ครอบครัวชาวนาอยุธยาของอาจารย์ปรีดีต่างจากครอบครัวพ่อค้านักธุรกิจและนักการเมืองอย่างไร อาจารย์ปรีดีรับราชการตลอดชีวิตต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่ได้ไปทำมาหากินในธุรกิจส่วนตัว อาจารย์ปรีดีทำงานเพื่อประเทศชาติส่วนรวมยาวนานตลอดชีวิตไม่เคยมีมลทินเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระเจ้าแผ่นดิน อาจารย์ปรีดีไม่เคยถูกคดีเช็คเด้ง ไม่เคยถูกกล่าวหาว่าโกง ไม่เคยร่ำรวยขึ้นมาได้ก็ด้วยธุรกิจผูกขาด ไม่เคยหลีกเลี่ยงไม่จ่ายภาษี อาจารย์ปรีดีไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ภริยาของอาจารย์ปรีดีเป็นป้อมเพชรแท้ๆไม่ได้ไปขอใช้นามสกุลใครมา ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ไม่เคยก้าวก่ายการทำงานของสามีเป็นแบบอย่างที่พึงประสงค์ของสังคมไทยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สมถะเรียบง่ายยามจากโลกไปก็ไม่สร้างความลำบากให้กับลูกหลาน ญาติมิตร อาจารย์ปรีดีพยายามอภิวัฒน์ประเทศไทย,สถาปนามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองเพื่อสร้างพลเมืองที่รู้เท่าทันการเมือง,เจรจาแก้ไขสนธิสัญญาที่ประเทศชาติเสียเปรียบ อาจารย์ปรีดีไม่เคยปลุกระดม จัดซื้อจัดตั้งประชาชนหรือสร้างขบวนการป่วนบ้านป่วนเมืองเมื่อพ้นจากอำนาจไปอยู่ต่างแดนแม้จะอยากกลับบ้าน อาจารย์ปรีดียังคงได้รับการเคารพยกย่องเชิดชูเกียรติอย่างสูงยิ่งเป็นที่จดจำรำลึกของอนุชนรุ่นต่อๆไป
“อยากกลับบ้านแต่ถ้าเรากลับมาแล้ว บ้านเมืองวุ่นวาย ต้องมีคนไม่ชอบแล้วอย่างนี้จะกลับได้ยังไง อยากให้บ้านเมืองสงบ คิดว่าอยู่ต่างประเทศดีกว่า ใจน่ะอยากกลับ ถ้ากลับมาไม่สงบก็เป็นคนไม่รักชาติ เราต้องการให้ชาติบ้านเมืองมีความสงบรุ่งเรือง...”
ระบอบทักษิณ
ปราโมทย์ นาครทรรพได้นิยามลักษณะของระบอบทักษิณว่าเป็นระบบความเชื่อและระบบความประพฤติของกลุ่มบุคคลที่เคยได้ดีเพราะทักษิณที่มีความเชื่อว่าเมื่อตนและพวกได้ตำแหน่งจะโดยสัญลักษณ์ของการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นในครม. ในสภา เทศบาล อบจ.หรืออบต.ก็ตาม หรือโดยการแต่งตั้งในกระทรวงทบวงกรมก็ตามก็จะต้องดูแลพวกพ้องและบริวารและใช้ขีดความสามารถในและเหนืออำนาจหน้าที่อย่างเหี้ยมหาญให้เกิดรายได้และเครือข่ายอุปถัมภ์จากโครงการและงบประมาณของรัฐบาล โดยไม่ย่นระย่อและเอาชนะอุปสรรคตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ให้ได้ขณะนี้ระบอบทักษิณยังอยู่และเป็นปกติสุขดี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเยื่อใยไมตรีหรือไม่ก็เห็นอกเห็นใจเป็นฝ่ายของระบอบทักษิณและซากเดนเช่นกลุ่มเพื่อนเนวินเป็นส่วนใหญ่ ทัศนะของระบอบทักษิณว่าเมืองไทยเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญรอคอยการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เมื่อหากจะยังคงมีพระมหากษัตริย์อยู่ก็จะเป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้น
สงครามการเมือง
สงครามการเมืองยังไม่ยุติทักษิณยังไม่วางมือพยายามจะกลับเข้ามาสถาปนาเหนือราชอาณาจักรไทยต่อไป ตราบใดที่ทักษิณยังอยู่ สงครามการเมืองก็ไม่มีวันเลิกรา นพ.เกษม ตันติผลาชีวะได้วิเคราะห์สภาพจิตของคนๆ นี้ในหนังสือรู้ทันทักษิณ 5 สงครามการเมืองว่าคนๆ นี้มีปมด้อยในจิตใจที่มากพอจะเป็นแรงผลักดันให้อยากมีอำนาจเสียเองต้องการการชดเชยเพื่อลบล้างปมด้อยที่ฝังลึกในจิตใจ โกหกเป็นอาจินต์ทำระยำได้ทุกสิ่ง หลงตนเอง โทษว่าคนอื่นว่าอิจฉาตนเพราะร่ำรวยหรือมีความสามารถและอำนาจมาก หลายอย่างที่เขากระทำไปเป็นเรื่องที่คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่น่าทำ ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี คิดแต่จะจ้องวางแผนเอาเปรียบคนอื่น วันนี้ ทุกคนก็รู้ ทุกสถาบันก็รู้ เรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรามีรั้วของชาติที่ต้องรักษา เรามีประชาธิปไตยของบ้านเมือง เรามีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ต้องมาดูแลทรัพย์สินของประชาชน เรามีเจ้าเมืองที่ต้องไปดูแลแต่ละจังหวัดๆ เรามีนายอำเภอเป็นพ่อบ้าน เรามีระบบอยู่ แต่คนๆ นี้มาทำลายระบบทั้งหมดเลย แม้คนๆ นี้จะไม่มีแผ่นดินอยู่แต่เราชาวไทยก็ยังต้องรู้ทัน
เสนาะ เทียนทองแห่งแก๊งค์วังน้ำเย็นตัวแปรสำคัญในการช่วยเหลือเกื้อหนุนให้ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีชูมือทักษิณ"นายกฯ คนต่อไป" “คนของเรา คนไหนที่คิดว่าจะเป็นหน้าตาของเรา หรือลูกศิษย์ลูกหาเรา มันก็ดูดเอาไป ... ดูดคนจากผมไปเป็นคนของเขา พร้อมกับแจกเงิน ... ทำให้ผมไปสั่งอะไรไม่ได้แล้ว ... ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทุกอย่างที่เขาลืมบุญคุณ ก็เพราะว่าเขาลืมตัว ทำให้หน้ามืดตามัว” พิจารณาปากคำของเสนาะ เทียนทองไปแล้วลองพิจารณาดูเอาว่าใครทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน การใช้อำนาจในทางการเมืองเพื่อแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองหรือพวกพ้องมิได้มุ่งหมายเพื่อตอบสนองต่อประโยชน์สาธารณะถือได้ว่าเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน คตส. เห็นว่าการใช้อำนาจในตำแหน่งนายกฯของคนๆ นี้กระทำการเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองและพวกพ้องทำให้ได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรและเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติจึงขอให้ศาลฎีกาฯสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน คนๆนี้เป็นนักโทษที่มีเงิน มีพรรคพวกเป็นผีโมแป้งรับจ้างทำร้ายประเทศอยู่มาก เป็นนักโทษที่ป่วยทางจิต ถ้าคนป่วยทางจิตคนนี้ยังอยู่จะไม่มีวันหยุดทำร้ายประเทศไทย
ก่อนโน้นมีคนทรงเจ้าเข้าผีเข้าทรงบอกว่าอดีตชาติเป็นถึงเจ้าขี้เมือง แต่พอต่อมาเจ้าขี้เมืองกลับมาทำหน้าตาละห้อยสร้อยเศร้าโทรศัพท์มาบอกชาวบ้านเปรียบตัวเองเป็นหมาไปเสียอย่างนั้นไม่ใช่เป็นแค่หมาธรรมดานะแต่เป็นหมาเชื่องและไม่ใช่หมาเชื่องธรรมดาอีกเหมือนกันและยังเชื่องได้กว่านี้อีกถ้าผู้เป็นนายต้องการ ฟังแล้วอยากจะเรียกมันเป็นภาษาจีนว่าไอ้เฮียๆๆ ก็ไม่ใช่หมาตัวนี้หรอกหรือที่เคยทั้งเห่า ทั้งกัดเจ้าของบ้านมาแล้ว ดูจากการกระทำฟังจากคำพูดทั้งในอดีตและปัจจุบันของอดีตเจ้าขี้เมืองที่ตอนนี้บังอาจยกตัวเองขึ้นไปเปรียบตีตัวเสมอกับสิ่งมีชีวิตสี่ขาที่น่ารัก-เป็นมิตรและที่สำคัญยังซื่อสัตย์มากมายนี้แล้ว ต้องบอกว่าน่าสมเพชและเวทนาเป็นที่สุดเพราะแทนที่เจ้าตัวจะได้ใช้ช่วงวันเวลาที่ผ่านๆ มาคิดทบทวนถึงสิ่งที่กระทำในอดีตว่าตนเองทำอะไรผิดถึงต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ แต่กลับกลายเป็นว่านับวันคนๆ นี้ยิ่งเข้าใจว่าการกระทำหรือแม้แต่คำพูดของตนเองในทุกๆ เรื่องถูกคนอื่นต่างหากที่ผิด ในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ปัญหามีกรูเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ ทั้งๆ ที่ทุกๆ เรื่อง ทุกๆ ปัญหามันเกิดขึ้นมาก็เพราะมรึงทั้งนั้น
แค่เศรษฐีสัมปทานคนหนึ่งมาเล่นการเมืองที่เอาตัวเองเป็นกฎหมายจะมาเป็นความถูกต้องทุกอย่างในชาติได้อย่างไร ทักษิณนั้นนอกจากจะไม่ยอมรับโทษยังหลบหนีความผิด แล้วยังมีพฤติกรรมโจมตีทำลายกระบวนการยุติธรรมและศาลยุติธรรมของประเทศยิ่งกว่านั้น ยังมีพฤติกรรมจาบจ้วง ล่วงละเมิด บงการ ใช้ หรือจ้างวาน หรือกระทำการอันกระทบกระเทือนต่อพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันพระมหากษัตริย์ คำพิพากษาของศาลอาญาที่ให้ยกฟ้องในคดีที่ทักษิณฟ้องหมิ่นประมาทสุเทพ เทือกสุบรรณกรณีถูกกล่าวหาว่าอยากกลับมาเป็นประธานาธิบดีในคำพิพากษาดังกล่าวบางตอนมีการเอ่ยถึงพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
การกระทำของสุเทพเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนเองท่านก็เห็นว่าทักษิณมีพฤติการณ์เหยียบย่ำ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงได้เทศนาสั่งสอนเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ว่าอย่าคิดอาจเอื้อมเป็นประธานาธิบดี ระหว่างเป็นนายกฯทักษิณได้แสดงพฤติกรรมอันไม่เหมาะสมต่อองค์พระมหากษัตริย์หลายต่อหลายครั้ง การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทุกครั้งได้นำรูปของทักษิณขึ้นนำขบวนเรียกร้องให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคไทยรักไทยพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทยขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีของคนเสื้อแดงซึ่งทุกครั้งมักจะพูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ติดไว้ที่ฉากหลังเวทีมีข้อความที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและมีการตั้งโต๊ะเสนอให้ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญาข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ทักษิณน่าจะหยุดการกระทำอันไม่บังควรแต่กลับไม่หยุดกลับให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไฟแนนเซี่ยลไทม์ว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวควรทราบเรื่องแผนการรัฐประหารมาล่วงหน้า" ตามหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 15 พ.ค.2552 ทักษิณให้การสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงให้มาชุมนุมกันจนนำไปสู่การจลาจล จงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าทักษิณเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและหากเลือกพรรคเพื่อไทยทักษิณจึงจะสามารถกลับประเทศไทยได้ มีความพยายามจะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดอีกครั้งว่าหากมีการถวายฎีกาทักษิณจึงจะสามารถกลับประเทศไทยได้ ทั้งๆ ที่ ในความเป็นจริงทักษิณสามารถกลับประเทศไทยได้อยู่แล้วและทางการทุกฝ่ายล้วนต้องการให้กลับเข้ามารับโทษและต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมเฉกเช่นประชาชนคนไทยทุกคนเพียงแต่ทักษิณตัดสินใจหลบหนีออกไปเองและที่ไม่ยอมกลับเข้ามาก็เพราะตนเองไม่ต้องการติดคุก
ทักษิณให้สัมภาษณ์โจมตีอำนาจตุลาการ องคมนตรีและกองทัพที่ปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายครั้ง รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทักษิณจงใจกล่าวหาต่อสถาบันเหล่านี้เพื่อให้คนดูเสมือนว่าตนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสถาบันดังกล่าวทั้งหมดอันเป็นการใส่ร้ายสถาบันดังกล่าวและกระทบกระเทือนถึงสถาบันเบื้องสูง ทักษิณได้เลือกใช้วิธีการให้คนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในบ้านเมืองกระทั่งลุกลามกลายเป็นเหตุการณ์จลาจลในช่วงสงกรานต์แต่ก็ไม่บรรลุเป้าหมาย
The Earth time อ้างรายงานข่าวจาก Sueddeutsche Zeitung หนังสือพิมพ์ไทย-เยอรมันระบุว่าทักษิณ ชินวัตรได้เข้ามาลี้ภัยในเยอรมนีนาน 6 เดือนโดยอดีตนายกฯของไทย, ซึ่งกำลังถูกทางการไทยต้องการตัว, ได้เข้าเมืองผ่านหน่วยงานคนเข้าเมืองในกรุงบอนน์เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลเยอรมนีไม่พอใจต่อหน่วยงานข่าวกรองเนื่องจากเกรงว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อความสัมพันธ์ของเยอรมนีและไทย
พรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยได้ยื่นดาบให้ศัตรูฟันคอตัวเองไปเรียบร้อยหลายต่อหลายครั้ง การอภิปรายส่วนใหญ่ของส.ส.พรรค์นี้ไม่ได้ติเพื่อก่อ ไม่ได้ใช้โอกาสเพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาติ ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียอำนาจของทักษิณ ส.ส.หลายคนในการอภิปรายในสภาก้าวร้าว ไม่เชื่อฟังประธานสภาฯ หยาบคาย ถ่อยสถุล ส.ส.ทุกวันนี้ดูทรงเกียรติก็แค่เพราะใส่สูท ไม่ใช่ตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง ทุกคนเป็นแค่ลูกน้องทักษิณมาก่อน ขณะนี้ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจว่าหัวหน้าพรรคตัวจริงคือทักษิณ ชินวัตรหัวหน้าพรรคเถื่อนที่เป็นผู้ร้ายหลบหนีอาญาแผ่นดิน
คนพรรค์นี้เกลียดรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยอำนาจรัฐประหารอ้างเสมอว่าเพื่อทำลายทักษิณเพียงคนเดียว การถือหุ้นแม้เพียงบาทเดียวก็ถือว่ากระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่มันไม่เคยรู้กันเลยว่าหลักการมาตรา 265 (2)ในหมวดการขัดกันแห่งผลประโยชน์กรณีถือครองหุ้นในกิจการของรัฐในรัฐธรรมนูญปี 2540 ก็มีบทบัญญัติเรื่องนี้เอาไว้ เพียงแต่รัฐธรรมนูญ 2550 ขยายไปยังคู่สมรสและบุตรด้วยทำให้ชาวบ้านร้านช่องเขาหลงเข้าใจผิดไปด้วย
พรรคเพื่อไทยคือพรรคพลังประชาชนและพรรคพลังประชาชนคือพรรคไทยรักไทยคือพรรคการเมืองที่ถูกตราหน้าว่าสร้างความวิบัติฉิบหายแก่บ้านแก่เมือง มีการโกงกินกันมโหฬาร เลือกตั้งซ่อมจังหวัดสกลนครและศีรษะเกษเป็นเสมือนศึกเดิมพันบารมีและศักดิ์ศรีของทักษิณ ชินวัตรและเนวิน ชิดชอบ การได้เนื้อได้น้ำอันเนื่องมาจากกระแสการโฟนอินของหัวขบวนที่ยังคงหลงเหลือมนต์เสน่ห์อยู่อย่างไม่สร่างซาสามารถพลิกกระแสการเลือกตั้งซ่อมที่สกลนครชนิดเล่นเอาหมอผีเขมรหน้าแหก ประชาชนผู้ที่พร้อมจะยอมรับต่อรัฐบาลที่โกงขอเพียงให้มีฝีมือ ประชาชนผู้ที่อยากให้นักโทษหนีคดีอาญากลับมาช่วยกอบกู้เศรษฐกิจชักจะกลายเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมไปแล้ว ประชาชนกลุ่มนี้ได้ให้บทเรียนแก่นายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าความพ่ายแพ้นั้นมาจากการที่ทักษิณโฟนอินเข้ามาหากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จังหวะเวลาในการเคลื่อนไหวสอดคล้องกันพอดีที่ขบวนการเสื้อแดงจัดชุมนุมขึ้นมาอีกครั้งและแกนนำพรรคเพื่อไทยปราศรัยหาเสียงโดยนำทักษิณมาต่อรองกับประชาชนว่าหากได้รับชัยชนะจะเป็นทางเดียวที่จะนำทักษิณกลับมาก็ฟ้องบอกอยู่โต้งๆว่าพรรคเพื่อไทยไม่แยแสต่อกฎหมายบ้านเมืองนอกจากประโยชน์ของตนเอง
ขบวนการเสื้อแดง
หลังจากที่เคยต้องงัดยุทธการดาวกระจายแยกย้ายกระจัดกระจายเดินทางกลับบ้านกลับช่องไปพร้อมๆ กับความหดหู่ห่อเหี่ยวเพราะสะดุดขาตัวเองในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาหลังจากคลุ้มคลั่งเผาบ้านผลาญเมืองก่อจลาจลกันมา สงกรานต์เลือดที่ผ่านพ้นไปยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยทั้งประเทศรวมถึงเป็นบทเรียนสำคัญที่แต่ละหน่วยงานได้รับในการประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงและนปช.ผิดพลาดทำให้พวกมันป่วนบ้านป่วนเมืองนำความฉิบหายมาให้กับประเทศตั้งแต่ระดับนานาชาติไปจนถึงระดับตรอกซอกซอย ไม่ว่าจะเป็นการล้มเลิกการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พัทยา การยึดถนนหน้าทำเนียบรัฐบาล การบุกเข้าไปทุบรถนายกรัฐมนตรีในกระทรวงมหาดไทย การเผารถเมล์กลางถนนในใจกลางกรุงเทพมหานครจำนวนหลายสิบคัน การยึดรถแก๊สและนำไปขู่จะจุดไฟเพื่อให้รถแก๊สระเบิดตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานครครั้งเดียวก็เกินพอ
ที่น่าจับตาดูกลยุทธ์ของทักษิณจะออกมาเป็นรูปแบบไหนใช้ความรุนแรงเลือดพล่านคงไม่ได้อีกแล้ว จะกล่าวโจมตี พล.อ.เปรมก็หมดเรื่อง ขบวนการเสื้อแดงพยายามเรียกขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นอีกรอบจัดชุมนุมขบวนการเสื้อแดงขึ้นมาอีกครั้ง เหล่าแกนนำไม่ว่า สามเกลอ หมอเหวง อดิศร อริสมันต์ แรมโบ้ เดินสายถี่ยิบไปตามพื้นที่ต่าง ๆ จัดโต๊ะจีนมีทักษิณโฟนอินเข้ามาเปิดตัวเสื้อแดงซีกนักการเมืองอยากเสนอตัวเผื่อเลือกตั้งรอบใหม่ แดงซีกซ้ายสหายเก่าจุดพลุตามหาวันชาติไทยเสนอฟื้นวันชาติ 24 มิถุนายนเป็นวันชาติ ก่อให้เกิดการตั้งคำถามกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเสมือนมีเจตนาเดียวกันกับคณะราษฎรที่ยึดอำนาจและเปลี่ยนการปกครอง ยกทักษิณ ชินวัตรนายใหญ่ของตนขึ้นไปเทียบชั้นปรีดี พนมยงค์แกนนำคณะราษฎรอย่างเกินความเป็นจริง
โฟนอินอ้อนบรรดาพ่อยกแม่ยกช่วงหลังๆนี้ตลอดเวลาที่ทักษิณพูดอารมณ์แปรปรวนตลอดเดี๋ยวเศร้า-หดหู่อ้อนวอนขอร้องให้พากลับบ้าน เหมือนเด็กรบเร้าผู้ปกครอง เดี๋ยวเกรี้ยวกราด-คุคลั่งหลั่งเลือด เดี๋ยวอวดรวย อวดเศรษฐีชวนชาวบ้านไปทำเหมืองเพชร เดี๋ยวบอกเหงาทอดอาลัยตายอยากกลัวตายกลางทะเลทรายขึ้นมาแล้ว เดี๋ยวบอกว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมนั่งวิปัสสนากรรมฐานอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกลับก็สบายใจ เดี๋ยวเอาอีกแล้วอ้อนจะกลับมาบริหารกอบกู้เศรษฐกิจไทยให้รวยกันทั้งประเทศ คุยโขมงว่าตัวเองไม่มีความผิดแล้วจะขอพระราชทานโทษให้กับคนไม่มีความผิดไม่มีโทษได้อย่างไร
สุรชัย แซ่ด่านอดีตสหายซ้ายอกหักหลงยุคกำลังต่อสู้กับศักดินาซึ่งมีความแข็งแกร่งมากต้องสามัคคีกับทุนนิยมยอมให้ทักษิณมาเป็นผู้นำมีพลังทางการเมืองมากต้องโค่นศักดินาแล้วหลังจากนั้นจีงล้มทุนนิยมเมื่อเอาชนะศักดินาได้แล้วจึงค่อยกลับมาต่อสู้กับทุนนิยมของทักษิณสอดคล้องกับจุดยืนและพฤติกรรมของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงหลายคน ส่อเจตนาราวกับว่ามีแผนต้องการปลุกระดมขยายแนวร่วมมวลชนเพื่อปฏิวัติโดยประชาชนหวังเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศซึ่งหากจริงก็ถือเป็นภัยอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติและสถาบันหลักของประเทศ แทนที่พวกญาติพี่น้องและข้าทาสบริวารทั้งหลายจะห่วงใยกลับช่วยกันหลอกกิน-หลอกใช้ทักษิณ สับสนอยู่ว่าทักษิณกำลังหลอกใช้วีระหรือว่าวีระกำลังหลอกกินทักษิณแถมลวงคนเสื้อแดงทุกคนให้หลงเชื่อผิดๆด้วยทำให้ประชาชนผู้เป็นพสกนิกรเกิดความสั่นไหวในศรัทธาต่อสถาบันเบื้องสูง ทั้งพวกทนายพวกนักกฎหมายอดีตผู้พิพากษากลับไม่ท้วงติงปล่อยให้ซ้ายอกหักหลงยุคมาเกาะหลัง
การปรากฏตัวครั้งใหม่ของขบวนการเสื้อแดงทั้งหลายที่ได้จังหวะโอกาสในการเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลกันอีกรอบ การเริ่มต้นด้วยการสร้างแรงกดดันรัฐบาลนอกเวทีรัฐสภาจึงได้ถูกขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ...ตามแผนดากสิ้น 2 ตามสำเนียงอังกฤษหรือแผนทักษิณ 2 ใช้ปฏิบัติการการเคลื่อนไหวการเมืองที่รุนแรงยิ่ง การสลายตัวชั่วคราวของขบวนการคนเสื้อแดงครั้งนี้อาจจะเป็นแค่จุดเริ่มต้นโดยเป็นเพียงการหยั่งเชิงกระแสของสังคมทั้งๆที่จุดยืนข้อเรียกร้องของขบวนการคนเสื้อแดงแล้วค่อนข้างจะสะเปะสะปะสับสน ไม่ว่าแผนอุบาทว์นั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ความเคลื่อนไหวที่ขบวนการเสื้อแดงน่าจะเป็นส่วนหนึ่ง วางหมากไว้ด้วยโจทย์ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้รัฐบาลต้องเผชิญกับศึกทุกด้านจนอยู่ในสภาพ บริหารได้แต่ปกครองไม่ได้ ที่แกนนำนปช.พยายามบอกว่าแผนนี้แม้แต่ควายก็ยังไม่ได้คิด เราเชื่อว่าควายอาจไม่ได้คิดจริงแค่มีควายนำแผนอุบาทว์นั้นมาปฏิบัติก็แค่นั้น
จากบทเรียนเมื่อสงกรานต์จึงเป็นตำราเล่มสำคัญที่บอกทักษิณว่าไม่อาจใช้กำลังจัดการได้อย่างเดียวแผนทักษิณ 2 ที่มีควายนำแผนอุบาทว์นั้นมาปฏิบัตินั้นกำหนดไว้ 7 ยุทธศาสตร์ 6 ยุทธวิธีนั้นมีเป้าหมายโดยสรุปของ 7 ยุทธศาตร์ตั้งธงไว้ที่การล้มล้างรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้วว่า หากล้มสำเร็จโดยคณะกรรมการสมานฉันท์ที่จะนำเสนอต่อรัฐบาลในกลางเดือนนี้ จะนำไปสู่คณะกรรมการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปนั้น ร่างที่ฝั่งเพื่อไทยวางไว้มาจากการเขียนของนายแพทย์โหวงเหวง โตจิราการ ที่เป้าหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าไปกำจัดกฎหมายทุกฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการกลับประเทศของ ทักษิณ ชินวัตรเพื่อให้กลับเข้าสู่เวทีการเมืองอีกครั้ง ตีล้อมรัฐบาลด้วยการสร้างจุดอ่อนให้เกิดเป็นแผลไปทั่วเป็นยุทธวิธีของพวกลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งสิ้น กล่าวหารัฐบาลทำสองมาตรฐานเสนอให้เปลี่ยนแปลงวันชาติจากวันที่ 5 ธันวาคมมาเป็นวันที่ 24 มิถุนายนเพื่อการเปลี่ยนสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง สร้างข่าวลือด้วย ทั้งการสร้างข่าวด้านลบของรัฐบาลในประเด็นคอร์รัปชั่นหรือเรื่องส่วนตัวรัฐมนตรีลามไปถึงสถาบันองค์มนตรีหรือสูงกว่านั้น เป้าหมายคือเพื่อขยายผลทางจิตวิทยานำไปสู่การค่อยๆซึมซับด้วยการค่อยๆดีสเครดิตและลดคุณค่าของสถาบันต่างๆ สร้างสงครามทางการเมืองทั้งเวทีในสภาและนอกสภา ซึ่งหากตกลงร่วมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาไม่สำเร็จ ถึงจะใช้แผนสำรองที่ได้เปิดตัวไว้ก่อนแล้วก็คือการผลักดันให้มีการอภัยโทษแก่ทักษิณ ดังนั้นการขอนิรโทษกรรมที่สร้างความชอบธรรมระยะยาวพร้อมทั้งอ้างว่านี่คือความต้องการของประชาชนโดยการใช้ฐานประชาชนในการปูพรมกลับประเทศ สอดคล้องกับที่ดร.เฉลิม อยู่ทำไมแกนนำพท.หลุดออกมาแล้วว่าหากพท.ได้เป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งสมัยหน้าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม 111และ 109 อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่ถูกเว้นวรรค 5 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ทักษิณถูกปลดล็อกจากพันธนาการและสามารถกลับสู่มาตุภูมิต่อสู้ทางการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยได้อีกครั้ง
การถวายฎีกาในแบบที่ขบวนการเสื้อแดงริอ่านจะทำกันก็น่าจะเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่งและไม่เคยมีพสกนิกรผู้จงรักภักดีทำแบบนี้มาก่อน จะต้องยอมรับโทษเข้าไปอยู่ในคุกเสียก่อน ต้องกระทำไปเงียบๆโดยตัวนักโทษเอง มีใครห้ามไม่ให้ทักษิณกลับประเทศไทยหรือเปล่า ก็เปล่า ทั้งอัยการและกระทรวงการต่างประเทศยิ่งต้องการให้ทักษิณกลับ ต่อให้คนรากหญ้าเลือกพรรคเพื่อไทยมาเยอะขนาดไหนก็ไม่มีทางอุ้มทักษิณ หรือทำให้ทักษิณกล้ากลับประเทศได้เพราะหากกลับมาต้องติดคุกแน่นอนเพราะหากกลับมาแล้วจะต้องมารับโทษทัณฑ์ทางอาญาที่ศาลตัดสินไปแล้ว 1 คดีให้จำคุก 2 ปีโดยไม่ต้องรอลงอาญาและยังมีคดีที่รอคิวเป็นหางว่าวยาวตั้งแต่อาคารชินวัตร 3 พหลโยธินไปจนถึงสนามกอล์ฟอัลไพน์โน่น ทักษิณเลยได้ลูกยุถวายฏีกาส่อเจตนาก้าวล่วงพระราชอำนาจกรณีที่ต้องการให้ปลด 3 องคมนตรีและเป็นการใช้พลังประชาชนับล้านคนมากดดันสถาบันเบื้องสูงให้ปฏิบัติตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่สำนึกในความผิดของตัว ท้าทายทำตัวเป็นปฏิปักษ์ และยังทำลายระบบกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ลุยคนเดียวมันไม่มีน้ำหนักเราจึงได้พบข้อมูลจ้างล็อบบี้ยีสต์ช่วยกระพือข่าวในสื่อต่างชาติ เมื่อทักษิณตัดสินใจเอาแบบนี้ก็แสดงถึงธาตุแท้อีกครั้งว่าไม่สนใจจะทำให้บ้านเมืองสู่หายนะเพียงใด ขอมุ่งสู่สิ่งที่คิดว่าจะเป็นชัยชนะของตัวเองเท่านั้นเป็ นสำคัญ
สุรชัย แซ่ด่านอดีตสหายที่รอปราศรัยในวันนั้นปราศรัยต่อไม่ได้พูดไม่ออกเท่ากับว่าทักษิณทำความผิดจริงถ้าผิดทำไมจึงไม่รับโทษแล้วคดีอื่นๆที่พิจารณาอยู่ทำอย่างไร สุรชัย แซ่ด่านไม่เคยได้สำนึกและไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ทักษิณและพวกทำไปทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายจึงไม่ต้องขออภัยโทษเพราะถ้าขออภัยโทษก็แปลว่าสิ่งที่ทักษิณและพวกทำไปทั้งหมดละเมิดกฎหมายบ้านเมือง ทั้งสุรชัยเองก็เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษ วีระเองก็เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแต่ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของเบื้องพระยุคลบาท
ถ้าคนไทยผู้รักชาติ รักสถาบันยังไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หรือคิดว่าธุระไม่ใช่ แล้ว สังคมไทย ประเทศไทยซึ่งเคยอยู่ร่วมกันด้วยความสงบคงจะไม่มีแล้ว วุ่นวายกันเหลือเกินแค่จะนำเข้าตะกวดตัวเดียว
นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หลังจากผ่านสถานการณ์ฉุกเฉิน บนความเป็นความตายในช่วงสงกรานต์เลือด ที่ฝ่าย “ทักษิณ-เสื้อแดง” จงใจก่อจลาจลเพื่อโค่นล้มรัฐบาล ทำให้นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีความแข็งแกร่ง และนิ่งมากขึ้นกว่าเดิมและที่สำคัญสามารถรับรู้ด้วยตัวเองว่าใครจริง ใครของปลอม และใครขี้โม้ท่าดีทีเหลว เมื่อผ่านมาได้ก็ย่อมทำให้มีเวลาตั้งตัว อ่านเกมเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ใหม่ที่กำลังเริ่มก่อตัวตั้งเค้าขึ้นมาอีกรอบ คราวนี้ก็น่าเชื่อว่าน่ากลัวไม่แพ้คราวก่อนแน่นอนเพราะฝ่ายตรงข้ามเคยแก้ผ้าล่อนจ้อนกลางตลาดมาแล้ว คราวนี้จึงไม่มีอะไรจะเสียหรือต้องเก็บงำประกายเอาไว้อีกต่อไป และบังเอิญว่ามีข่าวเรื่องแผนทักษิณ2 ที่มีความ ดิบ-ถ่อย-เถื่อน ขึ้นมาสอดรับกันพอดี แม้ว่าจะมีเสียงปฏิเสธออกมาอย่างแข็งขันก็ตาม เมื่อเห็นความยุ่งยากดักรออยู่ข้างหน้าอีกไม่นานนัก ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องเตรียมการรับมือเอาไว้ให้พร้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งยังมีอำนาจรัฐอยู่ในมืออย่างเต็มเปี่ยม คงไม่มีใครงอมืองอเท้ารอรับชะตากรรมหรอก
ท่านพุทธทาสภิกขุเคยกล่าวไว้ว่า... "ประชาธิปไตยควรเป็นไปเพื่อลดหรือป้องกันความเห็นแก่ตัว ถ้าเห็นแก่ตัว ก็มีแต่ประชาธิป...ตาย โดยไม่รู้สึกตัว ความไม่เห็นแก่ตัว จึงเป็นรากฐานของประชาธิปไตย ประชาธิปไตยแท้จึงมีแต่ความไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งเป็นของมีได้ยาก สำหรับปุถุชนสมัยนี้...ที่บูชาแต่วัตถุ..."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น