27 ธันวาคม 2551

ปลูกต้นไม้ใหม่

การเมืองภาคประชาชนหรือการเมืองนอกสภาสู้รบปรบมือกันไปสุดท้ายทำให้มาจบลงด้วยการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลที่มีนักการเมืองชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศอยู่ดี กลับมาสู่วังวนของการช่วงชิงอำนาจ และ ช่วงชิงคะแนนนิยมทางการเมืองภายในสภาอยู่ดี ประชาธิปัตย์ไม่ได้มีเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวดังนั้นการได้เป็นรัฐบาลในครั้งนี้ต้องอาศัยโอกาสจังหวะล้มของพรรครัฐบาลเดิมโดยพึ่งเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมส่วนหนึ่ง ภาพของนักการเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตที่อภิสิทธิ์เก็บหอมรอบริบมาโดยตลอดก็มาช่วยให้เขานั้นได้รับการยอมรับจากภาคประชาชน นักธุรกิจเอกชน ตลอดจนได้รับการยอมรับจากฝ่ายทหาร หรือ แม้แต่สถาบันสูงสุดของประเทศที่เขาเองก็ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่าจะปกป้องไม่ให้ใครดึงมาเล่น เป็นเกมการเมืองได้อีกต่อไป แต่ก็พอจะหลับตาข้างหนึ่งได้กรณีประชาธิปัตย์ยอมจับมือกับนายเนวิน ชิดชอบ จัดตั้งรัฐบาล เพราะการเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติและวิกฤตอย่างยิ่งแม้ว่าการตั้งมาร์ค 1 ที่ผ่านมา เมื่อปรากฏชื่อผู้ที่เป็นรัฐมนตรีก็มีเสียง "ยี้" ออกมาเกือบจะกลบเสียงสดุดีตัวนายกรัฐมนตรี เพราะบุคคลหลายคนที่ได้รับแต่งตั้งนอกจากปราศจากผลงานหรือความเชื่อมั่นแล้ว ยังมีเสียงกล่าวว่า บางคนมีประวัติในเรื่องอาชีพที่สังคมไม่ยอมรับ และบางคมมีการกล่าวอ้างว่าเป็นนายทุน ประสานกับเสียงร้องไห้โหยหวน และ เสียงชอกช้ำของผู้พลาดหวังทั้งหลายแหล่ออกมาก็ตามที

ที่ผ่านมา..ชะตาชีวิตของพรรคประชาธิปัตย์คงจะเป็นอย่างที่เขาว่า คือเข้ามาเก็บกวาด ล้างชามและทำความสะอาดสิ่งที่คนอื่นทำเลอะเทอะไว้ แล้วจากนั้นคนอื่นก็เข้ามาเสวยสุขต่อยอดเอาหน้า ในเมื่อทักษิณเองก็ไม่กล้ากลับมาพิสูจน์ตัวเองในศาลและรู้ไว้ด้วยว่าเกมที่ทักษิณจะเล่นต่อไปคือการกดดันนอกสภา อภิสิทธิ์เองก็ไม่เคยแสดงทีท่าว่าจะอ่อนข้อให้ทักษิณเลย..ไม่ว่าตั้งแต่สมัยทักษิณเป็นรัฐบาลหรือมาถึงสมัยนอมินี่ทักษิณทั้งสมัครและสมชาย ตรงข้ามอภิสิทธิ์กลับมีลูกเล่นหรือทีเด็ดทีขาดในการโต้กลับหรือการประจานระบอบทักษิณอย่างเป็นขั้นเป็นตอนค่อยเป็นค่อยไป จนระบอบทักษิณค่อยๆเสื่อมสภาพไปด้วยตัวของมันเอง .. ในขณะเดียวกันอำนาจรัฐในมือเขาที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าเขาเล่นเป็น ต่อไปเราจะต้องจับตาศึกใน-ศึกนอกรุมเร้ามาร์ค 1 จนอ่วม ! ทั้งการเมือง-ศก.-ความมั่นคง-ยุติขัดแย้งเสื้อแดง-เหลือง ภาคธุรกิจเตือนอภิสิทธิ์ให้บริหาร "ผลประโยชน์"ของชาติก่อนกลุ่มการเมือง ชี้เสียงพรรครัฐบาล "ปริ่มน้ำ"-พรรคร่วมตีรวน ส่อทำเกมในสภาฯวุ่น หมอดูเผยอภิสิทธิ์ต้องใช้ความหนักแน่น อดทนบริหารประเทศ เตือนเดือนส.ค.มีสิทธิ์ตกเก้าอี้ ส่วนเนวินสิ้นบารมีปี 52 ด้วยว่าคนรอบข้างอภิสิทธิ์ทำพิษ ด้าน "ทักษิณ"ดวงชะตาถึงฆาต-ต้องระวังถูกลอบทำร้าย

อภิสิทธิ์ต้องดำเนินแนวทางตามสิ่งที่แถลงไว้ในวันรับโปรดเกล้าและกฏเหล็ก 9 ข้อเพื่อให้คณะรัฐมนตรีนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัดโดยสาระสำคัญของกฏเหล็ก 9 ประการก็คือการมุ่งทำงาน โดยยึดผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนเป็นที่ตั้งเพื่อทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติรอดพ้นจากความล่มจม รัฐมนตรีทุกคนต้องซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส พร้อมถูกตรวจสอบ และต้องทำงานด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ นอกจากนี้ให้รัฐมนตรีทุกคนมุ่งทำงานสร้างผลงานให้ปรากฏลูกเดียวช่วยกันกดดันรัฐมนตรีที่ทำงานไม่ได้เรื่อง หรือทุจริต เพื่อเป็นเกราะกำบังหรือสร้างความชอบธรรมในการที่คุณอภิสิทธิ์จะต้องไปควบคุมหรือกำราบบุคคลเหล่านี้

จากกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณน้องพล.อ.ประวิตรอย่างไม่เหมาะสมในการย้ายกลับเข้ารับตำแหน่งผบ.ตร.น่าจะเป็นบททดสอบแรกๆของอภิสิทธิ์ ทั้งจากการที่พัชรวาทมีรายชื่อเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกับการถูกสอบกรณีทุจริตบริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัดที่เกาะสายอำนาจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณมาโดยตลอดจนปัจจุบันรับงานในช่อง 5 กองทัพบกอยู่หลายช่วงเวลา เอ็นเอสมีเดียได้รับงานโครงการดำเนินการจัดจ้างโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปทั้งหมดส่วนในเรื่องการจัดการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างบริษัทผู้รับงานกับผู้อนุมัติงบประมาณในแต่ละโครงการก็มีอัตราตายตัวแบบวัดครึ่งกรรมการครึ่ง ตำรวจไทยส่วนใหญ่มักจะวนเวียนอยู่กับการคอร์รับชั่น ของเถื่อน ของผิดกฎหมาย คุมบ่อน คุมซ่อง รีดไถและขายความยุติธรรมไม่เคยมีสมัยไหนใครเป็นนายกที่กล้าทำความสะอาดกล้าเปลี่ยนโครงสร้างตำรวจเลย

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการรถเมล์ 4 พันคันว่า เมื่อมีพิรุธ หรือไม่ถูกต้องก็สามารถแก้ไขได้ แต่ถ้าโครงการนี้ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ เรื่องนี้ไม่ว่ากลุ่มเพื่อนเนวินหรือใครจะมาผลักดัน ถ้าทำแล้วเกิดประโยชน์ก็คงต้องทำ แต่ถ้าผิดในข้อกฎหมายหรือระเบียบใครก็คงไม่กล้าทำ เพราะทุกฝ่ายก็จับตาตรวจสอบอยู่ เมื่อถามว่า แต่โครงการนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยมาตลอด นายโสภณกล่าวว่า ร่วมรัฐบาลกันแล้วอันไหนดีก็ทำต่อไม่ดีก็แก้ไข ส่วน นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาด ไทย ถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ยืนยันมาตลอดว่าจะเดินหน้าตรวจสอบ แต่พอเป็นรัฐบาลร่วมกันทำไมท่าทีเปลี่ยนไป ไม่เกรงจะถูกสังคมประณามหรือ รมช.มหาดไทยกล่าวว่า ทุกโครงการไม่ว่าโครงการไหนต้องตั้งอยู่บนความถูกต้อง

การเมืองใหม่เป็นอย่างนี้นี่เองที่ก้าวเริ่มจากพลเมืองเข้มแข็งไปสู่ชุมชนเข้มแข็ง สังคมเข้มแข็ง และประเทศชาติเข้มแข็ง วรจรประชาธิปไตยแบบนี้ทำให้กระบวนการตรวจสอบคึกคัก

ไม่มีความคิดเห็น: