คนคนหนึ่งอาจถูกมองถูกวิเคราะห์ได้หลายมุม ทักษิณ ชินวัตรก็เช่นกัน ถ้ามองที่การทำงานบางคนก็บอกว่าทักษิณไว ทักษิณตัดสินใจเด็ดขาด อีกคนกลับบอกว่าทักษิณทำงานเอาหน้า จับจด ครั้นมองที่การชี้นำเสียงหนึ่งก็ว่าทักษิณมีวิสัยทัศน์ รู้ปัญหาปัจจุบันและเล็งเห็นอนาคตชัดเจน อีกเสียงหนึ่งกลับแย้งออกมาว่าทักษิณน่าจะเป็นคนไม่สบาย คิดเห็นอะไรวุ่นวายไปหมดจนทำอะไรไม่เห็นสำเร็จเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ฯ ถ้าถามกันว่า ทักษิณเป็นคนดีไหม?ขี้โกงจริงหรือไม่ด้วยข้อเท็จจริงและหลักแห่งความถูกผิดที่อธิบายได้กลุ่มคน Thaksin Watchจึงได้ทุ่มเทขุดคุ้ยและขบคิดจนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเองแล้วว่าทักษิณ..คือคนขี้โกงอย่างมหาวายร้ายเลยทีเดียว (..โกงบ้าง..แต่ทำงานดีก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร..ใครมันก็โกงกันทั้งนั้นแหละคุณ..) คดโกงถึงกระดูกและถึงระดับสร้างสรรค์ ทั้งชง ทั้งฉวย แล้วคาบวิ่ง ซุกซ่อน แพรวพราวทุกจังหวะ กินได้ทั้งลึกทั้งตื้น ทุกกิจการ ทุกเวลา เมื่อได้ขึ้นเป็นนายกฯแล้วเขาก็ลงมือโกงกินบ้านเมืองราวกับตะกวดที่หลุดเข้าไปในเล้าไก่เลยทีเดียว ดังจะขอรายงานให้เหยื่อหรือไก่ที่ยังไม่รู้ตัวทั้งหลายได้ทราบและร่วมตัดสินด้วยดังสมการความคิดโกงที่กลายเป็นความร่ำรวยดังต่อไปนี้
ตัวแทนเชิด + กองทุนลับ + ข้อมูลภายใน + ยักยอกอำนาจรัฐ = ความร่ำรวยของทักษิณ
ทักษิณเป็นนักเชิดหุ่นที่มีหุ่นหลายตัวเต็มไม้เต็มมือไปหมด
1-หุ้นชินคอร์ป 49.6% ทักษิณเชิดหุ่นบริษัทแอมเพิลริช 11.2%, พานทองแท้ 10.49%, พินทองทา 15%, บรรณพจน์ 12.7% และยิ่งลักษณ์ 0.7% แก้ไขกฎหมายโทรคมนาคมให้ต่างด้าวแล้วจึงรวมหุ้นขายให้ทุนสิงคโปร์ 7.3 หมื่นล้านในที่สุดและไม่เสียภาษีโดยคนเซ็นโอนหุ้นโยกย้ายหุ้นชินฯของแอมเพิลริชชื่อทักษิณ ชินวัตร
2-หุ้นเอสซี แอสเสท ที่มีบริษัทวินมาร์คเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับนางสาวพินทองทา แต่ดีเอสไอก็ตามค้นจนได้หลักฐานจากธนาคารว่าผู้มีอำนาจลงนามในวินมาร์คก็คือทักษิณ ชินวัตร อีกเช่นกัน
3-ใช้ชื่อโอ๊คเอาเงินปันผลชินฯไปช้อนหุ้นธนาคารทหารไทยและไอเอฟซีทีแล้วขายออกตัวได้กำไรส่งเงินคืนให้มารดา มารดาก็ซื้อตึกไอเอฟซีทีในราคาถูก นอกจากนี้บริษัทประไหมสุหรีของพจมาร (ชื่อประไหมสุหรีนี้แปลว่ามเหสีเอก!), บริษัท เอสซี แมนเนจเมนท์, บริษัท บีโอที อินเวสเมนต์, บริษัทยูเคสปอร์ตอินเวสท์เมนต์ที่ถือหุ้นแมนซิตีทั้งหมดนี้ล้วนเรียงรายอยู่ในเส้นทางฟอกเงินของทักษิณทั้งสิ้น
4-กองทุนลับ ทักษิณเอาเงินที่ได้จากการแอบขายบาทซื้อดอลลาร์เมื่อวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540, เงินที่แอบปั่นหุ้นหรือใช้ข้อมูลภายในเล่นหุ้นโดยผิดกฎหมายเป็นต้น เงินเหล่านี้ต้องถือครองโดยนิติบุคคลต่างประเทศและให้เล่นหุ้นหรือถือเงินไว้ในธนาคารสิงคโปร์เพื่อให้พ้นการตรวจสอบของกฎหมายไทย บริษัทวินมาร์คคือคำตอบ คำถามต่อมาคือเงินเพิ่มทุนหุ้นชินคอร์ป 2 พันล้านบาทซึ่งไม่มีที่มาที่ไป เงินซื้อหุ้นเอสซีแอสเสท 1.5 พันล้านบาทนอกจากจะซุกหุ้นชินคอร์ปวินมาร์คนำเงินลับมาซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทบริษัท เอสซี แอสเสท กับบริษัทในกลุ่มอีก 4 บริษัทไป
5-หุ้นชินทักษิณให้แอมเพิลริชถือไว้ให้ โดยมีการตรวจสอบพบว่าคนคนหนึ่งถือหุ้นชินเพิ่มขึ้นถึงเกณฑ์ 5% ซึ่งก็คงจะเป็นตัวทักษิณนั่นเอง ทักษิณใช้เงินผ่านวินมาร์คเล่นหุ้นชินในตลาดและมีการใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายต่อไปอีกจนมีการซื้อขายฟันกำไรโดยมิชอบไปกว่า 400 ล้านในที่สุด ตรงจุดนี้ก็น่าเสียดายที่ก.ล.ต.ไทยไม่ใช้ความสัมพันธ์ตามข้อตกลงกับก.ล.ต.สิงคโปร์ให้ช่วยตรวจสอบว่าบุคคลนี้คือใคร? ใช่ทักษิณหรือไม่
ทักษิณเกิดมาโกงมหาชนโดยเฉพาะทั้งบริษัทมหาชนและรัฐของมหาชน ในยามที่ยังไม่ถืออำนาจรัฐความเสียหายจะไม่มาก แต่เมื่อเขาครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมือหนึ่งก็ถืออำนาจเหนือหน่วยงานรัฐทั้งปวง อีกมือหนึ่งก็เชิดหุ่นเป็นสิบๆ ตัวพร้อมกองทุนลับนับพันล้านแล้วเมื่อนั้นหายนะของชาติก็มาถึง การถือประโยชน์ทับซ้อนโดยในด้านหนึ่งนั้นทักษิณต้องควบคุมดูแลสัมปทานชินคอร์ปให้ซื่อตรงต่อมหาชนหรือประโยชน์สาธารณะในขณะเดียวกันก็ต้องการหาประโยชน์จากธุรกิจชินคอร์ปให้มากเข้าไว้
การใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของทักษิณที่เกิดขึ้นใน 6 ปีที่ผ่านมาและเขาพยายามดันทุรังยังไม่ยอมให้ผ่านไป ถ้าเอไอเอสได้ 1 บาททักษิณจะได้ 1 สลึง ทักษิณระดมทุนชาวบ้านมาขุนเอไอเอสของตนเองให้อ้วนท้วนแล้วคอยหาจังหวะขายฟันกำไรเข้ากระเป๋าเป็นหมื่นๆ ล้านจนได้ ทักษิณยักยอกอำนาจรัฐไปเลี้ยงชินคอร์ปจนอ้วนท้วนด้วยยุทธศาสตร์ผูกขาด 4 ขนานคือแทรกซึม เอาเปรียบ สกัดกั้น แล้วทำลาย อำนาจรัฐจึงเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่จะเกื้อหนุนหรือทำลายอำนาจเหนือตลาดของเอไอเอสที่ยึดครองมาตลอด การปล่อยให้หัวหน้าชินคอร์ปขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจึงมีค่าเท่ากับยกหน่วยงานของรัฐ ทั้ง กสท, ทศท. และกระทรวงไอซีทีให้กลายมาเป็นแผนกการตลาดภาครัฐของชินคอร์ปเลยทีเดียว ผู้บริหารหน่วยงานรัฐทำงานให้แผนกนี้ได้ดิบได้ดีเกษียณแล้วก็ไปนั่งเป็นผู้บริหารเอไอเอสกับผู้บริหารยูคอมของเจ๊แดง มีการลดค่าสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบเติมเงินล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องที่ทำให้เอไอเอสได้ 2 เด้งคือคงความได้เปรียบอันไม่เป็นธรรมที่มีเหนือดีแทคไว้ได้เหมือนเดิม การแข่งขันที่แท้จริงจึงไม่เกิดขึ้น เด้งที่ 2 คือด้วยตลาดมือถือแบบเติมเงินที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว หมอเลี๊ยบทำการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิตที่คิดขึ้นมาเพื่อทำลายระบบโทรคมนาคมเสรีเป็นสำคัญ หากปล่อยให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันโดยแบกรับเฉพาะค่าธรรมเนียมราคาถูก (5%) ไม่ต้องแบกค่าสัมปทาน 20% เหมือนเอไอเอสแล้วบริษัทเหล่านี้จะตีตลาดเขาได้อย่างถนัดมือและยังเป็นการตัดรายได้ของกสทและทศท.ที่จะไปเข้ากระเป๋ารัฐโดยตรงอีก
ที่สุดเทมาเส็กเข้ามาจับมือร่วมลงทุนในไทยแลนด์อิงก์ของทักษิณและมีเงินจากกองทุนลับของทักษิณปนอยู่ในบริษัทกุหลาบแก้วด้วย สิงคโปร์จะโง่เข้ามาฮุบกิจการในไทยโดยไม่มีนายกรัฐมนตรีร่วมให้ความคุ้มครองอยู่ด้วยนั้นคงเป็นไปไม่ได้แน่ จากหนังสือแจกฟรีที่ประเทืองปัญญาชื่อ “ทักษิณ...Who are you?” รวบรวมกรณีทักษิณโดย Thanksin watch กลุ่มคนที่ประกาศไม่ยอมอยู่ในสวนสัตว์ของใครทั้งสิ้นโดยเฉพาะไม่ยอมเป็นสัตว์ในกรงทักษิณ หนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้เขียนง่ายเข้าใจเร็วนำเสนอเพื่อการเรียนรู้ของคนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังรู้จักถูก-ผิดเท่านั้น
ทักษิณ ชินวัตรเกิดวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 ที่อำเภอสันกำแพง จ.เชียงใหม่เป็นลูกคนหัวปีของครอบครัวพ่อค้าท้องถิ่นที่ขยับขยายไต่เต้าขึ้นมาเป็นนักธุรกิจบันเทิงและนักการเมืองในที่สุดนามของบิดาคือ เลิศ และมารดาคือ ยินดี โดยมีพี่น้องคลานตามกันมาอีก 8 คน ประวัติทักษิณ อ่านต่อได้ที่นี่ ไม่แปลกที่คุณทักษิณจะรวยเป็นมหาเศรษฐีได้ อ่านต่อได้ที่นี่ เศรษฐีหมื่นล้าน อ่านต่อได้ที่นี่ ก่อนจะถวายฎีกาก่อนจะจัดงานวันเกิดอันยิ่งใหญ่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านเวลา 15.15 น. ดีเจคลื่น 95.25 เอฟเอ็มได้ประกาศเชิญชวนให้พี่น้องเสื้อแดงอวยพรวันเกิดให้นายใหญ่ผ่านทางโฟนอินโดยใช้คำว่า “เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 พรรษา” ดีเจไม่มีร้องอุ๊ย หรือโอ๊ย หรือขอโทษว่าพูดผิดไป แต่เขาพูดคำนี้ซ้ำๆเหมือนย้ำว่าถูกแล้ว ทักษิณอาจไม่ต้องเผชิญชะตาไม่ต้องสูญเสียทรัพย์สินลูกเมียและชื่อเสียงเพียงแค่ทักษิณรู้จักคำว่าพอเพียง ซื่อสัตย์และกตัญญู
“พี่ทักษิณตั้งใจรับใช้ชาติทำการเมืองเต็มที่ในฐานะน้องก็ให้กำลังใจเสมอ แม้ไม่เคยสนใจเข้าสู่การเมืองเลยก็ตามแต่วันนี้ครอบครัวประสบปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็อดห่วงใยพี่ชายไม่ได้ แต่ไม่ย่อท้อเพราะรู้ว่าพี่ชายตั้งใจรับใช้ชาติ สักวันหนึ่งต้องมีคนเห็นใจและเข้าใจ แม้ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม เป็นเวลา 3 ปีแล้วที่ครอบครัวไม่ได้เจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาและอบอุ่นเหมือนเคย แต่เราจะอดทนและให้กำลังใจเสมอ ในวันที่ 26 ก.ค.นี้จะเป็นวันเกิดพี่ทักษิณ หวังว่าหลังจากนี้จะมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตพี่บ้าง” ไม่น่าเชื่อว่าคนอายุจะ 50 อย่างยิ่งลักษณ์นั้นไม่สามารถ ไม่รู้ ไม่มีความคิดได้เพียงนี้เกือบ 10 ปีที่ผ่านมานี้ยิ่งลักษณ์ไปอยู่เสียที่ไหนมา อีกคนหนึ่งก็จักรภพ อีเพ็ญผู้มีทัศนคติอันตรายสร้างความเชื่อแปลกๆจากบทความที่ลากโยงเข้าสู่การว่ายน้ำข้ามทะเลแทนที่จะบอกให้อดทนว่ายน้ำให้ถึงฝั่งกลับแนะให้คอยวันที่น้ำทะเลเหือด "หากรู้สึกว่าถ้าคุณทักษิณว่ายน้ำข้ามทะเลไม่ไหว ก็อย่าถอดใจปล่อยตัวให้จมน้ำเพราะวันหนึ่งน้ำทะเลก็แห้งได้เหมือนกัน”
ในสายตาของทักษิณยังมองเก้าอี้นายกฯ ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดในการบริหารราชการบ้านเมืองของประเทศเป็นสิ่งที่อยู่ในกำมือที่จะยกให้กับใครก็ได้ที่อยู่ในคอนโทรล แล้วประเทศชาติในสายตาเขาเล่า จะมองอย่างไร งานคล้ายวันเกิด 60 พรรษาของเจ้ามูลแม้วที่วัดแก้วฟ้าเป็นการนำไปสู่การรวบรวมรายชื่อ 1 ล้านคนเพื่อถวายฎีกา แก้กรรมที่สิ่งที่ทักษิณกำลังประสบอยู่นี้น่าจะเป็นจากกรรมเกิดขึ้นในชาตินี้และเป็นกรรมออนไลน์ที่สามารถติดตามตัวไปได้ทุกหนแห่งแม้กระทั่งข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองดูไบได้ จะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์โลกเห็นแล้วต้องตะลึง สร้างความแตกแยกในวงการสงฆ์สายธรรมยุตกับมหานิกายอีกคำรบหนึ่งภายหลังจากที่ได้ตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสระเกศเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่มาแล้ว
ทางพระครูปลัดไพศาล กิตฺติภทฺโทเจ้าอาวาสวัดแก้วฟ้าได้กล่าวถึงพิธีหงายบาตร-ตัดกรรมที่จะมีขึ้นเป็นการจัดงานตามปกติไม่มีอะไรพิเศษ เป็นพิธีซึ่งจัดเป็นประจำเพียงแต่ในครั้งนี้จะทำพิธิ “หงายบาตร-ตัดกรรม” ให้ทักษิณ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัยและพระนักเทศน์ชื่อดังได้อธิบายเรื่องการคว่ำบาตร-หงายบาตรตามหลักวิชาการว่าการคว่ำบาตรเป็นมาตรการหนึ่งของคณะสงฆ์ที่ใช้กับคฤหัสถ์ที่มุ่งติเตียนว่าร้ายภิกษุสงฆ์ด้วยจิตไม่ดี วิธีการคว่ำบาตรก็คือคณะสงฆ์จะไม่คบค้าสมาคมคฤหัสถ์ผู้นั้น ไม่รับบาตรตลอดจนไม่รับกิจนิมนต์ การคว่ำบาตรไม่ใช่การกระทำเพื่อประสงค์ร้าย เตือนสติคนผู้นั้นให้สำนึกว่าทำไม่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อหากคนผู้นั้นสำนึกผิดและรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นผิด ยอมรับผิดและขอโทษ ทางคณะสงฆ์ก็จะหงายบาตร คือกลับมาคบค้าสมาคม รับบาตร และรับกิจนิมนต์เหมือนเดิม การคว่ำบาตรนี้ เป็นประเด็นทางธรรม ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง ในขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงได้มาติดต่อขออนุญาตขอใช้สถานที่วัดใหญ่เพื่อจัดงานนั้นพระธรรมเสนานุวัตร เจ้าอาวาสวัดใหญ่พิษณุโลกและรองเจ้าคณะภาค 5 ฉันเพลที่ศาลาพิบูลธรรมเรียบร้อยแล้วจึงเทศน์ในตอนหนึ่งว่า “ขณะนี้บ้านเมืองแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ขาดความสามัคคี กลุ่มที่เรียกว่าเสื้อแดงจะมาขอวัดใหญ่จัดงาน แต่อาตมาไม่ต้องการให้สังคมแตกแยกไปกว่านี้ บ้านเมืองจะแย่อยู่แล้ว ทำอะไรให้ถึงนึกพ่อของแผ่นดินบ้าง อีกทั้งวัดใหญ่เป็นวัดอารามหลวง จัดงานเฉพาะงานพิธีสำคัญเท่านั้น ไม่สามารถจัดงานให้คนใดคนหนึ่ง อาตมาไม่อนุญาต”
ในวันเดียวกันนั้นเองก็จะมีขี้ข้า ทาสน้ำเงิน และคนเสื้อแดงหลายกลุ่มหลายก้อนกระจายตัวกันไปทำกิจกรรมบัดสีบัดเถลิงอ้างทักษิณในพื้นที่ต่างๆ กันทั่วประเทศ การจัดงานพวกนี้เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว คือ หนึ่ง สร้างแรงกดดันไปที่สถาบันเบื้องสูง สอง สร้างภาพลวงยุติการเคลื่อนไหวเพื่อความสมานฉันท์ และสาม ใช้ล้านรายชื่อเป็นฐานมวลชนเพื่อกระชับกำลังในการเปิดศึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น