พวกเราชาวไทยทุกคนก็จะบอกกันว่ารักในหลวง อยากจะถามต่อว่าแล้วคนที่บอกว่ารักพระองค์ท่านนั้น เคยคิดหรือคำนึงถึงน้ำพระทัยของพระองค์ท่านหรือไม่ หรือเคยคำนึงถึงพระราชดำริของพระองค์ท่านบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะบุคคลที่ทำงานทางด้านการเมืองทุกคน ได้คิดกันหรือไม่ว่าพระองค์จะทรงรู้สึกเช่นไรกับปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวันนี้ ประชาชนของพระองค์บาดเจ็บ ล้มตายไปมากมาย เกิดความแตกแยก เพียงเพราะคน ๆ เดียว การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เห็นผลดีที่สุดนั้นคือการปกครองที่มีผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนคนส่วนใหญ่ของสังคม ไม่ใช่ว่าประชาธิปไตยทำให้คนมีเสรีภาพจะทำอะไรก็ได้ตามใจเป็นไทยแท้และก็เพียงแค่หยอดบัตรเลือกตั้งแล้วก็แล้วกันพ้นคูหาเลือกตั้งก็จบ
ในเมื่อให้นักการเมืองแบบพังประชาชนมีโอกาสมาบริหารประเทศ 2 ครั้งแล้วแต่กลับไม่ได้มีนโยบายอะไรที่ช่วยเหลือประชาชนเลยซักนิดเดียว เอาคนที่หย่อนสมรรถภาพมาดำรงตำแหน่ง มีแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้คนคอรัปชั่นพ้นผิด ฆ่าคนเป็นผักปลา ปากเขาพร่ำรักในหลวงเพียงลมแต่ในใจคิดทำลายราชบัลลังก์ตลอดเวลา เป็นถึงสส.ฝ่ายรัฐบาลแต่กลับเป็นแกนนำเสื้อแดงระดมคนมาดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์แต่อ้างว่ามาชุมนุมเพื่ประชาธิปไตย ในเมื่อให้โอกาสมา 2 ครั้งแล้ว คงไม่มีครั้งที่ 3 อีกต่อไป เล่นเอาเงินภาษีของคนไทยไปแจกให้คนเหนือ คนอีสานมาตลอดจนรากหญ้าใน 2 ภาคนี้จนเสียผู้เสียคนไปแล้ว ให้โอกาสคนอื่นได้แล้วทั้งที่เค้ายังไม่เคยทำผลงานก็กลับไปต่อต้านเค้าไม่ลองให้เค้าได้พิสูจน์ฝีมือนี่หรอน้ำใจคนไทย มาบอกว่าเพื่อไทยเป็นหัวใจของคนอีสาน แล้วคนภาคอื่นจะทิ้งไว้ไหน มาบอกให้เลือกตั้งใหม่ ยอมรับเลยว่าสู้เพื่อไทยที่มีนักโทษหนีคุกสองสามคนบงการอยู่ไม่ได้เพราะอะไรก็น่าจะรู้ดี เล่นเอาเงินงบประมาณไปซื้อเสียง ส่วนมากเป็นภาคไหน ก็เหนือ อีสานไงหัดใจกว้างกันบ้าง คนที่เค้าไม่มีจะกินจะตายอยู่แล้วเห็นใจคนอื่นบ้าง ถ้าเค้าไม่ดีก็เปลี่ยนใหม่ อย่ามาต่อต้านแบบถูกจูงจมูกเลย พวกเสื้อแดงสำเหนียกตัวได้แล้ว
นักวิชาการเสื้อแดงอย่าง
o นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
o นางผาสุก พงษ์ไพจิตรอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
o นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
o นายฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
o และคนอื่นๆ อีกมากมายหยันรัฐบาลมาร์ค 1 จะไร้เสถียรภาพ-โทษ รัฐธรรมนูญ50 ต้นตอปัญหาสับ “อภิชน” ทวนเข็มนาฬิกา ทำการเมืองอ่อนแอ แนะแก้ไขรัฐธรรมนูญยกเลิกมาตราที่เป็นอำมาตยธิปไตยปกครองโดยอภิชน
นักวิชาการจะต้องอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างมีมิติ ลุ่มลึก รอบด้าน ไตร่ตรองโดยอาศัยหลักคุณธรรม เชื่อมโยงเหตุปัจจัยต่างๆ เพื่อเกิดความเข้าใจมากขึ้นต่อเหตุการณ์ ปรากฏการณ์ และข้อประพฤติปฏิบัติของสังคมอันเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด นักวิชาการทั้งหลายโปรดไตร่ตรองว่าท่านคิดท่านพูดเพื่อประเทศชาติหรือเพื่อตัวท่านเอง ถ้าผู้ใดยังจะแสดงความคิดเห็นให้สังคมไทยแตกแยกต่อไปกรุณาช่วยถอดหัวโขนทางตำแหน่ง ทางวิชาการออกให้หมด หากพูดโดยไม่มองพื้นฐานของประเทศไทยในวันนี้เป็นการวิจารณ์ที่ไม่อยู่บนจุดอ้างอิงที่มีเหตุผลน่าเชื่อถือ รังแต่จะทำให้คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์หลงเชื่อถือ และไม่มีหน้าที่ชี้นำคนพวกนั้นถึงแม้ว่าโดยหลักวิชาจะสามารถทำให้เชื่อหรือมองเห็นได้เช่นนั้น
พวกนักวิชาการหลายๆคนไม่เคยเห็นประเด็นศึกษาว่าในประเทศไทยนี้มีอะไรที่ควรจะกำหนดให้เป็นประเด็นศึกษาบ้าง และ ไม่ได้คำนึงถึงพันธกิจแท้ที่มีต่อสังคมที่ตนเองเกิดและดำรงอยู่ ไม่เอาสถาบันกษัตริย์ กำลังต้องการแก้รัฐธรรมนูญในหมวดพระราชอำนาจ โดยต้องการลดพระราชอำนาจ มุ่งหมายเพียงทำลายอะไรที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณ หรือ ที่ทำให้ระบอบทักษิณเสียประโยชน์ นักวิชาการสีเทาพวกนี้ไม่เคยแตะพ่อเหนือหัวทักษิณเลย จะให้เราเคาะราคาให้คนพวกนี้ใด้อย่างไรเราควรจะลองให้พวกนี้ทิ้งเรื่องรัฐธรรมนูญ ปี 50 เอาไว้ก่อนแล้วมาพูดถึง “เพ็ญ” ปากดีเหน็บพันธมิตรฯ รับจ้าง “คนอยู่เหนือ”, คดีดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ต่อบุคคลที่รับใช้ระบอบทักษิณอย่างนายจักรภพ เพ็ญแข หรือนายวีระ มุสิกพงศ์ เว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุชุมชนที่เหิมเกริมอย่างหนักตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา, ทักษิณที่จาบจ้วงพระองค์ท่าน ด้วยวาจาอย่าง มือที่มองไม่เห็น ชนชั้นสูง ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ ศาล ด้วยการกระทำ อย่างการโฟนอิน ทักษิณที่ขายชาติยกอธิปไตยชายแดนไทยให้เขมรและน้ำมัน ทักษิณที่หนีภาษีและหนีคดี เงินที่ทักษิณไปซื้อ แมนซิ แอมเพอริช กับ วินมาร์ค ดีกว่าเอาเท้าราน้ำ นักวิชาการอย่างนี้อย่างที่ขาดคุณธรรมจริยธรรมหรืออย่างที่มีแต่ในจิตสำนึกมีแต่น้ำเงินสกปรกจากทรราช ที่กำลังทำตัวมือไม่พายเอาเท้าราน้ำนั้นก็ไม่ควรได้รับความไว้วางใจจากสังคมอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกท่านยังคงประสานเสียงตรงกันว่า "เรารักทักษิณ เพราะเงินของทักษิณสอนให้เรารักระบอบทักษิณและไม่เอาประชาชน".. เสียงจากนักวิชาการเหล่านี้เป็นเสียงกับท่วงทำนองเดียวกันกับที่สื่อต่างๆนำเสนอ ทั้ง สื่อไทยและสื่อเทศ, อีเพ็ญ, และทาสระบอบทักษิณตนอื่นๆรวมทั้งทักษิณเองด้วย
การต่อต้านแบบสุดโต่งของนักวิชาการเหล่านี้เริ่มตั้งแต่การวิพากษ์วิจารณ์การบอยคอตของฝ่ายค้านที่ไม่ส่งคนลงเลือกตั้งก่อนทรท.ถูกยุบ / การออกมารณรงค์ให้คนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 50 และ สนับสนุนให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ 50 อืนๆอีกมากมาย นักวิชาการเหล่านี้เชื่อว่าต้นตอปัญหาคือรัฐธรรมนูญ50 ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านการลงประชามติโดยเสียงส่วนใหญ่แต่ก็บอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตย พิลึกจริงๆ คนทำผิดดันโทษ รัฐธรรมนูญ ปัญหาอยู่ที่คนต่างหาก ถ้ายังมีนักการเมืองไทยที่โกงกิน ชั่วชาติส่วนมากทำผิดกฎหมายแล้วบอกรัฐธรรมนูญไม่ถูกอย่างนั้นอย่างนี้ก็แก้ให้ฆ่าคนแล้วถูกกฎหมายเลย รัฐธรรมนูญฉบับไหนๆก็ใช้ไม่ได้นักวิชาการเหล่านี้คงจะต้องเขียนรัฐธรรมนูญเองกระมังจึงจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด
หลังมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ผ่านไป โดยผู้ถูกเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เอาชนะ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ตัวแทนจากฝั่งกลุ่มอำนาจเดิมไปด้วยคะแนน 235 ต่อ 198 เสียงท่ามกลางความคาดหวังของภาคเอกชน และประชาชนต่อการ ‘เปลี่ยน’ ครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดทั้งชีวิตส่วนตัว และการบริหารงานในตำแหน่งผู้นำรัฐบาล หลังจากดูงานและเห็นตัวอย่างในวงการเมืองในฐานะผู้นำฝ่ายค้านมานาน หากระบอบทักษิณยังมีความพยายามเฮือกสุดท้าย หรือ หากนักการเมืองทั้งคณะหรือบางส่วนยังดันทุรังสักแต่จะเป็นรัฐมนตรีเพื่อเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล เข้ามาถอนทุนกอบโกย ปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจ ถึงเวลานั้น นายอภิสิทธิ์คงตอบได้เองว่า เมื่อตนเป็นนายกฯ แล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นหรือไม่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น