ในค่ำคืนวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมาพลเอกป๊อกแป๊กยั่วยุพันธมิตรที่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำยำยีจากทรราชและตำรวจไทยมาตั้งแต่เช้าจนเย็น พันธมิตรที่กำลังโกรธแค้นแบบเงียบๆ พร้อมกับตอกย้ำความโกรธแค้นเข้าไปอีกด้วยการออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทหารออกมาช่วยตำรวจอย่างจงใจ สั่งทหารเกณฑ์ผลัดแรก ออกมาอยู่ข้างตำรวจและก็บอกเราเป็นนัย ๆ ว่าทหารเหล่านั้นไม่มีอาวุธก็เพื่อว่าหากเราก่อการจลาจลหรือเข้าทำร้ายทหาร เราจะไม่ได้รับการโต้ตอบทันทีทันใดมีเวลาหนีได้แล้วคนที่อยู่ในที่ชุมนุมกับแกนนำของเราก็ย่อมน้อยลงไปด้วยเป็นการเปิดโอกาสให้ตำรวจเข้าถึงแกนนำได้ง่ายดาย และในเย็นวันนั้นก็มีคนแอบอ้างว่าสงสารพันธมิตรและนำรถเมล์มาให้การ์ดพันธมิตรโดยที่ไม่แจ้งแกนนำอย่างเป็นทางการ จุดประสงค์คือความต้องการให้พันธมิตรเคลื่อนไหวป่วนเมืองได้ง่ายขึ้นตามแผนของเขานั่นเอง เพราะพันธมิตรไม่มีอะไรเป็นอาวุธเลย ไม่มีรถใช้และหากจำเป็นเราก็ขอบริจาคตามความจำเป็นเท่านั้น ฟรีทีวีก็สอดรับประโคมข่าวว่าพันธมิตรได้ยึดรถเมล์เตรียมเผาเมืองในค่ำคืนนั้นเพื่อประโคมข่าวบิดเบือนเหมือนเริ่มปูทางสร้างความชอบธรรมให้ทหารในการสลายพันธมิตร ในคืนวันนั้น จะตายอีกเท่าไหร่ก็จับมือใครดมไม่ได้ แกนนำพันธมิตรจึงขึ้นประกาศทันทีว่าให้ขสมกมาเอารถเมล์กลับไปและพันธมิตรไม่เกี่ยวข้อง แผนการในขั้นนี้ก็พลาดอีกจนได้
ในวันนั้นหลังจากที่พันธมิตรเผาเมืองก่อการจลาจลเข้าทางพลเอกป๊อกแป๊กแล้ว ก่อนที่ทหารและตำรวจจะเข้าปราบพันธมิตรเขาจะประกาศก่อนว่าจะเข้าสลายอย่างเด็ด ขาดอ้างหลักสากลเพื่อทหารหรือตำรวจจะได้มีความชอบธรรมเข้าสลายคล้ายๆการสลายม๊อบเสื้อแดงที่ผ่านมาแต่อาจถือโอกาสฆ่าแกนนำได้ตอนนั้น ภายหลังควบคุม เหตุการณ์ได้แล้วทหารก็กลับเข้ากรมกองปล่อยให้ตำรวจควบคุมสถานการณ์ต่อไป แล้วจับแกนนำที่ยังไม่ตายขังคุกหรืออาจไม่มีใครรอดชีวิตเลย ส่วนพลเอกป๊อกแป๊ก ก็จะเสแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ตามแผนที่ได้ถูกวางไว้แล้วล่วงหน้าเพื่ออ้างว่าทหารไม่ได้ทำการปฏิวัติแต่อย่างใดเป็นการเปิดโอกาสให้ทักษิณกลับเข้ามาปกครองไทยอีกครั้ง
หลังจากที่แผนไม่เดินตามที่พลเอกป๊อกแป๊กวางไว้และแรงสังคมด่าพลเอกป๊อกแป๊กมากเข้าๆพลเอกป๊อกแป๊กเลยกลับลำออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ข้างประชาชน แต่พลเอกป๊อกแป๊กจึงให้สัมภาษณ์แบบอยู่ตรงข้ามกับพันธมิตรอย่างเห็นได้ชัด ขนาดตำรวจยิงทหารพยาบาลทหารของพระราชินี หรือกุ๊ยนปช.รุมกระทืบสายข่าวซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพลเอกป๊อกแป๊กทำไมพลเอกป๊อกแป๊กยังเฉยได้และตำรวจก็ยังไม่เกรงพระบารมีเลย
ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมา ประธานรัฐสภาหลุดปากให้ข่าวสื่อมวลชนก่อนก๊วนเสื้อแดงถล่มโรงแรมที่พัทยาว่าอีกไม่นานจะมีคนที่เป็นกลางที่ทุกคนยอมรับมาไกล่เกลี่ย คนๆนี้ก็เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีได้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีที่แม้จะเป็นผู้นำประเทศแต่ก็แทบเอาชีวิตตัวเองไม่รอดถูกไล่ตีเหมือนลูกเป็ดที่เมืองพัทยา เสียท่าที่คล้อยตามเนวินไปประชุมผู้นำฯที่เมืองพัทยา คนดีๆมีอยู่มากทั้งในทั้งนอกพรรคไม่เชื่อแต่ไปเชื่อ การที่ให้เนวินจัดการเสื้อแดงด้วยเสื้อน้ำเงินพวกไม้มาคนละอันแล้วผลออกมาเป็นอย่างไรแถมทหาร ตำรวจใส่เกียร์ว่างให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าประชิดตัว เมื่อสถานการณ์ไม่ค่อยดีนายอภิสิทธิ์ได้ขอให้พันธมิตรฯ ช่วยซึ่งแกนนำพันธมิตรฯ ได้ร่วมประชุมตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปพึ่งพาเนวินแทนสุดท้ายได้กลุ่มเสื้อน้ำเงินออกมาปะทะเจอก้อนหินเสื้อแดงก็วิ่งหนีแล้ว โดยเนวินปรากฎตัวพัทยานักข่าวถ่ายซ้อนมอไซค์อย่างง่ายดายแต่งตัวซะมีพิรุธอย่างจงใจทั้งที่ปกติงานแบบนี้ให้ลูกน้องทำ ไม่ได้ทำเอง
เหตุการณ์ที่เกิดในกระทรวงมหาดไทยมาทบทวน-ไล่เรียงดู เรื่องราวเป็นยังไงทำให้ต้องไปแถลงข่าวที่มหาดไทย มีใครไปบ้าง การไปมีใครรู้บ้าง ตอนเกิดเหตุมีใครถูกเสื้อแดงทุบ มีใครไม่ถูกทุบ อภิสิทธิ สุเทพ โดนไล่ทุบรถ นิพนธ์ปางตาย นายกบอกว่า ถูกรถทหารมาขวางไว้ตอนที่รถจะออกจากกระทรวงมหาดไทย การประกาศ พ.ร.ก.การบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินร้ายแรงในวันที่ 11และ12 เมษายน ซึ่งวันนั้นเองหน่วยไล่ล่าข่มขู่จะลักพาตัวนายกรัฐมนตรีขณะไปประกาศแถลงการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย จึงไปดักรอด้วยกำลังพลมากพอที่จะสยบหน่วยรักษาความปลอดภัย และทุกอย่างเป็นไปตามแผนกลุ่มแกนนำที่ต้องการจับตัวนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นตัวประกันแล้วบังคับให้ลาออก แต่พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองนายอภิสิทธิ์จึงรอดจากการถูกจับตัว แต่รปภ.ถูกทำร้ายและถูกทำลายศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ถูกพวกอมนุษย์รุมทำร้าย และนำไปประจานที่ทำเนียบฯ เป็นที่ประจักษ์ บุคคลที่เคราะห์ร้ายมากกว่าคือ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขานุการนายกรัฐมนตรีที่ไม่สามารถหนีออกไปได้ ถูกรุมทำร้าย และทำทารุณไร้มนุษยธรรม แต่ชวรัตน์และบุญจงเด็กเนวินบอกหลบอยู่ในห้องๆหนึ่งจึงรอดมาได้สบายๆ และหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นหน่วยไหน ใครจัดมาให้ท่าน ต่างๆ นานามันเป็นปริศนาที่ต้องหาคำตอบทั้งนั้นว่าเรื่องบัดสี-หยาบช้านี้เกิดขึ้นกับผู้นำประเทศได้อย่างไร? ทหาร ตำรวจ ที่ใส่เกียร์ว่างเพื่อต้องการเอาชีวิตนายอภิสิทธิ์ จากเหตุการณ์คราวนั้นแล้วให้มวลชนเสื้อแดงเป็นแพะรับบาปหรือเปล่า
โดยปรกตินายกรัฐมนตรีไม่สามารถย้ายนายทหารในกองทัพได้เพราะกฎหมายที่เพิ่งออกมากำหนดห้ามไว้ และขั้นตอนการปฏิบัติของรัฐบาลต่อกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินร้ายแรงนั้นถูกวางโครงสร้างในการปฏิบัติเป็นอย่างดี ตั้งแต่การสถาปนากองอำนวยการที่มีผู้รับผิดชอบชัดเจนตามลำดับขั้นตอน การประสานงาน และสั่งการ แต่สิ่งที่ทหารต้องการรู้คือ ผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติการของทหาร เมื่อสถานการณ์เลวร้ายลงโดยนายทหารรุ่นตท. 10 รวมหัวกันอยู่ฝ่ายทักษิณหมดโดยเฉพาะนายทหารเรือที่สัตหีบบอกข่าวลับเปิดทางให้เสื้อแดงเข้าไปที่ประชุมอาเซียนซัมมิต เวลานี้มีคนต้องการแซะก้นท่านให้พ้นเก้าอี้ กองทัพเองก็ขาดเอกภาพในการบังคับบัญชา ทั้งตำรวจและทหารไม่ให้ความร่วมมือกับนายกรัฐมนตรีเลย ถึงกับมีการวิเคราะห์กับถึงขั้นว่านายอภิสิทธิ์ผู้ซึ่งหลายคนปรามาสว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์กลัวได้หรือไม่กล้าตัดสินใจใช้อำนาจรัฐให้ทันต่อเหตุการณ์หรือจะควบคุมกองทัพได้กำลังถูกปฏิวัติเงียบและมีคนใกล้ตัวเป็นหอกที่จะคอยทิ่มแทงตัวเอง คนเสื้อเหลืองก็ไม่ยอมออกมาช่วยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์จึงเป็นคนตัดสินใจที่จะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเองเพื่อให้นายกฯ มีอำนาจเต็มที่ หากนายทหารไม่ยอมปฏิบัติตามต้องถูกย้ายและเมื่อนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบในการใช้กฎหมาย มีนโยบายชัดเจนประกอบคำสั่งปฏิบัติที่ผู้บังคับหน่วยสามารถออกคำสั่งยุทธการได้ชัดเจนเพราะมีผู้รับผิดชอบ
คนที่เอารถถังออกมาให้เสื้อแดงขย่มก็คือพลเอกป๊อกแป๊กที่ได้เตรียมปฏิวัติไว้แล้วในคืนนั้นน่ะแต่แผนพลิก อภิสิทธิ์รู้ทันพลเอกป๊อกแป๊กจึงถูกสต๊าฟไว้ในห้องประชุม แต่ครั้งนี้นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการกองทัพไทยจึงมีเอกภาพ และผู้บัญชาการทหารบกสามารถสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นระบบ มีระเบียบวินัยและขวัญดี การประสานงานของหน่วยต่างๆ ภายใต้วิกฤต แรงกดดันและอคติไม่ไว้ใจกันในหลายหน่วยงานเพราะมีการแยกฝ่ายในหมู่ข้าราชการถูกขจัดไปสิ้น เมื่อหน่วยทหารมีเอกภาพและปฏิบัติการเฉียบขาดชัดเจน ภายใต้วินัยการปฏิบัติการ อดทน อดกลั้น และขวัญดี จากกระแสสังคมที่ออกมาต่อต้านเสื้อแดง และความกล้าหาญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมทั้งความอดทน อดกลั้น และมีวินัยของทหารทำให้เหตุร้ายยุติลงภายในเวลา 48 ชั่วโมง ทำให้ควบคุมการชุมนุมได้และทำให้นายอภิสิทธิ์ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมจากประชาชน
คนที่เอารถถังออกมาให้เสื้อแดงขย่มก็คือพลเอกป๊อกแป๊กที่ได้เตรียมปฏิวัติซึ่งได้มีการวางตัวไว้แล้วและว่ากันว่ามีรัฐมนตรีคนหนึ่งที่ต้องการจะได้ครุฑตัวที่สอง ซึ่งบังเอิญพัวพันกับเหตุการณ์ที่พยายามสังหารองคมนตรีอีกด้วย แต่แผนพลิกอภิสิทธิ์รู้ทันพลเอกป๊อกแป๊กจึงถูกสต๊าฟไว้ในห้องประชุม สิ่งที่พลเอกป๊อกแป๊กคือพลเอกป๊อกแป๊กจะยึดเก้าอี้ไว้ให้จงได้ ใจมันอำมหิตไม่ต่างจากพวกทักษิณเลย วันที่เห็นภาพนายทหารใหญ่นั่งโต๊ะแถลงข่าวพร้อมนายกอภิสิทธิ์ เห็นชัดเจนเลยว่านายทหารใหญ่ทั้งพลเอกอนุพงษ์และพลโทประยุทธ์หน้าบอกบุญไม่รับเลย พลเอกป๊อกแป๊กเอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งเงียบแต่ประยุทธ์มีคิ้วขมวดถอนหายใจเฮือกเลยทีเดียว ท่านทหารใหญ่ทั้งสองเป็นทหารมีเกียรติมีศักดิ์ศรีทั้งแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลแล้ว คนเราอย่าอยากได้อยากเป็นมากเกินบุญกุศลที่ตนสั่งสมมาเลย ถ้าท่านปฏิวัติสำเร็จจริง มันก็ชั่วคราวแค่ข้ามคืนเท่านั้นเองแล้วท่านจะต้องถูกประชาชนรุมประณามทั้งชาติ เกียรติประวัติต่างๆ ของท่านที่สั่งสมมาจนเติบใหญ่ในราชการจะพังทลายลงหมดสิ้นทันที เกียรติยศผลงานท่านมีมากมายกว่านายเนวินหลายเท่านัก ขอให้ท่านกลับใจคิดตั้งสติใหม่เถิด การกระทำครั้งนี้เกิดจากสื่อ-หนังสือพิมพ์ทั้งหลายให้ใช้เลือดแทนหมึก ทหารชั่ว ตำรวจเลว ข้าราชการขายตัว นักวิชาการสีขาวไร้ความคิด นักการเมืองไร้จิตสำนึกที่เอาแต่ทำร้าย ทำลายประเทศไทยและคนไทย
หลังจากสงครามประชาชนของอมนุษย์ทักษิณกับประชาชนชาวไทยทั้งประเทศแต่มันคงยังไม่ยุติ นายอภิสิทธิ์ท่านใช้วิสัยทัศน์และความเก่งบนความเป็นเด็กนอกเพื่อการบริหารงานเถิด รัฐบาลจะต้องทำให้ประเทศไทยเป็นนิติรัฐที่เข้มแข็งจริงๆ โดยเร็ว ต้องกล้าสั่งสอบพัชรวาท อนุพงศ์และ ผบ ทรที่ปล่อยให้ลูกน้องใส่เกียร์ว่างจนการประชุม ASEAN SUMMIT ล่มไปแล้ว หลังจากนี้จะมีเหตุการณ์พิเศษๆเกิดขึ้นเช่น ปฎิวัติรัฐประหาร สร้างกลุ่มล่าสังหาร มีความพยายามของบางกลุ่มที่เป็นศูนย์อำนาจต้องการทำลายทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองเพื่อจะตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้นมา ปั้นแต่งสถานการณ์ขึ้นมาหวังจะให้เสื้อเหลืองออกมา...เสื้อแดงออกมา ประชาชนตีกันแล้วอ้างว่าทหารคุมสถานการณ์ไม่ได้ก็ปฏิวัติจากนั้นก็สถาปนาตนขึ้นเป็นใหญ่ พลเอกป๊อกแป๊กเองนั่นหวังจะได้เงินส่วนแบ่งหลังรัฐประหารสำเร็จ ตำรวจที่ฆ่าประชาชนเมื่อ 7 ต.ค.51 ส.ส.ถูกตัดสิทธิ์ นักการเมืองที่มีคดีความรวมทั้งทักษิณ คนเหล่านี้จะได้ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำรัฐประหาร เงินที่ถูกอายัดไว้ทักษิณก็จะได้คืน
ในการทำหน้าที่สื่อของคุณสนธิในรอบ 4-5 ปีนี้ทำด้วยจิตวิญญาณอุทิศ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ด้วยหวังอย่างเดียวให้สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันชาติบ้านเมืองอยู่รอด ในชั่วโมงนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ทหารควบคุม-ตรวจตรา แต่ปรากฏว่ามีกลุ่มคนขนอาวุธสงครามร้ายแรง กราดยิงหวังฆ่าคนกลางเมืองหลวง แถมกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ บริเวณนั้นมีอันขัดข้อง-ใช้ไม่ได้ในเวลาเดียวกันทั้งหมด เลือดสดฉาดฉานแดงสาดโชกเสื้อเชิ้ตสีขาวของสนธิ ลิ้มทองกุลจากห่ากระสุนสงคราม ทั้งเอ็ม 16 เอ็ม 79 ที่กราดใส่เมื่อเช้ามืด 17 เม.ย.52 ที่หน้าวัดเอี่ยมวรนุช ย่านบางขุนพรหมในช่วงเวลาที่คุณสนธิกำลังวิจารณ์โจมตี ทหาร โจมตีพลเอกป๊อกแป๊ก โจมตีเนวิน โจมตี สุเทพและประเด็นสำคัญตรงที่คุณ สนธิเสนอให้มีการโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตำรวจ แถมที่ผ่านมาพลเอกป๊อกแป๊กเลือกที่จะวางตัวเงียบขรึมมาโดยตลอดตั้งแต่ยุคคมช" พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาผบ.ทบ.เอ่ยวาจาให้ชาวบ้านได้ยินเสียงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ 8 เมษายน 53 ที่ทัพแดงทักษิณบุกยึดกรุงแล้วเผาบ้าน-เผาเมืองว่า "เรื่องเอาอาวุธสงครามมาถล่มหวังฆ่าสนธิเป็นคดีอาชญากรรมธรรมดา ย่อมเกิดได้ไม่ว่าจะเป็นภาวะฉุกเฉิน หรือไม่ฉุกเฉิน" อย่างมีวุฒิภาวะยิ่ง
ทักษิณอยู่เบื้องหลังความปั่นป่วนในประเทศระหว่างเทศกาลสงกรานต์เป็นการแสดงถึงความขี้ขลาดตาขาวเพราะอาศัยมือคนไทยให้ฆ่ากันเองโดยตัวเองและครอบครัวเดินทางหนีไปต่างประเทศและยังลอบกัดคนอื่นอีก ทักษิณต่างหากที่หนีหัวซุกหัวซุนถูกตีตราแล้วว่าเป็นผู้ก่อการร้ายไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ทักษิณหมายจะกลับมาเป็นใหญ่ ไม่ถูกลงโทษและได้เงินคืนและเพื่อความต้องการของมัน มันพร้อมจะทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการเผาบ้านเผาเมือง ลอบสังหาร ยุยงให้คนไทยแตกแยกและฆ่าล้างกันเอง จนประเทศไทยต้องพังทลายหรือมันอาจคิดว่าถ้ามันกลับมาเป็นใหญ่ไม่ได้แผ่นดินไทยก็จงลุกเป็นไฟไปซะ ด้วยเหตุนี้ทักษิณและพวกพ้องจึงเป็นภัยร้ายแรงที่สุดของชาติไทยและสถาบันเบื้องสูงยิ่งกว่าโจรใต้ ชนกลุ่มน้อย ผู้ค้ายาเสพย์ติด จึงสมควรที่จะพิฆาตทักษิณและพวกพ้องทั้งหมดให้วอดวายภายในปีนี้ให้จงได้ ถ้าทักษิณยังอยู่ประเทศไทยจะวุ่นวายไปทั่ว ถ้าทักษิณพินาศประเทศไทยจะสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น