึ่งมีงานรัฐพิธีระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.โดยขอให้ยอมจำนนปราศจากเงื่อนไข รีบส่งมอบทำเนียบฯให้กับ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมโน รอง ผบช.น.แล้วให้ พล.ต.ต.อำนวย ติดต่อเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯมาตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ตั้งแต่สิ่งของสมัยรัชกาลที่ 3, 4 และ 5 ที่ระลึกจากประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีต่างๆ มอบให้รัฐบาล แม้กระทั่งเก้าอี้ของรัชกาลที่ 5 ที่ขาหัก ต้องเสียทรัพย์สิน เพราะพันธมิตรฯมีเงินบริจาคมากมาย หลังวันที่ 14 พ.ย.จะประกาศหยุดยิง แต่หลังวันที่ 19 พ.ย.นี้งานราชพิธีเสร็จสิ้นการทอดกฐินหลวงจะเกิดขึ้น กองกำลังไม่ทราบฝ่าย แก๊ง 47 โรนิน ซามูไรไร้สังกัดจะทอดกฐินหลวงเกิดขึ้นแน่นอน เพราะพันธมิตรฯขาดความชอบธรรม" พล.ต.ขัตติยะกล่าวเหมือนกับว่าเป็นคนวางแผนป่วนเมืองเสียเอง

**ตำรวจมั่วชี้ระเกิดเกิดขึ้นภายในทำเนียบ

เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.รุ่งเพชร เมธี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ภายในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเก็บหลักฐานวัตถุระเบิด โดยได้ตัดเต็นท์ผ้าใบ ซึ่งมีรอยไหม้จากวัตถุระเบิดเก็บไว้เป็นหลักฐาน และเก็บชิ้นส่วนโทรทัศน์ที่ถูกสะเก็ดระเบิด นำไปตรวจสอบ

พ.ต.ท.รุ่งเพชร กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงไม่รู้ผลจะต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว คงต้องอาศัยเวลาสักพักหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงายอีกว่า หลังจากที่ใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาที กลุ่มเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เดินทางออกจากนอกทำเนียบฯ โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯบางคนได้เข้าไปขอร้องกับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวให้ทำงานตรงไปตรงมา และขอให้ทำความจริงให้ปรากฏ

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพร พันธุ์เสือ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ผู้เชี่ยวชาญจากกองกำกับการพิสูจน์และเก็บกู้วัตถุระเบิด กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตรวจสอบจากภาพถ่าย ยืนยันว่าไม่ใช่ระเบิดชนิด M 79 ตามที่ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรศุกร์ อดีตคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทยระบุ เพราะหากเป็น M 79 ต้องรุนแรงมากกว่านี้ และจากการวิเคราะห์เชื่อว่าระเบิดเกิดจากภายในไม่ใช่ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล

-------------------------------------------------------------------------------

ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาชุมนุมกันอยู่นี้นั้น พันธมิตรฯทำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญเพราะตามรัฐธรรมนูญระบุว่าบุคคลมีหน้ารักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ซึ่งพันธมิตรฯมีหน้าที่อันชอบธรรมตามกฎหมาย 100% แต่พันธมิตรฯต้องขับไล่รัฐบาลที่มาจากการโกงเลือกตั้งและมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะนั่นคือกลุ่มที่อาศัยการเมืองเก่าเข้ามาสร้างอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ฉะนั้นการเมืองใหม่จะต้องให้คนดีขึ้นมาปกครองชาติบ้านเมืองซึ่งถือเป็นสาระสำคัญใหม่โดยยึดถือเอาพระบรมราโชวาทเป็นที่ตั้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผ่านเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้เท่ากับในหลวงและสมเด็จพระบรมราชินีนารถ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างจึงได้รับการกลั่นกรองมาเป็นอย่างดีโดยจะเห็นได้จากนโยบายที่ทำขึ้นมานั้นสอดคล้องกับพระราชดำริซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะไม่ให้คนชั่วเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศในอนาคตอย่างแน่นอนการเมืองใหม่เป็นสิ่งที่ประเทศของพันธมิตรฯต้องการ พันธมิตรฯต้องการการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมือง และการนำเอาจริยธรรมดีๆของคนไทยที่เคยมีกลับมา ฉะนั้นพันธมิตรฯต้องดูแลพระมหากษัตริย์และแผ่นดินไทยดังนี้แล้วถ้ารักประเทศไทย ชูชาติไทยก็ขอให้ออกมาร่วมมือกันอย่างจริงจัง อย่ารีรออะไรอยู่ถ้าไม่อยากให้ประเทศต้องตกเป็นของทรราช สามานย์ พันธมิตรฯต้องเพิ่มแนวร่วมเพื่อนำเสนอสิ่งที่เป็นรูปธรรมมีทางออกที่ชัดเจนมีการนำเสนอที่ชัดเจน ขอให้มั่นใจในการต่อสู้ อย่าได้ประมาทมีสติรอบคอบพันธมิตรฯกำลังต่อสู้กับความไม่รู้ของประชาชน พันธมิตรฯต้องสงวนจุดต่างเพื่อนำพาให้ถึงจุดมุ่งหมายที่ใหญ่ขึ้น การเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้อย่างไรหากรัฐธรรมนูมฉบับปัจจุบันไม่ได้อำนวยให้นายกฯมาจากคนนอก รัฐบาลแห่งชาติสามารถจัดตั้งได้อย่างไร ใครจะเป็นผู้นำ เวลานี้ดูไม่ออกหรือว่าเวลานี้มันเป็นเรื่องความมั่นคง ไม่ใช่เรื่องการเมืองและการชุมนุมที่ปักหลักมานานกว่า 160 วันว่าพันธมิตรฯสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และถ้าไม่โง่จนเกินไปก็น่าจะรู้ว่าพวกเสื้อแดงมันทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์แถมยังมีการไปสนับสนุนการสานเสวนาเสียอีก พันธมิตรฯไม่ดันทุรัง แต่พันธมิตรฯมีเหตุผล ไม่ใช่ทำตามอารมณ์ หรือทำตามใครซึ่งไม่มีเหตุผลและพันธมิตรฯรักการเจรจาแต่ต้องเจรจากับฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงซึ่งการตกลงเจรจรานั้นสามารถทำได้ 3 วิธี คือ ใครที่ตั้งตนเป็นคนกลางก็ได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลและพันธมิตรฯ หรือวิธีที่ 2 รัฐบาลเจรจาโดยตรง และวิธีที่ 3 ตั้งใครมาก้อได้ ที่มีอำนาจตัดสินใจแทนรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้พันธมิตรฯไม่ใช่ คนดื้อรั้น พันธมิตรฯรักการเจรจามานานแล้วแต่พันธมิตรฯต้องการเจรจากันผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้น การที่คณะสานเสวนาจะกราบเรียนให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรี มาเป็นประธานนั้นคาดการณ์เอาว่า พล.อ.เปรมไม่รับแน่นอน เหตุผลง่ายๆ เพราะว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ท้าย นปก.ที่ได้เอาคนไปบุกหน้าบ้านท่านเมื่อวันที่ 22 ก.ค.50 ตั้งเวทีด่าท่าน 6 ชั่วโมงอย่างสาดเสียเทเสียซึ่งปัจจุบันนี้แกนนำนปก.ยังออกรายการทางเอ็นบีทีอยู่ทุกวันกับยังมีตำแหน่งแห่งหนในรัฐบาลอีหหลายต่อหลายคน แล้ววันนี้จะให้ท่านเป็นประธานแล้วท่านจะรับได้อย่างไร อีกประการหนึ่งท่านเป็นถึงประธานองคมนตรี จะให้ท่านลดตัวลงมาเป็นประธานสานเสวนาได้อย่างไร

ในภาวะอันตึงเครียดเช่นนี้ พันธมิตรฯไม่อยากเห็นพี่น้องบาดเจ็บล้มตายอีำกอันเป็นรูปแบบการก่อการร้ายที่ชัดเจน ดังนั้นพันธมิตรฯต้องป้องกันตัวเองจะหวังพึ่งใครไม่ได้แล้วเพราะทหารและตำรวจเป็นพวกไอ้หน้าเหลี่ยมหมด พันธมิตรฯจะต้องจัดกองกำลังอารักขาที่มั่น ต้องช่วยเหลือกันและกัน ออกสอดแนม ใช้เรดาร์ กล้องวงจรปิด ทุกรูปแบบ ระบอบทักษิณทำลายความเชื่อดีๆของคนไทยลงไปแล้ว วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และกลุ่มคณะถือว่าหมดสภาพลงไปเรื่อยๆเพราะประเทศไหนๆเขารู้มาโดยตลอดว่าอะไรเป็นอะไร ดังนั้นระบอบทักษิณจะต้องพังลงอย่างแน่นอน และเมื่อพันธมิตรฯชนะแล้วพันธมิตรฯจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ระบอบเก่าๆ กลับมาเพราะคนชั่วเหล่านั้นจ้องที่จะเข้ามาอยู่แล้ว ดังนั้นพันธมิตรฯต้องเข้มแข็งและไม่ทะเลาะกันเพราะไม่เช่นนั้นคนชั่วก็จะเข้ามาได้ ตัวปัญหาในขณะนี้อยู่ที่รัฐบาลในระบอบทักษิณถ้าออกไปทุกอย่างก็จะจบกลับบอกว่าตัวเองจะรักษาประชาธิปไตยทั้งๆ ที่การกระทำเป็นการทำลายนี่แสดงให้เห็นว่า ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหานอกจากการใช้เงินแล้ว ยังมีความพยายามไปปั่นหัวฟรีทีวี ที่ไม่ได้รายงานความจริง ถึงแม้จะพยายามทำออกมาให้เห็นทั้ง 2 ด้าน แต่ให้ความสำคัญกับ นปก.มากกว่า ช่วงที่ผ่านมามีการระดมผลคนเสื้อแดงได้มาหลายหมื่นคนแต่ก็ยังไม่ความพยายามต่อเนื่องไม่สิ้นสุดเพื่อเรียกร้องให้ทักษิณไม่ต้องติดคุกและต้องการให้ได้รับการนิรโทษกรรมส่วนกรณีที่มีความขัดแย้งกันเองเกิดขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องปกติ เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุระเบิด หรือเหตุถูกลอบยิง อย่าเพิ่งไปทำลายหลักฐานรอบๆ จุดเกิดเหตุ เพราะต้องวิเคราะห์ว่าระเบิด หรือการกระสุนปืนที่ยิงเข้ามานั้น มาจากทิศทางไหน นั่นจะทำให้พันธมิตรฯจับคนที่ลงมือก่อเหตุได้ นอกจากนี้ยังมีคนร้ายบางส่วนที่พันธมิตรฯจับได้ตามคู
น้ำรอบทำเนียบฯ เป็นการพยายามเข้ามาข่มขู่ คุกคามผู้ชุมนุมให้หวาดกลัว แม้ว่าจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดก็ยังสามารถเข้ามาได้ เชื่อว่าบุคคลที่ทำน่าจะมีความเชื่อมโยงกับคนที่เคยวางระเบิดบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ หรือสะพานอรทัย จนถึงขั้นเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม และคงจะได้รับค่าจ้างที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย
การที่อำนวยโฆษกตำรวจที่บอกว่าพันธมิตรฯเหยียบกันขาขาดกันเอง แจ็กที่ขาขาดนั้นขาดมาก่อนแล้วพันธมิตรฯต้องไปเอารูปถ่ายมายืนยันว่าไม่ได้ขาดมาก่อน มาขาดตอนโดนระเบิด ไม่ว่าเรื่องแขนขาดของตี๋แล้วบอกว่ายังกำระเบิดอยู่เตรียมที่จะขว้างอยู่ มันสร้างสถานการณ์มาตลอดและมันคงมุ่งหน้าทำลายความชอบธรรมพันธมิตรฯต่อไป นับจากที่พันธมิตรฯได้รื้อเวทีปราศรัยบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เหลือไว้เพียงแนวกั้นเป็นยางรถยนต์และแผงเหล็กได้กลายเป็นการเปิดช่องให้มีการลอบทำร้ายและก่อกวนการชุมนุมของพันธมิตรฯ มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. วันแรกที่มีการเปิดเส้นทางจราจรบริเวณสะพานมัฆวาน ในช่วงบ่ายขณะที่การ์ดพันธมิตรฯ กำลังรื้อเต็นท์ ได้มีคนร้ายขว้างประทัดยักษ์ออกจากรถตู้สีขาวเข้าใส่ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ต่อมา 30 ต.ค. เวลา 03.20 น.คนร้ายขว้างระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวาน ทำให้การ์ดได้รับบาดเจ็บประมาณ 10 คน บาดเจ็บรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิระ 6 คน บาดเจ็บสาหัส 2 คน และจนถึงขณะนี้ยังคงอยู่ในห้องไอซียู 1 คน และในเวลาไล่เลี่ยกัน คนร้ายได้ปีนแนวกั้นของตำรวจด้านหลังบช.น.แล้วยิงปืนเข้าใส่การ์ดพันธมิตรฯ บริเวณใกล้สี่แยกมิสกวัน จนต้องมีการตอบโต้ และในตอนเช้าพบชายชุดดำนอนเสียชีวิตอยู่ข้างกำแพง บชน.โดยในวันเดียวกันนั้นคนร้ายได้ปาระบาดเข้าใส่บ้าน นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการรัฐธรรมนูญด้วย จากนั้นเมื่อ 31 ต.ค. เวลาประมาณ 02.00 น.คนร้ายนั่งรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน 4444 โยนระเบิดควันใกล้สะพานมัฆวานฯ แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจอ้างว่าเป็นแค่ประทัดเล็กๆไม่มีการปาระเบิด และเชื่อว่าเป็นการก่อกวน

2 พ.ย.เวลาประมาณ 02.00 น.กลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 คน ขับรถเก๋งเข้ามายังบริเวณสะพานมัฆวาน และชูนิ้วกลางให้การ์ดพันธมิตรฯ แล้วยิงปืนเข้าใส่ หลังจากนั้นพยายามขับรถหนีแต่ถูกสกัดจับไว้ได้ 4 พ.ย.เวลาประมาณ 02.00 น.มีเสียงระเบิดบริเวณเชิงสะพานอรทัย ห่างจากแผงเหล็กกั้นบริเวณชุมนุมของพันธมิตรฯ เพียง 3 เมตร 7 พ.ย. เวลาประมาณ 01.00 น.เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้ง บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ด้านฝั่งหน้าตึกอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และบริเวณถนนเรียบคลองผดุงกรุงเกษม เวลาประมาณ 04.00 น.มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด บริเวณถนนข้างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ติดกับ โรงเรียนเบญจมบพิตร ต่อมา มีเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด บริเวณถนนอีกด้านของคลองตรงข้ามกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ พันธมิตรฯได้เตรียมการหลายอย่างให้การชุมนุมปลอดภัยและสงบ แต่ที่ผ่านมาก็มีความพยายามตลอดเวลาในการก่อกวนซึ่งเมื่อวานพันธมิตรฯตรวจสอบและจับได้ 1 คนรีดจนได้ข้อมูลเยอะมากและสารภาพมาหมดว่าใครจ้างมาเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นบอกให้รู้ว่านี่คือบ้านป่าเมืองเถื่อนภายใต้รัฐบาลโจรและรับใช้โจร เขาไม่ทำอะไร คิดเพียงช่วยพี่เมียของเขาทุกอย่าง วันที่ 8 พ.ย. เวลา 04.40 น.เกิดเหตุคนร้ายปาระเบิดเข้าใส่เต็นท์นอนในที่ชุมนุมของพันธมิตรฯ บริเวณเต็นท์นอนนักรบอิสระ 9 ของนักรบศรีวิชัยซึ่งอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรีเยื้องเวทีชุมนุมประมาณ 250 เมตร แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมลึกประมาณ 10 ซม. กว้าง 20 ซม. และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 รายมีการระบุว่ามีการขัดแย้งกันภายในกลุ่มพันธมิตรฯ ถ้ามีการขัดแย้งกันจริงๆ ก็ไม่น่าจะทำกันถึงขนาดนี้ เพราะจะทำไปเพื่ออะไรไม่เกิดประโยชน์ต่อพันธมิตรฯเลย คนที่มีความขัดแย้งกับพันธมิตรฯมีเพียงฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น หลังจากที่เกิดเหตุก็ได้มีบุคคล 2 คนได้อ้างตัวว่าเป็นหน่วยงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กรอ.มน.) เข้ามาขอสอบปากคำผู้บาดเจ็บแต่เมื่อพันธมิตรฯ ขอตรวจสอบว่ามาจากหน่วยงานดังกล่าวจริงหรือไม่บุคคลทั้ง 2 กลับรีบหนีไป วันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สามเสน เพิ่งจับกุมนายธนิตและนายวัฒนาพบของกลางระเบิดน้อยหน่า 3 ลูก ระเบิดปิงปอง 22 ลูก กระสุนปืนลูกซอง 4 นัด หนังสติ๊ก 2 อัน ลูกแก้วและหัวนอต จำนวนกว่า 20 ลูก มีดพกยาวประมาณ 10 นิ้วผ้าพันคอสีเหลืองที่เขียนว่า "กู้ชาติ" บัตรเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เขียนว่า "กองทัพธรรม" เลขที่ ช.153 จ.32 ที่เขาระบุว่าการ์ดกองทัพธรรมเป็นความพยายามที่จะโยงให้เห็นว่า กองทัพธรรมซึ่งเกียวกับพล.ต.จำลองทั้งที่คนจากกองทัพธรรมส่วนมากกินแต่ผัก เรื่องอาวุธพวกนี้ไม่ต้องพูด ไม่มี กลับบอกว่าการ์ดกองทัพธรรมพกระเบิดตั้ง 8 ลูก มันน่าเชื่อแค่ไหน ที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด บางทีที่เกิดเหตุอาจเป็นบางกลุ่มที่แฝงตัวเข้ามาทำให้เกิดความวุ่นวายแล้วอ้างว่าเป็นการ์ดพันธมิตรฯเสมอ กรณีดังกล่าวพันธมิตรฯไม่ได้ปัดความรับผิดชอบว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่การ์ดของพันธมิตรฯ แต่พันธมิตรฯมีหลักฐานชัดเจนว่าได้ให้ออกจากการเป็นการ์ดไปแล้วก่อนหน้านี้กว่า 10 วันแล้ว ที่เขาทำอย่างนี้เพราะอะไรก็เพราะว่าเคยมาเขวี้ยงมาขว้างระเบิดเอาเอ็ม 79 มายิงพันธมิตรฯที่อรทัย มาแอบมาขว้างที่สะพานมัฆวาน มาแอบมาโยนใกล้ๆ ทำเนียบภายในนี้ ก็เลยต้องแก้เขินว่าพวกพันธมิตรฯ กองทัพธรรมก็มีระเบิด มีตั้ง 8 ลูกแต่มันจับได้ สองวันก่อน 10 พ.ย. ที่หน้าบ้านพิษณุโลก รองสวป.สน.นางเลิ้งพร้อมสายตรวจ 10 นายออกตั้งด่านฯพบรถแท็กซี่สีเขียว-เหลืองมุ่งหน้าจากทางแยกยมราชมุ่งตรงมายังจุดตรวจ เจ้าหน้าที่สังเกตว่าคนขับมีท่าทีพิรุธจึงขอดูใบขับขี่และพบว่าข้างประตูฝั่งคนขับพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก มีดพับ 1 เล่ม ท่อนเหล็กกลมยาวประมาณ 80 ซ.ม. 1 อัน และบัตรอาสาสมัครการ์ดพันธมิตร 9 ใบซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากว่าคนหนึ่งคนจะต้องมีบัตรประจำตัวมากขนาดนั้น ต่อมาเวลาไล่เลี่ยกันขณะที่ตำรวจร่วมกับสารวัตรทหาร (สห.) ตั้งด่านตรวจอยู่บริเวณปากซอยลิขิตถนนศรีอยุธยาพบรถกระบะอีซูซุขับมาอย่างมีพิรุธ เนื่องจากมีชายวัยรุ่นหลายคนอยู่ในรถจึงขอตรวจค้น ผู้ขับขี่พร้อมเพื่อนโดยสารมาในรถ 7 คนพบว่ามีอาวุธปืน .38 จำนวน 1 กระ บอกพร้อมเครื่องกระสุน .38 อีก 13 นัด อาวุธมีด 2 เล่ม สายคาดเอว 1 เส้น และผ้าคาดศีรษะมีข้อความ"กู้ชาติ" 1 ผืนซ่อนอยู่ เช้านี้ 11 พ.ย. เมื่อเวลา 03.25 น. ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณเต็นท์ของพันธมิตรฯซึ่งห่างจากเวทีปราศรัยเพียง 50 เมตร เท่านั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรสุข อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ลักษณะของระเบิด น่าจะเป็นเครื่องยิงระเบิดวิถีโค้งโดยมีระยะยิง 150 เมตรซึ่งถูกยิงมาตกลงกลางหลังคาเต็นท์ โดยระเบิดลูกดังกล่าวตกลงมาตรงที่มีคนนอนยู่พอดี ต่อมาเวลา 04.30 น.รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยพร้อมอาวุธสงครามได้ที่ซอยลิขิต สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้พร้อมอาวุธปืน บีบีกัน ซึ่งใช้ในเกมเพ้นท์บอล ดังนั้นพล.อ.ปฐมพงษ์เสนอแกนนำพันธมิตรฯ ให้เขียนรายงานสรุปสถานการณ์เพื่อมอบให้กับ ผบ.ทบ.เกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้นเกิดขึ้นเหมือนกันทุกวัน โดยตนจะยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเชื่อมโยงกับทหารบางคนและที่ยังเกิดเหตุร้ายขึ้นมาได้อีกนั้นย่อมสะท้อนถึงความอ่อนแอของหน่วยงานของตำรวจและทหารต่อจากนี้ไป ทางการจะต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจทาง กอร.มน. ซึ่งสามารถใช้มาตรการเข้าไปดูแลสถานการณ์ได้ดีมากกว่านี้ ทั้งนี้จากเหตุการณ์ที่ถูกก่อกวน และลอบทำร้ายมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว ขณะที่นายทหารนอกแถวบางคนยังข่มขู่จะมีการยิงระเบิดเข้าใส่ที่ชุมนุมพันธมิตรฯ อยู่ทุกวัน ตำรวจบิดเบือนกล่าวหาพันธมิตรฯ ไม่ยอมเปิดเส้นทางเสด็จ ทั้งที่พันธมิตรฯได้ประกาศนานแล้วว่าจะเปิดช่วง 14
-19 พ.ย.เพื่อความปลอดภัยของผู้ชุมนุม แต่ตำรวจไม่ยอมฟังเหตุผลอ้างต้องเปิดก่อน 1 สัปดาห์อ้างว่าเพื่อให้มีเวลาปรับภูมิทัศน์ แถมปล่อย"นรกป่วนกรุง"ปาระเบิดใส่นับครั้งไม่ถ้วน ล่าสุดมีการเปลี่ยนเส้นทางเสด็จแล้วมีข่าวว่าจะมีการใช้เส้นทางเสด็จทางด้านถนนหลาน
หลวงแล้ว และตำรวจก็น่าจะรู้แล้ว แล้วยังมาให้ข่าวว่าพันธมิตรฯ ไม่ยอมเปิดเส้นทางอีกกลับยังออกข่าวใส่ร้ายพันธมิตรฯ อีก ถ้าพันธมิตรฯกลายเป็นเหยื่อ นปก.ใครจะรับผิดชอบชีวิตพันธมิตรฯ เพราะตำรวจมีแต่ช่วยให้ชีวิตพันธมิตรฯแย่ลง
โปรดอย่าลืมว่า...ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อ 7 ตุลา หรือที่ผ่านมายังไม่ได้รับการเยียวยาและเหลียวแล หากแต่ปาหี่ในคณะกรรมการตรวจที่ก่อตั้งเพื่อลดแรงเสียดทานในสังคมที่มีแนวโน้มว่าจะแห้วหาตัวคนสั่งการไม่ได้ นับไม่ถ้วนที่พันธมิตรฯต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะผู้พิทักษ์สันติราษฎร ที่ไม่ได้คงไว้ทั้ง "สันติ" และ พิทักษ์ "ราษฎร" เพราะยังคงถูกลอบกัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า การรายงานข่าวที่บิดเบือนของสื่อ เพื่อเอื้อคุณประโยชน์ให้กับรัฐบาล และความคั่งแค้น ที่ไม่สามารถพึ่งพาทหารหาญเมื่อยามถูกรังแก ไม่รู้ว่าพันธมิตรฯจะอโหสิอหิงสาได้อีกนานสักเท่าไหร่ หากจะมีสักวันสักวันพันธมิตรฯจับอาวุธกับลุกขึ้นสู้ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบก็คือผบ.เหล่าทัพทั้งหลายที่นิ่งดูดายไม่แก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นทั้งๆที่ยังสามารถกระทำได้ พันธมิตรฯรู้ดีว่าการปฏิวัติส่งผลเสียให้กับชาติแต่จะมีใครได้วิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหรือเปล่า พันธมิตรฯไม่ได้เรียกร้องให้ท่านทำการปฎิวัติรัฐประหารพร้อมทั้งคาดหวังว่าจะมีใครสามารถลุกขึ้นทำอะไรก็ได้ที่สร้างสรรค์เพื่อแก้ไขวิกฤติชาติครั้งนี้

ไม่มีความคิดเห็น: