พ.ศ.2551 เป็นช่วงปีที่ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤตการเมืองที่รุนแรงมากอีกครั้งหนึ่งผนวกกับวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฉุดให้โลกต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยที่พึ่งการส่งออกไปสหรัฐฯ และบรรยากาศการลงทุนเสียไปเพราะปัญหาการเมือง เรามีหลายๆปัญหาหลายๆเงื่อนไขการเมืองถูกขจัดไปด้วยหลักนิติธรรมทำให้พันธมิตรยุติการเคลื่อนไหวแต่กลุ่มสนับสนุนระบอบทักษิณคือตัวทักษิณเองและนปช.ก็คงยังหาเหตุสร้างเงื่อนไขสนองความต้องการของทักษิณซึ่งในกลุ่ม นปช.เองก็ประกอบด้วยกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยและหนึ่งในนั้นเป็นพวกอนาธิปไตยคตินิยมหรือกลุ่มซ้ายในซ้ายของอดีตพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่พยายามจะสร้างความสับสนวุ่นวายจนให้ถึงขั้นกลียุคเป็นสงครามกลางเมืองย่อยระหว่างคนไทยสองกลุ่มพันธมิตรและนปช.เป็นการกดดันทหารเพื่อให้ทหารเข้ามาแก้ไขก็จะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลงทันที และทหารก็กลับเป็นจำเลยสังคมอีกวาระ อย่างไรก็ดีการจัดตั้งรัฐบาลที่ย่ำแย่ไปกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ความมืดสุดๆ ความชั่วสุดๆ ความเลวทรามต่ำช้าสุดๆ ความทุกข์เข็ญลำเค็ญสุดๆ เกิดขึ้นมาแล้วสองสมัย ประชาธิปัติย์และคุณอภิสิทธิ์เป็นทางเลือกที่นุ่มนวลที่สุดเวลานี้ดังนั้นทหารที่ไม่อยากปฏิวัติเลยต้องเลือกที่จะหนุนประชาธิปัติย์โดยมีอุบายเอาเนวินมาเป็นพวกเพื่อสยบการเคลื่อนไหวของเสื้อแดง พวกกลุ่มเสื้อแดงนี้หวังจะให้เกิดภาวะอนาธิปไตยและจะทำการล้มล้างสถาบันซึ่งกำหนดชี้ขาดให้สังคมไทยเป็น “ทุนนิยมกึ่งเมืองขึ้นที่ศักดินาดำรงอยู่” ในขณะที่ทักษิณต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นมา ก่อให้เกิดความยากจนข้นแค้น โกลาหล วุ่วาย หาคนสั่วๆมาบริหารประเทศเพื่อที่จะให้กลุ่มคนที่ยังได้ข่าวสารที่ถูกบิดเบือนมาเรียกร้องกับมาสนับสนุนการกลับมาของเขา โดยกลุ่มซ้ายในซ้ายในสมัยนั้นต้องการให้มีการปลดแอกประเทศเป็นกึ่งเมืองขึ้นและให้มีการนำเข้ากำลังต่างชาติเข้าร่วมงานและขจัดศักดินาที่คอยขวางทางทั้งนี้ก็เพราะเป็นเงื่อนไขที่คนพวกนี้จะได้สนับสนุนทุนนิยมได้เต็มที่ ความสำเร็จของนโยบาย 66/2523 ประชาชนได้ออกจากป่าใช้ชีวิตปกติ ทำให้กลุ่มซ้ายในซ้ายขาดกำลังทำให้พวกมันต้องออกจากป่ามาด้วยแต่ยังคงมีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครอง พวกมันพยายามจะวร้างสงครามกลางเมืองเพื่อให้พวกมันสามารถล้มล้างระบบศักดินาได้สำเร็จ เงื่อนไขสำคัญที่รัฐบาลนอมินีทั้งสองชุดที่ทักษิณจัดตั้งคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ซึ่งนักการเมืองหลายคนที่ฉ้อฉล ขี้โกง ไม่ชอบ และจะทำให้ทักษิณรอดพ้นจากคดีทุจริตคดโกงแผ่นดินและกล้ากลับมาบ้านเกิดได้
การต่อสู้ของพวกเราพันธมิตร การเสียชีวิต เสียเลือดเนื้อ เสียอวัยวะของพี่น้องของเรา เราไม่คิดว่าสูญเปล่าเพราะเราได้จุดไฟของความตื่นตัวซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง มีความตื่นตัวอย่างผู้รู้ ของประชาชนจำนวนมากที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เราเป็นมวลชนที่ตืนแล้วและสว่างจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นพรรคการเมืองแต่จะดำรงเป็นเครือข่ายอยู่ตลอดและพร้อมตรวจสอบและจัดการเฉพาะกิจ-เฉพาะคนได้ตลอดเวลา เราตื่นตัวอยู่ตลอดและมีความสำนึกทางการเมืองสูงขึ้น เราต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอยากให้ประชาธิปัติย์คิดว่าจะต้องทำหน้าที่ในสภาในฐานะนักการเมืองที่ต้องทำงานให้ประชาชนและประเทศชาติ..ถึงแม้ประชาธิปัติย์ที่ถือว่าเป็นพรรคการเมืองดีที่สุดขณะนี้เข้ามาบริหารเราก็จะใช้การเมืองภาคประชาชน ตรวจสอบต่อไป.. ให้โอกาส ให้ความร่วมมือ แต่ตรวจสอบอย่างเข้มข้นและสร้างสรรค์ ด้วยเอกลักษณ์ของคนไทยอย่างไรก็ต้องบอกว่า ให้โอกาสเขาก่อน ให้เขาลองผิดลองถูก คนดีเอาคนชั่วมีคดีอาญามาร่วมวงมามีอำนาจด้วยกันมันไม่น่าจะเป็นไปได้ดี แค่เริ่มต้นเนวินขอคุมคมนาคมและมหาดไทยเท่านี้ก็ดูภาพออกได้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องการอะไร วันเวลาไม่ได้ช่วยให้คนชั่วโดยสันดานหายชั่วได้แน่นอน กระทั่งนายชวน หลีกภัยประธานสภาที่ปรึกษาพรรคได้แสดงความไม่พอใจรายชื่อตัวแทนของกลุ่มทุนบางคนซึ่งพรรคก็มีคนวางตัวได้อยู่ เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลเทพเทือกยอมทุกอย่างแม้แต่การไม่รับเป็น รมว.มหาดไทยเพื่อให้จัดสรรเก้าอี้ได้ตามโควตของพรรคการเมืองต่างๆจนดูเหมือนประชาธิปัติย์จะไร้อำนาจต่อรองอยู่ในสภาพตกเป็นเบี้ยล่าง นักการเมืองทั้งหลายได้ลองผิดลองถูกอยู่เรื่อย ๆ เป็นเวลา 76 ปีแล้วประเทศนี้และครั้งนี้ก็เช่นกันเรายังจะต้องให้พวกเขาได้ลองกันต่อไปแต่หากประชาธิปัตย์เล่นละครตบตาประชาชนอย่ากลัวเลยว่าเขาจะจับไม่ได้ พรรคประชาธิปัติย์นี้ก็แปลกเช่นเวลาไปอี๋อ๋อกับทหารกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรแต่กลับมากลัวจะถูกครหาว่าใกล้ชิดพันธมิตรแถมแสดงท่าทีจะกีดกันนักการต่างประเทศชั้นนำของพรรคเช่น อดีตทูตวอชิงตัน กษิต ภิรมย์ และ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ทั้งประชาธิปัติย์และอภิสิทธิ์จะต้องกล้าตอบตนเองว่าถ้าไม่มีพันธมิตรทางประชาธิปัตย์จะมีวันได้ตั้งรัฐบาลหรือ หากประชาธิปัติย์จะอยากเป็นนายกรัฐมนตรีในระบบเก่าๆน้ำเน่าเดิมๆ ประชาธิปัติย์ก็สามารถเลือกเดินตามความคิดเดิมๆ ของแก๊งนักเลือกตั้งที่มีอยู่แล้วในพรรคพร้อมกับการหนุนช่วยของเนวินก็ไม่เป็นไร ประชาชนก็คงไม่มีทางเลือกต้องแสวงหาหนทางออกจากวังวนนี้ใหม่ต่อไป แม้กระทั่งทางสภาหอการค้าที่อภิสิทธิ์ไปเยี่ยมก็บอกว่าเห็นโผ ครม. แล้วรู้สึกผิดหวังอย่างตรงไปตรงมา ประชาธิปัตย์จึงยังไม่ควรจะดีอกดีใจออกนอกหน้าเมื่อได้โอกาสเป็นรัฐบาลต้องมีสามัญสำนึกให้เหมาะสมกับกาลเทศะอะไรที่ต้องรีบแก้ไขก็ให้รีบทำเพื่อสร้างความเชื่อถือเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุดเช่นสะสางกระบวนการความไม่ชอบมาพากลในรัฐบาลชุดก่อน ทั้งเรื่องการทำเอฟทีเอกับต่างประเทศที่ทำให้ไทยเสียประโยชน์หรือแม้แต่เดินหน้าชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจในการกระทำต่างของทักษิณ ในสถานการณ์เช่นนี้มีทางเลือกให้ประชาธิปัติย์แค่ 2 ทางเท่านั้นคืออยู่กับคำอวยพรหรือคำสาปแช่งการจัดตั้งครั้งนี้จะได้รับบททดสอบสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์อย่างสำคัญ
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น