นักการเมืองและข้าราชการก็มีโอกาสที่จะรู้จักกันได้แม้ว่าจะอยู่การเมืองคนละขั้ว “ถ้าไม่นำเรื่องคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุลมาเกี่ยวข้องแล้ว” ก็จะเห็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ประเภทนี้อยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น
สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เคยมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับทักษิณ ชินวัตร ถึงขนาดที่ทักษิณ ชินวัตร ก็เคยถึงขั้นไปเยี่ยมถึงบ้านสุเทพ เทือกสุบรรณมาแล้วซึ่งปัจจุบันความสัมพันธ์กันอย่างไรไม่ใครทราบได้
พ.ต.อ.ทวี สอดส่องอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งต้องดูแลหลายคดีซึ่งรวมถึงคดีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ เอสซีแอสเสท ก็มีกระแสข่าวถึงความใกล้ชิดสนิทสนมแนบแน่นกับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งแม้ว่า พ.ต.อ.ทวีจะกลับเข้ามาเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในสมัยพรรคพลังประชาชนและทำให้คดีเอสซีแอสเสทต้องเงียบหายไป แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วพ.ต.อ.ทวี ก็ยังสามารถรักษาเก้าอี้ตัวเดิมได้อย่างเหนียวแน่นไม่เปลี่ยนแปลง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดาผู้บัญชาการทหารบกก็มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์จนปรากฏเป็นข่าวการร่วมกิจกรรมและการเจรจาพูดคุยกันหลายหน
ธีระศักดิ์ สุวรรณยศ นักการเงินและนักธุรกิจ มือทำงานของสุเทพ เทือกสุบรรณตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เคยเป็นทั้งบอร์ดการบินไทย บอร์ดองค์การโทรศัพท์ ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ก็มีกระแสข่าวเช่นเดียวกันว่า มีความใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกับเยาวเรศ ชินวัตร
คดีอาชญากรรมใหญ่ๆ หลายคดี มีคนมีสี ไม่ว่าจะเป็นสีกากี หรือสีเขียวเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอยู่บ่อยๆ คนพวกนี้เป็นพวกถืออาวุธได้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งยังมีสีและนายเป็นเกราะคุ้มกัน เมิ่อก่อคดีมีเรื่องแล้วก็หนีเข้ากรมหลบเข้าค่ายไปกบดานได้ เวลาตำรวจ ทหารชั่วๆไปทำความผิด ผู้บังคับบัญชามักจะแก้ตัวว่ากำลังพลมีมากทำให้การดูแลไม่ทั่วถึง พอมีเหตุร้ายที่ทหาร ตำรวจต้องป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ผู้บังคับบัญชาจะอ้างว่ากำลังพลมีไม่พอส่งผลให้ดูแลไม่ทั่วถึงแก้ตัวไปได้น้ำขุ่นๆ เพื่อปกป้องพวกที่มีสีเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น มีหน้าที่ ความรับผิดชอบที่จะต้องสอดส่องดูแลคน ในสังกัด ไม่ให้ทำตัวเป็นอาชญากร ตำรวจ ทหารเลวๆนั้น มีไม่กี่คน ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง เพราะผู้มีหน้าที่ปกครองชอบอ้างว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ด้วยเหตุนี้เอง เราจีงมีเสธ ฯ มีผู้ทรงคุณวุฒิ ฯ ผู้ชำนาญการและผู้ที่ประจำใน กอ.รมน.ที่มีงานจ๊อบคุมที่จอดรถตามสถานบันเทิง รับจ้างทวงหนี้ รับจ้างฆ่า ฯลฯ อยู่เต็มไปหมดในกองทัพ
วันแรกที่เลือดจากศีรษะด้านขวาของสนธิ ลิ้มทองกุลอาบใบหน้าและลำตัวทำให้หลายคนแทบไม่เชื่อตาตัวเองว่าเขารอดชีวิตได้จากห่ากระสุนนับร้อยนัด สนธิถูกยิงและถูกส่งตัวไปรักษาตัว สนธิได้ถามพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชาว่า “ผมไว้ใจคุณได้หรือเปล่าเนี่ย?” 3 เดือนเศษนับจากวันลอบสังหารการลอบสังหารนายสนธิที่พระสยามเทวาธิราชมีจริง ภารกิจรบนอกแบบของคนมีสีของนักรบหมวกแดงไม่สำเร็จและการรัฐประหารก็ไม่เกิด คนที่ทำเช่นนี้ได้ต้องมีอิทธิพลและเครือข่ายทั้งตำรวจและทหารอย่างกว้างขวาง จึงสามารถทำภารกิจอัปยศ 3 ประการได้
ประการแรก มีอำนาจและอิทธิพลถึงขั้นสั่งใช้กำลังที่ร่วมมือกันระหว่างทหารและตำรวจ ซึ่งรวมถึงการตัดกล้องวงจรปิดล่วงหน้าในบริเวณที่เกิดเหตุ การใช้อาวุธสงคราม และใช้กระสุนที่มาจากกองทัพบก
ประการที่สอง ใช้อาวุธสงครามทั้งปืนกลและระเบิดใจกลางพระนครรุมยิงถล่มเพื่อสังหารสนธิ ลิ้มทองกุลได้ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงการประกาศใช้พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งมีทหารเฝ้าตามจุดต่างๆ บริเวณจุดเกิดเหตุ และจุดที่รถปฏิบัติการลอบสังหาร แต่ก็ปล่อยให้หลบหนีไปได้
ประการที่สาม มีอิทธิพลสามารถแทรกแซง ข่มขู่ คุกคาม ชุดพนักงานสืบสวนคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิได้ จนถึงขั้นทำให้คดีเดินหน้าไปอย่างยากลำบากและมีอุปสรรคมาก เต็มไปด้วยไส้ศึกและหนอนบ่อนไส้ แม้ว่าจะมีตำรวจระดับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้กำกับดูแลคดีนี้แล้วก็ตาม
ภารกิจอัปยศ 3 ประการข้างต้น ไม่มีทางที่จะหลงเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือเพียงแค่นายทหารยศพันเอกคนหนึ่ง นอกเสียจากว่าจะมีใบสั่งจากผู้ที่มีอำนาจในปัจจุบันเท่านั้น คนเหล่านี้น่าที่จะอยากเห็นการกำจัดคนรู้เท่าทันอย่างสนธิ ลิ้มทองกุลและน่าจะอยากให้ ASTV จอดับ เพื่อให้การตรวจสอบของภาคประชาชนอ่อนแอลงและเมื่อมีประชาชนไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือเป็นพันธมิตรฯ ปลอมออกมาชุมนุมหลังการลอบสังหารสนธิก็อาจจะมีมือที่สามสร้างสถานการณ์จลาจลทำให้เกิดการวุ่นวายและอ้างเหตุนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด
เมื่อผลประโยชน์ลงตัวความยุติธรรมกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันลืม ถ้าสมมติว่ามีการรัฐประหารจากเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็จะถือโอกาสกำจัดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกไป หลังจากเพิ่งจับกุมแกนนำคนเสื้อแดงได้ในเวลานั้นและคิดฝันว่าจะสามารถเข้าสู่อำนาจรัฐใหม่โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้นหรือเรียกให้เข้าใจให้ง่ายก็คือแผน จับกุมแดงและกำจัดเหลือง โดยมีฉากหน้าที่ดูเหมือนมีประโยชน์ที่ร่วมกันได้ทั้งกลุ่มอำนาจใหม่ และกลุ่มอำนาจเก่า ส่วนจะวางแผนเพื่อเจรจาตกลงกันจริงๆ ใครจะหักหลังใคร หรือใครหลอกใช้ใครเป็นเรื่องอนาคตที่ไม่สามารถที่จะพิสูจน์กันได้ในวันนี้!
ความคืบหน้าในการสางคดียิงสนธิที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆบอกกับสังคมได้ว่าภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่การรับจ๊อบแต่เป็นภารกิจลับที่นายสั่งให้ทำ เอาแค่ตัวละครเพียงสามสี่ตัวนี้ก็คงพอจะมองเห็นเค้าลางๆว่าใครคือไอ้โม่งที่สั่งฆ่าสนธิ ผู้ต้องสงสัยเป็นทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษที่เป็นหน่วยรบหัวกะทิมีบุคลากรได้รับการฝึกฝนเป็นกรณีพิเศษให้มีความชำนาญในการรบนอกแบบเพื่อปฏิบัติภารกิจที่มีความสำคัญยิ่งที่ไม่อาจใช้การรบแบบปกติได้ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาผู้บัญชาการทหารบกและพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมย่อมไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบไม่รู้ไม่เห็นได้ตามสายงาน แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดกันเป็นเสียงเดียวว่าเป็นเรื่องส่วนตัวว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมายทั้งๆที่คนเหล่านี้ยังรับราชการกินเงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชน อาวูธและกระสุนที่ใช้ยิงสนธิก็เป็นของหลวง มีการพกพาอาวุธสงครามไปตามท้องถนนเพื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์แถมอ้างสิทธิของความเป็นตำรวจ ทหาร เวลานี้ทีมสืบสวนคดีดังกล่าวรู้ตัวผู้บงการใหญ่หมดแล้วเหลือเพียงหาหลักฐานเชื่อมโยงเท่านั้นเพราะทุกขั้นตอนการทำงานต้องรัดกุมที่สุดเพื่อจะมัดตัวคนบงการที่ได้สั่งยิงคนขวางทางสู่อำนาจมืดและล้างแค้นให้สายโลหิตจนดิ้นไม่หลุด
การออกตัวของนายทหารตลอดจนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งถูกนำมาพัวพันกับคดีอื้อฉาวนี้ ในทำนองไม่รู้ไม่เห็นไม่เกี่ยวข้อง ไม่เคยสั่งการ ไม่เคยแทรกแซง นอกจากจะกลับกลายเป็นละครฉากใหญ่ที่ประจานความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการยุติธรรมไทยแล้ว ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ตอกย้ำชัดเจนโดยไม่ต้องสงสัยว่าอำนาจในมือของผู้คนในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบสีกากีหรือสีเขียว หากตกไปอยู่ในมือคนที่ปราศจากหัวใจแห่งความยุติธรรม ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ เคารพในบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว สังคมแห่งความยุติธรรมย่อมเป็นแค่ลมปากที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้ ... ท่านขุนน้อย ไทยโพสต์ 21 กค. 52
ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติผบ.หมู่ศูนย์การข่าวบช.ปส. ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขณะนี้ต้นสังกัดของส.ต.ท. วรวุฒิมีคำสั่งให้ส.ต.ท. วรวุฒิออกจากราชการด้วยเหตุผลว่าขาดราชการเกิน 15 วัน นอกจากที่ส.ต.อ.วรวุฒิจะได้ตอบแทนบุญคุณของนายจะเกลียดสนธิและเอเอสทีวีเข้าไส้ส.ต.อ.วรวุฒิยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับบิ๊กดีเอสไอหลายคนเคยรับใช้บิ๊ก ตร.ที่เคยกำกับดูแลบช.ปส.มาก่อน ทั้งยังมีสัมพันธ์ที่แนบแน่นราวกับญาติสายโลหิตกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติเคยทำอะไรอยู่ในชุมชนคลองเตย จับพลัดจับผลูมาอยู่ในเอไอเอส แล้วทำไมไม่ต้องสอบเข้ารับราชการแถมยังได้มาช่วยราชการที่ดีเอสไอได้
จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหราเป็นทหารในสังกัดกรมรบพิเศษที่ 3 ต.เขาสามยอด จ.ลพบุรี ซึ่งเป็นหน่วยลูกของกองพลรบพิเศษที่ 1 แต่ถูกเรียกตัวไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งขณะนั้นถูกเรียกตัวไปช่วยงานพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโรอดีตรมว.กลาโหมให้ไปทำงานในกอ.รมน.
พ.อ.ส.ผู้นี้คือ พ.อ. สุนัย ประภูชะเนย์นักรบหมวกแดงผู้ช่ำชองการรบนอกแบบจากศูนย์สงครามพิเศษที่ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำรองเสนาธิการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าและเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 21 รุ่นเดียวกับพ.ต.อ. ทวี สอดส่องอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษคนตัดตอนคดีซุกหุ้นเอสซี แอสเส็ทโดยดีเอสไปสั่งไม่ฟ้องทักษิณ ชินวัตรเป็นผลงานชิ้นแรกและชิ้นเดียวทันที่ที่เข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมนี้ในสมัยรัฐบาลสมัคร สุนทรราชย์ พ.อ.ส.เป็นหัวหน้าผู้ที่รับผิดชอบคุมทีมและวางแผนลอบสังหารสนธิจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การไขปริศนาตัวจอมบงการ พ.อ.ส.ผู้นี้ยังไม่ตกเป็นเป้าสงสัยจนถึงขั้นที่จะออกหมายจับได้ พ.อ.ส.ได้ใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันถี่ยิบกับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายคนหลังเหตุการณ์ยิงสนธิโดยบุคคลปลายทางที่รับสายมีทั้ง พ.ต.อ.ท/พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง น้องสาวคนหนึ่งของผู้นำกลุ่มอำนาจเก่า บุคคลผู้หนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่ที่นครดูไบสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และที่สำคัญคือบิ๊กสีเขียวผู้หนึ่งที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในรัฐบาลชุดนี้เพื่อรายงานผลลอบสังหาร
น.ส.รัศมี เมฆชัยแคดดีเก่าที่ผันตัวมาเป็นผู้พับร่มประจำหน่วยรบหมวกแดงเป็นผู้ที่มีสัมพันธ์ลึกส่วนตัวกับพ.อ.ส.นั้นเป็นเจ้าของรถกะบะวีโก้เป็นรถ 1 ใน 2คันที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในปฏิบัติการ
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโรอดีตผู้บัญชาการทหารบกซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานไม้กฤษณาจันทบุรี-ตราดที่ชุดคลี่คลายคดีบุกเข้าตรวจค้นเพื่อหาตัวจ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหราสังกัดศูนย์สงครามพิเศษอดีตพลขับของท่านเชษฐาหนึ่งในมือปืนที่ถูกออกหมายจับได้ออกมากล่าวยืนยันว่ารู้จักพ.อ.สุนัย ประภูชะเนหัวหน้าฝ่ายเสนาธิการประจำรองเสนาธิการ กอ.รมน.ภาค.4 เพียงผิวเผิน
พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ คำชำนาญ ผกก.6 รน.สุราษฎร์ธานีซึ่งถูก พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ยืมตัวมาช่วยในการคลี่คลายคดี ได้ถูก พล.ต.อ.พัชรวาท เรียกกลับต้นสังกัดไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้อีก พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการแกะรอยโทรศัพท์ที่จะเชื่อมโยงไปสู่การจ้างวาน และการวางแผนของทีมลอบสังหาร ทำให้คดีก้าวหน้าไปได้มาก แม้พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญจะถูกพล.ต.อ.พัชรวาทสั่งการให้หยุดทำหน้าที่ในชุดคลี่คลายคดีแต่ พ.ต.อ.วิวัตน์ ก็ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่พอใจจึงได้มีคำสั่งส่งตัว พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ คืนสังกัดเดิม ต่อมาเมื่อนายอภิสิทธิ์ทราบเรื่องก็ได้สั่งให้พล.ต.อ.พัชรวาทเรียกตัวพ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในชุดคลี่คลายคดีทันที เป็นบทพิสูจน์นายกอภิสิทธิ์อีกครั้งว่าเป็นคนดีจริง ๆ และกล้าด้วยที่กล้าสั่งผบ.ตร.แบบนั้น
ในปฎิบัติล่าสังหารสนธินั้นพ.อ.ส.ใช้ให้ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติผู้ต้องหาตามหมายจับเป็นคนไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่องเพื่อนำมาใช้ในงานนี้ เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายของทีมสังหารซึ่งตำรวจสอบสวนพบว่าเบอร์โทร.หลักที่มีการโทร.เข้า-โทร.ออกกับทีมฆ่าล้วนมาจากเบอร์ของพ.อ.ส.ทั้งสิ้น ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ, จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหราและทีมล่าสังหารวิ่งรถผ่านหน้ากล้องวงจรปิด CCTV ที่กล่าวอ้างกันว่าเสียแต่ไม่เสียจริงทำให้ยืนยันได้ว่าเป็นใช้รถของรัศมี เมฆชัยเป็นหนึ่งในพาหนะพาทีมสังหารไปลงมือจึงได้เสนอออกหมายจับจ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ตามแผนเดิมกล้อง 5-6 ตัวในบริเวณนั้นต้องถูกส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติตัดสายแต่หนึ่งในผู้บงการต้องการดูผลการลงมือสดๆจึงปล่อยกล้องไว้ 1 ตัวเพื่อให้ติดตามดูได้ทั้งเหยื่อและผลโดยไม่เฉลียวใจว่าการดูภาพจากกล้องต้องไปที่ศูนย์ควบคุมแถมยังกลับมาเป็นหลักฐานมัดตัวเสียอีก บรรดาผู้ต้องหาหากยังไม่มอบตัวโปรดระวังรังสีอำมหิตจากกลุ่มอำนาจใหม่ตัดตอนพวกคุณด้วย ฉะนั้นอย่าปล่อยให้หัวตอชั่วๆได้ลอยนวลโดยไม่แยแสพวกคุณ
บังเอิญอย่างยิ่งว่าคุณชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัยแอบไปได้ยินเรื่องการเมืองสารขันมา ลองไปดูกันที่ นี่
จากผลการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกของพล.ต.อ.ธานีและอาจจะรวมถึงข้อมูลที่นายกฯอภิสิทธิ์มีอยู่ทำให้เชื่อว่าขบวนการที่วางแผนหมายลอบสังหารนายสนธิครั้งนี้เป็นขบวนการที่ใหญ่และทรงอิทธิพลมาก โดยคาดว่าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังเป็นการลงขันร่วมมือกันระหว่างกลุ่มอำนาจใหม่และกลุ่มอำนาจเก่าที่ต้องการโค่นล้มฝ่ายตรงข้ามอันเป็นเสี้ยนหนามเพื่อสร้างอำนาจรัฐใหม่หรือเพื่อกิน % จาก 76000 ล้านที่เคยถูกนำมาคาดสินบนเอาไว้ โดยบุคคลที่เป็นระดับนำของขบวนการมีทั้งบิ๊กสีเขียว บิ๊กสีกากี และบิ๊กนักการเมือง โดยเฉพาะ พล.อ.บิ๊กโม่งซึ่งรับหน้าที่บงการแผนสังหารสนธิในครั้งนี้อาจจะนั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นการสางคดีเพื่อสาวให้ถึงจอมบงการอาจจะต้องเดิมพันด้วยความอยู่รอดของรัฐบาลเลยทีเดียว
กลิ่นอายของความผิดปกติในการลอบสังหารนายกรัฐมนตรีหลายครั้งและการทำลายการประชุมอาเซียน พร้อมๆ กับกระแสข่าวลือแพร่สะพัดว่ามีความพยายามที่จะรัฐประหาร แต่ไม่สำเร็จจึงเกิดการกลับลำในช่วงสงกรานต์ดับแดงที่ผ่านมา แล้วจึงตามมาด้วยการวางแผนยิงถล่มเพื่อสังหารสนธิ ลิ้มทองกุลในระหว่างการประกาศพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อหวังที่จะรัฐประหารให้ได้อีกครั้ง การณ์ก็กลับกลายเป็นปมร้อนขึ้นมาได้อีกหนึ่งคดีที่กำลังไล่ล่ากลุ่มอำนาจใหม่หนักมากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ แรงต้านจากกลุ่มอำนาจใหม่นี้ก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ ทั้งการออกหมายเรียกผู้ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ด้วยข้อหาการก่อการร้ายตามมาด้วยความพยายามฉุดรั้งคดีตำรวจฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ในทุกรูปแบบ ทั้งการเอื้อประโยชน์ให้กับลูกหลานคน ป.ป.ช. การคุกคามคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการเจรจานอกรอบในหลายระดับ รวมถึงการขัดขวางทุกรูปแบบในการสอบสวนและจับกุมผู้ต้องหาในคดีลอบสังหารสนธิ
ที่มา
http://202.57.155.203/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082112
http://www.naewna.com/news.asp?ID=171205
http://www.thaipost.net/news/220709/8121
http://202.57.155.203/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082480
http://202.57.155.203/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082144
http://www.naewna.com/news.asp?ID=171093
http://202.57.155.203/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000082208
http://202.57.155.203/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000081578
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น