02 มิถุนายน 2552

ใครทุจริตแม้นิดเดียวให้มีอันเป็นไป

ในหลวงเคยรับสั่งถึง"ใครทุจริตแม้นิดเดียวให้มีอันเป็นไป" ขสมก.จะเช่ารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 4,000 คัน ระยะเวลา 10 ปี วงเงิน 67,000 ล้านบาทนำมาวิ่งเก็บค่าโดยสารโดยอ้างว่าจะสามารถทำกำไรให้ขสมก. คุ้มค่าเช่า คุ้มค่าบริหารจัดการ เลี้ยงองค์กรได้ ช่วยแก้ปัญหาการขาดทุนสะสมได้ ทั้งนี้ขสมก.จะมีต้นทุนค่าเช่ารถเมล์คันละ 4,780 บาท/วันรวมค่าซ่อมบำรุงแล้วและปล่อยให้บริษัทเอกชนคู่สัญญาโครงการนี้ได้รับประกันรายได้แบบเสือนอนกินตลอดระยะเวลา 10 ปีมีหลักประกันด้วยว่าบริษัทจะไม่มีทางขาดทุนอีกทั้งยังไม่มีเหตุผลว่าทำไมต้องเช่าแถมยังต้องคิดค่าซ่อมรถ คันละ 2,250 บาทต่อวันเริ่มจ่ายตั้งแต่วันแรกที่แพงกว่าค่าซ่อมรถเมล์เก่าอายุ 10 ปีเสียอีก นั่นหมายความว่าแม้ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงเพิ่งถอยออกมาหมาดๆก็ตามก็ต้องคิดค่าซ่อมตั้งแต่วันแรก ค่าเช่ารถที่ราคาเฉลี่ยสูงถึงคันละ 17.447 ล้านบาทหากเปลี่ยนเป็นการซื้อราคารถคันละไม่เกิน4 ล้านบาทเท่านั้นใช้ไประยะเวลาหนึ่งยังสามารถนำไปขายได้อีกเข้าข่ายการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย ครงการนี้ประมาณการไว้จะมีรายได้คันละ 11,000 บาทต่อวันในความเป็นจริงปัจจุบันรถแอร์ของขสมก.ทำรายได้แค่คันละ 7,000 บาทต่อวันเท่านั้นในขณะที่ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไรขสมก.จะถูกบังคับให้ต้องจ่ายค่าเช่ารายวันทุกวัน ขสมก.เจ้าของเส้นทางต้องกลายเป็นทาสสัญญาหนี้ของเอกชนที่กำหนดคุณสมบัติให้มีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นสามารถเข้าประมูลได้ถึง 10 ปี มีอย่างที่ไหนเช่าในราคาแสนแพงแล้วผู้เช่าต้องซ่อมเองถ้าต้องซ่อมเองซื้อไม่ดีกว่าหรือ รถจอดเสียก็ยังต้องจ่ายค่าเช่า แม้ว่าต้องขาดทุนซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าขสมก.คงไม่สามารถเพิ่มจำนวนผู้โดยสารได้เองเพื่อมาสร้างรายได้ให้ได้อย่างที่ประมาณการเอาไว้รัฐก็ต้องจ่ายอยู่ดี โครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คันนี้ผุดจากความคิดตั้งขึ้นเป็นโครงการมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยแล้วมาปัดฝุ่นในยุคพลังประชาชนผ่านทางแก๊งออฟโฟร์ส่อทุจริตมโหฬาร ในวันนี้เพราะท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงทักท้วง คัดค้านต่อต้านจากทุกสารทิศทั้งสื่อ คอลัมนิสต์ นักวิชาการ ส.ว.พากันชำแหละตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลออกมาเป็นระยะๆใครๆ จึงพากันเข้าใจได้ว่าทั้งแพงเกินจริงและเชื่อได้ว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงไม่มีเหตุผลสักข้อที่พอฟังขึ้น พอถูกทักเข้ารัฐมนตรีที่รับผิดชอบก็นำกลับไปแก้ไขใหม่ ก็ถอยหลังใหม่ ปรับลดวงเงินลง ในพรรคภูมิใจไทยกลุ่มนักการเมืองที่ยังพยายามผลักดันงัดวิชาทุกท่าออกมาใช้ เช่นบีบคอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงให้ออกมาชี้นำสังคมระบุว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุดจำเป็นต่อการฟื้นฟูสถานะของ ขสมก.ที่ขณะนี้มีปัญหาหนี้สินอยู่เป็นจำนวนมากโดยขสมก.ไม่ต้องแบกรับภาระค่าซ่อมบำรุงแต่ไม่พูดถึงการเช่ารถยูโรทู 500 คันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยคุยโม้ว่าจะทำกำไรได้ไม่มีปัญหายังค้างค่าเช่า 4,000 ล้านบาทเพราะรถยูโรทูขาดทุนปิยะพันธ์ จัมปาสุตประธานคณะกรรมการขสมก.ลืมพูดถึงไปเสียนี่ นักการเมืองยังหน้าด้านจะเอาให้ได้โดยไม่ฟังเสียงประชาชน นักการเมืองเองก็พร่ำบ่นเพียงว่าหากมีรถเมล์จากโครงการนี้ประชาชนจะได้ขึ้นรถเมล์ในราคา 30 บาทต่อวัน การที่สุเทพไปเจรจากับพรรคภูมิใจไทยว่าต้องให้รถเมล์จำนวนนี้ผลิตในประเทศเกินครึ่งซึ่งในที่สุดเขาก็แก้ไขว่าผลิตในประเทศไทยร้อยละ 70 มันไม่ใช่ประเด็น ปรากฏว่าผู้บริหารเอกชนเจ้าของรถเมล์ยังไม่เคยออกมาชี้แจงถึงผลดีร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนหากมีการอนุมัติโครงการเลย ผู้อำนวยการขสมก.พิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ดันมาลาป่วยยาวถึง 1 เดือนเต็มทั้งๆที่เป็นผู้เกี่ยวข้องและสนับสนุนห็นดีเห็นงามมาตลอดตั้งแต่ต้น นักการเมืองยังคงดันทุรังยืนยันท่าทีว่าจะผลักดันให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติและไม่ยอมลดราคาลงมาอีกแม้แต่บาทเดียวยิ่งสุเทพ เทือกสุบรรณมาเคลื่อนไหววูบวาบในเงามืดก็ยิ่งส่อว่าเปลี่ยนแค่ท่วงทำนองแต่ไม่ได้เปลี่ยนเนื้อร้อง ในขณะที่ภาพข่าวหลักฐานมีปรากฏว่ารถ 4000 คันจอดรออยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังแล้ว ทันทีที่ผ่านมติครม.สิ่งที่จะตามมาคือขสมก.จะขาดทุน 6 หมื่นกว่าล้านเข้าทางเอกชนที่รอแปรรูปอยู่ อย่างไรก็ดีสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจขสมก.เห็นด้วยกับการจัดหารถเมล์ใหม่แต่อยากให้เปลี่ยนวิธีการจัดหารวมทั้งขอให้ปรับระบบอี-ทิกเก็ตไม่ให้กระทบกับพนักงานเก็บค่าตั๋วจะถูกปลดออกเป็นพันๆและอยากให้คงรถเมล์ร้อนไว้ด้วย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเคยพูดถึงปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลว่า ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลอยากฝากถึงทุกคนในรัฐบาลว่าสิ่งที่ประชาชนไม่ชอบที่สุดคือ ความขัดแย้ง กับการทุจริตเวลามีข่าวความขัดแย้งกับข่าวการทุจริตนักการเมืองทุกคนเสียหาย ถามถึงหลักกฎเหล็ก 9 ข้อในวันประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 ของพรรคประชาธิปัตย์ว่าพรรคคิดอย่างไรกับทุกโครงการล้วนมีส่วนต่างเช่นของโครงการรถเมล์ 4 พันคัน, โครงการระบายข้าวโพด,มันสำปะหลังและข้าวที่มีรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยกำกับดูแลเห็นตัวเลขผ่านหน้าไปแวบๆ เฉียด 10 หลัก ประชาชนกำลังจับจ้องว่าลงท้ายรัฐบาลนำโดยพรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางใดระหว่างยอมขัดแย้งกับพรรภูมิใจไทยหรือเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับการทุจริตคอรัปชั่นเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเมือง หัวหน้ารัฐบาลต้องกล้าหาญเด็ดขาดกว่านี้เด็ดขาดไปเลยว่าไม่เอา ในสภาเองคณะกรรมการสมานฉันท์ศึกษาประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฝ่ายคือรัฐบาลฝ่ายค้านและวุฒิสภาที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้กำลังอยู่ในเกมการเมืองอันฉาบฉวย โดยมีตัวแทนจากพรรคฝ่ายค้านลากไปลากมาพลิกดำเป็นขาวปัดขาวเป็นดำมีเป้าหมายแอบแฝงทั้งๆที่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวรัฐธรรมนูญสักนิด บรรดาผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแต่ประสงค์ที่จะก่อให้เกิดความฉิบหายแก่ชาติบ้านเมืองก็ดูจะไม่สามารถอดทนรอคอยได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ข่าวว่าจะมีผู้ไม่หวังดีออกมาเผาบ้าน-เผาเมืองอีกในปลายเดือนนี้ แม้จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์จนทำให้ประเทศกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยในระดับหนึ่ง ไม่ว่าพวกเสื้อแดงจะทำอะไรก็ตามสังคมไทยประทับตราไว้แล้วว่าเป็นเสนียดจัญไร กระนั้นเราก็ยังคงไม่ประมาทไว้เป็นดี หน่วยงานที่รับผิดชอบสีน้ำตาลซึ่งเคยยิงปืนใส่หน่วยงานที่รับผิดชอบสีเขียวเมื่อครั้งสงกรานต์เลือดจะยังคงสันดานเดิมไว้หรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจรัฐบาลก็น่าจะตัดไฟเสียแต่ต้นลม อย่าปล่อยให้มีการก่อเหตุวุ่นวายในกลุ่มเล็ก ปลุกระดมให้เคลื่อนไหวเฉพาะเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยมีแกงค์แดงสยามสั่นคลอนความมั่นคงและกระทบกระแทกต่อสถาบันต่างๆ อย่าปล่อยโอกาสของชาติของบ้านเมืองต้องเสียหายซ้ำซาก โดยมีแก๊งค์คนเสื้อแดงคอยจ้องฉุดรั้งขัดขวางการทำงานทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้รัฐบาลทำงานได้ เพราะอาจเป็นไปได้ว่าทักษิณและกลุ่มคนเสื้อแดงทำใจไม่ได้ที่รัฐบาลซึ่งมีเด็กสองคนนำทางกำลังพาชาติไปสู่ความสำเร็จ แม้ทักษิณกำลังโดนมะเร็งต่อมลูกหมากเล่นงานก็ตามเพราะเพียงแค่มีเงินก็สามารถจ้างผีมาโม่แป้งให้ได้อยู่ สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ยังอยู่ในภาวะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทั้งจากวิกฤติทางการเมืองและวิกฤติทางเศรษฐกิจที่ยังน่าเป็นห่วงผู้นำรัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นและทำให้รัฐบาลสามารถบริหารประเทศเพื่อกอบกู้วิกฤติทั้งหลายได้อย่างราบรื่นต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องมีจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านและปราบปรามอย่าง จริงจังต้องเพิ่มตัวบทกฎหมายให้อำนาจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ ต้องสร้างจิตสำนึกขององค์กรภาคประชาสังคมไทยให้ เข้มแข็งเพื่อให้ส่วนต่างเหล่านี้หมดไป ประเทศไทยจึงจะหนีให้พ้นรากเหง้าทุจริตคอร์รัปชั่นที่ตามติดมาจากอดีตกาลนี้ได้ นักการเมืองถือเป็นผู้สามารถทำดีและทำร้ายประเทศไทยได้ หากรู้จักใช้อำนาจในมืออย่างถูกต้องเสียสละเพื่อมวลชนประเทศไทยก็จะอยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าหลงระเริงมุ่งแสวงหาประโยชน์จากอำนาจ ทุจริต คอรัปชั่นก็หมายถึงการทำร้ายประเทศไทยเพราะข้าราชการหรืออำมาตย์คงจะมีอำนาจเหนือข้าราชการการเมืองไม่ได้โดยเฉพาะนักการเมืองที่ซื่อสัตย์เสียสละเป็นที่ประจักษ์แม้วันนี้จะไม่มีใครเห็นแต่เสียงสรรเสริญเป็นสิ่งไม่ตาย หัวเราะวันละนิดจิตแจ่มใส ผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด เอาออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองได้มาก ความดันเลือดลดลง ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างดี ทำให้เราแจ่มใสและเบิกบาน มีความสุข หลั่งฮอร์โมน-สารเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ การเคลื่อนไหว และความจำ ลดความเครียด ลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดหัวใจ การหัวเราะมีประโยชน์มากมายหลายอย่างทั้งกับร่างกายและจิตใจกับทุกคนตั้งแต่เด็กๆ จนถึงผู้ใหญ่ด้วย...วันนี้คุณหัวเราะแล้วหรือยัง อ่าน -- รายงานพิเศษ : เช่ารถเมล์ 4 พันคัน.ฟัง

ไม่มีความคิดเห็น: