26 พฤศจิกายน 2551

“เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” ศิลปินแห่งชาติ และกวีซีไรต์บรรเลงเพลงขลุ่ยพร้อมขับขานบทกวี

“เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์” ศิลปินแห่งชาติ และกวีซีไรต์บรรเลงเพลงขลุ่ยพร้อมขับขานบทกวี



สถานการณ์วันนี้แปลกประหลาดมากๆ มีบ้านหลังหนึ่งมีขโมยกำลังเลาะรอบบ้าน บางตัวเข้ามาในบ้านแล้วหมาเห่า หมาบ้านเราเห่า เจ้าของบ้านกลับมารำคาญเสียงเห่า เจ้าของบ้านกลับมาด่าหมาแทนที่จะด่าขโมย จนกระทั่งหมาโดนตีโดนเตะ เจ้าของบ้านกลับมาเกลียดหมา มองไม่เห็นขโมย มันเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์อย่างนี้

ขโมยนั้นมันคุกคามบ้านเรา ตั้งแต่มีโจรอยู่ข้างนอกบ้านและมีหัวขโมยแก้งขโมยอยู่ในบ้าน แล้วก็ยังมีนักตีชิงวิ่งราวและก็มีนักย่องเบาอีก เราเป็นเจ้าของบ้านหรือเปล่า แล้วก็มาเกลียดหมา หมามันอาจจะขี้เรื้อน เยี่ยวรดรุ่มร่ามไปบ้าง แต่หมามันเห่าขโมย ครับ และหมาพวกนี้มันจะตายหรือมันจะอยู่ก็ไม่รู้แต่มันจะได้ปลอกคอหรือ มันไม่ได้หวังปลอกคอมันก็ยังเป็นหมาอยู่

ชัยชนะไม่ได้ชี้ขาดในสนามรบ ชัยชนะชี้ขาดด้วยความเป็นธรรมและความถูกต้อง ผมเขียนหนังสือ เล่นดนตรี ตั้งแต่ 14 ตุลามาจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยเลือกข้างผิดเลยครับ ไม่มีการตื่นตัวทางการเมืองครั้งไหนจะยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้ มันเป็นปรากฏการณ์การต่อสู้ระหว่าง 2 กลุ่ม คือ
1.ผู้ตื่นตัวทางการเมือง
2.ผู้หลับใหลทางการเมือง
ผู้หลับใหลทางการเมืองนั่นแหละเป็นเหยื่อทางการเมืองผมจึงบอกว่าไม่ประหลาดใจเลยที่ขโมย ผู้ตีชิงวิ่งราว นักย่องเบาทางการเมือง

(ผู้หลับใหลทางการเมือง)พวกนี้เป็นเหยื่อทางการเมืองทั้งนั้น

ปัญญาชนคนชั้นกลาง ยังใบ้เบื้อ
คนรากหญ้าเป็นเหยื่อทุกหย่อมหญ้า
เผด็จการ เบ็ดเสร็จ เผด็จสภา
ปล้นประชาธิปไตยไปทุกครั้ง


มีคำถามง่ายๆ ว่า เราสู้นี้เพื่อใคร สู้เพื่อพวกแกนนำพันธมิตรฯ หรือ เปล่าเลย ถ้าสู้เพื่อพวกแกนนำพันธมิตรฯ ผมไม่สู้ครับ เราสู้เพื่อใคร ถามตัวเองให้ดี นั่นแหละคือชัยชนะ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเขาสู้เพื่อใคร เขาสู้เพื่อคนคนเดียว ใช่ไหมครับ ขณะที่เราสู้เพื่อคนเป็นแสนเป็นล้าน คนของประเทศนี้ ชัยชนะอยู่ตรงนี้ เราไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง เหมือนที่บอกว่า เราเป็นหมาเห่าขโมย เราไม่ได้สู้เพื่อปลอกคอหมา ใช่ไหมครับ เรื่องราวนี้จบไปแล้ว เราก็ยังเป็นหมา ที่คอยจะเฝ้ายาม คอยจะเห่าขโมยอยู่นั่นแหละ พวกเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเปลี่ยนสีแปรธาตุ

ไม่มีความคิดเห็น: